....OUR FAMILY'S JOURNEY....

+ ชมพระราชวังอะมาเลียนบอกร์กและปราสาทโรเซนบอร์ก เด็นมาร์ก +

 


อัพบล๊อกวันนี้ ยังจะพาท่านไปเที่ยวกรุงโคเปนเฮเกนต่อนะครับ ซึ่งบล๊อกนี้ก็จะพาท่านไปชมพระราชวังอะมาเลียนบอร์ก (Amalienborg Palace) ปราสาทโรเซนบอร์ก (Rosenborg Castle) ถนนคนเดิน หรือถนนละลายทรัพย์ Strøget และจบบล๊อกที่ท่าเรือใหม่โคเป็นเฮเกน ... ซึ่งเป็นบล๊อกที่ยาวนิดหนึ่ง แต่อยากให้ได้ชมภาพในมุมต่างๆ ซึ่งคิดว่าใกล้เคียงกับการได้ไปเที่ยวชมจริงๆครับ



แผนที่พระราชวังอะมาเลียนบอร์ก


สถานที่แห่งแรกที่เราจะพาชมในวันนี้คือ พระราชวังอมาเลียนบอร์ก ซึ่งเป็นวังที่ราชวงศ์เดนนิช ยังใช้เป็นที่ประทับอยู่จนถึงปัจจุบันครับ

Amalienborg Palace
พระราชวัง Amalienborg ตั้งอยู่ริมน้ำทางเหนือของตัวเมืองโคเปนเฮเกน เดินทางมาได้สะดวกด้วยการเดินหรือปั่นจักรยาน พระราชวังปิดไม่ให้เข้าชมในวันจันทร์ช่วงฤดูหนาว แต่การเปลี่ยนเวรยามของทหารยังคงมีอยู่ทุกวัน ... พระราชวังอะมาเลียนบอร์ก อยู่ในกรุงโคเป็นเฮเกน ใกล้ๆกับน้ำพุ Gefion และ เจ้ารูปปั้น Little Mermaid สามารถเดินไปหากันได้ ในขณะที่ท่านชมน้ำพุเกฟิออนอยู่ท่านมองไปสุดปลายถนนจะเห็นพระราชวังอะมาเลียนบอร์กครับ

พระราชวังแห่งนี้เริ่มก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ. 1750 และแล้วเสร็จในปี คใศใ 1760 โดยสถาปนิกผู้ออกแบบคือ Nicolai Eigtved คนเดียวกับที่ออกแบบ Mable Church ซึ่งอยู่ติดกัน
 



ในตอนแรกพระราชวัง Amalienborg ไม่ได้ตั้งใจจะใช้เป็นที่พำนักของคนในราชวงศ์ เมื่อการก่อสร้างเริ่มขึ้นในปี 1750 ตัวอาคารได้รับการออกแบบให้เป็นบ้านของขุนนาง แต่ด้วยเหตุเพลิงไหม้ที่พระบรมมหาราชวังคริสเตียนบอร์ก (Christiansborg Palace)  ในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1794  จึงทำให้คนในราชวงศ์จำต้องย้ายออกมาและซื้อ Amalienborg เป็นที่พำนักใหม่ พระราชวังทั้งสี่หลังได้ใช้เป็นที่ประทับหลักของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์กเป็นเวลากว่า 40 ปี 
 


อนุสาวรีย์ King Frederick V


ถ้าท่านเดินเข้ามาจากทางเดินเลียบทะเลด้านหน้าจะเห็นเป็นสวนรั้วต้นไม้และน้ำพุขนาดใหญ่ เดินเข้ามาตามทางเดินกว้างๆจะเห็นเป็นจัตุรัสขนาดใหญ่ บริเวณตรงกลางเป็นที่ตั้งอนุสาวรีย์ของพระเจ้า Frederik ที่ 5 แห่งเดนมาร์ก ทรงขี่ม้า ซึ่งมีการสร้างโดยศิลปินชาวฝรั่งเศสและมีมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1771

