SPITI (ปี 3) ขึ้นดอย ลงดอย
Hikkim - Komic - Kaza
ทุกครั้งที่คิดถึงหุบเขาสปิติ นอกเหนือไปจากความหนาวเย็นแล้วก็ยังมีอีกสิ่งที่ชอบ เป็นพิเศษก็คือกลุ่มดาวบนท้องฟ้าที่เห็นได้ชัดในยามค่ำคืน เพราะเป็นหนึ่งในพื้นที่ ปลอดมลภาวะทางแสงไฟรบกวน
สำหรับบ้านของนาวัง เขาได้สร้างห้องน้ำสำหรับแขกผู้มาเยือนแยกไว้ด้านนอก มันตั้ง ห่างจากตัวบ้านเพียงไม่กี่ก้าว ก็ต้องเดินถือไฟฉายฝ่าความมืดออกมาปะทะกับอากาศ เย็นเฉียบที่พัดวาบมาสัมผัสตัวให้ขนลุกได้ทุกครั้ง ที่มีความจำเป็นจะเดินออกมา
ช่วงหลังสี่ทุ่มดาวหายไปอยู่หลังเมฆกันหมด สภาพอากาศค่อนข้างทะมึนทึม ถ้าเป็น พื้นที่ด้านล่างก็คงคาดว่าน่าจะมีฝนตกลงมาในไม่ช้า แต่กับแถวนี้สบายใจได้เลยว่า ไม่มีทางเปียกปอนแน่ ๆ มากสุดก็แค่เป็นละอองฝน

Thukje che! (ทุกเจ เช) แปลว่า ขอบคุณ
เราตื่นมาในช่วงหกโมงเช้า ส่วนครอบครัวก็น่าจะลุกขึ้นมาล่วงหน้าพักนึงเพื่อต้มน้ำ ทำอาหารสำหรับมื้อเช้าก่อนแล้ว ก็ได้ลงไปร่วมวงกับพวกเขาอีกครั้ง พบว่าเมื่อคืนนี้
น้องเจนซิน ลูกสาวคนโตหลับที่ห้องรับแขก (จุดเดียวกับที่ล้อมวงกินข้าวกัน) บนเบาะ นั่งแนวยาวที่ปูฟูกไว้ ถึงจะฟังดูแปลก ๆ แต่ว่าห้องที่ว่ามีความอุ่นมากกว่าพื้นที่อื่นภาย ในบ้านเลยนะ เพราะมีเตาไฟที่ก่อไว้ในนั้นซึ่งจะมีปล่องระบายควันเป็นท่อยาวปล่อย ออกไปด้านนอกตัวบ้าน
น้องยังคงวุ่นวายกับการบ้านเช่นเคย และเช้านี้โดนแม่บังคับให้ดื่มชากับกินอาหารไปด้วย ไม่งั้นคงถือดินสอกับสมุดอยู่อย่างนั้น คือต้องคิดเผื่อด้วยว่าบรรยกาศความเป็นอยู่ของคน แถวนี้ไม่มีใครนอนดึกเกินสองทุ่มหรอก กระแสไฟฟ้าอาศัยจากโซล่าร์เซลเป็นหลัก แถม เมื่อวานนี้แดดหมดไวอีกด้วย จบมื้อเช้าพี่เซริ่งก็จัดหาเสบียงสำหรับติดตัวให้ก่อนเดินทางไกลให้ เป็นปาราทาใส่มันฝรั่ง บดสองแผ่น หลังจากเรากลับขึ้นไปจัดกระเป๋าและเตรียมออกเดินทาง ก็ต้องตามหานาวัง ก่อนเพื่อให้ค่าที่พักเป็นการตอบแทน ถึงเป็นเงินจำนวนหนึ่งที่ฟังดูไม่มากมายนัก
เขาปลีกตัวไปอยู่แถวที่นาและกำลังยืนพูดคุยกับชายคนหนึ่ง เมื่อเราเข้าไปบอกลาตาม มารยาท พร้อมยื่นส่งเงินที่พับเตรียมไว้ให้ นาวังยกมือขึ้นมาทำท่าปฏิเสธเพราะข้อความ ที่พระเขียนกำกับมาในกระดาษแผ่นนั้นคือห้ามคิดเงิน ท้ายที่สุดก็ได้แค่ย้อนกลับมาอำลา ครอบครัวนี้ไปด้วยความประทับใจเป็นพิเศษ

⭗ ตัวอักษรภาษาฮินดีที่พระจัมปาเขียนอธิบายเพิ่มเติมไว้ ไม่รู้มีใจความว่าอะไร (อ่านไม่ออก)

