Ladakh 2019 - Thiksay Monastery

แม้จะล่วงเลยมาไกลหลายเอนทรี่ย์จนใกล้จะไปถึงช่วงลำดับท้าย ๆ ก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว Thiksay Monastery ถือเป็นอารามสงฆ์แห่งแรกที่เราได้แวะมา เยือนเลยนะ แต่กว่าจะนำมาลงบล็อกได้ก็ผัดผ่อนไปเรื่อยกับการเขียนถึงซะจนเกือบลืม มัวแต่กังวลถึงความเบาบางของเนื้อหานั่นแหละค่ะ อย่างไรก็ตาม การไม่ได้เอ่ยถึงทิคเซย์ ก็ดูน่าเสียดายไปหน่อย ไหน ๆ ก็เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ที่ต้องแวะ
มาพูดถึงความประทับใจแรกกันก่อนดีกว่า สำหรับเราแล้วมันเกิดจากความฝังใจที่ได้เห็น ผ่านเงามืดในช่วงการเดินทางเข้าเลห์วันแรก (ตอนเช้ามืด) เพราะตั้งอยู่บนเส้นทาง Leh-Manali Highway และวัดนี้ก็อยู่ไม่ไกลไปจากหน้าถนน ด้วยความใหญ่โตของสิ่ง ปลูกสร้างบนเนินเขาสูงที่ตั้งอยู่โดดเด่นมาก และทันได้เห็นป้ายชื่อของวัดดังกล่าวพอดี เลยรู้ว่าสถานที่นี้แหละคือหนึ่งในอารามสงฆ์ที่ใหญ่ที่สุดของลาดักนั่นเอง
เราได้ย้อนกลับมาเที่ยวที่ทิคเซย์หลังจากนั้นไม่นาน ที่นี่อยู่ไกลจากตัวเมืองเลห์เพียงแค่ 20 กม. และอยู่ถัดไปจาก เชย์ 5 กม. ดังนั้นทั้งสองจึงกลายเป็นจุดหมายของนักท่องเที่่ยว ที่เดินทางผ่านเส้นทางนี้ไปโดยปริยาย (ประมาณว่าหากไป Shey แล้วก็ต่อด้วย Thiksay ถึงจะครบสูตร)
ส่วนเรื่องการเดินทางด้วยรถโดยสารท้องถิ่น จะอยู่ในเอนทรี่ย์นี้นะคะ : ตารางการเดินรถโดยสารของเลห์ 

จากที่เห็นบรรดาวัดวาอารามในละแวกพื้นที่ราบสูง(เท่าที่เคยไป) ก็จะมีทั้งวัดที่สร้างบนพื้นที่ราบ แต่ก็ถือเป็น จำนวนที่น้อยมาก ส่วนมากจะอยู่บนเนินเขาแทบทั้งนั้น และวัดทิคเซย์ก็จัดอยู่ในเกณฑ์หลัง เราจึงจำเป็นต้อง เดินออกแรงขึ้นเนินไปยังทางเข้าที่ต้องผ่านซุ้มเก็บค่าบำรุงเสียก่อน ค่าเข้าในตอนนั้นอยู่ที่ 30 รูปี
โครงสร้างอาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า มีขนาดน้อย-ใหญ่คละ ๆ กันไปสลับไปกับองค์เจดีย์และมักถูกฉาบทา ด้วยสีขาวเป็นหลัก อาคารทั้งหลายถูกสร้างไล่หลั่นไปตามเนินสูง ไม่รู้ว่าอาคารแต่ละส่วนถูกใช้ทำอะไร อาจ เป็นที่พักสงฆ์ สำนักเรียน โรงครัว หรืออื่น ๆ นอกเหนือไปจากความใหญ่โตและเป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ ช่วงศตวรรษที่ 15 วัดทิคเซย์ถือเป็นที่ตั้งของสำนักเรียนสงฆ์ที่สำคัญของลาดัก

⭗ บริเวณพื้นที่ลานวัดที่ตั้งอยู่ที่ตำแหน่งบน

⭗ ภาพจิตรกรรมฝาผนัง

⭗ wheel of life -- กงล้อชีวิต
สำหรับคนที่สนใจศิลปะแนวพุทธทิเบต วัดทิคเซย์มีภาพวาดบนผนังตามคติธรรมทางศาสนาที่โดดเด่นเยอะมาก บางจุดก็เก่าจนเลือน บางจุดก็ยังมีสีที่ชัดอยู่ ใครตีความหรือถอดความหมายได้ก็คงเดินดูกันเพลินเลย
เมื่อขึ้นไปยังชั้นอุโบสถก็จะเจอห้องโถงสำหรับประกอบพิธี ในตอนนั้นก็ถือว่าสายมากแล้ว จึงมีเพียงแค่โต๊ะ เบาะรองนั่ง เครื่องเป่า กลอง ฯลฯ สำหรับการทำวัตรของพระ ก็อาจมีข้อดีอยู่บ้างตรงที่เรามีอิสระพอสมควร สำหรับถ่ายรูปสถานที่ด้านใน

