SPITI (ปี 3) Kaza บนความทรงจำบทใหม่

⭗ พื้นที่สำหรับวิ่งรถ รอยต่อที่เชื่อมระหว่างฝั่ง Kaza Khas และ New Kaza
หลังจากเปลี่ยนรถและกลับมาถึง Kaza ในช่วงสายของวันอย่างปลอดภัย เรามุ่งตรงกลับไปยังเกสเฮาส์เดิม ที่ได้ฝากกระเป๋าไว้ ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปก็พบกับคุณลุง (สามีของป้าคุนซุม) กำลังสาละวนทำโน่นนี่อยู่ พอดีถึงแม้ว่าลุงจะจำผู้มาพักรายนี้ได้ดีอยู่ แต่สภาพมอมแมมของเสื้อผ้าสีเข้มที่เต็มไปด้วยคราบฝุ่น เหมือน กับว่าไปกลิ้งเกลือกคลุกถนนลูกรังมาแบบนี้ ทำให้แกอดถามไม่ได้
"ไปถึงไหนมา" "เพิ่งกลับมาจาก Mud ค่ะ" "โอ้โห! ไปซะไกลเชียว" ลุงบอกว่าเก็บห้องเล็กนั่นไว้ให้นะไม่ต้องกังวล พลางเดินนำเราเข้าไปเอาเป้ใหญ่ที่ฝากไว้ ตรงชั้นล่าง จากนั้นก็ชี้บอกจุดวางกะละมังและพื้นที่ซักตากเสื้อผ้าให้ด้วย เหมือนรู้ล่วงหน้า ว่าเราต้องการทำอะไรหลังออกเดินทางไกลไปหลายวัน
เสร็จสิ้นจากธุระส่วนตัวแล้ว ก็ต้องเตรียมไปยื่นเอกสารที่ ADC (Additional Deputy Commissioner) (ที่ตั้ง : https://mapcarta.com/N1934751077) เป็นธุระปะปังที่ต้องทำก่อนเดินทางต่อในวันพรุ่งนี้ นั่นคือ การขอใบอนุญาตผ่านพื้นที่เขตพิเศษ (Inner line Permit) ไว้ล่วงหน้า เพราะเราจะต้องเดินทางผ่าน เขตที่เรียกว่า Upper Kinnaur ช่วงขาออกนั่นเอง
หน้าตาของสำนักงานในตอนนี้ ดูเปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย เมื่อเราเดินขึ้นไปยังชั้นสองตามความเคยชิน (รอบนี้ไม่มีหมาเดินตามแล้วนะ) ก็พบว่าบริเวณด้านบนนั้นถูกใช้เป็นห้องทำงานแผนกอื่นไปแล้ว พอถามไถ่กับเจ้าหน้าที่ ประจำการบนนั้น พวกเขาบอกให้ลงไปติดต่อที่ชั้นล่าง จุดทำการอยู่ใกล้กับทางขึ้นบันได ก็พบว่าปัจจุบันนี้แผนกดังกล่าว ดูมีความเป็นทางการมากขึ้น
จากที่เคยเป็นโต๊ะเดี่ยว ๆ ในห้องทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็กลายเป็นช่องติดต่อที่ทำจัดทำแยกไปตามการยื่นเรื่อง
แบบฟอร์มกรอกข้อมูลที่มี การพิมพ์ระบุให้ผู้ติดต่อได้เขียนชี้แจงลงไป หลังยื่นแบบฟอร์มที่กรอกข้อมูลลงไปจนครบ ก็แนบเอกสารอย่างสำเนาพาสปอร์ต และวีซ่า พร้อมรูปถ่ายส่งให้คุณเจ้าหน้าที่ นอกเหนือไปจากตัวเอกสารที่ปรับปรุงใหม่ จนดูดีขึ้นอย่างที่ควรจะเป็นแล้ว ก็ยังต้องมาถ่ายรูปจากกล้องที่เชื่อมโยงกับคอมพิวเตอร์ เพื่อนำไปใช้ประกอบเอกสาร พร้อมจ่ายค่าธรรมเนียม 300 รูปี (ข้อมูลปี 2019)

