SPITI (ปี 3) Tabo อชันตาแห่งหิมาลัย #2
สวนแอปเปิ้ล มิตรภาพเก่า และการระลึกถึง ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางมาเยือนครั้งแรกหรือครั้งล่าสุด สิ่งหนึ่งที่ทำให้รู้สึกว่าหมู่บ้าน Tabo มีความเขียวชอุ่มเกินหน้าพื้นที่อื่นในหุบเขาสปิติ เพราะมีสวนแอปเปิ้ลที่ปลูกกันอย่างแพร่หลาย เห็นแล้วก็อดนึกไม่ได้ว่าพวกเขาเริ่มเพาะปลูกกันตั้งแต่ตอนไหนกันนะ ถึงแม้ว่าที่ตั้งของหมู่บ้าน จะมีสถานภาพที่สำคัญทางประวัติศาสตร์นับพันปี แต่สวนแอปเปิ้ลเหล่านี้ต้องเป็นของใหม่แน่นอน ยิ่งเมื่อได้ย้อนกลับไปดูวีดิโอเก่า ๆ ช่วงปี ค.ศ. 1996 ที่มีการบันทึกเอาไว้ จะเห็นได้ว่าที่หมู่บ้านนี้ มีแต่นาปลูกข้าว พวกไม้ยืนต้นประจำถิ่นก็มีเพียงป็อปลาร์และวิลโลว์เท่านั้น VIDEO Link : https://youtu.be/DHz5EmoGaH4?si=zmrmEMo336WMsXG4&t=347 สภาพแวดล้อมของ Tabo เมื่อปี 1996 ระหว่างที่มีงาน Kalachakra ผู้คนจากสารทิศต่างแห่กันมาที่นี่ ในช่วงนาทีที่ 5.47-8.54 และจากภาพมุมสูงของหมู่บ้าน(นาทีที่ 8.54) จะเห็นแปลงทดลองปลูกแอปเปิ้ล รุ่นแรกอยู่ใกล้ ๆ กับเขตวัดและลานจอด ฮ. ในขณะนั้นยังมีขนาดลำต้นเล็กจิ๊ดเดียว ⭗ ทางเดินเข้าหมู่บ้านจากฝั่งที่ทำการไปรษณีย์ ที่หลังกำแพงต้นแอปเปิ้ลเริ่มออกผลและกลุ่มต้นไม้รุ่นใหม่ที่ปลูกเพิ่มขึ้น บริเวณด้านหลังวัด ⭗ ต้นแอปเปิ้ลอีกรุ่น ที่ยังมีขนาดลำต้นที่เล็กอยู่ ⭗ ทางเข้าหมู่บ้านอีกฝั่งหนึ่ง ตรงโซนนี้จะมีที่ตั้งของสถานีอนามัย ร้านค้า ตู้เอทีเอ็ม ธนาคาร และโรงเรียน ⭗ ทางเชื่อมไปยังจุดจอดเฮลิคอปเตอร์ ⭗ ถัดจากลานจอด ฮ. จะมีช่องทางลงไปยังแม่น้ำข้างล่างได้ นี่คือแม่น้ำสปิติที่ไหลผ่านหมู่บ้าน Tabo ⭗ ลานกิจกรรม ที่มีกลุ่มเด็กนักเรียนมาใช้สถานที่นี้กันอยู่ ในฤดูหนาวมันจะถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นลานน้ำแข็งด้วยนะ
คงเป็นความบังเอิญเล็ก ๆ ที่เราได้พยายามเดินหาจุดลงไปยังแม่น้ำสปิติด้านล่าง เมื่อเดินผ่าน ไป แถวลานจอดเฮลิคอปเปอร์ ด้วยทางเดินลงที่ลาดชันทำให้ต้องเปลี่ยนใจกลับไปเปลี่ยนรองเท้า ที่เกสเฮาส์ก่อน (พื้นรองเท้าแตะไม่น่าจะเอาอยู่) แต่ระหว่างทางก็ได้กับเจ้าของสวนแอปเปิ้ลรายนึง ขับรถผ่านมาหยุดจอดทักเรา ว่ามาจากประเทศอะไร? แล้วจากนั้นชักชวนให้แวะไปเยี่ยมสวนฯ ที่อยู่ ไม่ไกลจากตรงนี้เท่าไหร่นัก ชูดัม เป็นชาวตาโบมาตั้งแต่เกิด แต่ต้องขับรถไป ๆ มา ๆ ระหว่าง Kaza และ Tabo ผลัดเวรกับ คน ที่บ้านมารดน้ำต้นแอปเปิ้ล สลับกับอาชีพการงานที่เป็นทันตแพทย์ที่ Kaza โดยบางครั้งก็รับ บท PR กิจการโรงแรมของพี่ชายที่เปิดในตัวเมืองด้วย (วิ่งงานเยอะเนาะ 555)