รอบๆจัตุรัสนี้จะล้อมรอบด้วยอาคารที่สีแตกต่างกัน 4 หลัง สถาปัตยกรรมแบบร็อคโคโค (Rococo)  เป็นส่วนของพระราชวังนี้ทั้งหมด สร้างขึ้นเมื่อกลางศตวรรษที่ 18 เพื่อเฉลิมฉลองวาระการครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก ... โดยประวัติที่เชื่อว่าอาคารทั้งสี่รอบๆนี้ถูกสร้างโดยใช้เงินทุนของตระกูลขุนนาง 4 ตระกูลเอง โดยคำสั่งของพระเจ้า Frederik ที่ 5 แลกกับสิทธิพิเศษการยกเว้นภาษีเป็นเวลา 40 ปีเพื่อเป็น Service ให้กับราชวงศ์

เมื่อตอนพระราชวังคริสเตียนบอร์กถูกเผาทำลายลงในปี 1794 เหล่าราชวงศ์จึงย้ายมาพำนักที่พระราชวังแห่งนี้แทน


 

ทหารกำลังเดินเข้าเปลี่ยนเวรยาม




ชุดทหารราชสำนักในช่วงหน้าหนาว

 



อาคารทั้ง 4 รอบๆ ประกอบด้วย
• Christian VII’s Palace (หรือรู้จักในชื่อ Moltke's Palace) ใช้สำหรับเป็นที่พักของอาคันตุกะที่มาเข้าเฝ้า
• Frederik VIII’s Palace (หรือรู้จักในชื่อ Brockdorff's Palace) เป็นที่ประทับของมกุฎราชกุมาร
• Christian IX’s Palace (หรือรู้จักในชื่อ Schack's Palace) เป็นที่ประทับของพระราชินี
• Christian VIII’s Palace (หรือรู้จักในชื่อ Levetzau' Palace) ใช้เป็นที่ประทับของ Prince/Princess ซึ่งเป็นราชอาคันตุกะ ซึ่งในอาคารนี้จะมีส่วนจัดแสดงที่เป็นพิพิธภัณฑ์ด้วย

ไฮไลท์ของที่นี่คือ Den Kongelige Livgarde หรือการผลัดเปลี่ยนเวรของทหารหลวงรักษาพระองค์ที่ประจำการตามจุดต่างๆของพระราชวังทั้งสี่ด้าน โดยเวลาเปลี่ยนเวรหลักคือตอนเที่ยง 12:00 นักท่องเที่ยวสามารถชมขั้นตอนการผลัดเวรนี้ได้ครับ ทหารแต่งชุดแบบเต็มยศ ถ้านึกไม่ออกก็ให้นึกถึงรูปฝากล่องคุกกี้เนยกล่องสีแดงครับ แต่ชุดทหารประจำที่พระราชวังฤดูหนาวนี้จะเป็นชุดสีออกฟ้าๆแทน

อ่านเพิ่มเติม :
 https://en.wikipedia.org/wiki/Amalienborg
 
 
เพิ่มเติมซักนิด...ไกด์เล่าว่าพระเจ้า Frederick V ได้ก่อสร้างวังแห่งนี้โดยมีถนนทั้งสี่สาย สี่ด้าน มุ่งเข้าหาอนุสาวรีย์ของพระองค์ ซึ่งมีความหมายว่า อำนาจทั้งหลายทั้งมวลจะต้องมารวมศูนย์ที่พระองค์ เพราะว่าพระองค์เป็นผู้ที่ได้รับบรรชาจากพระเจ้าให้มาปกครองที่นี่ และพระรูปทรงม้าของพระเจ้าเฟรดเดอริคที่ 5 ก็หันหน้าไปทาง Frederick's church ด้วย นั่นเป็นนัยที่บอกให้ชาวประชารู้ว่าพระองค์ติดต่อกับพระผู้เป็นเจ้าได้ .... ที่จตุรัสแห่งนี้เมื่อมีงานเทศกาลเฉลิมฉลอง พระราชินีเดนมาร์กก็จะปรากฏตัวที่ระเบียงในอาคารที่พระองค์ท่านประทับอยู่และโบกไม้โบกมือทักทายกับประชาชนของพระองค์


 


 