⭗ ตัวอย่าง Inner Line Permit สำหรับใช้เดินทางผ่านเขต Upper Kinnaur (คลิกที่ภาพเพื่อขยาย) ปล. ขอใช้รูปอื่นแทนภาพจริง จขบ. ไปละกันนะ 
การส่งข้อความถึงทางบ้าน แน่นอนว่าการใช้สัญญาณอินเตอร์เน็ตผ่านซิมมือถือในพื้นที่ห่างไกล อย่างหุบเขาสปิติยุคนี้อาจไม่ใช่เรื่องยากอะไร หากว่าเรามีซิมการ์ดที่ว่า แม้อาจจะไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ แต่เรื่องจุกจิกบางอย่างที่นักท่องเที่ยวจอมขี้เกียจอย่างเราไม่อยากใช้เวลาไปกับการลงทะเบียนฯ ก็เลย ไปอาศัย wifi จากร้านกาแฟในการเชื่อมต่อแทน
เมื่อหลายปีก่อนเท่าที่จำได้ใน Kaza จะมี internet cafe แห่งหนึ่งใกล้ ๆ Bodh Guesthouse ตรงย่านตลาด แล้วก็อีกที่คือร้าน Deyzor สุดฮิปประจำย่านนี้ นอกเหนือจากนั้น ไม่ค่อยได้รับ รับรองว่ามีความเสถียรสักเท่าไหร่
ถึงแม้ว่าในปัจจุบันจะมีตัวเลือกมากขี้น แต่เราก็ยังเลือกที่จะแวะกลับไปยัง Deyzor Hotel บริเวณด้านล่างของโรงแรมคือร้านอาหาร มันยังคงเป็นร้านที่ดูดีดังเดิม ถึงจะพอรู้มาว่าผู้เป็น เจ้าของไม่ใช่ชาวสปิติ แต่เขาก็ดูมีพยายามที่จะนำผลิตภัณฑ์แปรรูปของท้องถิ่นมาเป็นจุดขาย เลยมองว่าเป็นธุรกิจที่เป็นมิตรกับท้องถิ่นดี ส่วนโซนที่พักจะอยู่ด้านบนของตัวอาคาร
ระหว่างที่เดินผ่านและกำลังจะเลี้ยวเข้าประตู หมาเซนต์เบอร์นาร์ดตัวเป้งที่ขึ้นชื่อว่ามี นิสัยเป็นมิตรกับทุกคน ก็ลุกพรวดพลาดขึ้นมาตามเห่าไล่อย่างลั่น พักหนึ่งก็มีคนดูแล ออกมาปรามให้
"เฮ่ ซิมบ้า เงียบ ๆ โว้ย!"
 ⭗ ด้านหน้า Deyzor Hotel และเจ้าซิมบ้าที่กำลังยืนเห่าไล่แขก
พอสั่งเครื่องดื่มแล้ว เราใช้เวลาระหว่างนี้สาละวนเดินดูข้าวของที่จัดแสดงโชว์ในร้านคั่นเวลา ในร้านมีหนังสือหลายเล่มที่น่าสนใจให้หยิบยืมอ่าน ก่อนที่จะเหลือบไปเห็นลูกค้าคนใหม่อีกราย ผลักประตูเข้ามาและทักทายเราด้วยน้ำเสียงเหมือนคนเคยรู้จัก
พอเงยหน้าไปดูเจ้าของเสียงทักเท่านั้นแหละ เจ้หยาง นี่หว่า! หลังจากเจอกันครั้งสุดท้ายในเลห์ ก็ไม่ได้เจอกันอีก เราเคยเกริ่นไว้ว่าจะแวะมาที่หุบเขาสปิติ และหยางก็เดินทางล่วงหน้ามาถึงก่อนพักใหญ่แล้ว การที่พวกเราไม่ได้แลกคอนแทคสำหรับ ส่งข่าว นัดหมาย หรือไว้พูดคุย พอเมื่อมาเจอกันแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะดีใจหรือตกใจก่อนกันดีเนี่ย? ลืมเรื่องราวของเหล่าคนช่างพูดคุยขณะเดินทางไปได้เลย ไม่ใช่กับพวกเราแน่ ๆ คือต่างคนต่างมีโลกส่วนตัวที่สูงปรี๊ดกันทั้งคู่ และหยางมีความเป็นผู้ใหญ่กว่ามาก มากสุดก็แค่แลกเปลี่ยนข้อมูลการเดินทางกันบ้างนิดหน่อย พูดถึงเรื่องราวหลังจาก แยกย้ายกันที่ลามะยูรู การเทรกในหุบเขาสปิติที่เพิ่งผ่านมาหมาด ๆ และที่พัก
