Ladakh ฉบับเบา ๆ - เดินเก็บภาพไปตามเส้นทาง Leh Heritage Walk

Leh Heritage walk ที่ถูกติดอยู่ข้างหน้า Lala's cafe เป็นแผนที่ฉบับเดียวกับของ Tibet Heritage Fund จัดทำไว้ในเว็บไซด์ คลิกที่นี่ > https://www.tibetheritagefund.org/_obj/?r=161&c=0&o=2
เอนทรี่ย์นี้ยังคงลงภาพตามสถานที่ต่าง ๆ บริเวณย่านเลห์เมืองเก่าที่ปรากฏ ในแผนผัง Heritage Walk เช่นเคยนะคะ อาจเรียบเรียงขลุกขลักไปบ้างกับ การลำดับเนื้อหา เนื่องจากเราไม่ได้ตั้งหลักเดินตามลำดับที่ปรากฏเอาไว้ตาม อย่างที่ควรจะเป็น หลังจากพูดถึงพื้นที่หลบสายตาอย่างตรอก Chutayrangtak ไปแล้ว คิดว่าหากหยิบภาพของสถานที่เหล่านั้นมาลงเล่าให้ครบหมด คงจะกิน พื้นที่ใน Group Blog อีกหลายตอนแน่ 
เลห์ ฝั่งเมืองเก่ามีอะไรน่าเดินเที่ยว? การที่จะเดินเลียบเข้ามาทางตลาด ผ่านตรอกข้างจามามัสยิด โต๋เต๋ไปตาม ลูกศรที่วาดบอกใบ้ให้เราเดินไปตามทาง ฝ่าฝุ่นที่คละคลุ้งจากสภาพแวดล้อม เอี้ยวตัวหลบมอเตอร์ไซด์ที่วิ่งลัดเลาะผ่าน หรือเสียงเรียกลูกค้ากึ่งแอ๊วสาวชวน ดื่มชา จากเหล่าพ่อค้าแคชเมียร์ที่มาขายผ้าและของที่ระลึกในฤดูท่องเที่ยว
ก็นั่นแหละฮะ มันเป็นบรรยากาศที่ยังไง ๆ ก็ต้องเจออย่างเลี่ยงไม่ได้ ก่อนที่เรา จะจ้ำเท้ามาถึงจุดที่(ควร)มาเริ่มตั้งหลักที่คาเฟ่เล็ก ๆ อย่าง Lala's cafe ได้

⭗ Lala's cafe [อยู่ในตำแหน่งที่ 16]
Lala's cafe (หรือ Sankar house) ถ้ามองอย่างผิวเผิน ก็คือร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่สร้างในอาคารทรงโบราณหลังหนึ่ง มีแท่นหินที่แกะสลักพระพุทธรูปวางพาดอยู่ ด้านหน้า ตัวร้านกาแฟอยู่ที่ชั้นสอง ภายในมีพื้นที่จัดแสดงรูปภาพเก่า ๆ ของเลห์ เอาไว้ให้ชม หากต้องการติดต่อการพาเดินทัวร์สถานที่ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรม ก็สามารถมาติดต่อได้จากที่นี่เลยค่ะ
คาเฟ่แห่งนี้ที่จริงก็นับว่าเป็นหนึ่งในอาคารหลังเก่าที่อยู่คู่ย่านนี้มานานมาก เมื่อก่อนเคยใช้เป็นที่พักของพระจาก Sankar Monastery ผู้ทำหน้าดูแล White Maitreya Temple ต่อมาได้ส่งมอบให้กับตระกูล Goba เป็นผู้ดูแลต่อ และภายหลังจากนั้นก็ถูกทิ้งร้างไป
Sankar House ถูกบรูณะขึ้นมาอีกครั้งโดยกลุ่มงานของ THF/L.O.T.I. (Tibet Heritage Fund / Leh old town initiative) ในปี 2006 พอเห็นจากประวัติแล้ว ก็น่าตกใจเล็กน้อยที่มันเคยเกือบถูกรื้อถอนตามแผนการพัฒนาสิ่งปลูกสร้าง ของทางวัดฯ เพื่อสร้างใหม่ตามรูปแบบที่ดูร่วมสมัยไปกับตัวอาคารอื่น ๆ
กลุ่มงานอนุรักษ์ดังกล่าวได้ร้องขอให้ทางวัดพิจารณาใหม่และต่อมาก็ได้ ยินยอมที่จะเก็บรักษาไว้ อาคารหลังนี้ก็พลอยได้เป็นพื้นที่ประชาสัมพันธ์ผลงาน ของ THF/L.O.T.I. ไปด้วย ...ในส่วนของ ลาล่า เป็นชื่อผู้จัดการร้านกาแฟค่ะ