⭗ แอปเปิ้ลสีแดงที่เริ่มออกผลให้รอเก็บเกี่ยว เจ้าของสวนบอกว่าในระยะนี้ยังไม่ค่อยหวานต้องรออีกนิด ⭗ น้ำที่ปล่อยมาตามท่อส่ง โดยมีการขุดร่องไว้บริเวณรอบโคน ⭗ ส่วนที่ปลูกเป็นขั้นบันได ตรงทางที่ลาดลงไปยังบริเวณแม่น้ำสปิติเบื้องล่าง ⭗ แปลงปลูกบนพื้นที่ราบ ⭗ มีการทำทางขั้นบันไดเอาไว้ด้วย สายพันธุ์ที่ปลูกในสวนหลัก ๆ คือ Red Royal และ Golden Royalแต่ก็ยังเห็นมีพันธุ์สีเขียวปลูกแซมด้วย เขาว่าเอาไว้สำหรับผสมเกสร ไม่งั้นมันจะไม่ติดผล ส่วนน้ำที่ใช้รดจะเปิดวาล์ลจากพื้นที่กักเก็บน้ำ ต่อท่อส่งไปยังร่องดินที่ขุดไว้รอบต้น
ถึงแม้ว่าการทำสวนแอปเปิ้ลในรัฐหิมาจัลประเทศ จะเริ่มปลูกกันเป็นล่ำเป็นสันนานแล้ว นับจากที่อดีตมิชชันนารีชาวอเมริกัน Samuel Evan Stokes (1) ผู้ที่มีฉายา Apple Man นำเมล็ดพันธุ๋รุ่นแรกจากสหรัฐอเมริกามาทดลองปลูกอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่ปีค .ศ .1916 เมื่อผลลัพท์จากผลผลิตรุ่นแรกที่ถูกวางสู่ท้องตลาดเป็นที่น่าพอใจ ทางการอินเดียจึงได้ วางแผนขยับขยายพื้นที่เพาะปลูกเพิ่มเติมอีกกลุ่มนักวิจัยด้านการเกษตร ก็ได้เริ่มทำการหาแหล่งทดลองการเพาะปลูกพืชเมืองหนาว ในเขต พื้นที่ห่างไกลอย่างเช่นหุบเขาสปิติ ที่มีภูมิประเทศแบบภูเขาทะเลทรายที่หนาวเย็น ด้วยข้อจำกัดของสภาพแวดล้อมที่แห้งแล้ง ที่เอื้อต่อการทำงานเกษตรได้เพียงแค่ช่วงสั้น ๆ (เดือนเมษายน-ตุลาคม) เมื่อถึงฤดูหนาวต้นไม้เหล่านั้นก็จะต้องทนรับกับอุณหภูมิที่จะลดต่ำ ลงไปจนถึง -30 ํC ต่อเนื่องหลายเดือน โดยแปลงสาธิตฯ ของ Tabo เริ่มขึ้นในปี ค .ศ .1981(2) พื้นที่สวนของคุณชูดัมกว้างใหญ่พอควร กว่าจะให้น้ำครบหมดก็ใช้เวลานานหลายชั่วโมง หลังจากแนะนำข้อมูลให้พอรู้คร่าว ๆ เขาก็ขอตัวไปดูแลต้นไม้และปล่อยให้เราเดินเล่นตาม สบาย ด้านล่างของสวนมีบันไดทางลงไปที่แม่น้ำซะด้วย เลยถือโอกาสลงไปเก็บก้อนหินที่ริมน้ำ ป้วนเปี้ยนวนเวียนอยู่แถวนี้ได้พักใหญ่ก็ขอตัวกลับ เพื่อที่จะแวะไปนั่งวาดรูปที่ด้านในวัดเก่าต่อ คุณเจ้า ของสวนได้แบ่งแอปเปิ้ลมาให้ไปกินจำนวนนึงอีกด้วย ⭗ ริมน้ำที่ดูเหมือนจะตื้นเขิน แต่ก็มีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวพอสมควร ช่วงเวลาสุดท้ายที่เหลือในหมู่บ้านนี้ นอกเหนือไปจากการรอฟังข่าวของพระโซนัมที่ว่าจะกลับมาถึง Tabo ตอนเย็นตามที่หลวงพี่อุกเยนแจ้งไว้ ในช่วงบ่ายแก่เราจึงเดินเก็บภาพรอบ ๆ หมู่บ้านเป็นที่ระลึกและเผื่อไว้ เทียบเคียงกับวันข้างหน้าที่มันจะเปลี่ยนไป (อาจมีซ้ำมุมกับปี 2014 บ้างนะ) ⭗ บริเวณท้องนา วัว และต้นไม้ที่ถูกตัดออกไป ที่ตรงนี้อยู่ไกลออกไปจากวัดประมาณครึ่งกิโลเมตร ⭗ ผลเล็ก ๆ ของ sea buckthorn ที่เดินเก็บกินได้อย่างเรื่อยเปื่อย ⭗ อาคารหลังใหม่ ๆ ที่กำลังสร้างขึ้นมา สำหรับเป็นเกสเฮาส์ ⭗ สองฝั่งทางที่มีสิ่งปลูกสร้างเพิ่มขึ้นเยอะแยะไปหมด ⭗ ต้นไม้ที่ขึ้นอย่างโดดเดี่ยว บนเนินสูงใกล้ ๆ กับบริเวณถ้ำนั่งสมาธิ -- ดีใจที่ยังได้กลับมาเห็นมันอีก ⭗ ต้นป็อปลาร์รุ่นปู่ทวด ที่น่าจะอยู่กับหมู่บ้านนี้มานานมากแล้ว หนนี้ได้เห็นใบเขียว ๆ แซมอยู่บ้าง ⭗ แนวกำแพงที่มีกงล้ออธิษฐาน สมัยที่เคยมาครั้งแรกจำได้ไม่ลืม เพราะโดนหมาแม่ลูกอ่อนวิ่งไล่แถว ๆ นี้