หยางพักอยู่ฝั่งตลาด ซึ่งเธอเองไม่รู้สึกปลาบปลื้มสักเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลของเสียงที่ จอแจของผู้คนและมอเตอร์ไซค์ที่วิ่งผ่านย่านนั้นมันดังรบกวนเธอ ส่วนเหตุผลที่หยาง แวะมาร้านนี้คงไม่ต่างไปจากเรา เธอได้ยินมาว่ามีสัญญาณ wifi ที่พอใช้ได้ที่สุดแล้ว ในละแวกนี้ พวกเราขอรหัสจากคนที่ร้านมาทำการล็อคอิน ซึ่งก็แอบอำเราด้วยนะว่า เน็ตที่นี่ช้าเป็นเต่า เชื่อมต่อได้ก็จริง แต่ข้อความที่ส่งไปอาจถึงผู้รับพรุ่งนี้ เจ้หยางสั่งอาหารชุดใหญ่มากิน เธอดูมีความสุขกับการได้กินสเต็กเนื้อชิ้นโต ก่อนเลิกคุยกันและหันไปละเมียดกับอาหารบนโต๊ะของใครของมัน (ไม่ได้นั่ง ด้วยกันนะ) พวกเราตัดสินใจแลก whatsaap กันซะที เราแอดเบอร์หยางไว้ แล้วบอกว่าถ้าเจอข้อความ +66 ส่งไปก็ฉันเองแหละ "รหัสประเทศเธอเหรอ ไทยแลนด์" "อือ เจอสัญญาณแล้วจะส่งไปหา" เรารับปาก หนุ่มอินเดีย เด็กเสิร์ฟประจำร้านผู้สาละวนจัดข้าวของอยู่ใกล้ ๆ ก็ดูอยากมีส่วนร่วม
"ส่วนของผมอ่ะขึ้นต้นด้วย +91 xxxx xxxxx" อิอิ
เสวนากันได้ครู่หนึ่ง ลูกค้ารายใหม่เปิดประตูเข้ามาเพิ่มเติมอีกสองราย พวกเขาเป็น ผู้สูงวัยชาวอินเดียคู่หนึ่งที่เดินทางมาพร้อมกับกระเป๋าใบโต โดยมีคนขับรถช่วยขนของ และเดินนำทางมาเพื่อแนะนำที่พักให้ พวกเขาขอให้สารถีส่วนตัวเป็นตัวแทนช่วยเดินขึ้น ไปดูห้องให้ก่อนตัดสินใจ ซึ่งลุงป้าคู่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าที่ไหน พวกเขาคือคนที่มาพักอยู่ ในเกสเฮาส์เดียวกับเราเมื่อคืนที่ผ่านมาใน หมู่บ้าน Mud (Pin Valley) นั่นเอง ช่วงที่รอคนขับรถขึ้นไปเช็คสภาพห้องอยู่นั้น ลุงก็เดินมาทักทาย เลยรู้ว่าพวกเขาเช่ารถ นำเที่ยวแบบทริปส่วนตัว โดยเข้ามาจากฝั่ง Kinnaur และมีจุดหมายถัดไปหลังจากตระเวน จนทั่วหุบเขาสปิติก็คือ Chandra Lake และไปสิ้นสุดทริปนี้กันที่มะนาลี "เส้นทางจากฟาก Kinnaur ถนนดีมากเลยล่ะ" คุณลุงยืนยันว่าจากที่ผ่านมามันเป็นการเดินทาง ที่ราบรื่นมาก ๆ ฟังแล้วแทบไม่น่าเชื่อ เพราะมันดูย้อนแย้งกับภาพจำครั้งสุดท้ายที่เราได้เจอนะสิ
