Ladakh 2019 - การเดินทางออกจากเลห์
การเดินทางออกจาก เลห์ - ลาดัก ด้วยรถรับจ้างนั้นไม่น่าจะใช่เรื่องยากเย็น นอกเหนือไปจากระบบขนส่งสาธารณะอย่างรถโดยสารธรรมดา ๆ ที่ใช้เวลามากถึงสองวัน ทั้งนี้ยังมีตัวเลือกอื่นที่เร่งรัดกว่านั้นก็คือรถรับจ้างรอบกลางคืนที่สะดวกรวดเร็วแต่ข้อเสียก็ คือจะไม่สามารถเห็นวิวอะไรเลยระหว่างทาง
เท่าที่ติดต่อมาก็มีอยู่สองเจ้าคือเป็นรถยนต์ขนาดสามตอนที่มีกำหนดออกรถจากเลห์ช่วงเวลา สี่โมงเย็นและจะไปถึงมะนาลีหกโมงเช้า ค่าโดยสารจะคิดตามตำแหน่งนั่ง หลังสุด 2,500 บวก ราคาเพิ่มตามตำแหน่งเบาะไล่จนถึงแพงสุดคือข้างหน้าคือ 3,000 รูปี ส่วนอีกรายหนึ่งก็คือ Tempo Traveller มีที่ตั้งสำนักงานเล็ก ๆ ตั้งอยู่บริเวณท่ารถสำหรับ จองเที่ยวรถและออกตั๋ว ตัวรถมีขนาดกว้างกว่าและคิดราคาแค่ 2,300 รูปี ดูนั่งสบายกว่าตัวเลือกแรก กำหนดการออกรถก็ดีงาม คือหกโมงเย็นและไปถึงมะนาลีในเวลาสิบโมงเช้า เราตกลงที่จะเดินทางไป กับตัวเลือกที่ว่านี้
เมื่อถึงเวลารถออกตามกำหนดนัดหมาย บรรดารถรับจ้างเจ้าเดียวกันนี้ นอกเหนือไปจากคันที่นั่ง ก็ยังมีอีกหลายคันที่จะร่วมขบวนออกไปพร้อมกัน เมื่อเหลือบไปเห็นรถคันอื่นที่เต็มไปด้วยผู้โดยสาร ต่างชาติก็เดาว่าคงจองผ่านเอเจนต์ถึงได้ไปรวมตัวอยู่บนรถเดียวกัน ส่วนรถของเรานั้นหากไม่นับผู้คน ท้องถิ่น ก็จะมีเราและคู่รักชาวอินเดียสองรายที่ถือว่าเป็นนักท่องเที่ยว

⭗ บนรถรับจ้างที่จะวิ่งออกจากเลห์ไปยังมะนาลีในช่วงหกโมงเย็น
ก็คงไม่มีอะไรแปลกใหม่สักเท่าไหร่นะ กับวิวข้างทางขากลับในช่วงที่ยังอยู่ในเขตลาดักในขณะ ที่แสงอาทิตย์ยังคงมีอยู่ หลังล้อหมุนเราก็ตรงไปยังทางใต้สู่ Leh-Manali Highway ไล่ตาม เส้นทางที่คุ้นตาผ่าน Shey – Thiksay – แยก Karu และตรงมายังแยก Upshi ช่วงหนึ่งทุ่ม
ที่แยกอุปชิ รถรับจ้างจะหยุดจอดพักเพื่อให้ผู้โดยสารได้แวะพัก ดื่มน้ำชา ไม่ก็หาอะไรกินรองท้อง ส่วนคนต่างชาติอย่างเราจำเป็นที่จะต้องไปรายงานตัวต่อหน้าเจ้าหน้าที่พร้อมคนขับรถเพื่อลงบันทึก ตรวจตราตามกฏระเบียบของพื้นที่ ก่อนกลับขึ้นไปยังรถเพื่อออกเดินทางกันต่อ เราได้เห็นหมู่บ้าน Meru, Lhato, Gya และแนวเจดีย์อันยาวเหยียดอีกหนเมื่อผ่าน Rumste ภายนอกเริ่มมืดลงและ ไม่มีแสงอื่นนอกจากไฟหน้าอากาศคืนนี้ดูเหมือนจะเย็นยะเยือกลงเรื่อย ๆ

