ปรกติหวานไม่ใช่คนที่ตื่นเต้นกับปีใหม่เลยนะ มันก็แค่เป็นอีกคืนที่ต้องแหกตาจนเที่ยงคืน แล้วจุดพลุ จับสลาก คืนที่เรานอนตีหนึ่ง มันก็เป็นทุกๆ วันอยู่แล้ว
แต่พอเรายิ่งโต ความรู้สึกมันก็ทับถมเข้ามาในหัวใจเรื่อยๆ
ปีที่แล้ว โหดส่งเมสเสสมา บอกหวัดดีปีใหม่นะ ยัยแก่แดด ถึงได้เข้าใจว่า ความรู้สึกดี มันเป็นอย่างไง? รู้สึกอย่างไง... เวลาที่มีคนคิดถึงเรา ในขณะที่ คนอื่นๆ น่าจะมีความสำคัญมากกว่าเราเป็นสิบเป็นร้อยเท่า
ถึงแม้ปีนี้ จะเป็นอีกปีที่เราเริ่มลืมๆ เลือนๆ ได้แล้ว เริ่มปลงตกได้แล้ว กับคำสัญญาลมๆ ของใครว่ะ ที่ว่าจะจองเวรเราตลอดไป .. .. เริ่มเกิดอาการงงๆ เง็งๆ ว่าตาคนนั้น เขาเป็นใคร เหรอ? ที่แกพูดถึงนะ
ถึงแม้จะกินน้ำแข็งไสเพิ่มขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา แต่ก็สงสัยน้อยลงว่า ทำไมตานั้นต้องชอบกินน้ำแข็งไสน้ำแดงใส่ขนมปังด้วย แล้วก็กล้าสั่งน้ำแดงนมเยอะๆ โดยไม่ต้องคิดถึงต้นแบบคนที่ทำให้เรารู้จักรสชาติของน้ำแข็งไส
แม้เหมือนจะลืม แต่ก็ยังหวัง อยากได้เมสเสสจากเขาอยู่ดี
เพราะความรักทำให้คนตาบอด ใช่ไหม?
บางคนถาม "นอกจากมัน แกไม่มองใครอีกเลย?"
บางคนตอบ "ไม่มอง.. ไม่ได้มองใครที่ไหนมองทำไมเพิ่มให้เสียเวลานอน "
บางคนถาม "รอมันหน่อยนะ... มันก็ไม่มีใครหรอก เชื่อกูดิ.."
บางคนตอบ "หืม.. ไม่รอ รอทำไม ฉันไม่ได้รอ.."
วันนี้แต่งหน้า แต่งตัว ใส่ต่างหูสวยๆ เสียสวย หิ้วกระเป๋า ใส่รองเท้า ไขกุญแจ แต่ก็ไม่กล้าเดินออกไป ล๊อคบ้านเหมือนเดิม แล้วมานั่งเงียบๆ นอนลงเงียบๆ
ไม่อยากไปไหน แม้กระทั่ง ออกไปชื้อเครื่องสำอางที่ชอบนักหนา ก็ยังไม่อยากออกไป .. นี้มันฤดูกาลเฉลิมฉลอง แต่มันก็เป็นอีกวันที่เราต้องอยู่คนเดียว กำเงินไว้ในมือเยอะๆ อยากออกไปกินข้าวนอกบ้าน แต่นึกไม่ออกว่าจะกินอะไร
อยู่คนเดียว นี้มันสนุก สบายใจดี แต่ก็เหงาเหมือนกันนะ
แม่กลับบ้านมา เห็นเราแล้วก็ตกใจนิดหน่อย นึกว่าเราจะออกไปข้างนอก พอนั่งคุยกับแม่ แม่บอกว่า ดีแล้ว อยู่บ้าน ไม่ต้องออกไป บ้านเรา(ถ.วิภาวดีรังสิต) รถติดจะตายไป ใครๆ ก็ออกต่างจังหวัด ออกไปก็รถติด
เราก็อืม..ยิ้มๆ แม่บอกว่า "พรุ่งนี้ไปสำเพ็งกับแม่ไหม? ไปกับเพื่อนแม่ ชื้อของขวัญให้เพื่อน" สักพักแม่ก็ยิ้ม "นังหนูชื้อให้เพื่อนแล้วนี้ (เมื่อสองวันก่อน จัดปาร์ตี้ที่บ้านเรา เราเลยถือโอกาสให้ของขวัญเพื่อนไปด้วยเลย) หนูอยากชื้อของขวัญให้ใครอีกหรือเปล่า? หนูล่ะ ชื้อของขวัญให้ตัวเองหรือยัง?"
เราก็เออ "เอ่อ.." แล้วแม่ก็ยิ้ม ทำไมล่ะ ไม่ได้ชื้อของขวัญให้ตัวเองเหรอ? แม่ก็ให้เงินไปแล้ว แต่แม่ว่าไม่ต้องไปใช้หรอกนะ ปีหน้าเศรษฐกิจไม่ดี เก็บเงินไว้ดีกว่า .."
"แม่ ทำไมมีแต่คนชอบแม่ ไม่เห็นมีใครชอบหนูเลยล่ะ"
"เพราะแม่เป็นคนตลกมั้ง ? เพื่อนลูกบอกลูกว่าอย่างนั้นเหรอ?"
"ค่ะ เขาบอกว่าแม่ตลกดี คุยเก่ง แม่ทำไม พอเป็นหนู มันไม่ใช่ล่ะแม่ แม่อยู่กับหนูก็ไม่เห็นจะตลกเลย "
"ไม่รู้สิ แม่คงเป็นกันเองมั้ง.. หนูอยู่กับเพื่อนไม่ได้ติ๊งต๊องแบบนี้เหรอ? แม่ว่าหนูก็ต๊องออก"
"อืม.. ก็ต๊องแบบนี้ล่ะแม่"
กี่ปีผ่านไป ชีวิตเราก็มีแต่แม่ แล้วก็ครอบครัวเสมอมา .. กี่ปีๆ ก็เฉลิมฉลองกับครอบครัว เพราะ มีความสุขอย่างที่ตัวเองเป็น ฟังแล้วก็ตลก แต่เวลาดีๆ แบบนี้ ก็อยากจะอยู่กับครอบครัว ไม่อยากไปไหน
แต่พรุ่งนี้ ก็ไม่มีใครอยู่อีกแล้ว พ่อก็ไปเข้าเวร แม่ก็ออกไปช้อปปิ้งกับเพื่อน น้องชายก็ทำธุระ เหลือตัวคนเดียวอีกตามเคย ของขวัญที่ชื้อให้ตัวเอง.. ก็ไม่เห็นจะอยากได้อะไร กล่องดนตรีจากร้านมือสองที่พ่อให้ ก็สวยดีอยู่แล้ว
เดียวพวกญาติๆ ก็ขนเอาของขวัญมาให้เยอะแยะ .. ชอบจัง เวลาที่ได้ของขวัญเนี้ย นึกทีไรก็มีความสุข ..
ปีนี้ เรียนรู้อะไรได้หลายอย่าง แล้วก็เป็นปีที่เขาว่า น่าจะเป็นผู้ใหญ่ คิดอะไรเองได้แล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะห่างไกล ก็ปล่อยให้คนอื่นคิดแทนทุกที
คิดเลขได้เร็วขึ้น แต่ยังโดนโกงเหมือนเคยนะเอ็ง..