หลังจากที่คนขับรถเดินลงมาที่ชั้นล่าง และบอกสภาพที่พักด้านบนว่า ที่นี่ดูดีสุดแล้ว พวกเขาก็ตกลงที่จะขนของตามขึ้นไปและหันมาบอกลา พร้อมอวยพรขอให้โชคดี ความเปลี่ยนแปลงใน Kaza และพื้นที่อื่น ๆ ที่กำลังคืบคลานเข้ามาให้หุบเขาสปิติ
คุณลุงคุณป้าเจ้าของเกสเฮ้าส์ ได้เข้ามานั่งคุยกับเราในช่วงบ่าย หลังจากที่ออกไปจัดการ เรื่องเอกสารเดินทางและเรื่องจิปาถะเรียบร้อยแล้ว คุณลุงพูดถึงการก่อสร้างที่ผุดขึ้นอยู่รายรอบ ในขณะนี้ที่มีเยอะขึ้น พอถนนหนทางเริ่มดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อน คนภายนอกก็เริ่มแห่กันมาแบบคับคั่ง แต่พื้นที่นี้กำลังถูกเปลี่ยนแปลงเพื่อรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว ที่มาเพียงแค่ไม่กี่วันแล้ว ก็จากไป
เราพอจะเดาภาพได้จากกลุ่ม Vlog ที่มาถามหาร้านอาหารที่หมู่บ้าน Demul นั่นได้ ลุงสะท้อนบาง เรื่องให้ฟังว่าไม่ใช่เราที่ต้องปรับตัวนะ แต่ผู้มาเยือนควรต้องทำความเข้าใจกับพื้นที่ของสปิติด้วยว่า มีตัวเลือกไม่มากนักหากต้องการที่จะมา ส่วนเรื่องของน้ำก็ถือเป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน ทั้งแหล่งน้ำ ใต้ดินที่บรรดาที่พักทั้งหลายต้องสูบขึ้นมาใช้และระบบชักโครกคือความสิ้นเปลือง (แต่ทางโรงแรม ก็มักใช้ตัวเลือกนี้ในการดึงดูดผู้มาเข้าพัก) ซึ่งครั้งหนึ่งเราก็เคยรู้สึกตลกกับการใช้ห้องน้ำแบบท้องถิ่น เมื่อต้องอยู่ในโฮมสเตย์ที่หมู่บ้านห่างไกลด้วยความไม่คุ้นชิน แต่ถ้าให้มองในมุมของสภาพแวดล้อม ที่มีน้ำใช้ค่อนข้างจำกัดแล้ว มันก็สมเหตุผลกันดีอยู่
ปัญหาโลกแตกจากนักท่องเที่ยวอีกเรื่องก็คือ น้ำดื่ม แต่ไหนแต่ไรมาคนท้องถิ่นดื่มน้ำจากแหล่งธรรมชาติ ซึ่งเดี๋ยวนี้แต่ละบ้านจะมีเครื่องกรองน้ำไว้ใช้ แทบไม่มีใครซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดกัน ส่วนนักท่องเที่ยวก็ไม่กล้าดื่มน้ำกรองและหันไปซื้อน้ำขวดมาดื่ม กลุ่มงานอนุรักษ์พื้นที่ในหุบเขาสปิติ พยายามหาแก้ไขโดยการจัดตั้ง สถานีเติมน้ำดื่ม(ฟรี) (ภาพตัวอย่างที่เคยถ่ายไว้ใน Komic : https://www.bloggang.com/data/w/wachii/picture/1657591240.jpg) เอาไว้ตามที่ตั้ง Monastery ต่าง ๆ ที่เป็นจุดท่องเที่ยว เพื่อลดจำนวนขวดน้ำพลาสติกที่ชักจะเริ่มกอง สูงขึ้นเป็นกองพะเนินเรื่อย ๆตามจำนวนตัวเลขของผู้มาเยือน