⭗ Link : google map
ที่ตั้งของหมู่บ้านทางตอนบน อยู่บนความสูงจากระดับน้ำทะเลมากกว่าสี่พันเมตร มีชุมชนขนาดเล็กเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง Komic Hikkim และ Langza
หลังก้าวออกมาจากที่พักตอนเจ็ดโมงครึ่ง พร้อมฝนที่ปรอยลงมาเบา ๆ เมื่อคืนนี้ฝนคงตกลงบนภูเขาเป็นที่เรียบร้อย ดูจากร่องรอยของความขาวโพลนจับเกาะหนา มากขึ้น ช่วงนี้ยังถือว่าไม่หนาวเกินไปอยู่ในระดับที่มนุษย์เมืองร้อนผู้อาศัยบนพื้นที่สูงจาก ระดับน้ำทะเลไม่กี่เมตรอย่างเราพอรับไหวอยู่
โดยตำแหน่งของหมู่บ้าน Komic ที่หมายถัดไป อยู่ห่างไปจาก Hikkim เกือบ 4 กิโลเมตร เส้นทาง ที่เดินไปไม่ได้ใช้เส้นถนนเหมือนใน google map นะ เราใช้วิธีลัดเนินไปตามรอยทางเล็ก ๆ แทน

⭗ ร่องรอยเส้นทางสำหรับการเดินลัด หากอยากเลี่ยงถนนเส้นหลักที่ตัดไว้สำหรับรถวิ่ง

⭗ สายยางสีดำขนาดยาวใช้เชื่อมต่อน้ำที่ละลายจากบนเขา ส่งผ่านลงยังจุดพักน้ำของหมู่บ้าน

⭗ หมู่บ้าน Hikkim จากระยะไกล
จุดหมายถัดไปของการเดินเท้าก็คือบ้านใกล้เรือนเคียงอย่าง Komic หมู่บ้านที่อยู่สูงที่สุด ถึงครั้งก่อนจะเคยมาเยือนและค้างแรมมาแล้ว แต่ก็อยากแวะมาดูความเปลี่ยนแปลงสักหน่อย จำได้ว่ามีอาคารหลังใหม่ที่กำลังขึ้นโครงไม้ไว้...ป่านนี้คงสร้างเสร็จเป็นที่เรียบร้อย
เดินลัดไปตามรอยเส้นเล็ก ๆ สำหรับทางเท้า ที่จริงก็มองไม่ยากเท่าไหร่ มีเด็กนักเรียนสวนผ่านมา สองราย โรงเรียนของพวกเขาน่าจะอยู่ที่หมู่บ้าน Hikkim พวกเขาช่วยชี้ทางไปหมู่บ้านเป้าหมายให้ คล้ายกับช่วยยืนยันแบบกลาย ๆ ว่าพี่เดินลัดมาถูกทางแล้ว
ย่ำเท้าขึ้นเนินไปได้สักพัก ก็เริ่มเห็นกลุ่มธงมนตราบนเขาที่ปักล้อมไว้คล้ายซุ้มบนจุดสูงสุดของที่นี่ เหมือนเป็นสัญญาณแจ้งว่าท่านกำลังเข้าสู่ที่ตั้งของหมู่บ้านนี้ในไม่กี่อึดใจ เราได้ขึ้นมาถึงที่ Komic ตอนเก้าโมง และใช้เวลากับที่นี่เพียงแค่บนเนินที่ตั้งของ Tangyud Monastery เท่านั้น ครั้งนี้ไม่ได้ แวะลงไปเที่ยวตรงส่วนของหมู่บ้านที่ตั้งอยู่บริเวณด้านล่างนะคะ เห็นชาวบ้านกำลังวุ่น ๆ อยู่กับการ เก็บเกี่ยวกันอยู่ในนา

⭗ วัดของพุทธวัชรยาน นิกายสาเกียปะ ที่ตั้งอยู่เหนือหมู่บ้าน บันไดที่ทอดยาวเชื่อมลงไปยังด้านล่างถูกสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว (เมื่อปี 2015 ทางลงไปยังหมู่บ้านยังทุลักทุเลอยู่มาก)

⭗ จุดปักป้ายหน้าหมู่บ้าน ถ้ามาด้วยรถโดยสารบริเวณนี้คือจุดลงรถ ป้ายของ Komic มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม มันอาจใช้เพื่อเป็นจุดเช็คอินของนักท่องเที่ยว ข้อมูลอย่างระดับความสูงและยังคงจำนวนประชากรเท่าเดิม (114 คน) ดูเหมือนว่า พักหลังมานี้มีตัวเลือกสำหรับที่พักมากขึ้นกว่าหนึ่งแห่ง น่าจะเป็นเพราะหมู่บ้านสูงที่สุดแห่งนี้ เริ่มกลายเป็น หนึ่งในเป้าหมายของผู้มาเยือนต่างถิ่นแล้ว