⭗ Stupa gate [อยู่ในตำแหน่งที่ 20]

⭗ ตรอกทางเดินในเมืองเก่าจะเชื่อมไปสู่เนินทางขึ้นไปยังพระราชวัง
พื้นที่เชื่อมต่อระหว่างตลาดและเลห์เมืองเก่า เป็นอีกเส้นทางหนึ่งที่จะพาไปสู่ พระราชวัง (ผ่าน LAMO Center) บ้านเรือนโซนนี้จะยังคงมีบ้านเก่าที่คงรูปแบบเดิม ไว้ด้วยจากการสนับสนุนของ THF เจ้าเก่า และองค์กรต่างชาติอื่น ๆ ที่เข้าร่วมดูแลงาน บูรณะ บ้านหลังไหนที่รับการซ่อมแซมเสร็จแล้วก็จะมีการติดแผ่นป้ายติดบอกเอาไว้ข้าง ประตูบ้าน โดยมีป้ายชื่อเจ้าของบ้านติดไว้ส่วนหนึ่ง (มีผู้พักอาศัยอยู่กันจริง ๆ ด้านใน) และแผ่นป้ายโลหะสลักชื่อองค์กรที่เข้ามามีส่วนในงานนี้ และรูปธงชาติที่แสดงกำกับไว้ ทำให้เรามองหาง่ายขึ้นว่ามีประเทศไทยร่วมด้วย (เจออยู่หลังนึงจากการมองอย่างผ่าน ๆ ไม่ได้สำรวจแบบละเอียด) ก็เลยลืมบันทึกชื่อหน่วยงานและประเทศที่จับคู่ร่วมทีม

⭗ Munshi House [อยู่ในตำแหน่งที่ 18] ปัจจุบันคือ LAMO Center ตั้งอยู่บนเนินเขาเหนืออาคารบ้านเรือนของเลห์เมืองเก่า เว็บไซด์ : https://lamo.org.in/
LAMO อาจเป็นชื่อทิเบตทั่วไป แบบที่เรามักได้ยินคนชื่อ ลาโม่ อย่างดาษดื่น ในขณะเดียวมันอาจเป็นคำหนึ่งในภาษาลาดัก ที่แปลว่า "ง่าย" ศูนย์ลาโม่แห่งนี้ น่าจะตั้งชื่อเพื่อเล่นคำให้พ้องกับภาษาถิ่น โดยความจริงแล้วย่อมาจาก Ladakh Arts and Media Organization ที่นี่มีผลงานทางแสดงศิลปะและทำหน้าที่ผลิต สื่อเผยแพร่ข้อมูลเพื่อการประชาสัมพันธ์ในลาดัก ช่วงที่เราแวะเข้าไปเยี่ยมชม วันนั้นก็มีนิทรรศการที่ว่าด้วยเรื่อง น้ำ จัดไว้พอดี
เดิมทีเป็นอาคารหลังเก่า เคยใช้เป็นที่อยู่ของขุนนางเก่า ถูกแบ่งเป็นสองหลัง ในส่วนของพื้นที่หลังแรกถูกจัดไว้แสดงนิทรรศการ แกลอรี่รูปถ่าย ฯลฯ มีลานเชื่อมต่อระหว่างอาคารอีกฝั่ง ตัวอาคารอีกหลังใช้เป็นห้องสำนักงาน ห้องฉายภาพ ห้องสมุด และพื้นที่วางโครงงาน แบบจำลอง ของกลุ่มงานศิลปะ และงานบูรณะต่าง ๆ
ค่าเข้าชม 100 รูปี

