ในช่วงเดือนกันยายน มีเทศกาลมากมายที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในเลห์ค่อนข้างเยอะ และนี่ก็คือสิ่งที่เรียกให้เรากลับเข้าเมืองค่ะ กำหนดการจากปฏิทินงานที่จัดทำขึ้นล่วงหน้าเพื่อประชาสัมพันธ์ให้กับนักท่องเที่ยวจะมีระบุบอกระหว่าง 4 วันนี้ มีอะไรน่าสนใจบ้าง
ไฮไลท์เปิดงานวันแรก เป็นขบวนแห่ทางวัฒนธรรมที่จะมีคนแต่งด้วยชุดประจำถิ่นของแต่ละภูมิภาคโดยเริ่มเดินจาก Karzoo ไล่มาจนถึงสนามโปโล...เราพลาดวันนี้ไปเพราะมัวแต่เถลไถลอยู่นอกเมืองแต่ว่าโปรแกรมจัดงานของวันถัดมาก็ยังมีสิ่งอื่น ๆ ที่น่าสนใจเยอะไม่แพ้กันนะ
สถานที่จัดงานโดยมากก็อยู่บริเวณใจกลางเมือง อย่างเช่น Main Bazaar และพื้นที่รอบ ๆ อย่างเช่น LAMO Center, Onpo House, Eco park, สนามโปโล, ลานจอดแท็กซี่ตรง J&K Bank ทั้งนี้เราเข้าไปชมงานดังกล่าวแค่บางส่วนเท่านั้นนะคะ ที่ตั้งใจว่าอยากจะมาดูให้ได้ก็คือ Cham หรือระบำหน้ากาก เพราะปกติแล้ว ระบำหน้ากาก ไม่ได้มีให้เห็นบ่อย ๆ ถ้าไม่ได้จงใจมาให้ตรงกับช่วงจัดงานของวัดใหญ่ ที่จะจัดตามฤกษ์ยามในวันสำคัญที่อิงตามปฏิทินชาวพุทธทิเบตปีละหนเท่านั้น ย้อนไปเมื่อเอนทรี่เก่า หลังจากขึ้นรถที่ Basgo ก็กลับมาถึงตัวเมืองเลห์ก่อน 11 โมงพอดี เลยรีบตรงดิ่งไปยังจุดจัดงานที่ชื่อว่า Chowkhang Vihara ทันที -- สำหรับใครที่เคยเดินทางมายังเลห์บริเวณตลาดแล้วเคยเห็นที่ตั้งของวัดแห่งหนึ่งที่อยู่ตรงใจกลางตลาด...นั่นคือที่เดียวกันค่ะ เมื่อผ่านประตูเข้ามาแล้วก็เห็นคนมานั่งรอชมรายการนี้เยอะมาก ต้องมองหาที่นั่งเหมาะ ๆ สักหน่อย ไม่รู้ว่างานเริ่มไปนานเท่าไหร่แล้ว พื้นที่บนอาคารด้านหน้าเริ่มมีการบรรเลงกลอง เครื่องเป่า และฉาบดังขึ้นแล้ว...ระหว่างงานมีการบรรยายโดยพิธีกรสองคนในภาคภาษาลาดักและภาษาอังกฤษสลับกันในแต่ละช่วง ซึ่งก็ถือว่าเตรียมกันมาดีเหมือนกัน เพราะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจกันเยอะเลยมีนักแสดงทั้งสามที่สวมหัวครอบปิดหน้า เดินออกมาจากตัวอาคารด้านบน พวกเขาพักนั่งที่บันไดและกำลังทำท่าประกอบ คล้ายกับว่าตัวละครหลักกำลังพูดเล่าในเรื่องบางอย่างให้กับผู้ร่วมแสดงทั้งสองให้ได้ฟัง...เพือเกริ่นนำเรื่อง ก่อนที่พระรูปหนึ่งนำผ้าคาตักผืนขาวมาคล้องให้กับทั้งสาม ก็อาจสื่อความหมายสำหรับ การอวยพรต้อนรับ เคารพ หรือมิตรภาพ...(น่าจะเดาถูกสักอันละนะ) หลังจากนั้นการแสดงก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการบนลานปูน ทั้งสามตัวละครตลก ต่างเดินลงมาหมุนตัวไปตามจังหวะของเสียงดนตรี ดูเหมือนว่าเป็นการแสดงคั่นรายการเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม เพราะมีคนดูบางคนถูกแกล้งหยอก เพื่อให้มีส่วนร่วมในระหว่างนั้นก็มี...