SPITI (ปี 3) ค่ำคืนที่ครึกครื้นใน Kaza
Kaza, Spiti Valley Himachal Pradesh
มันน่าจะเป็นจุดหมายของใครหลายคนอยู่เหมือนกัน หลังจากไปป้วนเปี้ยนสืบข้อมูล การเดินรถโดยสารที่ศูนย์บริการข้อมูลฯ ของรัฐในเลห์ (ลาดัก) ก็ได้เห็นนักท่องเที่ยว บางรายสอบถามเจ้าหน้าที่ถึงจุดเชื่อมต่อไปยังหุบเขาสปิติเช่นกัน พวกเขาคาดหวัง ว่าจะมีรถรับจ้างวิ่งต่อจาก Keylong ตรงเข้า Kaza...ก็แอบฟังอยู่ห่าง ๆ นะ เผื่อว่าจะ ได้คำตอบนี้ด้วย เป็นที่น่าเสียดายเจ้าหน้าที่ฯ ไม่ได้ทราบถึงข้อมูลที่อยู่ภายนอกเขต พื้นที่รับผิดชอบของเขา
แต่ยังมีเรื่องที่ฟังดูตลกดีเหมือนกัน เมื่อได้ยินชาวต่างชาติพูดถึง เมืองกาซ่า หรือคาซ่า เจ้าหน้าที่ผู้ให้ข้อมูลชาวลาดักซึ่งยืนประจำโต๊ะ ณ เวลานั้น กลับบอก ทวนชื่อของ Kaza ให้ฟังใหม่แทนว่า กาจ้า!
(ต่อจากตอนเดิม) เรื่องของแหล่งที่พักใน Kaza ถ้าพูดแบบคนเคยมา ก็หาได้ไม่ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูกาลท่องเที่ยวแบบนี้กับสภาพอากาศไม่หนาวเย็นจน น่าขนลุกจนเกินไป เจ้าของกิจการท้องถิ่นเหล่านี้ จะยังไม่หนี(หนาว)ออกไป พักร้อนกันแถว ๆ เมือง Mandi กันเกือบหมด ก็จะมีตัวเลือกเยอะพอสมควรเลย เรามาตั้งหลักที่ฝั่งท่ารถ ย่านนี้มีตลาด ร้านค้า และร้านอาหาร แต่มันก็จอแจจน เกินไป ที่พักเดิมพุ่งราคาค่าห้องเป็นเท่าตัว เลยต้องตบเท้ากลับหลังหันเปลี่ยน ทิศย้อนศรไปอีกทาง ข้ามสะพานเชื่อมไปที่ย่าน New Kaza แทนละกัน ถึงแม้ว่า เพิ่งจะนั่งรถเลยผ่านมาหมาด ๆ ไปแล้ว คงน่าจะมีอีกเกสเฮาส์หนึ่งทีเข้าพักด้วย แล้วสบายใจกว่านี้

KUNZUM GUESTHOUSE
4 ปีก่อน ประตูเดิมหน้าทางเข้าเป็นไม้และตอนนี้เปลี่ยนเป็นเหล็กเป็นที่เรียบร้อย แม้ว่าการต่อเติมอาคารเป็นสองชั้นเพื่อขยับขยาย จะทำให้เกสเฮาส์นี้ดูเปลี่ยนไป จนเริ่มไม่มั่นใจว่ายังเป็นกิจการเดิมของครอบครัวป้าคุนซุมหรือไม่ ชื่อเก่าที่ติดไว้ ตรงป้ายอาจพอช่วยยืนยันได้อยู่ว่าเป็นเจ้าของเดิม
"จูเล" พอก้าวผ่านประตูเหล็กบานเขียว เราก็ส่งเสียงทักให้เจ้าบ้านได้ยิน คำว่า จูเล หรือในอีกความหมายคือ สวัสดี ขอบคุณ ลาก่อน ที่เคยจำติดปากมาจากลาดัก ก็สามารถเอามาใช้ที่นี่ได้เช่นกัน