⭗ เมฆฝนที่กำลังปกคลุมเทือกเขาด้านหน้าในช่วงบ่ายแก่ของวัน ถ่ายจากที่หน้าระเบียงที่พักย่าน upper tukcha
จากภาพจำสุดท้ายที่เราได้เห็นจากระเบียงที่พักไกล ๆ ก็คือมีเมฆฝนพัดปกคลุมเทือกเขาในช่วงบ่ายสี่ อากาศที่เลห์วันนี้ก็ดูแปรปรวนทั้งลมที่พัดกรรโชกแรง และมีละอองฝนโปรยลงมาด้วยเล็กน้อย (ไม่น่า จะเรียกว่าฝนตกได้เต็มปากเพราะสัมผัสได้แค่ชั่วอึดใจเดียว) คิดดีไม่ได้เลยนะว่าขากลับหนนี้จะมีอาเพศ อะไรอีกมั้ย สาบานได้ว่าไม่ใช่นักท่องเที่ยวขาลุย แค่ที่ผ่านมาพระเจ้าไม่ค่อยอนุญาตให้เดินทางสบาย ๆ สักเท่าไหร่ 555
เผลอหลับไปพักหนึ่งก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้งเพราะรถจอดนิ่ง ที่นั่งด้านหน้าที่เป็นเบาะเดี่ยว ติดกับประตู มันจึงกลายเป็นทางผ่านให้ผู้คนในรถเดินผ่านเพื่อลงจากรถ...หลังรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อ บานประตูรถถูกเคลื่อนเปิดและปิดอย่างไว ไอเย็นจากด้านนอกก็ลอยเข้ามาแตะหน้าอย่างจัง ถึงจะ มองหาสัญลักษณ์ สิ่งก่อสร้าง บนพิกัดนี้แทบไม่เห็นว่าเป็นที่ไหน แต่คนที่ออกไปนอกรถ ดูเหมือน จะตื่นเต้นกันกับหิมะที่ปกคลุมพื้นในขณะนี้กันยกใหญ่ โดยเฉพาะสองนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่ลง จากรถไปโต้ลมหนาวข้างนอก พวกเขาฮัมเพลงกันสนุกสนาน ตั๊ก ตั๊กลัง ล๊าา ตั๊กลัง ลาาา ~
อ๋อ รู้แล้ว...ที่นี่คือ Taglang La นั่นเอง พอหยิบเวลามาดูตอนนี้ก็ปาไปสามทุ่มแล้ว ดูเหมือนว่า เราได้หยุดจอดที่ช่องเขาแห่งนี้แค่ระยะหนึ่งแค่นั้น
⭗ ที่ตั้งของร้านอาหาร และจุดพักแรมของนักเดินทางที่ Pang
ช่วงสี่ทุ่ม รถวิ่งมาถึง Pang ที่มีร้านอาหาร และจุดพักแรมให้บริการด้วยนะ ที่นี่หนาวมาก ๆ จนไม่ อยากก้าวลงจากรถเลย พี่คนขับก็หันมาถามว่าไม่ลงไปดื่มชาสักหน่อยรึไง เราไม่ชอบดื่มชาอยู่แล้ว เพราะมันจะทำให้นอนไม่หลับ อีกอย่างหนึ่งที่เลือกเดินทางตอนกลางคืน เพราะใจจริงก็อยากจะนั่ง หลับยาว ๆ แล้วไปตื่นอีกทีที่มะนาลีเลย 01.15 น. ถึง Sarchu มีการแวะจอดพักรถเพื่อกินอาหาร ดื่มชากันอีกครั้ง ใครใคร่ลงก็ลงไปเต๊อะ (ขอหลับต่อ) พอหลังจากนั้นรถก็ออกตัววิ่งยาวไปเรื่อย ๆ กระทั่งช่วงตีสามที่ตื่นขึ้นมา เพราะเหมือน รถจอดมันนิ่งสนิทจนนานผิดปกติ สะลึมสะลือลืมตาหันไปดูเหตุการณ์รอบนอกว่ามีอะไรเกิดขึ้น?
พื้นที่ที่รถจอดแน่นิ่งอยู่นั้นเป็นที่ราบท่ามกลางหุบเขา ไร้ผู้คนและแหล่งพักอาศัยรายทาง เบื้องหน้า ของเราเมื่อมองไปตามแสงไฟของรถที่สาดไปมีรถยนต์คันหนึ่งกำลังพยายามดันตัวเองให้พ้นไปจาก หล่มหินที่ติดอยู่ โดยอยู่ไกลจากกันราวห้าเมตร และต่อมาก็ดูเหมือนว่าพี่คนขับจะมองเห็นเจ้าของ รถคันดังกล่าวแล้วว่าเป็นใคร "ลามะจี! ลามะจี!" อากาศข้างนอกก็หนาว แถมพื้นที่รอบด้านมีแค่หิน แผ่นดิน และภูเขา แถมยังมืดตื๋ออีกตะหาก อะไรดลใจให้พระคุณเจ้ารีบร้อนขับรถลุยเดี่ยวจนมาติดหล่มทางในตอนนี้ได้เนี่ย … มีคนบนรถ รายหนึ่งอาสาลงไปช่วยขยับรถแต่ก็ไม่เป็นผล มากสุดก็คือเคลื่อนย้ายมุมเล็กน้อยเพื่อเปิดช่อง ให้รถของเราวิ่งฝ่าด่านหินตรงนั้นไปได้ หลังจากที่ผ่านเลยจุดนั้นไปแล้วก็หวังว่าจะมีรถคันอื่น ๆ ที่วิ่งตามต่อจากนี้จะพอมีอุปกรณ์ช่วยเหลือหลวงพี่และรถให้พ้นออกมาจากจุดนั้นได้นะ 03.57 น. มาถึงจุดรายงานตัวอีกครั้งที่ Darcha หนนี้ไม่ต้องลงไปแสดงตัวกับเจ้าหน้าที่แล้ว คนขับรถจะทำหน้าที่ถือพาสปอร์ตของเราไปโชว์ที่ check post ให้เอง
*check post เดียวที่ต้องไปแสดงตัวต่อเจ้าหน้าที่ตอนขาออกจากเลห์ก็มีแค่ upshi
05.05 น. รถวิ่งมาถึง Keylong รุ่งสางก่อนฟ้าสว่าง และเริ่มมองเห็นวิวข้างทางได้บ้าง ถึงจะดูไม่น่าตื่นเต้นอะไรแต่เรายังคงฝังใจกับเส้นทางผ่านหลังจากนี้ได้ไม่ลืม หลังจากนี้ ก็จะต้องผ่าน Tandi – Sissu – Koksar ตามลำดับ ได้แต่ภาวนาให้ทางมันไม่พังเละเทะ เหมือนกับที่เคยเจอตอนขามาก็แล้วกัน ซึ่งก็เป็นไปตามนั้นเส้นทางรถวิ่งที่ว่าดูมีสภาพปกติ ไม่มีร่องรอยความเสียหายจาก ดินโคลนและน้ำที่ไหลเอ่อท่วมที่สร้างความเสียหายให้เห็น เราผ่านจุดนี้ไปได้ด้วยดี และเมื่อถึง Koksar จุดแวะพักที่รถจะจอดให้พักนานหน่อยเพื่อ กินอาหารเช้า ส่วนคนต่างชาติอย่างเราก็จำเป็นต้องลงไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ด้วยตัวเอง

