Group Blog
 
<<
มกราคม 2565
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
12 มกราคม 2565
 
All Blogs
 
Ladakh 2019 - Hemis Monastery และ Naropa Festival รอบเตรียมงาน





Hemis Monastery 

จากเลห์ ถึงเฮมิส อยู่ไกลกันแค่ 45 กิโลเมตร ทุก ๆ วันจะมีรถมินิบัสเพียงเที่ยวเดียวที่วิ่งในรอบเช้า
และจะตีกลับเข้าเลห์อีกทีในช่วงเวลาบ่ายสามโมง หากมีแผนจะเดินทางไปเยือนเองแบบ ไปเช้าเย็น
กลับกับพื้นที่ของวัดและบริเวณรอบนอกก็น่าจะมีเวลาอย่างเหลือเฟืออยู่

หากตรงกับช่วงฤดูร้อน  นักท่องเที่ยวมักจะวางแผนมาเยือนวัดเฮมิสให้ตรงกับช่วงงานเทศกาลประจำปี
ที่ชื่อว่า Hemis Tseschu ในวันที่ 10 เดือนห้าตามปฎิทินจันทรคติทิเบต ซึ่งถือเป็นวันคล้ายวันสมภพ
ของคุรุปัทมสัมภวะ หรือ Guru Rinpoche  โดยจะมีการแสดงระบำหน้ากากของพระที่ถือเป็นไฮไลต์เด็ด
ของวัดเฮมิส ในปีนี้ (2019) จะตรงกับวันที่ 11-12 กรกฏาคม  

บรรยากาศของวัดเฮมิสในเวลาปกติ จึงไม่ได้เต็มไปด้วยผู้คนที่แห่กันมาอย่างอุ่นหนาฝาคั่งเท่าไหร่
แต่ด้วยความที่เป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญอยู่แล้ว ก็ทำให้ไม่ดูร้างว่างไปจากนักท่องเที่ยวนัก สำหรับค่าเข้า-
สถานที่คือ 100 รูปี  โดยตั๋วที่ได้มานี้เหมารวมเป็นค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว และมีแผนผังฉบับจิ๋วพิมพ์บอก
ลำดับเลขของอาคารสถานที่ภายในวัดเป็นไกด์ไลน์ให้ พื้นที่ภายในบางส่วนก็อาจถ่ายรูปได้หรือไม่ได้ก็ให้
สังเกตจากป้ายเอานะ แต่ที่พิพิธภัณฑ์นี่ห้ามเด็ดขาดต้องฝากกล้องและสัมภาระไว้ที่ตู้ล็อคเกอร์สถานเดียว

อนึ่ง แม้ว่าที่ตั๋วจะระบุว่าเป็นค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ (จะมีการฉีกหางบัตรแค่ตอนนั้น)
ถึงเราจะเดินเข้าไปเยี่ยมเฉพาะชมวัดอย่างเดียว ยังไงก็ต้องจ่ายราคานี้เหมือนกัน 
  



 ทางเดินเข้า Hemis Monastery 



 หากมองจากพื้นที่ภายในวัด จะเห็นว่าถูกล้อมไปด้วยภูเขา  จุดสูง ๆ ที่มีธงปักอยู่บนยอดเขามีรูปปั้นพระพุทธรูปตั้งอยู่ 




⭗  ลานวัดที่มีเสาธงตั้งอยู่ตรงกลางเรียงกัน (ที่จริงแล้วจะมีเรียงรายอยู่ 3 เสา)

​​​​​



⭗ พระที่วัดเฮมิสกับหมวกทรงแบนที่ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของนิกาย Drukpa Kagyu 




⭗ ลวดลายและสีสันของอาคารและงานไม้ตามศิลปะถิ่นนี้ 



ในครั้งแรกที่มา สิ่งที่ชอบมากที่สุดสำหรับวัดเฮมิสก็เป็นตัวพิพิธภัณฑ์ มีสมบัติเก่าแก่ที่ถูกนำมาเก็บรวบรวมไว้
ค่อนข้างมาก อาจจะมากและดูเป็นระเบียบกว่าที่อื่นเท่าที่เคยเห็นในลาดักเลยก็ว่าได้  ประวัติความเป็นมาของ
วัดเฮมิส แต่เดิมสันนิษฐานว่ามีอยู่มาก่อนศตวรรษที่ 11 และมีการสถาปนาขึ้นอีกครั้งช่วงศตวรรษที่ 17 โดย 
Stagsang Raspa Nawang Gyatso  พระอาจารย์ของกษัตริย์ Sengge Namgyal ที่ให้การสนันสนุนการสร้าง
อารามแห่งนี้จึงมีความใกล้ชิดกับราชสำนัก ส่วนสถานะของพระ Stagsang Raspa นั้นได้รับการบันทึกว่าเป็นพระสังฆราชของอาณาจักรลาดัก