สาวสปิติผมเปียยาวรายหนึ่ง ผู้เป็นสมาชิกของครอบครัวนี้เดินลงจากบ้านออกมา ต้อนรับผู้มาเยือนรายใหม่ที่เพิ่งจะมาถึงในเวลาเย็น เธอแนะนำห้องพักที่ใหญ่สำหรับ นอนได้สี่คน ไล่ขนาดลงเรื่อยมาและตกลงที่จะให้ห้องเล็กสำหรับคนเดียว หลังจาก ตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย ก็แอบถามถึงคุณป้าที่เป็นผู้ดูแลเกสเฮาส์
"แม่ฉันเอง! ตอนนี้เธอออกไปดูแลร้านค้า"
ว่าแล้วเธอก็ชี้ไปอีกทิศทางหนึ่่ง เป็นคนละฟากกับหน้าที่พัก โอ้โห สงสัยป้าขยายกิจการเปิดร้านใหญ่โตกว่าเก่าแล้วแหง
นอกเหนือจากนี้ ก็เหลือบไปเจอสาวแว่นอีกรายที่เราคุ้นหน้ามาก เพราะเป็นคนมา เก็บเศษแก้วกับเอาพลาสเตอร์มาปิดแผลให้กับเราตอนที่ล้มลื่นหน้าห้องน้ำ เป็นพื้น ปูนที่เคยมีน้ำหยดไหลจนเปียกนองจากสายยางที่เชื่อมต่อกับก็อกไม่สนิท และมัน กลายสถานะเป็นน้ำแข็งในตอนท้าย – โอเค นั่นคือสภาพอากาศที่พอจะอธิบายได้ หากใครอยากลองมาในช่วงปลายเดือนตุลาคม ถัดจากการเอาสัมภาระเก็บห้องให้พอเบาตัว สวมรองเท้าแตะ เพื่อผ่อนคลายตัวเอง ก็ต้องมาเสียแรงกับความพยายามดันประตูให้ตัวล็อคมันขยับให้ตรงกับแม่กุญแจที่จะ นำไปคล้อง เปิด ๆ ปิด ๆ ทะเลาะกับบานพับนานมาก จนได้ยินสำเนียงแบบลันดั้น พูดสวนมาแบบนุ่มนวล "เธอควรจะเรียนรู้เรื่องการไว้วางใจมากกว่านี้นะ" ชายชาวตะวันตกวัยสี่สิบกว่า กำลังพักผ่อนบนม้านั่งพลาสติกอยู่เยื้องไม่ไกลจาก ฟากที่เรายืนนัก ด้วยสำเนียงการพูดจาดูคล้ายกับป้าจูเลียต ก็เลยทึกทักเองว่าคง เป็นชาวลอนดอน (ซึ่งก็ใช่) หลังประสบความสำเร็จกับการคล้องประตูแล้วก็แวะ ไปคุยด้วยสักหน่อย
เขาชื่อว่า จอร์จ เคยเดินทางมาที่หุบเขาสปิติมาแล้วเมื่อหกปีก่อน ส่วนเหตุผลของการกลับมาก็คงไม่ต่างไปจากเรานักนั่นก็คือ…แค่คิดถึง
"ทีแรกก็จำไม่ได้หรอกว่าผ่านไปนานแค่ไหน จนอัลบั้มรูปใน google photo มันผุดโชว์ขึ้นเตือนถึงความทรงจำเมื่อหกปีก่อน" เยี่ยมจริง ๆ