⭗ มาถึง Koksar ในเวลา 06.25 น. (มีใครจำที่นี่ได้บ้าง อิอิ)
การนั่งหลับบนรถอย่างยาวนานหลายชั่วโมงโดยไม่คิดที่จะลงมายืดเส้นยืดสายบ้าง รวมถึง สภาพอากาศที่หนาวเย็นเฉียบตลอดคืนที่ผ่านมา มันกำลังส่งผลเลวร้ายให้กับเข่าของเราใน ตอนนี้ … ก้าวเดินแทบไม่เป็น! ระยะห่างจากจุดจอดรถกับสถานที่รายงานตัว อยู่ไกลกันแค่ ไม่กี่เมตรเองนะ แต่รู้สึกเลยว่าทรมานมาก ๆ ~ ไม่น่าเลย "เป็นยังไงบ้าง มาจากที่ไหนและกำลังจะไปไหนครับ" เจ้าหน้าที่หยิบพาสปอร์ตของเราไปเขียนข้อมูลบันทึกลงสมุดรายงาน
"เดินทางมาจากเลห์ กำลังจะไปมะนาลีค่ะ" อยากจะแถมอีกว่า ไม่สบายนักหรอก ตอนนี้ตะคริวกำลังกินขา มันก็จะยังไงอยู่เนอะ "คงจะเป็นทริปที่ดีมากใช่มั้ย" จนท. ยื่นพาสปอร์ตคืนมาให้ ดูจากหน้าตาแล้วก็น่าจะเป็น คนละคนกับที่เคยพูดโน้มน้าวให้เราเปลี่ยนใจไม่ให้เดินทางไปเลห์ ตอนที่ทางมันพังยับเยิน 
07.40 น. Rohtang La ในวันฟ้าเปิด มันเป็นภาพยามเช้าที่ไม่มีเมฆฝน และไม่มีรถติดเลยสักนิด ถนนเปิดโล่งและพื้นที่สีเขียวบนภูเขา ข้างหน้าที่ดูสดชื่น พอได้เจอแดดก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย ตอนนี้เรากำลังนั่งรถลงไปยังมะนาลี สู่พื้นล่างที่ต่ำกว่าอบอุ่นกว่าและดูวุ่นวายกว่า ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า 
⭗ สภาพอากาศที่ Rohtang La ในวันฟ้าเปิด