⭗ ขวดน้ำพลาสติก ถูกนำมาทาสีและเรียงรายติดผนังให้ดูเหมือนเป็นงานศิลปะ และป้ายที่ติดบอกถึงความไม่น่ารักของมัน

⭗ สื่อสะท้อนที่จัดทำขึ้นบนกระดานใน Sol Cafe เชิญชวนให้ผู้มาเยือนได้คิดถึงผลกระทบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นจากภาคการ ท่องเที่ยวโดยนำเสนอทางเลือกสำหรับการการแก้ไขในรูปแบบที่ควรจะเป็น--หวังว่าโครงการเหล่านี้จะประสบความสำเร็จ ในวงกว้างนะ

(คลิกภาพเพื่อขยาย)
⭗ ตัวอย่างของคำศัพท์ในภาษาสปิติ (ถ่ายมาจากด้านหลังเมนูของ Deyzor) และรูปเล่มกิจกรรมโปรโมท- ท้องถิ่นและการท่องเที่ยวของกลุ่ม Spiti Ecosphere (ที่ Sol Cafe) กับหน้าตัวอย่างคอร์สเรียนทำอาหาร
ช่วงเวลาครึ่งวันที่เหลือในยามบ่ายนี้ ขอเดินสำรวจพื้นที่รอบ ๆ Kaza ส่งท้ายกันสักหน่อย ถ้าจะต้องเท้าความย้อนหลัง เราเคยเดินทางมาที่นี่ครั้งแรกในปี 2014 ในช่วงที่นักท่องเที่ยว ส่วนใหญ่กำลังทยอยออกไปที่อื่นกันเกือบหมด ด้วยสภาพอากาศ ถนนหนทาง และข้อจำกัด อีกหลาย ๆ เรื่องของพื้นที่นี้ต่างมีส่วนเร่งให้ผู้มาเยือนจากภายนอกต้องรีบออกไปยังที่อื่น ก็จะ เหลือให้เห็นหน้ากันแค่ไม่กี่รายที่หลงเข้ามาในช่วงต้นฤดูหนาวแบบนั้น

⭗ อาคารบ้านเรือนฝั่ง New Kaza ฟากนี้จะมีที่ตั้งของ โรงเรียน โรงพยาบาล สถานที่ราชการและปั๊มน้ำมัน

⭗ เส้นถนนอันคับแคบในตลาด เมื่อต้องเดินทะลุผ่านก็ต้องคอยระวังกับรถที่สวนมาในระยะประชิด 
⭗ บริเวณสามแยกใจกลางเมือง แหล่งกระจายสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งในหุบเขาสปิติ คนที่อยู่หมู่บ้านห่างไกลก็มักจะต้อง เดินทางมาเพื่อจับจ่ายซื้อหาข้าวของจากที่นี่กันทั้งนั้น ฝั่งนี้เป็นที่ตั้งของ ท่ารถ ธนาคาร ร้านอาหาร และ ATM

⭗ สิ่งก่อสร้างใหม่ ๆ ที่กำลังมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มองไปทางไหนก็เจอ

⭗ ทางเดินไปยังพื้นที่เพาะปลูกบริเวณใกล้ ๆ กับแม่น้ำสปิติ ส่วนอาคารทรงสูงด้านหน้าคือ Eco-Community Centre

⭗ ช่วงนี้ผืนดืนยังคงมีพืชสีเขียวปกคลุมอยู่ ถ้ามาไวกว่านี้คงรู้ว่าที่ตรงนี้เพาะปลูกอะไรกัน

⭗ ลานตั้งแคมป์ชั่วคราวบริเวณรอบข้าง ช่วงฤดูร้อนคงคึกคักมากกว่านี้

⭗ ต้น willow ที่ปลูกตามริมทางเดินกำลังเริ่มเปลี่ยนสี

⭗ จุดไหลผ่านแม่น้ำสปิติ เราเคยมายืนอยู่ที่นี่เมื่อสี่ปีก่อน มามองยอดเขาที่ปกคลุมหิมะบริเวณไกล ๆ (บริเวณหุบเขาพิน) เพื่อดูแสงสุดท้ายของวันแตะกระทบยอดเขานั้น จนกลายเป็นสีส้ม ๆ