⭗ ที่ตั้งของพระราชวัง จากมุมมองตรง LAMO Center

⭗ เดินขึ้นมาอีกนิด ช่วงนี้มีการซ่อมแซมอยู่ เดินขึ้นมาทางนี้อันตรายหน่อยเพราะคนงานที่กระเทาะหินด้านบน อาจเผลอโกยดินโกยหินกระเด็นลงมาหล่นร่วงใส่หัวเราได้ทุกเมื่อ (ประสบการณ์จริงจากผู้โดนจริง...อ่ะแฮ่ม)
⭗ Soma Monastery [หรือ Gonpa Soma อยู่ในตำแหน่งที่ 8] ตอนนี้เต็มไปด้วยกองไม้ (รอบูรณะ)

⭗ Namgyal Chorten [เจดีย์ขาว อยู่ในตำแหน่งที่ 5] Guru Lakhang [อาคารสีขาวด้านหลัง อยู่ในตำแหน่งที่ 6] Lonpo House [ใกล้อาคารสีเหลือง ที่บนหลังคามีจานรับสัญญาณฯ อยู่ในตำแหน่งที่ 7]
Lonpo House เมื่อก่อนนี้เคยเป็นหนึ่งในที่พำนักของขุนนางยุคก่อน ปัจจุบันเป็นของวัด Chemrey Monastery ด้านในเปิดเป็นคาเฟ่เล็ก ๆ มีลักษณะเป็นห้องรับแขก แบบบ้านชาวลาดักดั้งเดิม ก็จะเห็นหน้าตาพื้นที่ครัว อุปกรณ์ครัว เตาไฟ ในยุคก่อนวางโชว์ไว้ เรื่องอาหารเครื่องดื่มมีตัวเลือกไม่เยอะเท่าไหร่ เหมาะกับการแวะไปนั่งพักจิบชาในเวลาสั้น ๆ ที่นี่มีหนังสือให้หยิบอ่านได้ด้วยนะ

⭗ ประตูทางเข้า Lonpo House บ้านเรือนทรงโบราณนี่ตัวประตูค่อนข้างเล็ก จึงมักมีคำเตือนให้ระวังศีรษะเขียนบอกไว้

⭗ รายการเครื่องดื่มบนเมนูของ Lonpo House ที่น่าจะทำรูปแบบให้คล้ายคัมภีร์เก่า

⭗ ที่นั่งและโต๊ะรับรอง ได้บรรยากาศเก่า ๆ มากเลย

⭗เครื่องเรือนที่จัดแสดงโชว์ เตา หม้อ เหยือกน้ำ ยุคก่อนจะมีหน้าตาเป็นแบบนี้
พระราชวังเลห์ Leh palace [อยู่ในตำแหน่งที่ 4] คงไม่ต้องแนะนำที่นี่มากเท่าไหร่นัก สามารถมองเห็นตัวพระราชวังยืนเด่นเป็นสง่าตั้งแต่ที่ตลาด หากไม่อยากเดิน ก็สามารถมาทางรถก็ได้ ทั้งขับมอเตอร์ไซด์ หรือมากับรถนำเที่ยว ส่วนมากเขาก็จะ จัดทริปเยี่ยมชมที่นี่กันอยู่แล้ว
เคยได้ยินเสียงลือเสียงเล่าอ้างมาก่อนค่ะว่าเป็นวังที่ดูร้าง ๆ โล่ง ๆ ไม่มีอะไรเลย หยิบพาสปอร์ตโชว์เจ้าหน้าที่ออกตั๋วก่อนจ่ายเงินนะคะ จะได้เสียค่าเข้าชม 25 รูปี (ประเทศในกลุ่ม BIMSTEC จะได้รับส่วนลดนี้) ราคาเต็มสำหรับชาวต่างชาตินี่จ่ายเป็นร้อยนะ

⭗ ห้องโถงด้านในบริเวณชั้นแรก ถูกใช้จัดนิทรรศการโชว์โบราณสถานต่าง ๆ ในอินเดียที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
 ⭗ โครงสร้างงานไม้ที่นำมาบูรณะแทนของเก่า กับร่องรอยงานเขียนบนฝาผนังที่เริ่มจาง