มาถึงช่วงท้าย ตัวละครที่เล่นบทผู้อาวุโสก็ไล่เดิน แจกลูกอมด้วยการโปรยไปตามจุดนั่ง เมื่อมาถึงทิศทางหนึ่ง แกก็ทำท่าควักย่ามเพื่อหยิบลูกอมเช่นที่เคยทำ แต่ว่าพอโยนใส่ผู้ชมที่เตรียมตั้งท่ารอรับกลับบ๋อแบ๋เป็นอากาศ คนดูฝั่งนั้นต่างส่งเสียงร้องด้วยความเก้อ...สุดท้ายแล้วก็ได้รับลูกอมกันแบบทั่วถึงหมด เหล่าผู้ร่วมชมงานที่นั่งรอการแสดงระบำหน้ากาก บริเวณลานของ Chowkhang Viharaสามตัวละครที่มาแสดงเปิดรายการ เพื่อสร้างบรรยากาศสนุก ๆ ให้กับคนดู เดินโปรยลูกอมไปตามทิศทางต่าง ๆ พอหมดช่วงขำขันก่อนเข้าสู่พิธีการจริง ๆ ผู้บรรยายก็เริ่มอธิบายถึงเรื่องราว ชัม ในชุดการแสดงที่สวมหมวกดำเพื่อเล่าถึงละครสอนศาสนาว่ามีความเป็นมายังไง...โดยมากก็จะอิงกับเนื้อหาของกูรูรินโปเช (คุรุปัทมสัมภวะ) ระหว่างที่ร่ายรำไปตามเสียงดนตรีจะไม่มีการพูด บทบาทของตัวละครก็มีทั้งฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรม ผู้แสดงทั้งหมดนั้นเป็นพระ การแสดง Cham ในชุดที่เรียกว่าหมวกดำจังหวะการหมุนตัวที่น่าจะเป็นท่าบังคับ (ทั้งของผู้แสดงและผู้ที่พยายามเก็บภาพ) ส่วนนิทรรศกาลอื่นที่จัดบริเวณ Vihara Chowkhang ด้านในอาคารใกล้กับประตูทางเข้าก็คือการแสดงภาพ ทังกะ (Thangka) ภาพวาดทางศาสนาที่เป็นแผ่นแบบม้วนได้สำหรับบูชา โดยแต่ละภาพก็มีคำบรรยายให้อ่านใต้รูปด้วย ชาวบ้านหรือเหล่าผู้ศรัทธาก็จะมีปฏิกิริยาที่ต่างกันไปจากผู้เข้าชมโดยทั่วไป บ้างก็ยกมือไหว้ บ้างก็โน้มศีรษะลงเพื่อแตะกำแพงทำความเคารพผืนภาพวาดที่ลงลวดลายและสีตามแบบฉบับของพุทธทิเบต มีชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังโน้มศีรษะแตะใต้ภาพวาดฯ และมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยกมือไหว้ที่มุมภาพด้านขวา อีกพื้นที่จัดงานตรงบริเวณ Main Bazaar โซนด้านหน้ามัสยิด (Jama Masjid) เป็นนิทรรศการแสดงภาพถ่ายสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและนกที่พบในลาดัก Exhibition : Mammals and birds of Ladakh ของกลุ่ม Wild LifeConservation and Birds Clubs of Ladakh ภาพถ่ายพวกนี้ไม่ได้มีคุณค่าแค่สวยอย่างเดียว แต่มันยังสะท้อนเป็นในอีกมุมมองหนึ่งของความหลากหลายทางชีวภาพของพื้นที่ราบสูงแห่งนี้ ว่ายังมีนกและสัตว์ประเภทไหนอาศัยอยู่อีก ไม่ใช่ว่าเมื่อนึกถึงลาดักจะมีแค่ มาร์มอต,อูฐสองหนอก (Bactrian camel), จามรี แค่นี้ซะที่ไหน ... จะว่าไปแล้วมีสัตว์แปลก ๆ ขนาดเล็กอีกชนิดที่เราบังเอิญเห็นระหว่างที่เทรกไปยังหมู่บ้านแห่งหนึ่งด้วยนะ มันดูคล้ายหนูแต่ใบหูกลมดิก โผล่มาอวดตัวอยู่ชั่วครู่ แล้วก็วิ่งหายไปเจ้าตัวเล็กที่ว่าคือ Himalayan Pika ค่ะ ซึ่งหนึ่งในภาพถ่ายของนิทรรศการนี้ก็มีรูปของPika อยู่ด้วยแหละ ผลงานการถ่ายภาพนกและสัตว์ฯ ของกลุ่ม WCBCL ที่พบในลาดัก ใน Main Bazaar ตรงฝั่งด้านหน้ามัสยิด สถานที่จัดวางภาพถ่าย และพื้นที่ขายผักผลไม้ที่หนนี้ถูกเขยิบย้ายมาตั้งขายถึงหัวมุมสำหรับผู้ที่สนใจอยากชมภาพเหล่านี้ ก็แวะเข้าไปดูทางเว็บไซต์ของพวกเขาได้ที่นี่ค่ะ wcbcl.orgอีกงานการแข่งขันที่น่าสนใจและเป็นกีฬาที่ไม่ค่อยคุ้นเสียเท่าไหร่ นั่นคือ โปโล มีจัดขึ้นในช่วงบ่ายสองโมงตรง Polo ground ที่ดูโล่ง ๆ ไร้หญ้าเขียว...อย่างที่เราเคยเห็น มันเป็นพื้นที่สำหรับจอดรถไม่ก็เอาไว้จัดงานอื่น แต่ว่าก็มีการใช้สนามเพื่อแข่งขันโปโลจริง ๆ อยู่นะ เคยเห็นโปสเตอร์ที่ติดประชาสัมพันธ์ตามหัวมุมต่าง ๆ ถึงฤดูกาลแข่งขันอย่างเป็นทางการของพวกเขาที่จัดขึ้นเมื่อต้นเดือนสิงหาคม ส่วนในงานนี้เกมการแข่งขันคงถูกจัดขึ้นเป็นวาระพิเศษค่ะ ... การเล่นกีฬานี้ คร่าว ๆ คือแบ่งเป็นสองฝ่าย เล่นคล้ายกับฮอกกี้ แต่ตัวผู้เล่นต้องอยู่บนหลังม้า หากใครติดภาพของธีมการแต่งกายของผู้คนที่จะเข้าไปดูเกมกีฬาประเภทนี้แล้วต้องใส่ชุดประชันโฉมติดเครื่องประดับบนผมเก๋ ๆ และถือกล้องส่องทางไกลเพื่อดูการหวดลูก ... ภาพเหล่านั้นไม่ใช่สำหรับที่นี่ค่ะ เพราะสนามจะลั่นไปด้วยเสียงพากย์และมโหรีปี่กลองที่ดังอึกทึกไปตามจังหวะการเดินเกม ซึ่งก็ถือเป็นจุดเด่นของการแข่งโปโลในลาดักที่ดูไม่เหมือนใครดี *** บทสัมภาษณ์ของนักกีฬาชาวลาดักผู้หนึ่งที่คลุกคลีกับวงการนี้นานถึง 40 ปี :https://www.reachladakh.com/news/in-conversation-with-reach-ladakh/in-conversation-with-mohammad-ali-polo-player1 (ไม่เกี่ยวกับเกมแข่งในวันนี้ แต่เป็นเกร็ดความรู้เล็ก ๆ ของกีฬาโปโลในลาดัก)ผู้เล่นฯ ของทีม กำลังควบม้าเข้าไปแย่งลูก พื้นที่อัฒจันทร์ด้านหน้าถึงจะเป็นทำเลที่ดีและชิดขอบสนาม แต่ก็ดูมีความเสี่ยงเล็ก ๆหากผู้เล่นควบม้ามายื้อแย่งลูกบอลกันแถวนี้...ดูสิ พวกเขาจะไปเข้าพังเต็นท์คณะกรรมการกันแล้ว (ฮา)ภาพอีกมุมหนึ่งของสนาม ที่มีนอกเหนือไปจากภูเขาที่ล้อมรอบแล้วก็ยังมีพระราชวังเลห์ตั้งเด่นเป็นฉากหลังอีกด้วยเหล่ากองเชียร์ ที่ทำหน้าที่บรรเลงเสียงกลองและปี่ จากสนามโปโล เราย้ายตัวไปเดินเล่นและหาของกินแถว Eco Park เพื่อรอชมการแสดงสุดท้ายของเย็นวันนี้ จุดที่เรียกว่า Eco Park จะตั้งอยู่ถัดไปจาก Main Bazaar หากข้ามถนนมาก็คือด้านหลังจุดขายผลไม้และถั่วอบแห้ง โดยปกติแล้วที่สวนสาธารณะนี้ก็ไม่มีอะไร เป็นจุดพักนั่งแต่ในช่วงเทศกาลลาดัก ก็มีการตั้งซุ้มขายสินค้าหัตถกรรมและขายอาหารกันด้วย ในช่วงเวลาเย็นจะมีการแสดงให้ชมบนเวที ก็เห็นผู้คนเริ่มมาจองที่นั่งกัน และมีกลุ่มคนที่แต่งชุดพื้นเมืองมายืนออกันในบางจุดเพื่อซักซ้อมคิวการขึ้นแสดงซุ้มจัดจำหน่ายอาหารและสินค้าใน Eco Parkโปรแกรมสุดท้ายของวันนี้เป็นการแสดงทางวัฒนธรรมของที่ต่าง