เป็นปีแรกที่สอบตกในระดับอุดมศึกษา 555
แล้วโดนงานพินโกงเหมือนเคย มีไหมพรมที่ยังไม่ได้ถักอีกตามเคย .. ขนาดไม่ได้ชื้อมาเพิ่ม นะเนี้ย
นอนดึกกว่าเดิมขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ไม่รู้เมื่อไหร่จะตื่นเช้าแบบคนอื่นได้สักที
ได้ทำงานเต็มขั้น แล้วก็โดนไล่ออกครั้งที่สามในชีวิต
เพิ่มน้ำหนักห้ากิโลได้ไงเนี้ย ว่าจะลดแท้ๆ 555
ชื้อคสอ. น้อยลง เย้!~ เริ่มชื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองเป็นแล้ว เย้!~
ปีหน้าก็จะเริ่มเข้าสู่ปีที่น่าจะเรียนจบ ซึ่งมันยากเย็นเหลือเกิน ชักจะหวั่นๆ ว่าอาจจะไม่จบ แต่ก็ไม่รู้จะกังวลไปทำไมให้เหนื่อยใจ
เป็นอีกปี ที่เขียนนิยายใส่ลัง ไม่คิดจะเสนอใคร และก็ไม่ได้เอาฤดูฝนฯ มาแก้สักที
พึ่งรู้ว่าตัวเองร้องเพลงของมาช่าขึ้น และรู้ว่าตัวเองชอบเสือกเรื่องชาวบ้านมากแค่ไหน ..
เป็นปีที่โดนล้วงกระเป๋าเป็นครั้งแรกในชีวิต เป็นปีที่ชื้อมือถือเอง แล้วก็ทำมันหายเองในปีเดียวกัน
เป็นปีที่น่ายินดี ที่น้องชายได้เรียนต่อม.ปลาย แม้ปีที่แล้วจะรู้สึกสิ้นหวัง แต่ปาฎิหารย์อะไรก็เกิดขึ้นได้
เป็นปีแรกที่น้องชายมีเป้าหมายกับเขา แล้ว ก็มีเพื่อน.. เป็นหัวหน้าชมรม ช่างน่ายินดีจริงๆ
เป็นปีที่คนในครอบครัวไม่ได้เข้าโรงพยาบาล เลยสักคนเดียว น่ายินดีๆๆ
เป็นปีที่พ่อกะแม่ฉลองงานแต่งงานครบรอบยี่สิบปี เป็นปีที่เราไม่ปล่อยให้แม่อยู่คนเดียว พยายามอยู่กับแม่ให้มากขึ้น เป็นปีที่แม่เล่นอินเตอร์เน็ตเป็น เล่นเอ็มได้ด้วย เย้...
เป็นปีที่เราไม่คิดจะไปอยู่ต่างประเทศแล้ว พอกันที ถ้าตายก็ขอตายในประเทศไทยนี้แหละ
เป็นปีที่ได้รู้ความจริงว่า อาฉัน เขาจัญไรเช่นไร หลงนึกเข้าข้างอยู่ตั้งนาน
เป็นปีที่ได้รู้ความจริงว่า ต่างจังหวัด ก็มีผู้ชายหลอกฟัน จริงๆ ด้วยเว๊ยเฮ่ย..
เป็นปีที่ต้องระวังให้มากแล้วเรา ..ผู้ชายสมัยนี้ร้ายจริงๆ
เป็นปีที่ติดต่อกับเพื่อนมากขึ้น พยายามคิดถึงตัวเองให้น้อยลง ..พยายามเป็นมิตรกับศัตรู และไม่คิดว่าจะเป็นมิตรกะมันหรอกนะ ..
และเป็นปีที่ไม่มีเงินเก็บอีกตามเคย
และเป็นอีกปีที่ยังตั้งความหวัง ถ้าเป็นไปได้ อยากจะเป็น "หวานใจนายโหด" อีกปีหนึ่ง แม้ความหวังนั้นจะริบหรี่ก็ตามที 555
และเป็นปีแรก ที่อมยิ้มไม่โดนยึดเว๊ยเฮ่ย.. ได้ใบเหลืองเต็มขั้นด้วย เป็นไงล่ะ 555 ได้คุยกะทีมงานพันติ๊บด้วย โคตรตื่นเต้นเลย
และเป็นที่รู้ว่า ไอ้ปุ่ม ESC กดแล้ว ข้อความที่พิมพ์ไว้จะหายหมด หลังจากโง่มือไปโดนปุ่มไรก็ไม่รู้อยู่หลายปี
และเป็นปีที่ได้เรียนรู้ว่า
"ความสุขนั้น ไม่มีใครพรากมันไปจากเราได้ นอกจากตัวเราเอง"
Happy new year 2008