ในช่วงสงครามที่มีการปล้นสะดมสมบัติจากกองทัพต่างแดนยุคก่อน ๆ คลังสมบัติและของมีค่าที่เก็บรักษาใน
เฮมิสก็แทบจะไม่ได้สูญหายหรือถูกทำลายไป อาจเพราะว่าที่ตั้งของวัดอยู่ในตำแหน่งหลืบเขา ที่ปิดบังจนพ้น
สายตาไปจากภายนอกได้เป็นอย่างดี ซึ่งก็น่าจะจริง หากมองตรงเข้ามาจากทางถนนเส้นหลักด้านนอกแบบผิว
เผินก็คงมองหาที่ตั้งของวัดนี้ไม่เจอหรอก

กรณีที่การเดินทางด้วยรถโดยสารที่วิ่งตรงจากเลห์ กว่าจะมาถึงเฮมิสก็ประมาณ 10 โมงเช้าแล้ว หากอยาก
มาให้ทันดูพระทำวัตรในตอนเช้าก็คงต้องค้างแรม ในที่ใกล้ ๆ มีเกสเฮาส์ของทางวัดที่ตั้งอยู่ส่วนนอกติดกับ
ด้านข้างตัววัดเลย  เรื่องของอาหารการกินบริเวณนี้จะมีซุ้มขายอาหาร ที่ตั้งอยู่ที่เนินทางลงด้านล่างใกล้กับ
เกสเฮาส์ 

 


อาคารสีขาวทรงโบราณที่ตั้งอยู่ด้านนอกของเขตวัด ไม่รู้ว่าใช้งานสำหรับอะไรแต่ชอบรูปทรงระเบียงที่ทำยื่นออกมา




 แนวกำแพงสีขาว ใกล้ ๆ กับเกสเฮาส์ของวัด 




⭗ ซุ้มขายอาหาร 



ลานจอดรถของเหล่าผู้มาเยือน รถประจำทางที่นั่งมาจากเลห์ก็จอดอยู่แถวนี้


วัดเฮมิสอยู่ภายใต้นิกาย Drukpa Kagyu (เรียกสั้น ๆ ว่า Drukpa) มีอิทธิพลมากในลาดัก และภูฏาน
พระและแม่ชีต่างก็สวมหมวกสีแดงที่มีรูปทรงเป็นเอกลักษณ์ของทางสายดรุกปะ ที่แยกย่อยมาจากนิกายหลัก
อย่าง Kagyu หรือกาจูปะ   Hemis Monastery ถือว่าเป็นวัดที่สำคัญของนิกาย Drukpa Kagyu อีกด้วย 
ถึงแม้ว่าเราอาจใช้สายตาแยกแยะนักบวชของพุทธวัชรยานแบบทิเบตที่มีเครื่องแบบคล้ายคลึงจนแทบมอง
ไม่ออกว่าสังกัดนิกายไหน หากไปเห็นพระหรือแม่ชีที่สวมใส่หมวกทรงแบนก็เดาได้ก่อนว่าเป็นสาย ดรุกปะ 





......





การกลับมาเยือน Hemis ครั้งที่สอง  จากหนก่อนดูเหมือนว่าวัดเฮมิสคงไม่มีอะไรน่าสนใจแล้วใช่มั้ย
แต่สาเหตที่ต้องหาเรื่องย้อนกลับมาอีก ก็เพราะว่าเพิ่งได้ยินข่าวถึงงานเทศกาล Naropa Festival จากคำ
บอกเล่ามาอีกที แม้จะไม่ชัดเจนเท่าไหร่เกี่ยวกับข้อมูลและเป้าหมายของกิจกรรมนี้ ภาพโดยรวมที่ผ่านตามา
จากในข่าวเก่า ๆ ตามเว็บไซต์   ดูเหมือนกับว่านี่เป็นหนึ่งในงานเฉลิมฉลองที่จัดขึ้นกันอย่างใหญ่โตมากเลย 
หนักใจเอาเรื่องเพราะเพิ่งแวะไปเฮมิสมาเมื่อไม่กี่วัน เสียงในหัวเลยตีกันอุตลุดวุ่นวาย... ไป-ไม่ไป-ไป-ไม่ไป