พี่จอร์จรื้อฟื้นความทรงจำเล็ก ๆ บางอย่างกับเกสเฮาส์แห่งนี้ให้ฟัง เมื่อมีหมาสีขาว ตัวหนึ่งโผล่มาให้เห็น ช่วงล่างของลำตัวตั้งแต่เท้าจนถึงไหล่และก้นเลอะเทอะไป ด้วยโคลนราวกับว่ามีใครจับตัวมันไปจุ่มฟองดู แววตาของมันเหมือนจะไม่ดุร้ายแต่ ก็ไม่ค่อย peaceful เท่าไหร่
"ตอนเป็นลูกหมามันเคยโดนล่ามไว้ตลอด แต่เดี๋ยวนี้...ดูสิ มันมีอิสระแล้ว"
มันกลายเป็นหมาขี้กลัวไม่กล้าวิ่งไปไกลเกินหน้าบ้าน พี่จอร์จเชื่อแบบนั้น พักหนึ่งทฤษฎีของแกคงไม่เป็นจริง เมื่อเจ้าขาวมันออกไปวิ่งไล่หมาหมู่แปลกหน้า ที่มาป้วนเปี้ยนหน้าประตูอย่างบ้าคลั่ง จนแกต้องออกหน้าไปต้อนมันกลับบ้านและ เลื่อนปิดประตูเหล็กไว้ พร้อมออกอาการเหนื่อยหอบเบา ๆ 555
ไม่นานนัก ป้าคุมซุม ก็ออกมานั่งร่วมวงกับพวกเรา พร้อมยกชานมผสมขิงมาให้จิบ ถึงแกจะฟังพวกเราไม่ค่อยออก แต่จากสีหน้ากับแววตาดูแกมีความสุขดีเวลาได้นั่งอยู่ ท่ามกลางแขกแปลกหน้าที่มาเข้าพักยังเกสเฮาส์นี้ มันเป็นอัธยาศัยที่ป้ายังคงรักษาไว้ นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เราย้อนกลับมาพักกับที่นี่
เราหยิบแผนที่ที่คัดลอกมาจากอินเตอร์เน็ตอีกที มากางโชว์เพื่อถามพี่จอร์จ สำหรับคำแนะนำ เพราะถึงจะเคยมา...แต่ก็ไม่ได้เที่ยวจนทั่วและรู้ไปทุกเรื่อง หลังคุยกันพอได้ข้อมูลแบบกรุบกริบ พอนึกขึ้นได้ว่าในช่วงค่ำมีงานเทศกาลฯ ที่จะจัดขึ้นแถวโรงเรียน...พี่จอร์จโบกมือขอพัก แกว่าเพิ่งมาถึงและรู้สึกมึนหัว ไม่อยากเดินเหินไปไหนถ้าไม่จำเป็น เพราะอยากปรับตัวกับพื้นที่สูงเสียก่อน
เชื่อว่า พี่จอร์จน่าจะหมดพลังไปตั้งแต่วิ่งตามไอ้ขาวกลับบ้านแล้วล่ะ 
พวกเราลากันตรงนั้น ถึงจะพักอยู่ในเกสเฮาส์เดียวก็จริง แต่ Kaza ก็เป็น แค่เมืองที่แวะพักเพียงระยะสั้น ๆ สำหรับการตั้งหลักเดินทางเท่านั้น

เดินตามเสียงดนตรีไป เธอจะเห็นเองว่างานจัดที่อยู่บริเวณไหน
ภายหลังสอบถามเรื่องงานในค่ำคืนนี้ ไม่มีใครสักคนในเกสเฮาส์ที่คิดจะหอบลูกจูงหลาน ไปเที่ยวกันเลย พวกเขาได้แต่แนะนำทิศทางให้รู้คร่าว ๆ เพียงเท่านี้แอบอยากรู้จังว่าจะเป็น งานที่จัดขึ้นในธีมไหนสำหรับนักท่องเที่ยวหรือชาวเมืองกันนะ?
