|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
SPITI (ปี 3) สปิติรำลึก
มันอาจคล้ายกับฉากซ้ำ ๆ ของเรื่องราวหนึ่งที่วกกลับมา แตกต่างเพียงแค่ วัน - เวลา - ฤดูกาล ที่ไม่เหมือนเดิม

กันยายน 2019 -- ปลายฤดูเก็บเกี่ยว
หลังออกมาจากลาดัก เราเดินทางต่อไปยังพื้นที่หุบเขาสปิติด้วยเส้นทางเดิม เช่นที่ผ่านมาจากฝั่งมะนาลี ถึงช่วงนี้รถโดยสารท้องถิ่น Kullu - Kaza ยังคงวิ่งให้ บริการอยู่ก็ตาม แต่ได้ก็ตัดตัวเลือกที่ดูสมบุกสมบันนี้ออกไป คิดว่ามาถึงตอนนี้ กลับรู้สึกว่ามันเต็มอิ่มแล้วกับวิถีแบบนั้น
ในระยะเวลาการเดินทางสิบชั่วโมงจากเมืองมะนาลี ที่ซึ่งไม่ใช่สถานีต้นสายกับ ตัวเลือกที่เป็นรถประจำทางฯ ย่อมมีความเสี่ยงที่จะต้องยืนโหนไปพร้อมกับแบก ขนสัมภาระไประยะหนึ่ง จากคำพยานของเพื่อนนักเดินทางที่เคยนั่งรถโดยสารฯ เล่าไว้ว่ากว่าเขาจะมีที่นั่งได้ก็โน่นตอนไปถึง Batal
หรือในอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับคนที่เพิ่งเดินทางออกมาจาก เลห์-ลาดัก แล้วอยาก มาดักรอขึ้นรถโดยสารจากกลางทาง หลังผ่าน Keylong และ Koksar ให้ลงตรงจุด ที่เรียกว่า Gramphu จะอยู่ก่อนถึง Rohtang La ราว 7 กิโลเมตร

⭗ Gramphu (2019) ขอขอบคุณภาพถ่ายจาก หยาง
ข้อมูลของจุดขึ้นรถกลางทางที่ชื่อว่า Gramphu นี้ได้รับมาจากหยาง (ชาวไต้หวันที่ เราเคยเจอในเลห์) เธอว่าแถวนั้นไม่มีอะไร นอกจากเพิงเล็ก ๆ ที่มีไว้ขายน้ำชาให้กับ คนที่มารอรถเข้าพื้นที่หุบเขาสปิติ

⭗ จุดรอรถฯบริเวณที่ชื่อว่า Gramphu (2014) ภาพจากเอนทรี่เก่าสมัยที่เข้าไปยังหุบเขาสปิติครั้งแรก
อ้อ ... เห็นแล้วก็นึกได้ว่า สมัยที่เดินทางเข้ามาครั้งแรก รถจิ๊ปที่โดยสารมาก็เคยมาจอดรอรับคนที่นัดไว้ตรงนี้นี่เอง แต่จุดนี้มันก็มองยากพอสมควร ขนาดนั่งรถผ่านมาแล้วก็ยังจำไม่ได้ 
จะว่าไป หยางเองก็มาเป็นครั้งแรก แต่ก็ยังสามารถลงกลางทาง และมารอขึ้นรถได้ทันเวลาอีก นับว่าไม่ธรรมดา -- เธอมันแน่จริง ๆ

⭗ ผู้โดยสารและคนขับรับ ที่มีรวมกันทั้งหมดอยู่แค่ 5 รายเท่านั้น
ในครั้งนี้แชร์แท็กซี่จำนวน 13 ที่นั่ง ก็ไม่ได้เดินทางกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งกันสัก เท่าไหร่ เพราะหากไม่รวมกับพี่คนขับรถแล้ว ก็มีจำนวนผู้โดยสารอยู่ทั้งหมดสี่รายเอง แต่ถึงจะมีคนจำนวนเท่านี้ ก็ไม่ได้แปลว่ารถของเราว่างจนเลือกที่นั่งได้สะดวกนักนะคะ
ผู้โดยสารรายหนึ่ง เหมาที่นั่งด้านหลังที่เหลือสำหรับขนอุปกรณ์ก่อสร้างและของใช้ ต่าง ๆ ที่ไปซื้อหามาจากเมืองข้างนอก ส่วนอีกสองรายเป็นคุณป้าและลูกชาย คุณป้าเดินทางออกมาจากจากสปิติ เพื่อรักษาอาการบาดเจ็บที่ขาที่โรงพยาบาลในเมือง มะนาลี ตำแหน่งที่ป้านั่งก็คือเบาะเดี่ยวข้างประตูทางขึ้น ส่วนคนลูกก็นั่งอยู่ที่เบาะคู่ถัดไป
ตอนที่ไปติดต่อรถรับจ้าง พี่คนขับเมื่อวานเย็นแกเหมือนจะกังวลว่าเราจะเดินทางไปกับ คนพื้นที่ไม่ได้ แกเลยเสนออีกทางเลือกนึงที่น่าจะได้บรรยากาศการท่องเที่ยวมากกว่า คือให้ไปกับรถจี๊ปที่มีขนาดเล็กกว่านี้และมีนักท่องเที่ยวร่วมเดินทางไปด้วย แต่เราก็ปฏิเสธ