ธงเดนมาร์กถูกชักขึ้นเหนืออาคารแสดงว่าภายในอาคารนั้นมีสมาชิกในราชวงศ์ประทับอยู่


ถัดจากรูปปั้นของ King Frederick V จะเป็น The Mable Church หรือ Frederick's Churh ซึ่งเป็นโบสถ์คริสต์นิกาย Evangelical Lutheran ของเดนมาร์ก (เดนมากส่วนมากนับถือคริสต์นิกายนี้ครับ) โดยโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์แบบโดมที่ใหญ่ที่สุดในสแกนดิเนเวีย โดยมีความกว้างถึง 31 เมตรครับ
 


Frederick's Church หรือ Mable Church (ถ่ายผ่านอนุสาวรีย์ King Frederick V)
 



Frederick's Church ออกแบบโดย Nicolai Eigtved เป็นศิลปแบบ Rococo เริ่มก่อสร้างในปี 1749 เพื่อให้ทันเฉลิมฉลองวาระการครบรอบ 300 ปีของราชวงศ์โอลเดนบวร์ก... แต่ใช้เวลาสร้างนานมาก ท้ายสุดก็ไม่ทันงานฉลอง เพราะขาดเงินงบบประมาณและการเสียชีวิตของผู้ออกแบบ Nicolai Eigtved (ค.ศ. 1754) และปล่อยทิ้งว่างไว้เป็นบางช่วง ... จึงมีการสร้างต่อ ท้ายที่สุดได้ออกแบบใหม่โดยสถาปนิก Ferdinand Meldahl สถาปนิกชาวเดนนิส โดยลดขนาดและวัสดุลง เพื่อให้เหมาะสมกับงบประมาณ โดยขนาดเล็กลงกว่าแบบเดิมและวัสดุที่ใช้เป็น Limestone (หินปูน) แทนหินอ่อน  และเปิดให้เข้าชมในวันที่ 19 สิงหาคม ค.ศ. 1894.

 อ่านเพิ่มเติม : 
https://en.wikipedia.org/wiki/Frederik's_Church


 
Mable Church หรือ Frederick's Church
 

หลังจากชมพระราชวัง Amalienborg แล้วเราก็เดินทางสู่ ปราสาท Rosenbog ระหว่างปราสาทนั้นไม่ไกลกันนัก ท่านสามารถเดินรับลมชมพื้นที่ไปเพียงแค่ 15 นาทีก็ถึงแล้วตามแผนที่ แต่เราต้องใช้รถเพื่อทำเวลากันครับ ... เราไปถึงด้านหน้าปราสาทต้องจอดรถริถนน ถัดจากตัวถนนหลัก หรือเลนข้างๆ จะเป็นช่องปั่นจักรยาน (คนที่นั่นเขาชอบใช้จักรยานกัน จะสังเกตุเห็นถนนทุกสายจะมีช่องปั่นจักรยานด้วยเสมอ เวลาเดินต้องระวังจักรยานด้วย) ... หลังจากนั้นก็เดินเข้าไปในบริเวณปราสาท ซึ่งเป็นอาคารก่ออิฐไม่ได้ฉาบปูนด้านนอก สีน้ำตาล เดินวนไปทางซ้ายหน่อยจะเป็นห้องน้ำ ออกจากห้องน้ำก็เดินเข้าสู่อาคาร จะมีเจ้าหน้าที่คอยเช็คตั๋วเข้าชมประจำอยู่ แต่ระบบตั๋วที่นั่นใช้บาร์โค๊ชทั้งหมดครับ

 

แผนที่เส้นทางจาก Amalienborg Palace - Rosenborg Castle

 

Rosenborg Castle ด้านทางเข้า


ปราสาทโรเซนบอร์ก (Rosenborg Castle)
ปราสาทโรเซนบอร์ก ตั้งอยู่ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งเป็นปราสาทที่สร้างขึ้นในสมัยศตวรรษที่ 17 ในสมัยนั้น พระเจ้าคริสเตียนที่ 4 ในศิลปะแบบดัตช์เรเนซองส์ โดยนอกจากความสวยงามของภายนอกปราสาทแล้ว ภายในยังตกแต่งอย่างหรูหราด้วยวัตถุที่ล้ำค่ามากมาย ทั้งยังมีพิพิธภัณฑ์ในบริเวณชั้นใต้ดินด้วย ซึ่งในอดีตปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างเพื่อจุดประสงค์ใช้ในการพักร้อนของเชื้อพระวงศ์ในสมัยนั้น ทั้งยังเคยถูกวางเพลิงจากกองทัพอังกฤษถึง 2 ครั้ง คือในปี 1794 และปี 1801
 