ผู้คนท้องถิ่นบนรถที่ตั้งหน้าตั้งตาเดินทางไปยังเทศกาลงานบุญอย่าง Naropa Festival ที่จัดขึ้นในเฮมิส


เช้าวันถัดมาที่ท่ารถ มินิบัสที่มีคิวจะวิ่งไปเฮมิสมาจอดเทียบช้ากว่าเดิมเล็กน้อยและเปลี่ยนตำแหน่งจอดไปอยู่
อีกด้านนึงแทน  ท่าทางวันนี้คงจะมีผู้โดยสารเยอะมากแน่ ๆ มีชาวต่างชาติอีกสองรายที่ขึ้นรถมาด้วย  พวกเขา
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นั่นมีเทศกาลฯ แต่พอได้รู้ก็พากันตื่นเต้นกันใหญ่ที่มาได้จังหวะดีทีเดียว  


ผู้คนบนรถรอบนี้เต็มไปด้วยผู้สูงวัยที่พากันแต่งตัวด้วยชุดท้องถิ่นกันเยอะมาก คงตั้งใจจะไปยังที่เดียวกันกับเรา
บรรยากาศบนรถดูจ๊อกแจ๊กจอแจเช่นปกติ วัยรุ่นหลายคนชอบเคี้ยวหมากฝรั่งและเป่าเป็นลูกโป่งคั่นเวลากัน น่า
จะพกติดมาจากการไปร้านขายของชำที่มักไม่ค่อยมีเศษเงินทอนให้ และชอบใช้ ลูกอม หมากฝรั่ง ส่งให้แทน
เสียงการรับสายโทรศัพท์ของคนนั่งเบาะหลังที่พูดโต้ตอบกัน จนจำแพทเทิร์นได้  "ฮาโหล... ฮ้าเล่ ...ฮ้าว?"

ถนนสายใต้ที่มุ่งตรงผ่านแยก Karu เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่สวยเอาเรื่องแต่ก็ยากที่จะเก็บภาพได้ในบางจุดที่
เป็นค่ายทหาร การที่เราเคยผ่านเส้นทางนี้มาครั้งหนึ่งไปแล้ว จึงไม่ได้จดจ่อรอจังหวะยกกล้องเก็บรูประหว่างนั้น
เลยเลือกที่จะงีบหลับบนรถหลับแทนดีกว่า เสียงเพลงท้องถิ่นกับเสียงคนคุยกันบนรถช่วยกล่อมให้ง่วงดีชะมัด 
หลับเพลิน ๆ จนได้ยินเพลงดังจากหนังบอลลีวูดอย่าง O saathi  วนย้อนกลับมาเล่นเป็นหนที่สอง พี่คนขับก็เริ่ม
เลี้ยวรถไปยังสะพานข้ามแม่น้ำสินธุเพื่อตรงไปยังทิศที่ตั้งของเฮมิสและจอดลงที่ลานแห่งหนึ่ง ไม่ไกลไปจาก
ตำแหน่งของอาคารทรงเจดีย์องค์ใหญ่สีขาวที่ชื่อ Naro Photang  




⭗ เจ้าหน้าที่กำลังตรวจตรารถที่จะเข้ามายังสถานที่ด้านในเพื่อรักษาความปลอดภัย 




หลังจากลงรถแล้วก็ต้องเดินต่อเข้าไปด้านในเอง ส่วนใครที่จะไปวัดเฮมิสก็ต้องออกแรงเดินเท้าไปไกลราว 2 กม.
ช่วงเทศกาลดังกล่าวคงงดให้รถวิ่งเข้าไปยังด้านใน 





⭗  Naro Photang อาคารที่มีรูปทรงคล้ายเจดีย์แห่งนี้เพิ่งสร้างขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 2016 