⭗ ฝูงแพะแกะที่ถูกต้อนมาหลบพักตรงเนินดินข้างอาคาร

⭗ ล้อหมุนจาก manali ตอนตี 5.50 น. และมาถึง mahri ในเวลา 7.20 น. ภูเขาที่เป็นฉากหลังของบริเวณนี้ยังคงเขียวสด
สภาพแวดล้อมก่อนเข้าสู่ต้นฤดูหนาว บริเวณช่องเขายังคงมีลมแรงเหมือนเดิม เมื่อมาถึงจุดพักแรกคือ Marhi (มาห์-รี่) คนขับก็จะจอดแวะจุดพักนี้เพื่อให้ลงไปแวะกินมื้อเช้า ไม่ก็ลงไปเดินยืดเส้นยืดสาย หรือพักลงเพื่อเข้าห้องน้ำมีร้านอาหารหลายแห่งที่เปิดให้บริการ หลายคนอาจแวะ มาที่นี่ก่อนจะตรงไปยัง Rohtang La หรือไปต่อยังที่อื่น ๆ
จำได้ว่าตอนเดินทางไป Keylong ไม่นานมานี้ขณะที่นั่งรถผ่าน พื้นที่ทั้งแถบของบริเวณมาห์รี่มันเต็มไปด้วยดินโคลน ดูเละเทะ จากฝนที่กระหน่ำตก ลงมาจนดูพังถึงแม้ว่าดินแดนที่หมายอย่างสปิติจะเป็นเขตพื้นที่เงาฝนแต่ก็ไม่ได้แปลว่า เส้นทางเข้าจากเขตรอบนอกจะรอดพ้นไปจากการเทกระหน่ำของสายฝนไปได้
เมื่อได้ย้อนกลับมาใหม่ วันนี้โชคดีมากที่สภาพอากาศและท้องฟ้าไม่มีเมฆฝนให้ต้อง คอยระแวง ภูเขาตรงหน้ายังคงมีสีเขียวสด ฝูงแกะถูกต้อนให้มานอนพักอยู่ริมทาง พื้นถนนบางส่วนอาจมีความเฉอะแฉะปรากฏอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรมากนัก
ความแตกต่างที่ได้เห็นหากย้อนไปเทียบเคียงจากภาพจำในอดีต ก็คือจุดแวะพักที่ Mahri มีการสร้างตัวอาคารแบบถาวรเกิดขึ้นนั่นเอง
หลังจากหมดเวลาแวะพักแล้ว เราก็กลับขึ้นไปยังรถเหมือนเดิมเพื่อเดินทาง มีเพียงแค่คุณป้าคนเดียวที่ไม่ได้ลงจากรถไปไหนเพราะใส่เฝือกที่ขา ได้แต่ฝาก ลูกชายแกไปซื้อหาสิ่งที่อยากกินในตอนนั้นมาให้