⭗ สภาพแวดล้อมของหมู่บ้าน Komic (2019) ในช่วงกลางเดือนกันยายน นอกเหนือจากผืนนา ก็มีสิ่งปลูกสร้างของที่อยู่อาศัยเพียงแค่นี้

⭗ อาคารหลังสีฟ้าขาว ถูกปรับเปลี่ยนมาเป็นที่พักและร้านน้ำชาสามารถแวะมานั่งพักจิบชาหรือทานอาหารได้ ผู้แลฯ บอกว่า เดี๋ยวนี้ทางวัดไม่ได้ทำกิจการเปิดที่พักให้นักท่องเที่ยวเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

⭗ คำบรรยายจากลำดับภาพจากซ้ายไปขวา (คลิกภาพเพื่อขยาย) - โรงเรือนสำหรับปลูกพืชผัก ของกลุ่ม Spiti Ecosphere เป็นโครงการพัฒนาของพื้นที่ ที่เริ่มมีบทบาทสำคัญ
ในการผลิตอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูหนาวที่ไม่สามารถปลูกอะไรได้และกินระยะเวลานานหลายเดือน จนกว่าหิมะจะละลาย - อาณาบริเวณลานกว้างด้านบน อาคารสีแดงมุมซ้ายเป็นที่ตั้งของวัด(หลังใหม่)
อาคารฝั่งขวาสีฟ้าขาวเปิดเป็นร้านน้ำชาและที่พัก - ประวัติความเป็นมาของ Tangyud Monastery ที่ติดไว้หน้าอาคารหลังใหม่ที่ทาเป็นสีแดง

⭗ Tangyud Monastery หลังเก่า เป็นวัดนิกายสาเกียปะ (Sakya) ที่หุบเขาสปิติ มีวัดนิกายสาเกียปะเพียงแค่สองแห่งคือที่ Kaza และ Komic ในช่วงเวลานี้ยังคงไม่เจอกับพระหรือผู้อยู่ประจำวัดเช่นเคย จากการมาเยือนคราวก่อน ก็พอทราบว่าพอถึงช่วงฤดูหนาวจะมีพระอยู่ประจำไม่กี่รูป ส่วนที่เหลือจะลงไปประจำที่ Kaza

⭗ คำบรรยายจากลำดับภาพจากซ้ายไปขวา (คลิกภาพเพื่อขยาย) - มุมภาพภายในอาคารผ่านประตูทางเข้า รอบนี้เข้ามาได้เพราะประตูถูกเปิดทิ้งไว้
- กระถางโลหะสำหรับใส่กำยาน ที่วางไว้ด้านบนขอบระเบียงอุโบสถเหนือบันไดทางขึ้นของวัดเก่า
- ตาข่ายสำหรับเล่นวอลเลย์บอลที่ขึงไว้ตรงลานด้านหน้า หากเป็นช่วงฤดูร้อนจะใช้เป็นหนึ่งในกิจกรรม
ของผู้มาเยือนที่อาจจะแวะมาเดาะวอลเลย์บอลร่วมกับเหล่าพระ-เณร สำหรับในตอนนี้มองหาผู้คนแทบ ไม่เจอค่ะ เลยไม่มีโอกาสไปท้าดวล - ด้านหน้าร้านน้ำชา มีถังสีฟ้าบรรจุสำหรับน้ำดื่มให้เติมฟรี สถานีเติมน้ำเหล่านี้จะติดตั้งอยู่ตามวัดต่าง ๆ
ในสปิติซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งโครงการรณรงค์การลดขยะจากขวดน้ำพลาสติกของกลุ่ม Spiti Ecosphere เช่นกัน เกือบชั่วโมงกว่าที่ใช้เวลากับ Komic หลังจากเต็มอิ่มแล้ว ก็เริ่มมองหาพื้นที่ถัดไปที่น่าจะเดินเชื่อมถึงได้ คนดูแลร้านน้ำชาเกริ่น ๆ ถึงหมู่บ้านหนึ่งที่อยู่ไกลจากนี้ แต่ก็ไม่ได้รู้ลึกในรายละเอียดเท่าไหร่นัก เราเลย เปลี่ยนใจที่จะเดินกลับไปตั้งหลักที่ Kaza แทนละกัน ไม่กล้าเสี่ยงเดินแบบไม่รู้ทิศ ที่นั่นมีท่ารถโดยสาร คิวรถจะวิ่งออกไปตามหมู่บ้านช่วงบ่ายสี่เป็นต้นไป และที่ตลาดก็มีบะหมี่เนื้อแกะให้ได้กิน เมนู non-veg หากินลำบากมากจนไม่มีให้เลือกได้เวลาอยู่ไกลจากตัวเมืองเช่นตามหมู่บ้านห่างไกลแบบนี้