⭗ ชั้นดาดฟ้าบน ทราบมาว่าพระราชวังมีทั้งหมด 9 ชั้น
พระราชวังเลห์ถูกสร้างในช่วงศตวรรษที่ 17 เคยเป็นที่ประทับของราชวงศ์ Namgyal จนถึงกลางศตวรรษที่ 19 ก็ถูกกองทัพของราชวงศ์ Dogra จากแคว้นจัมมูและแคชเมียร์เข้ามารุกราน ทำให้ราชวงศ์ต้องสละอำนาจและย้ายไปอยู่ที่ Stok แทน ดังนั้นพระราชวังนี้จึงไม่มีข้าวของเครื่องใช้ หลงเหลือ (เว้นแต่ส่วนที่เป็นห้องพระ) ห้องหับบางแห่งที่ก็อาจมีร่องรอยภาพเขียนบนผนังลาง ๆ อยู่ บางช่วงที่ไป เราไม่สามารถได้เข้าครบทุกห้องนะคะ มีส่วนที่ต้องปิดเพื่อบูรณะซ่อมแซม

⭗ เนินเขาที่อยู่เหนือถัดไปจากพระราชวัง จะมีที่ตั้งของวัด ป้อมและปราสาทด้านบน ออกมาจากพระราชวังแล้ว ก็ยังเหลือพื้นที่วัดใจอีกแห่งสำหรับมนุษย์เดินเท้าอย่างเรา นั้นคือวัดและ หอคอยเหนือปราสาทเป็นเนินเขา มองแล้วก็น่าจะใกล้ แต่เมื่อเทียบกับคนที่ออกแรงเดินนำไปก่อนหน้า ที่เหลือตัวนิดเดียวแล้วแหะ ๆ น่าจะไหวอยู่ (ที่จริงทางขึ้นบันไดก็มีนะ แต่มันต้องอ้อมไปยังฝั่ง Chubi)
⭗ เดินไปคลานไปเรื่อย ๆ ก็จะได้ขึ้นมาเห็นวิวบนนี้ เป็นที่ตั้งของ Maitreya temple ช่วงไหนที่มีโอกาสพักอยู่ในเลห์ ตอนเย็น ๆ เราชอบมาปีนเนินนี้เพื่อที่จะไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกที่จุดผูกธงฝั่งตรงข้ามโน่น

⭗ ฝั่งบันได ที่ปลายทางลงไปสุดแถว ๆ Chubi หาทางขึ้นยากหน่อยเพราะมีกลุ่มงานก่อสร้างมาบดบัง (ขากลับเราลงทางนี้)
⭗ Tsemo Chamba Lhakhang (Maitreya Temple) [อยู่ในตำแหน่งที่ 3] ไม่ถนัดด้านการบรรยายเรื่องวัดวาอารามเท่าไหร่นะคะ ขอว่างข้อมูลตรงนี้ไว้น้อ ตรงบริเวณวัดด้านนี้สามารถนั่งรถขึ้นมาได้ มีทางถนนเชื่อมต่อ ถ้ามาช่วงเย็น วิวพระอาทิตย์ตกจากฝั่งนี้สวยนะ สามารถมองเห็น Shanti Stupa ตั้งอยู่บนเขาฟากตรงข้ามด้วย จุดนี้เป็นที่ประดิษฐานรูปปั้นพระศรีอริยเมไตรย หรือพระโพธิสัตว์ไมเตรย
⭗ ขึ้นมาแล้วก็ต้องไปให้สุด ด้านบนนั้นคือปราสาทและหอคอย
ลำดับสุดท้ายแล้ว ต้องเดินขึ้นไปทางบันไดนะคะ โดยก่อนจะขึ้นไปยังหอคอยได้ก็ต้องผ่านด่าน เก็บค่าเรียกเข้าเสียก่อน โดยจะเจอกับพระที่นั่งดูแลประจำ Tsemo Lhamo Gonkhang [อยู่ในตำแหน่งที่ 2] ก็อนคัง นี่เป็นวิหารของเหล่าธรรมบาล เทพผู้พิทักษ์ (Protector temple) ก็จะดูเป็นห้องชั้นในมืด ๆ ทึบ ๆ และไม่ค่อยอนุญาตให้ถ่ายรูปค่ะ -- เสียค่าบำรุง 20 รูปี