⭗ ฝูงปศุสัตว์ที่เดินผ่านมาให้เห็น มีทั้งแพะและแกะ

⭗ เส้นทางรถวิ่งกลางหุบเขา กับสภาพแวดล้อมในช่วงเดือนกันยายน
หลังผ่านช่องเขาโรห์ตัง ตรงเข้าไปยังพื้นที่ด้านในก็เริ่มเห็นแม่น้ำ Chandra ไหลผ่านขนาบไปกับเส้นทางของเรา แม่น้ำนี้เป็นสายเดียวกับที่เห็นในหมู่บ้าน koksar ที่ตั้งอยู่ในอีกเขตการปกครองฝั่ง Lahaul นั่นเอง ด้วยความที่ยังเป็นฤดูท่องเที่ยว ก็จะ ทำให้ได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ที่เราไม่เคยพบเจอมาก่อนนั่นก็คือมีพื้นที่ตั้งแคมป์ที่ริมแม่น้ำ เป็นลักษณะของเต็นท์ขนาดโตหลายหลังที่เรียงรายผ่านตา ณ จุดหนึ่ง
ผืนดินรอบนอกยังคงมีหญ้าปกคลุมบางส่วนแม้ว่าใกล้จะแห้งเฉาไปตามฤดูแต่มันก็เป็นเครื่อง ยืนยันได้บ้างว่าที่นี่ไม่ได้แห้งแล้งจนถึงขนาดไม่มีอะไรงอกได้ และในบางครั้งรถของเราก็ต้อง ลดความเร็วเพื่อให้คลื่นขบวนของแกะแพะเคลื่อนผ่านไปก่อน

⭗ จุดแวะพักกินอาหารกลางวันที่ Batal

⭗ พื้นที่ภายในเพิงชั่วคราวของร้านขายอาหาร
ช่วงเที่ยงวันรถก็จอดพักเพื่อกินข้าวกลางวันอีกครั้งที่ Batal เพิงขายอาหารยังคงเป็นลักษณะของอาคารชั่วคราว โดยมีผืนผ้าใบปูคลุมแทนหลังคา พอหมดสิ้นฤดูนี้ไปแล้วพวกเขาก็จะเอามันออกเหลือทิ้งไว้เพียงแต่ตัวโครงสร้างอิฐปูนที่ ก่อเอาไว้จนกระทั่งฤดูกาลใหม่กลับมา
รอบนี้เขามีห้องน้ำให้บริการหลังร้านแล้วนะ ไม่ต้องวิ่งหาที่กำบังเหมือนครั้งแรกที่เคยทำ 555
ถัดจากนี้ไปรถของเราก็จะวิ่งไต่ระดับขึ้นบนพื้นที่สูง ๆ กันต่อ หากใครที่มีปัญหาเรื่องแพ้ ความสูงก็ควรระวังสักนิด พื้นที่แถบนี้ตั้งอยู่บนความสูงไม่แพ้ลาดักเลยล่ะ และด้วยสเกล ที่เล็กกว่าก็อาจดูเหมือนว่ามันเป็นกราฟที่พุ่งขึ้นลงสลับไปมาไวเกินกว่าจะทันปรับตัวได้...
ลองเทียบตัวอย่างความสูงของพื้นที่กันโดยคร่าว ๆ โดยไล่เรียงจากการเดินทางดังนี้ จากภาพอ้างอิง : https://www.bloggang.com/data/w/wachii/picture/1649672892.jpg
Manali _________ 2,050 ม. Mahri __________3,360 ม. Rohtang La______3,980 ม. Kunzum La ______4,551 ม. Losar __________4,279 ม. Kaza___________3,800 ม.
เป็นค่าความสูงเหนือระดับน้ำทะเลนะคะ ตัวเลขอาจไม่ตรงเป๊ะ หรือหาข้อมูลเก็บ ได้ไม่ครบทั้งหมด แต่จากที่เห็นก็เป็นระดับที่ทำให้ต้องระวังภาวะแพ้ความสูงหรือ Altitude sickness ไว้ด้วย