 
 

มีทหารยามรักษาการณ์ด้วย

 
 

ด้านนอกก่อนเข้าปราสาทจะมีห้องน้ำให้นักท่องเที่ยวได้ใช้ด้วย
 

ปราสาทโรเซนบอร์กจากด้านข้าง

 

ปราสาท Rosenborg Castle คือ ปราสาทสไตล์ Dutch Renaissance ที่ถูกก่อตั้งเมื่ปี 1606 และแล้วเสร็จในปี 1624 ด้วยศิลปแบบดัชท์เรเนซอง (Dutch Renaissance)  โดยพระเจ้าคริสเตียนที่ 4 (ราชวงศ์เดนมาร์คช่วงนั้นชื่อ Kings เขาจะสลับระหว่าง Christian กับ Frederick) แห่งราชวงศ์เดนมาร์กเพื่อเป็นพระราชวังฤดูร้อน ณ ใจกลางเมืองโคเปนเฮเกน ซึ่งปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

 
 
 

บนเพดานชั้น 3 ตกแต่งสวยงาม ซ้าย : The Long Hall's celling,  ขวา :  
Coat of arms of Denmark is located on the ceiling 
ถ้านึกว่าเพดานที่ตกแต่งแบบนี้เหมือนกับที่ไหน ก็ลองจินตนาการว่าเหมือนที่แวร์ซาย ยุคพระเจ้าหลุยที่ 14 ดูครับ.


 
ภายในปราสาท Rosenborg Castle นั้นถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนหลักๆได้แก่ พื้นที่บริเวณปราสาทที่เปิดให้รับชมทั้งหมด 3 ชั้นที่ประกอบไปด้วยห้องที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามสุดตระการตาที่มีไฮไลต์อยู่ที่ห้องโถงยาวบนชั้นสามของปราสาทที่มีการจัดแสดง “บัลลังก์” ของกษัตริย์เดนมาร์กและพื้นที่บริเวณชั้นใต้ดินที่ถูกจัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงทรัพย์สินนานาชนิดของราชวงศ์รวมไปถึง “มงกุฎ” จริงของกษัตริย์ Christian V ของราชวงศ์เดนมาร์ก ส่วนด้านนอกปราสาทก็ยังมีสวยสาธารณะ sinv หรื King's Garden ที่จะมีดอกไม้สวยๆให้ชมในช่วงฤดูร้อนด้วยครับ

Long Hall ที่ชั้น 3 สร้างเสร็จในปี 1624 ซึ่งมีจุดมุ่งหมายว่าจะใช้เป็นห้อง ballroom และในช่วงปี 1700 ห้องนี้ใช้เป็นห้องรับแขกเมืองและจัดงานเลี้ยง จนกระทั่งปีช่วงปลายศตวรรษที่ 19 จึงเป็นห้องของพวกอัศวิน. 
 
 

ภาพยุธนาวีสมัยนั้น ที่ Long Hall ชั้น 3

 
 


ภาพพระราชินีพระราชา (Christian IV) เดนมาร์ก
ซึ่งติดอยู่ด้านเดียวกันกับของพระราชา แต่ห่างกันพอประมาณ ตามภาพพระที่นั่ง...ด้วยความที่พระราชาอยากเห็นหน้าพระราชินีของพระองค์
ตลอดเวลา เลยมีกระจกเงาตกแต่งสวยงามอยู่อีกด้านหนึ่งของผนังห้อง...เพราะกระจกนั้นเองจึงทำให้พระองค์มองเห็นพระราชินีได้ตลอดเวลาขณะที่ทรงประทับอยู่.