⭗ Dukhang
วัดแห่งนี้เป็นนิกายหมวกเหลือง(เกลุกปะ) ซึ่งตามปกติแล้วก็มักจะเห็นบัลลังก์ที่จัดวางไว้สำหรับวางรูปของ องค์ทะไลลามะโดยเฉพาะ ที่ผ่านมาก็มักจะเห็นเป็นภาพถ่ายใส่กรอบ เดี๋ยวนี้มีการปรับเปลี่ยนเป็นภาพจำลอง คล้ายองค์จริงมาวางไว้แทนเลยค่ะ ตอนเดินผ่านมาเห็นอุโบสถครั้งแรกนี่ถึงกับตกใจเหมือนกัน ภาพด้านในอุโบสถสำหรับทำวัตร อาจเรียกว่า Dukhang ซึ่งก็มีความหมายเท่ากับ Assembly Hall เก็บรายละเอียดมาอย่างละนิดหน่อยตามที่ได้เห็น นี่ถ้าอยากเห็นภาพพระทำวัตรก็ต้องมาเช้ามาก ๆ ก็คงต้องหาที่พักอยู่ใกล้วัดเท่านั้นแหละถึงจะมาทัน
(click ภาพเพื่อดูขนาดจริง / double click เพื่อย้อนกลับ)




พื้นที่อื่น ๆ ที่เปิดให้เข้าชม ซึ่งก็มีหลายห้องมากจนจำไม่ไหว บางครั้งก็มีลายแทง บ้างก็เดินไปตามคำแนะนำที่มีคนชี้บอก
วิหารของพระแม่ตารา (Tara Temple)

เป็นที่เก็บรูปเคารพของพระแม่ตารา 21 องค์ รวมถึงบรรดาพระโพธิสัตว์และเทพยดาอื่นโดยจัดวางในตู้กระจก

ห้องนี้จำไม่ได้ว่ามีชื่อเรียกว่าอะไร แต่มีสถูปและรูปภาพของลามะที่สำคัญเอาไว้จำนวนหนึ่ง

ทางเชื่อมต่อระหว่างห้อง อาคาร และชั้นต่าง ๆ

⭗ ลูกศรชี้บอกทางไป Lamokhang ที่เป็นห้องเก็บคัมภีร์สำคัญทางศาสนา และ GonKhang วิหารของเหล่าธรรมบาล (ได้ยินมาว่า Lamokhang ไม่อนุญาตให้สตรีเข้าไปนะ) โอเค...ถ้างั้นก็เลี้ยวขวาไปยังก็อนคังเลยดีกว่า


ช่วงเวลานั้นมีพระอยู่เพียงรูปเดียวที่มาทำหน้าที่ดูแลนักท่องเที่ยว โดยพาเดินมาดูห้องที่เรียกว่า Gonkhang ที่เป็นห้องชั้นในสุด ดูลึกลับ ยิ่งมีผนังเป็นสีดำก็ยิ่งรู้สึกทึบ ไม่ปลอดโปร่งเหมือนกับพื้นที่อื่น ๆ แม้ว่าจะมีการ ติดหลอดไฟไว้ให้ดูสว่างก็ตาม โดยส่วนตรงนี้เป็นวิหารของเหล่าเทพผู้พิทักษ์ ดูดุดัน บ้างก็มีรูปลักษณ์กึ่งอสูร บางรูปก็ถึงกับมีผืนผ้าปิดคลุมหน้าเอาไว้เพื่อปิดบังความน่ากลัว หลังจากที่ดูห้องนี้ไปชั่วระยะหนึ่งก็คงต้องขอ อำลาเหล่าธรรมบาลนี้ไปเพียงเท่านี้ ส่วนหลวงพี่ที่ยืนดูแลก็ออกไปดูแลผู้มาเยือนรายใหม่ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ต่อ 
⭗ Old library ห้องสมุดเก่า ที่ปิดกุญแจไว้ไม่รู้ว่าปัจจุบันยังใช้เก็บรักษาตำราเก่าแก่อยู่มั้ย
อีกอาคารหนึ่งที่พระแนะนำให้แวะชม คือที่ประดิษฐานของรูปปั้นพระศรีอริยเมตไตรย (Maitreya Buddha) ที่หมายถึงพระพุทธเจ้าในอนาคต องค์นี้สร้างเสร็จเมื่อปี ค.ศ. 1980 นี่เอง ขนาดความสูงหากอิงตามคำอธิบาย ที่ใส่กรอบติดบอกไว้ที่วัดก็จะเท่ากับ 12 เมตร (40 ฟุต)**
บริเวณที่เรายืนอยู่นั้นจะเป็นตำแหน่งพื้นที่ชั้นบนที่เห็นส่วนไหล่และใบหน้าขององค์พระ มีกฏข้อห้ามเขียนไว้ ด้วยนะว่าห้ามถ่ายรูปตัวเองคู่กับพระพุทธรูป ถ้าให้เดาก็คงจะกลัวเรื่องกิริยาอาการไม่สำรวมนั่นแหละ
** มีบันทึกขนาดความสูงขององค์พระที่ต่างกันไปตามแหล่งข้อมูล บ้างก็ว่าสูง 15 เมตร, 19 เมตร
 