⭗ ร้านขายอาหารแนว Food Truck ก็มา



พระหลายรูปมายืนรออุดหนุนของกินจากหน้าร้าน Rancho's Cafe  ซึ่งชื่อที่ว่านี้เห็นแล้วก็รู้เลยว่ามีที่มาจากหนังดัง
ถึงจะมีภาพยนตร์หลายเรื่องถ่ายทำที่ลาดัก  แต่ที่เกิดกระแสนิยมเยอะมากสุด คงเห็นจะเป็นเรื่อง 3 Idiots (2009) 
 





⭗ เต็นท์ของหน่วยรักษาพยาบาล น่าจะเผื่อไว้สำหรับรองรับเหตุฉุกเฉินเผื่อมีใครเป็นลมระหว่างงาน




⭗ ฝั่งทางนี้กำลังตั้งหม้อก่อฟืนหุงต้มอาหาร 



⭗ บรรดาเต็นท์ของร้านต่าง ๆ ที่มาตั้งปักหลักขายของกันในงาน จากมุมนี้จะเห็นว่ามีผู้คนที่ยังดูไม่เยอะเท่าไหร่
เพราะยังไม่ถึงกำหนดเปิดงานอย่างเป็นทางการ





⭗ เต็นท์หลังโตนี้มีการซักซ้อมงานแสดงอยู่ด้านใน เห็นมีคนแอบมาส่องดูกันด้วย



 กลุ่มที่ซักซ้อมเพลงกันในเต็นท์ พวกเธอร้องเพลงประกอบร่วมไปกับเสียงดนตรีอย่างปี่และกลอง



Naropa Festival  จัดขึ้นในช่วงเดือนกันยายนและเฉลิมฉลองกันยาวนานถึงห้าวัน เพื่อรำลึกถึง 'นาโรปะ'
อาจารย์ผู้มีบทบาทสำคัญทางพุทธวัชรยานสายกาจูปะ เชื่อกันว่าท่านมีชีวิตอยู่ในช่วงปี ค.ศ.1016-1100
ซึ่งประธานการจัดงานนี้ก็เป็นพระลามะที่สำคัญของที่นี่ด้วยนะ  งานนี้จะฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ทุก ๆ 12 ปี 
(อย่างเช่นปี 2016 ที่ฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ เพราะเป็นวาระครบรอบพันปีอีกด้วย) ส่วนปีที่เราไปก็คงไม่ได้
จัดอย่างอลังการเท่า



ในรอบเช้าที่มากับรถประจำทางมาถึงงานแต่เช้า บรรดาเต็นท์ของร้านค้าที่มาจองพื้นที่ขายของก็ยังไม่ทันที่
จะปักหลักตั้งเสากันดีเลยด้วยซ้ำ เหมือนกับว่าเรามาทันดูเขาจัดเตรียมสถานที่และซักซ้อม ลองไมค์กันก่อนที่
ประธานจะมาเปิดพิธีอย่างเป็นทางการในรอบบ่ายโน่นเลย ถือซะว่านี่เป็นภาพงาน Naropa Festival 2019
ฉบับไก่โห่ก็แล้วกันนะ 

เราวนเวียนอยู่ในพื้นที่รอบ ๆ ที่เป็นศูนย์กลางของงานนี้ ไม่ได้ไปไหนไกลหรือแวะกลับไปเที่ยววัดเฮมิสหนสอง
เห็นแดดก็แทบไม่อยากเดินไกลแล้ว เข้าใจเลยว่ามีการจัดเต็นท์สำหรับปฐมพยาบาลไว้ทำไมกัน ร้านขายของ
ในงานมีให้เลือกกันเต็มที่ ไม่มีค่าเข้าชมงาน จะเว้นก็แต่หากอยากบริจาคก็จะมีโต๊ะตั้งรับเงินของทางวัด ที่ติด
ป้ายบอกไว้ 