⭗ พื้นที่สูงที่รถต้องวิ่งขึ้นไล่ระดับไปเรื่อย ๆ เป็นเส้นทางที่อยู่ถัดไปจาก Batal

⭗ Kunzum La เป็นอีกช่องเขาที่สำคัญ เรามาถึงที่นี่ตอนบ่ายโมง

⭗ เจดีย์สีขาวและธงมนตรา

⭗ ตามมุมมองของนักท่องเที่ยวอาจมองว่านี่่เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่ต้องแวะ แต่สำหรับคนท้องถิ่นพวกเขาให้ความเคารพ ต่อเทพยดาที่คอยปกป้องในยามที่ต้องเดินทางผ่านช่องเขาสูง
13.10 น. จุดแวะพักที่ Kunzum La ตามสูตรที่บอกไว้ในหนก่อน ธรรมเนียมของคนที่นี่เขาจะลงไปทำการขอพรให้การเดินทาง ปลอดภัยราบรื่นกันที่ช่องเขาสำคัญฯ ซึ่งก็จะมีที่ตั้งของเจดีย์ กองหิน รวมถึงธงมนตราที่ผูก แขวนโยงรายรอบ เพิ่งเคยเห็นผืนดินบนพื้นที่ตรงนี้ครั้งแรก เพราะที่ผ่านมาเจอแต่ช่วงที่หิมะ ปกคลุมตลอดเลย
การเดินทางเข้าสปิติหนนี้ แม้จะดูเนิบ ๆ เดิม ๆ แต่ก็ยังมีอะไรให้ได้ตื่นเต้นเสมอแหละ อย่างเช่นตอนที่วิ่งพ้นออกไปจาก Kunzum La ได้ไม่นาน ล้อรถของเราไปติดหล่มอยู่พักใหญ่ ขยับเคลื่อนไม่ได้ ต้องรอให้รถรับจ้างคันอื่นที่กำลังขับตามกันมา ช่วยดึงช่วยดันทั้งแรงรถและ แรงคน พวกเขาใช้เวลากันอยู่ครู่หนึ่งและสุดท้ายก็ได้เดินทางกันต่อ

⭗ เมื่อล้อรถของเราไม่ยอมขยับเคลื่อนออกจากหลุม

⭗ ต่อเชือกจากด้านท้ายเพื่อเตรียมลากขึ้น

⭗ คนจากรถคันอื่น ๆ ที่ขับตามกันมา ก็ลงมาร่วมด้วยช่วยกันดัน
หลังผ่านจาก Kunzum La ไป ระดับความสูงก็จะปรับลดลงมาเล็กน้อย ต่อจากนี้ก็จะเข้าไปที่หมู่บ้านแห่งแรกก็คือ Losar โดยเรามาถึงกันตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ที่นี่จะมีร้านขายอาหารและร้านน้ำชารวมถึงที่พัก หากว่าใครอยากจะแวะมาเยือนและค้างแรม *ข้อควรจำก็คือ จุดนี้มี check post คนขับรถจะไปลงทะเบียนแจ้งนำพาหนะเข้าพื้นที่และต้อง พาเรา(ชาวต่างชาติ) ที่โดยสารมาด้วยกันไปรายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ไม่มีอะไรมากเป็นเพียง การลงบันทึกข้อมูลเอาไว้ เตรียมแค่พาสปอร์ตตัวจริงไปก็พอ

⭗ เส้นทางที่รถต้องวิ่งก็มักจะเป็นแบบนี้
บนเส้นทางที่ยาวไกลในครั้งนี้ กว่ารถจะวิ่งมาถึง Kaza ได้ก็ปาไปเกือบห้าโมงเย็นแล้ว มีผู้โดยสารคนแรกลงที่หมู่บ้าน Rangrik ก่อน ด้วยความที่แกต้องแบกขนข้าวของออกมาจาก รถออกจนหมดก็ใช้เวลานานเอาเรื่องอยู่ ต่อมาคนที่เหลือก็มีแค่คุณป้ากับลูกชายและเรา หลังจากพี่คนแรกเอาสมบัติพัสถานลงจากรถจนโล่ง และระยะทางสุดท้ายก็เหลืออีกแค่ไม่กี่ กิโลเมตร

⭗ ผืนนาที่ยังคงเหลือความเขียวให้เห็นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง (จำพิกัดไม่ได้แล้ว)