 
 

ภาพบัลลังก์กษัตริย์เดนมาร์ก

 
 

รูปปั้นนักรบที่เป็นทองคำ (ชั้น 2)
ในห้องนี้ (ชั้น2) มีการแสดงสิ่งของเครื่องใช้ ทั้งอาวุธ และงาช้างแกะสลักมากมาย ห้องติดกันนี้เป็นที่เก็บไวน์


 
 

งานแกะสลักจากงาช้าง (ชั้น 2)

 
 
 

มงกุฏของ King Christian IV ที่เป็นไฮไลท์ที่ชั้นใต้ดิน

การเข้าชมห้องใต้ดินซึ่งเป็นที่เก็บมงกุฏของ King Christian IV นั้น เขาขอร้องให้เข้าชมแบบเงียบ เพราะมีอุปกรณ์อีเลคทรอนิคส์จรวจับอยู่ด้วย .... ต้องบอกว่าเป็นบุญตาที่ได้ชมสมบัติของกษัตริย์ที่ร่ำรวยสมัยนั้น ทั้งเพชรนิลจินดา ทองคำ เหมือนในหนังโบราณเลยก็ว่าได้ครับ ทุกห้องถ่ายภาพได้ ยกเว้นบางจุดที่เขียนห้ามไว้ครับ สำหรับอัตราค่าเข้าชมในส่วนที่จัดแสดง คนละ 115 DKK ( 516 บาท โดยประมาณ อัตราแลกเปลี่ยน 16.12.19)
 
 

ดาบที่ชั้นใต้ดิน

 
 

ปราสาทโรเซนบอร์จากด้านสวน King's Garden

 
 

สวน (The King's Garden) ที่ปราสาทโรเซนบอร์ก ซึ่งหน้าใบไม้ผลิดอกไม้จะสวยงามมาก

 
 

ตึกรามบ้านช่องที่กรุงโคเปนเฮเกนสีสันสวยงาม


 
 

แผนที่บริเวณถนน Stroget - จตุรัส King's New - ท่าเรือเก่า  Nyharn.

หลังจากชมปราสาท Rosenborg เราก็ไปทานมื้อเที่ยงกัน ก่อนที่จะมาละลายทรัพย์กันที่ถนน Strøget (สตรอเก็ต) ซึ่งเป็นย่านช้อปปิ้งบนถนนคนเดินที่ยาวที่สุดในยุโรปครับ.

 



ถนน Strøget (สตรอเก็ต)

 
Strøget ได้ถูกตั้งเป็นชื่อเล่นของถนนคนเดินแห่งนี้ ซึ่งแปลว่า "การเดินเล่น"  ตั้งแต่ 17 พฤศจิกายน 1962 เป็นต้นมาครับ .... Strøget เป็นแหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดของโคเปนเฮเกน มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอยู่ ณ ในใจกลางเมืองเก่า ที่นี่นับเป็นถนนคนเดินยาวที่สุดในยุโรป ครอบคลุม ถนน 4 สายด้วยกันคือ Frederiksberggade, Nygade, Vimmelskaftet และ stergade โดยมีความยาวถึง 1.1 กิโลเมตรเลยทีเดียว 

ถ้ามาที่นี่คิดอะไรไม่ออกว่าจะเข้าห้างไหน ผู้รู้เขาบอกว่าให้แวะเข้าไปในห้าง ILLUM เลยครับ (คนทั่วโลกต่างพูดกันว่า ห้างสรรพสินค้า ILLUM เป็นสวรรค์แห่งการช้อปปิ้งที่ดีที่สุดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย)  มีทุกอย่างคล้ายๆเซ็นทรัลบ้านเรา วันไปนั้นเสื้อผ้าหน้าหนาวก็กำลังออกมาโชว์หลากหลายแบรนด์ครับ ... เพิ่งรู้ว่าห้างนี้ก็เครือเดียวกับเซ็นทรัลกรุ๊ปบ้านเรา

 
 

ถนน Strøget ในโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก


จากถนนสตรอเก็ต เราเดินออกมาที่จตุรัส King's New ซึ่งรอบๆวันนี้มีบูธขายสินค้าเต็มไปหมด ซึ่งในหน้าเทศกาลคริสต์มาสก็จะมีงานแบบนี้กันในยุโรปครับ เดินเลยจตุรัสไปหน่อยก็จะเจอท่าเรือ  Nyhavn ซึ่งอีกฝั่งจะเห็นตึกสีสวยฉูดฉาดเรียงรายกันไปกับน้ำ ด้านหน้าจะเป็นสมอใหญ่วางอยู่บนลานกว้าง ถัดไปจะเป็น Terrace ให้ยืนชมและถ่ายภาพท่าเรือ
 
 