ถึงคำแนะนำข้างต้นจะฟังดูแปลก ๆ เอาเข้าจริงแล้ว เราก็เดินลัดเลาะออกจากที่พัก ไปตามเสียงเพลง จนพบกับบริเวณพื้นที่จัดงานมีการทำเวทีและเต็นท์สำหรับจัดพื้นที่ ให้ผู้คนเข้ามานั่งชม และมีเก้าอี้ที่จัดวางให้กับ V.I.P. จำนวนหนึ่ง เรามาถึงในช่วงใกล้ ค่ำมืดและเริ่มมีผู้คนทยอยมาหามุมเหมาะ ๆ ที่พอจะให้เห็นการแสดงได้ง่าย บ้างก็นั่งลง บนพื้น บ้างก็ยืนชะเง้อเอาจากข้างเต็นท์ เด็กบางรายแต่งตัวด้วยชุดที่เป็นพื้นเมือง พวกเขาสวมหมวกแบบชาวหิมาจัล บ้างก็เป็นแบบแถบสีเขียว แดง หรือมีลวดลายจากการทอ แต่ก็ยังมีอีกรูปแบบ ที่เป็นสีเข้ม และดูเหมือนจะติดสัญลักษณ์ที่พับจีบเป็นทรงกลมคล้ายดอกไม้ ติดอยู่ที่ด้านหน้า ดูแปลกตาดี...เป็นรูปแบบหมวกของชาว Lahaul ย่านที่เป็น บ้านใกล้เรือนเคียงกับ Spiti นั่นเอง
เสียงอึกทึกจากบนเวทีมาจากการเช็คครื่องเสียงและซักซ้อมลองไมค์ มีจอฉาย โปรเจคเตอร์ถูกตั้งไว้ทางฝั่งขวามือ ฉายภาพสถานที่ ทิวทัศน์และการแสดงพื้นบ้าน คั่นสลับกันไปมา พิธีกรบนเวทีดำเนินรายการเป็น ภาษาฮินดี ถึงฟังไม่ค่อยออกเราก็ พยายามเงี่ยหูฟังตลอดด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่องเพื่อจับเสียงให้ได้ว่าเมืองนี้มันควรเป็น กาซ่า หรือ กาจ้า 
มีการสร้างบรรยากาศร้องเพลงแสดงดนตรีเพื่อเปิดงาน ก่อนจะเริ่มมีการเคลียร์ พื้นที่บริเวณด้านหน้าโดยผู้หญิงในเครื่องแบบ (ไม่แน่ใจว่าเป็นตำรวจหรือเปล่า) เธอพยายามจัดผู้คนให้เขยิบร่นออกห่างจากเวที เว้นระยะให้กับการแสดงท้องถิ่น ที่ต้องล้อมวงเต้นเปิดงานด้านล่าง เพราะไม่สามารถใช้พื้นที่บนเวทีที่มีจำกัดได้ ผู้คนที่มานั่งร่วมชมงานก็เต็มไปด้วยชาวบ้านท้องถิ่น มีคนต่างชาติบางส่วนเข้ามา ร่วมวงด้วย บางรายก็ดูว่าอินมาก ถึงกับซื้อผ้าคลุมผมแบบสาวชาวสปิติมาโพกคลุม ศีรษะ จนดูกลมกลืนไปเลยอย่างเช่นสองสาวชาวรัสเซียที่นั่งเยื้องอยู่ด้านหน้าถัดไป
ช่วงที่น่าตื่นเต้นคงหนีไม่พ้นการจับเลขรางวัล ลุ้นรับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอื่น ๆ ดูเขาลุ้นกันแล้วก็น่าสนุกดี หลังจบการแสดงท้องถิ่น เจ้าหน้าที่ฯ ก็เปิดพื้นที่ ให้เขยิบเข้าใกล้เวทีมากขึ้น ซึ่งเราก็ขยับย้ายไม่ทันเขาแล้วนะ แทบต้องนั่งมอง และเก็บภาพจากจุดเดิมจุดเดียวตลอดงาน ...แน่นอนว่า ปัญหาเดียวของเราก็คือ เลนส์กล้องที่มีอยู่ ณ ตอนนั้น มันซูมไม่ได้ ก็จะแอบเซ็งนิด ๆ