⭗ ก้อนหินบริเวณแม่น้ำ น่าจะถูกใจบรรดา Rockhound ทั้งหลาย

⭗ เงามืดจากหุบเขาฝั่งตะวันตก กำลังไล่กลืนเมือง Kaza ไปอย่างช้า ๆ ในช่วงเวลาเย็น
ครั้งนี้เราคงไม่ได้เขียนคำแนะนำเนื้อหาที่ควรรู้เกี่ยวกับ Kaza หรือหุบเขาสปิติเพิ่มเติมอีก ข้อมูลเดิมจากครั้งก่อนน่าจะพอนำมาเทียบเคียงกันได้อยู่ มีเพียงแค่ฤดูกาลกับวาระที่ไม่เหมือนเดิม รวมไปถึงความรู้สึกนึกคิดที่เปลี่ยนไปตามเวลา หรือหากเมื่อได้ย้อนกลับไปอ่านในเอนทรี่เก่า ๆ นั่นแล้ว อาจพบว่าตัวตนอย่างที่เคยเป็นของเจ้านักท่องเที่ยวผู้เพ้อฝันถึงภูเขาสูงและดินแดนอันเงียบสงบอันห่าง ไกลสุดขอบฟ้าคนนั้นมันได้เลือนหายตายจากไปเป็นที่เรียบร้อยล่ะ [เอนทรี่ที่เกี่ยวข้อง]
SPITI (ปี 1) สำรวจ Kaza และเรื่องทั่วไป : https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=wachii&month=13-01-2015&group=20&gblog=12

⭗ ก่อนมืดค่ำจนหมดแสง เราย้อนกลับขึ้นมายังบริเวณหนึ่ง กะว่าจะเดินสำรวจจุดอื่น ๆ ที่ไม่เคยเดินผ่านในตัวเมืองบ้าง ก็พบว่าตรงหน้าศูนย์อนามัยชุมชน จะมีการรวมกลุ่มกันทำกิจกรรมบางอย่างของเด็กนักเรียนหญิง

⭗ พวกนักเรียนแบกถุงใส่ขยะใบโตแยกกระจายไปเป็นกลุ่ม คอยตามเก็บขยะที่ตกหล่นตามพื้น

⭗ คุณลุงที่ยืนอยู่บริเวณนั้นก็พลอยร่วมวง ก้มเก็บชิ้นส่วนขยะบนพื้นมาโยนใส่ถังบ้าง พอเพ่งมองดี ๆ ก็เพิ่งจะมาเห็นที่ตั้งของ Rock Art Museum ตรงหน้า (อดเข้าไปดูเลย!)

⭗ พื้นที่บริเวณศูนย์ราชการ

⭗ หมาน้อยแห่งหุบเขาสปิติ
แผนการของวันพรุ่งนี้ จะต้องขึ้นรถเดินทางไกลตั้งแต่เช้าตรู่ไปยังจุดหมายแห่งใหม่ แม้บทลงท้ายจะไม่มีคำเขียนจบประโยคเดิม ๆ อย่าง แล้วสักวันจะกลับมา เช่นเคย ต้องยอมรับแหละว่าอนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน และประเทศอินเดียก็ไม่ได้อยู่ใกล้แค่ปากซอย แต่เราถือว่านี่คือการลาจากในแบบที่ไม่ได้เศร้าอะไรนัก และยังรู้สึกยินดีเสมอที่การเดินทาง หนนี้ได้เลือกย้อนกลับมาใน Kaza ที่ ๆ เป็นจุดเริ่มต้นของการได้ทำความรู้จักหุบเขาสปิติของเรา
Create Date : 28 กุมภาพันธ์ 2566 |
Last Update : 28 กุมภาพันธ์ 2566 21:18:19 น. |
|
3 comments
|
Counter : 624 Pageviews. |
 |
|
คุ้มค่ากับการรอคอยจ้าน้องฟ้า