ๆ ตั้งแต่ช่วงหกโมงเย็น มีนักร้องชายชาวลาดักขึ้นไปร้องเพลงช่วงคั่นรายการ 2 เพลง ถึงบนเวทีจะมีความขลุกขลักบ้างในเรื่องการจัดเสียง ตำแหน่งวางไมค์ หรือการแสดงบางชุดที่ดูเนิบนาบไปบ้าง แต่ก็เชื่อว่ามีสองการแสดงเด่น ๆ บนเวทีที่ชวนให้หายง่วงได้อยู่ คือกลุ่มชายสี่คนที่แต่งตัวเหมือนจะไปออกรบ พวกเขาแสดงอาวุธต่าง ๆ มาประกอบท่าเต้นอย่างดาบ เชือกสลิง และธนู -- ท่าทางตอนจบ มีการแกล้งให้คนหน้าเวทีตกใจกันด้วย ตรงที่พวกเขาหยิบคันธนูออกมาง้างเล็งพร้อมลูกศร พอถึงจังหวะปล่อยสายเสียงดีดก็ดังขึ้นพร้อมการกระทืบเท้า คนดูต่างตบมือชอบใจกันใหญ่ เราจำไม่ได้ว่าเขาจับลูกธนูยังไงถึงไม่ให้พุ่งดีดออกมาได้ และอีกกลุ่มการแสดงที่พากันร้องรำทำเพลงแบบสนุก ๆ โต้ตอบกันระหว่างฝ่ายชายหนุ่มหญิงสาว (ไม่แน่ใจว่าเป็นของทางฝั่ง Zanskarหรือปล่าวนะ) การแสดงเวทีทั้งหมดนี้ก็ ต่างว่าไปตามเรื่องราวพื้นบ้าน อดีตความเป็นมา แล้วก็วัฒนธรรมของพวกเขา ถึงจะไม่สามารถเข้าใจได้ทั้งหมดกับรายละเอียด แต่เราก็รู้สึกเต็มอิ่มดีที่ได้มาเห็นอะไรแบบนี้ นักร้องท่านหนึ่งที่ขึ้นมาขับเพลงพื้นเมือง กลุ่มแสดงทางวัฒนธรรมกับชุดพื้นเมือง ... หมวกประดับเทอควอยซ์ที่ผู้แสดงสวมอยู่นั้นเรียกว่า 'เป-รัก' ค่ะอีกชุดการแสดง ที่มาร้องรำพร้อมถือดอกไม้ช่อใหญ่พวกเขามีชุดและหมวกกันหลายทรงมาก เผื่อใครสนใจเรื่องชุดพื้นเมืองแวะเข้าไปดูได้ที่นี่ :https://www.ju-lehadventure.com/ladakh-information/traditional-dresses-of-ladakh แถมท้ายอีกรายการที่จัดใน วันที่ 3 และ 4 ก็คือ การแข่งขันยิงธนู สถานที่ของงานนี้อยู่ตรงลานจอดรถแท็กซี่ (ใกล้ J&K Bank) แต่ก็ค่อนข้างเป็นกลุ่มเฉพาะ แดดร้อนมากเพราะจัดรอบบ่าย ถ่ายรูปลำบากอยู่เหมือนกันก็มีการตั้งซุ้มสำหรับนั่งพักผู้เข้าแข่งขันจะไม่ได้ยิงเป้าทีละคน แต่จะยิงธนูพร้อมกันทั้งทีม อาจเก็บคะแนนแบบรวมกลุ่มในเป้าเดียว...ก่อนลงสนามจะต้องมีการออกไปตั้งแถวร้องรำทำเพลงเชิ้บ ๆ พอเมื่อเพลงบรรเลงจบแล้ว ก็เริ่มเข้ามาประจำที่เพื่อยิงเป้านิ่งกัน ทีมยิงธนูกำลังเดินร่ายรำเฉลิมฉลองกันก่อนลงแข่งในรอบนี้นักธนูที่มีทั้งชายและหญิง (มีผู้เข้าร่วมแข่งในทีมเป็นผู้พิการอีกรายนึง)งานกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากนี้ที่ ก็มีจัดตรง LAMO Center เราไม่ได้แวะขึ้นไปเยี่ยมชมในโอกาสนี้นะคะเพราะเคยขึ้นไปดูนิทรรศการอื่นมาแล้วก่อนหน้า (เอาไว้จะมาพูดถึงภายหลัง) ส่วน Onpo House ได้เข้าไปดูเพียงผ่าน ๆ ไม่พบชิ้นงานแสดงอะไรด้านในตามที่แจ้งในปฏิทินฯ รายการบางส่วนอาจถูกตัดออกไป เช่นเดียวกับในค่ำคืนของวันที่ 4 สถานที่จัดงานตรง Eco Park ก็ไม่มีเวทีการแสดงอะไรแล้ว คาดว่าคงมีงานอื่นที่มาจ่อคิวรออยู่เร็ว ๆ นี้ อีกเพียบ