ถ่ายวีดิโอมาค่อนข้างเยอะ เอนทรี่นี้จะแทรกคลิปไว้นะคะ Fix lens กับภาพระยะไกล นี่ไม่ไหวจะเคลียร์จริง ส่วนภาพบนเวทีถ้าไม่ครอปออกก็จะเห็นแต่หัวคนสวมผ้าคลุม เด่นเป็นสง่าแย่งซีนไปเลยแหละ

⭗ ชาวเมืองที่มารอชมงานแสดงบนเวที รวมถึงรอจัดสลากลุ้นรางวัลในช่วงหัวค่ำ

⭗ โซนที่นั่งพิเศษสำหรับ V.I.P. และบุคคลทั่วไปถัดจากนั้น (ดูห่างเกินไป จับภาพบนเวทีลำบากเราเลยต้องมานั่งที่พื้นล่าง)

⭗ การแสดงแรกที่ใช้เปิดงานคืนนี้อย่างเป็นทางการ
[คลิป] : https://www.youtube.com/watch?v=renXK9R_OOw
หลังจากนี้ก็จะเป็นการแสดงของเด็กนักเรียน โดยมากก็จะเปิดเพลงเต้นกัน การแต่งกายก็จะเป็นรูปแบบของกลุ่มชาติพันธุ์และวัฒนธรรมในรัฐหิมาจัลประเทศ ละแวก Spiti - Kinnaur และ Lahaul อย่างไรก็ดี มีกลุ่มการแสดงของเด็กต่างถิ่นอย่าง ชาวเนปาล อีกด้วย พวกน้อง ๆ สวมชุดเหมือน ส่าหรีแล้วเต้นละม้ายคล้ายอินเดียที่สุดแล้ว--ถ้าให้เทียบกับกลุ่มอื่น (ฮา) ทราบมาว่ามีลูกหลานของคนเนปาล ที่เข้ามาทำงานอยู่แถวนี้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ เลย

การแสดงของกลุ่มนักเรียนฝั่ง Lahaul [คลิป] : https://www.youtube.com/watch?v=JDuqBXZXm7A

การแสดงของกลุ่มนักเรียนฝั่ง Kinnaur [คลิป] : https://www.youtube.com/watch?v=Ev0_U_-VHVI

การแสดงของกลุ่มไหนก็ไม่รู้นะ เนี่ย...ไม่ตั้งใจฟังเสียงประกาศเอาซะเลย ^^ จะเห็นว่าบนเวทีมีนักบวชยืนอยู่ ไม่ใช่ว่าเข้าไปร่วมแสดงหรอกนะ แค่เอาผ้าคะตักผืนขาวไปคล้องอวยพรให้กับกลุ่มนักดนตรีเท่านั้น
[คลิป] : https://www.youtube.com/watch?v=Dwf49MlDxB4
ละครสั้น ใจความสั้น ๆ ที่ลองถามถึงเนื้อหาโดยรวม พวกเขาสะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงที่สปิติกำลัง เผชิญ เช่น คำแนะนำการทำไร่นาด้วยวิถีประหลาดจากคนนอกพื้นที่ เยาวชนโดนชักจูงไปในทางที่ผิด ปัญหายาเสพติด เป็นต้น
[คลิป] : https://www.youtube.com/watch?v=9IyZw3ZCW5Y
การแสดงของกลุ่มนักเรียน ที่เราชอบที่สุดก็น่าจะเป็นอันนี้ พวกเขาใช้เสียงเพลงประกอบที่ล้อมวงร้องกันตรงขอบเวที (มุมซ้าย)