⭗ รถโดยสารท้องถิ่นสีเขียวขาวที่คุ้นตาของ HRTC คิดว่าคันนี้กำลังจะวิ่งไป Keylong

⭗ ทักทายกันระหว่างทาง เรามักเห็นคนขับรถจอดแวะทักกันหรือแลกเปลี่ยนข้อมูลสภาพเส้นทางด้วยรูปแบบนี้เสมอ ๆ

⭗ พื้นที่สีเขียวบนภูเขาและเส้นทางถนนที่จะพาเราลงไปยังเมืองด้านล่าง

⭗ รถที่วิ่งสวนผ่านกันบนถนนเมื่อมองจากระยะไกล ในช่วงเวลาที่การจราจรยังไม่ติดขัด
+++ เพิ่มเติม +++
สรุปเรื่องเวลาการเดินทางโดยคร่าว
17.40 น. ___เวลานัดหมาย 18.00 น. ___เดินทางออกจากเลห์ 19.00 น. ___แยก Upshi *check post ด่านแรก 21.00 น. ___Taglang La *รถมักจะจอดพักครู่หนึ่งที่ช่องเขาสำคัญ 22.00 น. ___Pang
01.15 น. ___Sarchu 03.57 น. ___Darcha *check post ด่านสุดท้าย 05.05 น. ___Keylong 06.25 น. ___Koksar *check post สำหรับเขต Lahaul 07.40 น. ___Rohtang La *รถมักจะจอดพักครู่หนึ่งที่ช่องเขาสำคัญ 09.45 น. ___Manali
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2565 |
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2565 20:14:30 น. |
|
14 comments
|
Counter : 1046 Pageviews. |
 |
|
เวลารถมันจอดสนิท ถ้าหลับอยู่เราจะรู้สึกตัวเลยครับ เวลาดับเครื่องยนต์ก็เหมือนกัน จุดพักรถก็ต้องมีแวะบ้างล่ะ
นั่งนานเกินก็ไม่ดีจริงๆ แหละครับ