เราใช้เวลาที่เหลือขึ้นไปถึงดาดฟ้า ด้านบนนั้นมีฐานไม้เป็นที่สุมวางกิ่งจูนิเปอร์แห้งพันล้อมด้วยผ้าคาตักขาว และมียอดธงปักไว้ ไม่รู้ว่าเป็นสัญลักษณ์อะไรนะ แต่เห็นทุกดาดฟ้าของวัดพุทธทิเบตจะมีไว้ด้านบนเสมอ ที่ขึ้นมาก็เพื่ออยากมองดูพื้นที่รอบ ๆ จากมุมสูง ได้เห็นจุดตัดกันของเขตสีเขียวและพื้นที่แห้งแล้ง รถยนต์ ที่วิ่งผ่านตรงถนนดูเล็กเหมือนของเด็กเล่น ส่วนเนินเขาที่ยื่นแหลมแทรกเข้ามานั่นก็คือที่ตั้งพระราชวังเชย์ (Shey Palace) นั่นเอง



ตอนนั้นน่าจะเป็นช่วงใกล้เที่ยงวัน มีเสียงเครื่องเป่าดังมาจากบริเวณใกล้ ๆ ได้เรียกให้เรารีบวิ่งลงมาตามหา ให้ทันก่อนหมดเวลาของผู้ทำหน้าที่ส่งสัญญาณจะหยุดลงและแยกหายไป มีพระสองรูปกำลังยืนประจำจุด วางเครื่องเป่าโลหะทรงยาว ส่งเสียงทุ้มต่ำไม่เท่ากันตามห้วงจังหวะที่สลับสับเปลี่ยนการใส่ลมหายใจลงไป กลุ่มนักท่องเที่ยวพากันไปยืนมุงดูเป็นจำนวนหนึ่ง พวกเขาดูตื่นเต้นกับเรื่องธรรมดา ๆ ที่เป็นกิจวัตรปกติของ พระที่นี่ แต่ก็ดูเหมือนว่าพวกท่านคงจะคุ้นชินกันเสียแล้ว

ช่วงขาออกจากวัด จำได้ว่าเดินลงมาอีกทางที่ลัดเลาะไปตามซอกตึกอาคารที่สร้างไล่หลั่นอยู่ตามเนิน พร้อมกับนักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่จะหารถกลับเลห์เหมือนกัน พวกเราคิดจะโบกรถรับจ้างแทนการรอรถโดยสาร ก่อนข้ามถนนเพื่อไปตั้งหลักโบกรถที่ฝั่งตรงข้าม เสียงสวดมนต์ที่ดังแผ่วมาจากบนวัดผ่านเครื่องขยายเสียงได้ ทำให้ต้องชะงักหยุดกันและหันกลับขึ้นไปมองที่ตั้งของวัดอีกครั้ง "พวกเราควรกลับขึ้นไปใหม่ดีมั้ย?" นักท่องเที่ยวรายนี้ก็ดูเหมือนจะเข้าใจในสิ่งเราที่คิดเลยแฮะ ... นั่นสินะ ได้เวลาน้ำชาพอดีเลย!
Create Date : 08 พฤศจิกายน 2564 |
Last Update : 25 พฤศจิกายน 2564 19:18:16 น. |
|
10 comments
|
Counter : 964 Pageviews. |
 |
|