หลบลี้หนีแดดมาสิงอยู่แถว ๆ ซุ้มที่ทำไว้สำหรับให้คนร่วมงานมานั่งกันที่หน้าปรัมพิธี นั่งกับคนท้องถิ่นที่มา
จับจองพื้นที่นั่นแหละ เห็นหลายคนเขาเตรียมพร้อมที่จะมาอยู่ยาวสำหรับงานนี้กันเลย พกอาหารมาเปิดกิน
กันตรงนั้น คาดว่ากว่าจะกลับบ้านกันก็คงค่ำมืดไปเลย มีคุณป้าสองคนที่นั่งอยู่กับเราแกน่ารักมากแบ่ง Paba
ก้อนใหญ่มาให้กิน ก้อนเท่ากำปั้นใครจะกินหมด บิมาหน่อยนึงแล้วส่งต่อให้คนลาดักที่นั่งด้านหลัง แล้วอิตา
คนนั้นก็แบ่งก้อน Paba ให้คนข้าง ๆ อีกต่อ -- แบ่งกันกินเนอะ และต่อมาก็ตามมาด้วยหมั่นโถวและผัดผัก 107 

(รูปอาหารอยู่ในเอนทรี่เก่า : อาหารท้องถิ่นของลาดัก

ต่อมาก็มีรถโรงเรียนคันสีเหลืองวิ่งเข้ามาจอด ตามมาด้วยขบวนแถวของนักเรียนที่แต่งตัวในชุดที่น่าจะทำไว้
เพื่อออกงานโดยเฉพาะ และเหมือนว่าจะมาพร้อมกับกลุ่มพระและแม่ชีที่มองเห็นเครื่องแบบสีแดงอยู่ไกล ๆ
เด็กนักเรียนทยอยเดินมานั่งด้านในซุ้มตามการจัดระเบียบของคุณครูและพระที่เป็นผู้ดูแล แต่ก็นั่งกันได้ไม่
นานก็ต้องเดินแถวไปที่อยู่บนเวทีกันแล้ว  โดยรอคิวต่อจากกลุ่มเยาวรุ่นที่ซ้อมเต้นเบรคแดนซ์





ลานที่ตั้งของ Naro Photang กำลังมีคนมาเดินวนรอบสถานที่เพื่อภาวนาและรอชมเครื่องประดับหกชิ้น
ของท่านนโรปะ เรียกกันว่า
 "Six Bone Ornaments of Naropa" ที่จะนำมาไว้เฉพาะในงานนี้



 กลุ่มนักเรียนจาก Druk Padma Karpo School (DPKS) ที่เพิ่งลงจากรถโรงเรียนและต่อแถวเพื่อรอซ้อมการแสดง
   



 งานนี้จะมีการขับจักรยานขึ้นไปโชว์บนเวทีด้วยนะ ไม่ใช่เพื่อไปแสดงผาดโผนแต่เพื่อโปรโมท Ladakh Eco Cycling Club



⭗ บริเวณพื้นที่นั่งหน้าปรัมพิธีเริ่มเต็มไปด้วยผู้ซักซ้อมการแสดง และผู้เข้าร่วมชม
โครงสร้างเหล็กที่มีหลังคาสีเหลืองด้านบนที่เห็นไกล ๆ จะมีการนำผืนผ้าทังกะขนาดใหญ่มาแขวนไว้ภายหลัง





⭗ กลุ่มของนักเรียนได้เข้ามานั่งพักชั่วคราวในซุ้มก่อน พวกเขาได้รับแจกธงชาติอินเดียเพื่อใช้โบกระหว่างการแสดงบนเวที




⭗ คิวซ้อมเพลงของเด็ก ๆ เวที ด้วยความที่เป็นพื้นที่เปิดแบบนี้ก็ทำให้คุมเสียงยากพอสมควร  ส่วนโต๊ะข้างหน้าสำหรับ VIP


ฮัลโหล... วัน ทู ทรี ....เฮ่ เฮ้ เฮ่ เฮ้
ชิก นี ซุม ... ชิก นี ซุม... เฮ่ เฮ้ เฮ่ เฮ้


มีการทดสอบไมค์และเครื่องขยายเสียงดังมาเป็นระยะ ๆ จากทั้งพิธีกร และผู้ควบคุมการแสดงของนักเรียน
การซ้อมใหญ่ในสถานที่จริงคงเป็นเรื่องน่ากดดันไม่น้อย เด็กนักเรียนซ้อมร้องเพลงกันหลายหนมาก นี่ไม่นับ
จังหวะการออกท่าทางประกอบอีก ได้ทันอัดเพลงที่น้อง ๆ ร้องเปิดงานในรอบสุดท้ายที่ดูสมบูรณ์สุดกลับมา
หลังจากที่สะดุดไปหลายเทคมาก มันก็น่าจะเป็นสิ่งที่พอจะให้เรากลับมาย้อนคิดไปถึงช่วงเวลาสั้น ๆ ที่เคย
อยู่ในงานนี้ได้เป็นอย่างดี  