⭗ พวกลูกหมาที่พยายามจะหาทางเข้าบ้าน ⭗ หน้าทางเข้าไปยังพื้นที่ของวัดเก่า ⭗ ลานวัดปัจจุบัน ในช่วงเย็นของวันนี้มีการซักซ้อมโต้กระทู้ธรรมกันของเหล่าเณร ⭗ ลูกหมาที่เข้าไปป่วน จนเณรแทบไม่มีสมาธิตอบคำถาม ซึ่งในภาพนี้สงบศึกกันเรียบร้อยแล้วนะ ^^ หลังรั้วเขียวนั่นก็เป็นดงแอปเปิ้ลที่เป็นแปลงสาธิตฯตามที่เล่าไว้ข้างต้น แอบเห็นว่ามีผลไม้เมืองหนาวตัวอื่น อย่างพลัมปลูกแทรกไว้ด้วย VIDEO ⭗ ถ่ายคลิปเก็บไว้ในช่วงที่เจ้าหมาวิ่งเข้าไปวุ่นวายพอดี ⭗ ลานพื้นที่จอดรถหน้าวัดใหม่และแสงสุดท้ายของวันที่ส่องพาดลงบนเนินเขา ⭗ ด้านในวิหารของวัดใหม่ที่ใช้เป็นสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจ รู้สึกว่าต้องตื่นมาให้ทัน 6 โมงเช้า ถึงจะได้เห็นพระมาทำพิธี ป ⭗ มีการทำรูปปั้นลอยนูนคล้าย ๆ กับด้านในวิหารวัดโบราณ แต่ว่ารูปลักษณ์เป็นคนละแบบ สรุปแล้ว ไม่ได้เจอกับพระโซนัมตามคาด จากข่าวคราวของถนนฝั่ง Kinnaur ยังไม่ถูกเคลียร์ให้รถวิ่งได้ตามปกติ หลวงพี่อุกเยนได้เดินมาบอกในขณะที่เรากำลังเดินถ่ายภาพอยู่แถว ๆ เจดีย์องค์ขาวพอดี หลังจากที่เพิ่งรับสายพูด คุยกันไม่ได้นานนัก น่าเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาสเจอกันอีก พรุ่งนี้เราจำเป็นต้องย้ายไปที่อื่นต่อ เลยต้องฝากรูปถ่าย เอาไว้กับหลวงพี่ท่านนี้แทน พระแนะนำให้เขียนบันทึกอะไรลงไปสักหน่อย อืม เขียนอะไรดีล่ะ มันก็เป็นรูปของพระโซนัมที่ยืนอยู่ตามลำพัง จะจำคนถ่ายได้หรือเปล่าก็ไม่รู้สิ ในกระเป๋าพกมาแต่ดินสอ ก็พยายามลงลายมือให้พอมองเห็นบนด้านหลังกระดาษล้างรูปที่มีผิวมันวาวภาพถ่าย ตุลาคม ปี 2014 ฟ้า จากประเทศไทย, ปี 2019 กลายเป็นว่าต้องฝากฝังให้หลวงพี่อุกเยนเป็นคนมอบส่ง ท่านบอกว่าเต็มใจรับอาสา ถึงแม้จะดูไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร แต่อย่างน้อยมันก็เป็นหลักฐานยืนยันของการพบปะกัน ในครั้งหนึ่งระหว่างการเดินทางนั่นเอง ⭗ มุมภาพจากด้านบนเนินเขา อาณาเขตของวัดและหมู่บ้านท่ามกลางแมกไม้ที่ใกล้จะเปลี่ยนสีในช่วงเดือนกันยายน
(เพิ่มเติม) (1) เรื่องราวของ Samuel Evan Stokes เคยเขียนถึง Apple Man แทรกไว้ในเอนทรี่ : KINNAUR : Sangla Valley (2) นับจากปี ค.ศ. 2017 พื้นที่ทดลองการเพาะปลูกเพื่อการวิจัย ก็อยู่ภายใต้การดูแลของ YSP University ชื่อเต็ม ๆ คือ Dr. Y. S. Parmar University of Horticulture and Forestry ตั้งอยู่ในเมือง Solan
Create Date : 14 กันยายน 2566
Last Update : 24 กันยายน 2566 20:01:22 น.
5 comments
Counter : 707 Pageviews.
บ้านเราก็คงจะท้อแน่เลย เพราะพื้นดินมีก้อนหินเยอะ ปลูกพืช
คงจะยาก