รูปแบบการเต้นของย่านนี้ ก็มักจะเป็นการล้อมวงและใช้เท้าก้าวย่ำตามจังหวะเพลง ท่วงท่าจากมือไม่ค่อยมีบทนำเท่าไหร่ อาจมีใช้คล้องแขนบ้างในบางช่วง ทำนองดนตรี พื้นบ้านแถวนี้ต่างไปจากที่อื่น ๆ ในอินเดีย คุณอาจไม่ได้ยินเสียงเครื่องสายอย่างซีตาร์ ดีดคลอ หง่าว ๆ หรือกลองทาบล้าดังประสาน ตึ้ม ตึ่ม ๆๆ อยู่ในนั้น แต่เวลาที่ได้ฟังแล้ว คุณจะนึกออกได้ทันทีเลยล่ะว่าเป็นทำนองเพลงจากพื้นที่ไหนกัน
พอถึงช่วงท้าย ๆ ที่เหล่าการแสดงของนักเรียนหมดลง ผู้คนบางส่วนที่มาดูลูก ๆ หลาน ๆ ก็พากันเดินจูงมือกลับบ้าน จำนวนผู้คนลดหายไปแต่ก็ไม่มาก กลุ่มที่ยังคงปักหลักก็เยอะ อยู่นะ เราลุกเดินมาออกจากที่ตรงนั้น มาหาของกินเล่นที่มีขายตามแนวอัฒจันทร์ปูนใน โซนจัดงานนี้ เก้าอี้บางส่วนถูกยกออกไป แทบไม่มีใครนั่งในซุ้มกันแล้ว หลังใช้เวลาครู่ หนึ่งปรับเครื่องเสียงและผู้ดำเนินรายการ เวทีนั้นก็กลายเป็นการเปิดคอนเสิร์ตเล็ก ๆ แทน
ผู้คนที่รอช่วงเวลานี้เตรียมวอร์มเสียงร้องคลอตาม ขยับเท้า และเต้น กันอย่างครึกครื้น ปนเปไปทั้งชาวเมืองและผู้คนต่างถิ่น ในค่ำคืนสุดท้ายของงานเทศกาล แน่นอนว่าพบ เจอคนกลุ่มไหนยืนล้อมวงย่ำเท้าเต้นกัน พวกเขาคงเป็นชาว Himachali เป็นแน่แท้
[คลิป] : https://www.youtube.com/watch?v=A7kTuoYUFpk
ก่อนออกพ้นจากบริเวณนี้ดูเวลาก็ปาไปสามทุ่มกว่า เสียงเพลงที่ดังไล่หลังมายังคงดังอยู่ไม่ขาดสาย นักร้องนำอาจเป็นศิลปินท้องถิ่นที่เป็นที่รู้จัก ดูท่าทางแล้วค่ำคืนนี้ยังคงอีกยาวไกล ร้านขายไวน์และ เหล้าก็ยังเปิดทำการอยู่เลย เอ๊ะ...สำหรับชีวิตคนในเมือง ฟังดูแล้วก็คงบอกว่า 'ก็ปกตินี่'
แต่ในมุมมองของเรามันกลับย้อนไปหาความรู้สึกแรกที่เคยมีต่อที่นี่ เมืองกลางหุบเขาที่เคยเงียบสงัด ตั้งแต่หนึ่งทุ่ม ช่วงเวลาที่เหมือนกับถูกพาหลุดออกมาอยู่อีกโลกครั้งนั้น มันไม่ได้กลับออกมาทัก ทายอีกต่อไปแล้วใช่มั้ย ... เอาน่า เราแค่ไม่เคยเดินทางมาในฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ และหากความบันเทิง ที่นานทีปีหนชาวเมืองเขาจะได้ครื้นเครงกันบ้างก็คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไร
Create Date : 07 พฤษภาคม 2565 |
Last Update : 7 พฤษภาคม 2565 22:18:08 น. |
|
8 comments
|
Counter : 713 Pageviews. |
 |
|
SPITI 2014
หนึ่งทุ่มแล้ว นอนหลับกันหมดทั้งหมู่บ้าน
ช่างเป็นที่ ๆ เงียบสงัดที่สุดในโลก
.....
SPITI 2019
สี่ทุ่มแล้วววว ร้องรำทำเพลงกันลั่นงานอยู่เลย