⭗ ทางผ่านก่อนถึงตัวเมือง Kaza จะเห็นที่ตั้งของสิ่งก่อสร้างที่ดูเป็นกระจุกบนเนินไกล ๆ ก็คือ Kee Monastery นั่นเอง
เมื่อใกล้ไปถึงที่หมายเรื่อย ๆ พี่คนขับก็ถามเราว่าจะไปลงที่ไหน ในใจลึก ๆ ก็แอบคิดเสียดายอยู่แหละ ถ้ารู้ว่าต้องมาจอดพักเพื่อแวะขนของลงจากรถแบบนี้ น่าจะขอลงตรงทางผ่านของรถประจำทางที่จะวิ่งเข้าไปที่ Kee Monastery ซะก็ดี แทนที่จะ ตรงไปยังตัวเมืองที่ไม่มีอะไรน่าเที่ยวอย่าง Kaza จะให้เขาจอดยังจุดที่ใกล้ที่สุดแล้วเดินต่อ ก็ยังไหว 555
ที่ตั้งของอารามสงฆ์ดังกล่าวจะมองเห็นไกล ๆ ตอนนั่งรถผ่าน หรือหากจะเดินทางมาจาก Kaza ก็จะมีเที่ยวรถช่วงเย็นรอบเดียวคือสี่โมงครึ่ง
แต่มันก็ผ่านเลยมาไกลแล้วนี่เนอะ เราเลยบอกให้ไปส่งแถว ๆ ท่ารถก็แล้วกัน พอเมื่อมาถึงปลายทาง ก็ต้องแวะส่งป้ากับลูกชายที่บ้านเสียก่อน พวกเขามีบ้านตรงฝั่งที่เรียกว่า New Kaza ก็ต้องรอลูกหลานแกมาพยุงออกจากรถก่อน ซึ่งก็เป็นการเคลื่อนตัวไปอย่างช้า ๆ แล้วต่อจากนั้นคนในบ้านก็ออกมาบอกว่ารอสักครู่ ก่อนที่จะกลับออกมาพร้อมชาร้อนที่ชงให้ดื่ม คนละแก้ว เสียดายว่าบ้านป้าไม่ได้ทำเกสเฮาส์หรือโฮมสเตย์ไม่อย่างงั้นคงลงไปพักด้วยแล้ว ... เหลือบมองดูเวลาก็เริ่มจะใกล้มืดลงทุกที ๆ ชักขี้เกียจจะเดินหาที่พักแฮะ
จิบชาหมดแล้วก็คืนแก้ว พร้อมโบกมือลา ป้าและครอบครัว พี่คนขับก็แล่นรถต่อไปยังจุดสุดท้ายที่จะไปส่งเราเป็นคนท้ายสุด
"วันนี้คนดูเยอะหน่อยนะ"
พี่คนขับรถบอกถึงสถานการณ์ใน kaza ที่กำลังเต็มแน่นไปด้วยนักท่องเที่ยวและผู้คน เราไม่เคยมาในช่วงฤดูท่องเที่ยว ก็เลยไม่แน่ใจว่าเป็นเรื่องปกติหรือเพราะหุบเขาสปิติ กำลังเริ่มป็อบกันแน่?
คำตอบที่คิดไว้น่าจะมีส่วนถูกครึ่งหนึ่งบ้างแหละ ถ้าพี่คนขับไม่แง้มบอกเรื่องงานเทศกาลวันสุดท้ายในคืนนี้
"อื่น ๆ" ++ Share taxi จากมะนาลี รอบนี้ราคา 1,000 รูปี จองล่วงหน้าก่อนเดินทางหนึ่งวันที่ Giran Guesthouse ตั้งอยู่ไม่ไกลไปจากท่ารถขนส่ง เราไปติดต่อช่วงเย็นและเดินทางในเช้าวันถัดไป
++ หากอยากนั่งรถประจำทาง แวะไปดูที่เอนทรี่เก่าได้ที่นี่นะ : https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=wachii&month=25-03-2022&group=23&gblog=49
++ การเดินทางรอบนี้เหมือนกลับไปเก็บตกในส่วนที่เหลือจากคราวก่อน อาจมีเล่าย้อนไปถึงความหลังบ้าง ก็บ่น ๆ ตามประสาคนอยากแวะกลับมาเยี่ยมเยือนอีกครั้ง
Create Date : 11 เมษายน 2565 |
Last Update : 12 เมษายน 2565 0:19:23 น. |
|
8 comments
|
Counter : 752 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณhaiku, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณnewyorknurse, คุณKavanich96, คุณmultiple, คุณtoor36, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณสองแผ่นดิน, คุณtuk-tuk@korat, คุณkae+aoe |
โดย: Kavanich96 วันที่: 13 เมษายน 2565 เวลา:4:42:35 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 13 เมษายน 2565 เวลา:5:38:25 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 15 เมษายน 2565 เวลา:15:23:45 น. |
|
|
|
โดย: multiple วันที่: 17 เมษายน 2565 เวลา:21:41:24 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 17 เมษายน 2565 เวลา:23:47:03 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 18 เมษายน 2565 เวลา:14:30:12 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [?]

|
ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ และออกเดินทางท่องเที่ยวบ้าง ไม่ชอบพบปะผู้คนมากนัก เป็นมนุษย์จำพวก introvert
การเขียนบล็อก คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ ขอบคุณ Bloggang สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้นะคะ
....
เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014
|
|
(C) ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต
|
|
|
|
|
|
|