เพลงเปิดงานของนักเรียน DPKS ที่อัดเสียงมา เสียงแอบอู้ไปหน่อย (ไม่รู้เหมือนกันว่าร้องเป็นภาษาอะไร)




⭗ พอใกล้เริ่มเข้างานอย่างเป็นทางการ พื้นที่นั่งจับจองก็เริ่มขยายไปอยู่ขอบนอกที่ไม่มีพรมปู



⭗ ผู้ร่วมพิธีเปิดนี้มาจากหลายที่ไม่เฉพาะแค่ลาดัก น่าจะได้รับเชิญให้มางานนี้กันเพราะแต่งตัวค่อนข้างเป็นทางการ
และอีกฟากหนึ่งของซุ้มเป็นโซนที่นั่งของแม่ชี  Drukpa ที่แบ่งไว้ งานนี้เห็นผู้กำกับลาดัก  Stanzin Gya มาร่วมงานด้วย







ในช่วงเปิดงานพิธีอย่างเป็นทางการ จะมีเสียงแตรเสียงฉาบดังขึ้นจากการมาถึงของพระรูปสำคัญ ผู้คนที่นั่งใน
เต็นท์ต่างก็ต้องลุงขึ้นยืนเพื่อเป็นการต้อนรับ แล้วหลังจากนั้นก็มีการกล่าวโอวาทและดำเนินรายการตามกำหนด

บอกเลยว่าหลังจากช่วงเย็นแล้วบนเวทีแห่งนี้แสงสีเสียงมาครบแน่ ทั้งการแสดง ตลอดจนถึงศิลปินนักร้องที่มา
เข้าร่วมกัน จึงไม่น่าเป็นเรื่องน่าประหลาดใจนักกับการเตรียมการของคนท้องถิ่นที่กะจะอยู่กันยาวไปจนมืดค่ำ
งานนี้ยังมีกิจกรรมอื่น ๆ รอเยอะมาก แต่ไม่ใช่ในรอบที่เรามาตั้งแต่งานยังไม่เริ่มดีแบบนี้ไง

ดูเวลาวิ่งมาจนถึงบ่ายสามโมง แม้พิธีการเพิ่งจะเริ่มต้นและกำลังเริ่มสนุกแต่ก็ถึงเวลาที่ต้องกลับเลห์แล้ว
หันไปบอกลาคุณป้าสองคนที่นั่งอยู่ใกล้ ๆ กับเรามาตลอด แกยังว่าเสียดายอยู่ที่รีบไป นี่คงเป็นข้อเสียของ
การเดินทางที่มีข้อจำกัดเพียงตัวเลือกเดียวแบบนี้ แถมยังไม่ใช่คนพื้นที่ต่อรถเองคงลำบาก  เนี่ย...ถ้าเพิ่ม
รอบวิ่งรถช่วงเทศกาลได้มากกว่านี้นะ รับรองว่าจะสิงสถิตย์อยู่ยาวไปถึงจนงานเลิกเลย  






⭗ มีอาสาสมัครจากภูฏานด้วย




⭗ ลูกประคำสำหรับสวดภาวนา ที่ชาวพุทธลาดักมักจะนำพกติดตัวด้วยเสมอ



⭗ สตรีลาดักและชุดประจำถิ่นที่ใส่เพื่อรอต้อนรับผู้ร่วมงานคนสำคัญในพิธี 




บนเส้นทางที่เชื่อมโยงออกไปยังถนนเส้นหลักด้านนอก พื้นที่รอบข้างต่างเรียงรายไปด้วยเต็นท์ของคนค้าขาย
ต่างไปจากวันปกติในครั้งก่อน ที่ไม่มีอะไรให้เห็นหากได้นั่งรถผ่านเข้ามายังเฮมิสแห่งนี้






 


Create Date : 12 มกราคม 2565
Last Update : 16 มกราคม 2565 1:23:25 น. 14 comments
Counter : 1190 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณnewyorknurse, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณmultiple, คุณtoor36, คุณtuk-tuk@korat, คุณSweet_pills


 
อ่านอิ่ม..สนุกสนาน
ปานสะพายเป้มาเที่ยวด้วยเลยค่ะน้องฟ้า


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 15 มกราคม 2565 เวลา:11:54:37 น.  