⭗ หอคอยสูง ที่มองเห็นเลห์รอบทิศทาง เลื่อนภาพกลับไปดูด้านบน เอ๊ะ...มีฐานเป็นไม้เหรอเนี่ย!?
Namgyal Tsemo Tower [อยู่ในตำแหน่งที่ 1]
พอได้เห็นที่ตั้งของชุมชนเมืองเก่า ก็พาลให้เราได้คิดถึงสุภาษิตลาดักบทหนึ่ง ที่ถูกพิมพ์เอาไว้บนที่คั่นหนังสือ ของที่ระลึกจาก LAMO Center Khar-yog ga khangpa, zing-yog ga zhing
A house below the palace, a field below a water reservoir. สื่อถึงค่านิยมในยุคนั้น หากบุรุษใดที่มีบ้านอยู่บริเวณเบื้องล่างของพระราชวัง และมีพื้นที่เพาะปลูกใกล้กับแหล่งน้ำ นับว่าเหมาะสมกับการได้เลือกเป็นคู่ครอง
ในครั้งหนึ่งมันคงเป็นทำเลทอง ยิ่งใครอยู่ใกล้พระราชวังก็ยิ่งหมายถึงมีตำแหน่งใหญ่โต โดยคาดเดาจากอาคารเก่าแก่ในบริเวณนี้ ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นของกลุ่มข้าหลวงมาก่อน แต่ตอนนี้ชุมชุนเริ่มขยาย มีบ้านเรือนหนาแน่น เดินไปก็เจอฝุ่นตลบอบอวล เวลาเปลี่ยน อะไร ๆ ก็คงเปลี่ยน

⭗ บันไดที่พาดไปยังดาดฟ้าของตัวปราสาท ช่วงขาลงนี่น่าหวาดเสียวตรงที่มีเด็กยิวสองคนพยายามขยับตำแหน่งพาดบันไดใหม่ 
⭗ พื้นที่บนดาดฟ้า ของ Tsemo castle สูงกว่าหอคอยก็คือตรงนี้แล้ว
⭗ เมืองเลห์ อีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยบ้านเรือน และสิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ และเกสเฮาส์

⭗ บริเวณถนนคนเดินตรงตลาดเมื่อร้อยปีก่อน [ภาพประกอบจากหนังสือคู่มือนักท่องท่องจัดทำโดย Leh Development Authority]
สถานที่อื่น ๆ ที่ตกหล่นไปจากบนแผนที่ อาจเคยลงผ่านตาไปแล้วบางส่วนนะ ภาพเหล่านี้ถ่ายไว้เมื่อปี 2019 หลังจากนี้ ก็น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอีก การใช้เวลาเดินดูสิ่งที่ หลงเหลือเป็นมรดกตกทอดมาถึงคนรุ่นหลัง ถึงจะดูธรรมดา ๆ แต่มันก็พาให้เราได้ย้อนกลับ ไปยังมุมหนึ่งของอดีตที่แอบซุกซ่อนตัวอยู่ในเลห์เมืองเก่าได้เป็นอย่างดี
ขอขอบคุณ แผนที่ที่ใช้อ้างอิงประกอบ โครงการอนุรักษ์ต่าง ๆ และข้อมูลบางส่วนจาก -- TIBET HERITAGE FUND (THF) : https://www.tibetheritagefund.org/
Create Date : 17 ตุลาคม 2564 |
Last Update : 24 กันยายน 2566 20:07:25 น. |
|
15 comments
|
Counter : 1650 Pageviews. |
 |
|
หรืออาจจะไม่ ผจญ ก็ได้มั้ง เท่าที่เคยเล่า ชาวบ้านเขาต้อนรับ
ดี แต่บางคนก็แปลกถ้าเป็นผม ก็หวาด ๆ เหมือนกัน
...
ตอนที่บล๊อกเกอร์สาวที่ ไปไหนคนเดียวแบบคุณฟ้า หายไป
จากเมืองที่รบกัน... เราลุ้น ๆ ให้เธอปลอดภัย เพราะดูที่ภาพ
น่ารักมีอารมณ์ขันมาก ๆ ตอนนี้ไม่รู้เป็นไง