สมอเรือใหญ่


ย่าน Nyhavn (ท่าเรือใหม่) ของโคเปนเฮเกนมีประวัติเก่าแก่ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 17 ในช่วงต้นทศวรรษ 1900 พื้นที่ริมน้ำแถวนี้ทรุดโทรมมาก แต่ Nyhavn ในปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งความบันเทิงอันทันสมัยเต็มไปด้วยร้านอาหารชื่อดังมากมาย เดินไปตามทางเดินริมน้ำเพื่อชมเรือเก่าแก่ที่ยังใช้งานบริเวณช่องแคบ เสร็จแล้วก็ลองไปชิมรสชาติอาหารท้องถิ่นในร้านและบาร์ต่างๆ

ในสมัยที่เต็มไปด้วยกะลาสีและผู้คนเบียดเสียดกันในร้านเหล้า ท่าเรือของโคเปนเฮเกนแห่งนี้มีประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยสีสันเหมือนสีของตึกที่เห็นในปัจจุบัน ทุกวันนี้ Nyhavn เป็นศูนย์กลางความทันสมัยที่คนท้องถิ่นมาพักผ่อน แถมยังเต็มไปด้วยครอบครัว นักออกแบบ และศิลปินมารวมตัวกัน


 
 


พื้นที่ริมน้ำนี้เชื่อมโยงกับลำคลองหลายสายที่ไหลมาจากท่าเรือ ทางเดินที่ปูด้วยหินเป็นแนวยาวไปตามทาวน์เฮาส์สองชั้นสีพาสเทล เป็นฉากสำหรับถ่ายรูปที่มีเสน่ห์ ร้านอาหาร ร้านเหล้า และเวทีแสดงดนตรีสดได้ค่อยๆ กลืนกินพื้นที่ชั้นหนึ่งของทาวน์เฮาส์เดิมที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัย นักเขียนชื่อดังอย่างฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์เซนก็เคยอาศัยอยู่ที่นี่เช่นกัน

 


ตั้งแต่ปี 1977 พิพิธภัณฑ์แห่งชาติเดนมาร์กได้สงวนพื้นที่บางส่วนไว้เป็นท่าจอดเรือเก่าและพิพิธภัณฑ์ มีเรือรุ่นคลาสสิกหลายลำที่ยังคงใช้งานอยู่ ชมอนุสาวรีย์รูปสมอเรือที่ตั้งอยู่ปลายท่าเรือ สมอเรือนี้เป็นอนุสาวรีย์แห่งชาติและสร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าหน้าที่เดนมาร์ก 1,700 คนซึ่งเสียชีวิตในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง
 
 


ฝั่งทิศเหนือของท่าเรือมีร้านอาหารกลางแจ้ง และเป็นที่ที่เหมาะกับการมานั่งดูผู้คนในวันที่อากาศแจ่มใส ลองชิมปลาหมักที่ชาวสแกนดิเนเวียนโปรดปราน หรืออร่อยไปกับอาหารทะเลย่างสดๆ พร้อมเบียร์เย็นๆ เบียร์เดนมาร์กมีชื่อเสียงไปทั่วโลก แต่หลายคนบอกว่าเบียร์ดังของโคเปนเฮเกนอย่างคาร์ลสเบิร์กจะอร่อยกว่าหากมาชิมถึงถิ่น

Nyhavn ตั้งอยู่ริมฝั่งตะวันออกของตัวเมือง สามารถเดินหรือขี่จักรยานมาได้สะดวก ผู้ที่เดินทางมาด้วยรถยนต์อาจหาที่จอดใกล้ๆ ยาก เพราะเส้นทางบริเวณใจกลางเมืองเหมาะกับการเดินถนนมากกว่า บริการขนส่งมวลชนก็สะดวกเช่นกัน โดยมีรถโดยสารสี่สายวิ่งผ่าน Nyhavn ทุกวัน

 
 

ห้างนี้อยู่ใกล้ถนน Strøget


วันนี้เราลาโคเปนเฮเกนช่วงประมาณบ่ายสามโมงกว่าเพื่อไปที่ท่าเรือเพื่อขึ้นเรือ DFDS ไปเมือง Oslo เมืองหลวงของประเทศนอรเวย์ ซึ่งก็ใช้เรือเป็นที่นอนทั้งคืนครับ .... วันนี้ลงบล๊อกค่อนข้างยาวมาก หวังว่าท่านผู้อ่านคงพอได้ประโยชน์บ้าง แล้วอ่านต่อในบล๊อกต่อไปครับ