 
บรรยากาศคึกครื้นเหมือนกัน อะไรที่มันเป็นอีเว้นต์มันพิเศษอยู่แล้วล่ะครับ ยิ่งถ้าที่นั้นมีความพิเศษอยู่ด้วยแล้วล่ะก็มันจะยิ่งทำให้พิเศษมากขึ้นไปอีก


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 มกราคม 2565 เวลา:23:37:55 น.  

 
ถ้ามีเสียงเถียงกันในหัวนี่ ต้องไปดีกว่า
ไม่งั้นมันก็จะดังก้องอยู่อย่างนั้นไม่ได้หลับได้นอนแน่ 555

จริงๆอุตส่าห์ไปถึงนู่นแล้ว ถ้าไม่ไปอีกรอบ กลับมาเมืองไทยก็คาใจอีก
สุดท้ายอาจจะต้องบินกลับมาอีกรอบเนอะ

แล้วก็เสียดายพิพิธภัณฑ์ ไม่ให้ถ่ายรูปอีก แสดงว่าของมีค่าแยะ
แล้วเราจะรู้ตำแหน่งกล่องวงจรปิด ทางหนีทีไล่ได้ไงละ เสียดายจัง 555

เพลงแขกในรถ ที่ว่ามาจากหนัง ตามไปดูแล้ว
เพลงเพราะ นางเอกสวยมากเป็นเชียร์ลีดเดอร์ซะด้วย ดูเพลินเลย
แต่เสียงไม่เร้าใจ เท่า เพลงชองเด็กนักเรียนที่อัดมา ร้องเสร็จ
น่าจะเจ็บคอกันทั้ง รร. เพราะ ร้องสุดเสียงมาก555

ส่วนบรรยากาศงานนี่ ช่วงบ่ายน่าจะพึ่งเริ่ม ตกกลางคืนน่าจะคึกคัก
ชอบfood truck โดยมากของจะอร่อย เคยดูหนังเรื่องนึง
พระเอกเป็นเชพ ลาออกจากงาน แล้วมาทำ food truck สนุกมากทีเดียว ดันจำชื่อไม่ได้

แต่ 3 Idiots นี่จำได้เคยดู ทีแรกก็ว่าหนังมันแปลกๆ
ไม่เหมือนหนังแขกที่เคยดูสมัย ราเยส คันนา ที่มีเต้นตามถนน ภูเขา
จำได้ว่า ตอนจบที่มีฉากภูเขาทะเลสาป สวยแปลกตามาก ที่แท้ถ่ายในลาดักนี่เอง พึ่งรู้วันนี้แหละ555

เสียดาย ต้องรีปกลับเพราะรถจะหมด ไม่งั้นต้องหาโฮมสเตย์ค้าง
แต่ช่วงมีงานแบบนี้ไม่จองล่วงหน้าคงหายากเนอะ

แต่ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราก็ได้ชิม Paba ฝีมือชาวบ้าน
ก้อนนึงนี่คนกินกันไปครึ่งงานได้มั้ง 555



โดย: multiple วันที่: 18 มกราคม 2565 เวลา:5:48:12 น.  

 
ดูจากที่จอดรถแล้ว ที่ Hemis นี่ขนาดวันปกติก็ดูมีคนเยอะกว่าที่อื่นจริง ๆ ด้วย ^^

นี่ชอบอาคารสีขาวในรูปที่มีระเบียงยื่นตรงกลางเหมือนกัน ไม่ใช่อะไรหรอก มันคล้ายยานในการ์ตูนกันดั้มน่ะ 555
ชาวต่างชาติไม่รู้หรอก ระเบียงตรงกลางเป็นสะพานเดินเรือ ส่วนผนังสีขาวข้าง ๆ พอเปิดฝาขึ้น มีหุ่นรบบินออกมาได้ด้วยนะ (เอ๊ะ! ไปกันใหญ่แล้ว )