⭗ ทางเดินย้อนกลับไปยัง Hikkim และ Kaza ผ่านเส้นถนนสายหลัก
สามหมาภูเขา และการเดินทาง(ย้อน)กลับ
ในช่วงขากลับจะเป็นเส้นทางเดิม และแน่นอนว่าจะต้องผ่านบ้านนาวังอีกรอบ ฟังดูไม่น่ามีอะไรน่าตื่นเต้นนักหรอก เว้นแต่จะมีผู้ติดตามเพิ่มขึ้นมาหนึ่งถึงสองสามราย ที่เป็นหมาประจำถิ่น
เจ้าขาว เป็นตัวแรก ๆ โผล่มาทักตั้งแต่เราเดินมาถึง Komic เข้าใจมันได้กลิ่นโรตีที่พกติดไว้ในเป้เล็ก เลยแบ่งโรตีให้ไปบางส่วน จนถึงช่วงเดินกลับที่มันยังตามเราพร้อม ๆ กับเจ้าดำ โดยสองตัวนี้มันพากัน เดินไปพร้อม ๆ กับเราหรือบางครั้งก็ดูเหมือนกำลังนำทางล่วงหน้าให้อีกด้วย คิดว่าพวกมันคงตามเรา ไปสักระยะหนึ่งเท่านั้นแหละ
เมื่อเริ่มพ้นเลย Hikkim ไป มีเจ้าหมาสีน้ำตาลที่เจอมันตรงกลางทางเข้ามาสมทบเพิ่มขึ้นอีก คงไม่ใช่เหตุบังเอิญ ระยะทางจากหมู่บ้านต้นทางจนมาถึงที่นี่ก็ดูไกลเกินกว่าที่หมาสักตัวจะออกแรง ตามมาเพื่อขออาหาร น่าสงสัยว่าพวกมันคงตามคนที่มาจากพื้นที่ข้างล่าง และรอเวลาเดินกลับพร้อม ใครสักคนบนเส้นทางเดิม นี่อาจเป็นกิจกรรมออกกำลังกายสนุก ๆ ของกลุ่มหมาภูเขาพวกนี้มากกว่า ถ้าข้อสันนิษฐานนี้ไม่เป็นจริง พวกมันจะรู้เส้นทางลงได้ไง? เพราะปริศนาเส้นทางเดินลัดขึ้นจากเนิน เขาที่เราคลำทางพลาดในคราวก่อน ก็ได้ถูกเฉลยแล้วโดยเจ้าหมาสามตัว
⭗ เดินกลับ Kaza พร้อมสามหมา

⭗ หลังคาสีเหลืองของ Sakya Tangyud Monastery สาขา Kaza คือปลายทางที่รออยู่ด้านล่าง

⭗ อีกหนึ่งทางเลือกบนเส้นถนนสำหรับรถวิ่ง ที่มีระยะทางอ้อมโลกมาก ๆ บ่ายนี้อากาศดูขมุกขมัว จากกลุ่มเมฆฝนบนท้องฟ้าที่ปกคลุมภูเขา มองจากตรงนี้จะเห็นแม่น้ำสปิติที่ไหลเป็นเส้นแขนงเล็ก ๆ และกระจุกที่ตั้งหมู่บ้าน Rangrik ฟากตรงข้าม

⭗ ระหว่างตัดสินใจเลือกเส้นทางเดินกลับไปยัง Kaza เจ้าดำก็นำทางไปไกลลิ่วแล้ว
⭗ และสุดท้ายเราก็เลือกย้อนลงมาทางเนินเขานี่แหละ ถือว่าได้แก้ตัวจากตอนก่อนที่หลงไปละกัน สรุปว่า เส้นทางบนเนินเขาหลังวัดยังคงเชื่อมต่อกับหมู่บ้านด้านบนได้อยู่ แต่ก็ไม่แนะนำให้ไปตามรอยนะ เสี่ยงเอาเรื่อง -- อ่ะแฮ่ม และนี่ก็ไม่ใช่ภาพสุดท้ายของ จขบ. เช่นกัน
Create Date : 12 กรกฎาคม 2565 |
Last Update : 31 กรกฎาคม 2565 20:48:03 น. |
|
12 comments
|
Counter : 1205 Pageviews. |
 |
|
ปล. รอบนี้ไม่ได้แวะกลับไปเที่ยว Langza
(หมู่บ้านฟอสซิล) นะคะ