 

ลากันด้วยภาพตรงทางแยกเข้าถนนคนเดิน Strøget




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2562
7 comments
Last Update : 18 ธันวาคม 2562 18:34:08 น.
Counter : 2536 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณhaiku, คุณหอมกร, คุณSai Eeuu, คุณKavanich96, คุณSweet_pills

 

ทหารที่นี่มีแอบอ้วนด้วยนะคุณวิก
พรุ่งนี้มาใหม่จ้า

 

โดย: หอมกร 18 ธันวาคม 2562 16:41:36 น.  

 

ที่นั่นดินแดนโคนมครับคุณหอมกร ... สาวๆจึงออกสมบูรณ์นิดๆครับ

 

โดย: wicsir 18 ธันวาคม 2562 18:37:38 น.  

 

wicsir Travel Blog ดู Blog
ขอบคุณที่นำภาพสวยๆ มาฝากกันจ้า
ป.ล. ทหารราชสำนักก็ตัวใหญ่นะ

 

โดย: หอมกร 19 ธันวาคม 2562 9:23:34 น.  

 

สวยมากค่ะ ยังไม่เคยไปเที่ยวเลย โดยเฉพาะท่าเรือ

ปล ชอบกระเป๋าคุณผู้หญิงค่ะ สวยเก๋ดี ลายชาวเขา

 

โดย: Sai Eeuu 20 ธันวาคม 2562 3:22:35 น.  

 

ขอบคุณที่แบ่งปัน

 

โดย: Kavanich96 20 ธันวาคม 2562 3:36:40 น.  

 

คุณ Sai Eeuu .... ไม่ต้องหลุยส์ ไม่ต้องปาด้า แต่ช่วยชาวนา ชาวเขาดีที่สุดครับ..กระเป๋านั่นเหมือนจะมาจาก OTOP ซักที่ครับ.

 

โดย: wicsir 21 ธันวาคม 2562 7:23:03 น.  

 

พระราชวังและปราสาทสวยงามมากค่ะคุณวิค
ตื่นตากับสิ่งของที่จัดแสดงด้วยค่ะ
มงกุฏของ King Christian IV งดงามมาก
ตึกสีสวยและถนนคนเดินน่าชมน่าเที่ยวไปหมด
ขอบคุณคุณวิคที่พาเที่ยวนะคะ
ภาพสวยมากค่ะ

 

โดย: Sweet_pills 25 ธันวาคม 2562 0:38:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


wicsir
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 75 คน [?]











...... ชอบเดินทาง ชอบท่องเที่ยว และชอบถ่ายภาพ แม้ฝีมือจะไม่ให้ แต่ใจก็รัก เพราะได้ทำแล้วมีความสุข แถมยังมี bloggang ได้ให้โอกาสนำสิ่งเหล่านั้นมาแสดงด้วย ยิ่งทำให้หัวใจพองโต .......


อยากจะบอกว่า

@ ดีใจที่ได้แบ่งปันความสุขเล็กๆน้อยๆ กับเพื่อนๆในบล็อกแก๊ง ตลอดจนคุณๆที่ผ่านเข้ามาอ่าน.... แม้ภาพถ่ายจะไม่สวยนัก แต่กว่าจะได้มาก็แสนยากลำบาก จึงขอสงวนสิทธิไว้เป็นการส่วนตัว

@ ภาพทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของเจ้าของบล๊อก ถ้ามีความประสงค์จะใช้ภาพเพื่อการใด กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อกด้วย เพราะจะได้พิจารณาเป็นเรื่องๆไปครับ.

@ ขอบคุณเพื่อนๆสมาชิกที่คอยให้กำลังใจกันเสมอมา และขอบคุณทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่าน หวังเป็นอย่างยิ่ง ว่าท่านคงแวะเข้ามาอีก...


ด้วยจริงใจ
นาย wicsir.




Rec. 11.06.08
New Comments
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2562
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
18 ธันวาคม 2562
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add wicsir's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.