พอถึงวันงานคนเยอะจริง ๆ แต่แดดแรงมาก เดินไปเดินมา 2 รอบ ตัวก็ละลายแล้วมั้ง กว่าพิธีการต่าง ๆ จะเสร็จก็เย็นพอดี พอแสงสีเสียงมาครบ (แล้วก็ไม่ร้อนด้วย) น่าดูเหมือนกัน เสียดายคนต่างถิ่นอยู่รอไม่ได้เนอะ ^^"

ฟังคลิปที่นักเรียน DPKS ร้องเพลงท่าทางดูมีพลังมาก ลองใช้วุ้นแปลภาษาส่วนตัวแปลดู เหมือนจะร้องประมาณนี้นะ...
(ตึ่งตึ่งโป๊ะ ตึ่งตึ่งโป๊ะ)
"วี วิล วี วิล ร้อก คิว!"
"ซิงอิท!"
^
^
^
มั่วตลอด


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 21 มกราคม 2565 เวลา:13:09:31 น.  

 
แปลกจัง กดโหวตแล้วไม่มีชื่อขึ้นแฮะ สงสัยบล๊อกนี้ลงอาคมไว้มั้ง ^^"


โดย: ทุเรียนกวน ป่วนรัก วันที่: 21 มกราคม 2565 เวลา:14:03:21 น.  

 
^

ไม่รู้เหมือนกันอ่ะ
นี่ก็นึกว่าโดนแบนซะอีก 55


โดย: กาบริเอล วันที่: 23 มกราคม 2565 เวลา:11:55:27 น.  

 
ผมชอบอ่านเรื่องการผจญภัยในต่างแดนครับ
สิ่งเหล่านี้คงซ่อนอยู่ภายในใจ
ตอนที่ผมเรียนมัธยมต้น สั่งซื้อหนังสือของท่านที่เขียนเกี่ยวกับการไปสัมนาทางวิชาการ อ่านแบบเข้าใจไม่ตลอด แต่ก็สนุกไปกับผู้เขียน


โดย: Insignia_Museum วันที่: 24 มกราคม 2565 เวลา:15:35:35 น.  

 
แวะมาอ่าน
และแวะมาขอบน้ำใจ
ที่โหวตให้พี่อุ้มจ๊ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 26 มกราคม 2565 เวลา:14:49:17 น.  

 
น่าสนุกค่ะ
สถานที่ดูแห้งแล้งแต่คงไม่ร้อนเพราะอยู่สูงเนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 28 มกราคม 2565 เวลา:16:58:43 น.  

 
ทะเลสาปที่ว่า ดูในหนังมันสวยแปลกตามาก
ถ้าอยู่ใกล้ๆละก็น่าไปมากเลย

ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ



โดย: multiple วันที่: 29 มกราคม 2565 เวลา:9:21:32 น.  

 
จากบล็อกพอไปดูอีกทีเหมือนซองบุหรี่จริงๆ ด้วย 555 ดูเป็นแบบนั้นได้เหมือนกัน

สุขสันต์วันตรุษจีนเช่นกันครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:13:44:08 น.  

 
เห็นภาพแล้วสุดยอดเลยน้องฟ้า
พี่ว่าพี่ใจถึง
น้องฟ้าใจสุดสุด


โดย: อุ้มสี วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:19:54:34 น.  

 
เออจริงเนาะ น่าเดินขึ้นไปบนปราสาทดรืนสไตน์จริง ๆ เสียดายค่ะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:14:49:34 น.  

 
มาเที่ยวกับน้องฟ้าได้ชมวัดเฮมิสที่สวยสงบล้อมรอบด้วยภูเขา
ได้ชมงาน Naropa Festival งานบุญใหญ่
ที่รักษาความปลอดภัยอย่างดี มีหน่วยพยาบาล
มีการแสดงที่ตั้งใจฝึกซ้อมและขายอาหาร
ประทับใจน้ำใจป้าที่แบ่ง Paba ให้น้องฟ้าด้วยค่ะ
และที่สะดุดตาอีกอย่างคือ Food Truck มีดาดฟ้า
จอดท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้เก๋มากๆ

เป็นสถานที่ที่นึกไม่ออกว่าจะมีโอกาสไปเยือนได้เมื่อไหร่อย่างไร
ขอบคุณน้องฟ้าที่พาเที่ยวนะคะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 6 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา:22:59:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง

ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก
เป็นมนุษย์จำพวก introvert

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014


###ไม่สะดวกพูดคุยหลังไมค์นะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.