เมษายน 2551

 
 
1
2
3
4
6
7
8
9
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
ยิ่งเกลียด ยิ่งใกล้ ..ทำไงได้
หลายวันนี้ ถ้ามีคนสังเกต จะรู้ว่านังหวานหายกบาลไปไหนอีกแล้ว

จัน อังคาร ไปเรียนขับรถ

พุธ พฤหัส ไปค้างบ้านเพื่อนที่รามอินทรา ให้เพื่อนช่วยติวสอบซ่อม

วันศุกร์ ไปสอบซ่อม ไปนั่งให้อาจารย์ ด่าเรื่องรายงาน

แล้วที่หายไปทั้งคืน ไปร้องคาราโอเกะ พึ่งกลับมาเนี้ย

พรุ่งนี้วันเสาร์ ก็ต้องไปขนเฟอร์นิเจอร์ อีกแล้ว แม่ชื้อมาเพิ่ม..

วันอาทิตย์ อยากไปงานหนังสือ แต่ไม่มีเงินเหลือแล้ว

วันจันทน์ ชื้อหมึกพิมพ์ สะสางรายงานให้เสร็จเรียบร้อย

วันอังคาร ไปส่งรายงาน ส่งมือถือซ่อม ไปเรียนขับรถ
(ถ้ามีเวลาเหลือ จะไปเยี่ยมคุณย่า )

วันพุธ ไปเรียนขับรถ ,ตอนบ่ายอาจไปเยี่ยมคุณย่า

วัน พฤหัส เรียนขับรถ

วันศุกร์ สอบใบขับขี่.. คงสอบได้แค่ภาคทฤษฏีล่ะมั้งเนี้ย

วันจันทน์ หน้านู้น..โล่ง............
(หรือไม่งั้นก็ต้องไปฝึกงาน แบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน)

ชีวิตนังหวานจะเป็นแบบนี้ประจำ เวลายุ่ง จะยุ่งมากๆ เพราะถ้าไม่ยุ่งล่ะก็ .. ก็จะว่าง จนมานั่งเฝ้าพันทิพมาได้เป็นวันๆ ทำอย่างกับถือหุ้นพันทิพไว้เลย 5555


หลายวันก่อน หวานไปบ้านเพื่อนมา เพื่อนอยู่กับน้าสาว(..และครอบครัวน้าสาวเขา)ก็จริง แต่แบบว่าบ้านใหญ่มาก .... แล้ว น้าก็ออกไปแต่เช้า. (ตีสี่) หวานก็เลยไม่ได้เจอกับน้าสาวเพื่อนเลย ได้อยู่แต่กับเพื่อนตลอด

ตอนแรกเพื่อนจะต้องออกไปฝึกงาน ที่ธนาคารกรุงไทย แถวบ้านเขา รามอินทรา กม.4 ถ้าไปธนาคารนั้น เจอเด็กฝึกงานสองคน มาต้อนรับ .. นั่นแหละเพื่อนหวานเอง

ไปนอนค้างกะเพื่อนสองคน เพราะ อีกคน บ้านอยู่บางพลัด .. เพื่อนที่อยู่รามอินทรา เลยให้มานอนที่บ้าน ตอนแรกเราไปก็คิดว่า เพื่อนจะเดือดร้อนไหมเนี้ย ....

อีกคนเนี้ย ที่อยู่บางพลัด เก่งบัญชีมากๆ ตัวที่หวานไปซ่อมอ่ะ เจ๊แกได้ A ค่ะ ..

ปรากฎว่าเพื่อนไม่ได้เดือดร้อนเลย เพราะบ้านใหญ่มากๆๆๆ เป็นบ้านแฝด ที่ทุบเป็นบ้านเดียว

เพื่อนเจ้าของบ้าน (ต้องไปสอบซ่อมเหมือนกัน) เขาต้องทำรายงานคู่กะหวาน เพราะว่า รายงานไม่เรียบร้อย เพื่อนเจ้าบ้านก็เลยต้องหยุดงานวันพฤหัส เพื่อทำให้เสร็จ กว่าจะเสร็จก็เที่ยง

ส่วนเพื่อนคนที่ไปฝึกงาน ก็ไปทำงานที่บริษัทตามปกติ พอสี่โมงกว่าๆ ก็ออกไปรับเพื่อน นั่งกินน้ำปั่น แก้วใหญ่ 40 ของกรุงเทพ ที่ที่นู้นขายแค่ 15 อร่อยแล้วก็ถูกด้วย

จากนั้นก็ไปนั่งเล่นสนามเด็กเล่น ปริ้นต์รายงานให้เสร็จ แต่เพราะยังจัดไม่เรียบร้อย ก็เลยเอามาจัดต่อที่บ้าน เฮ่อ..

เวลาไปอยู่กับเพื่อนสองคน กับน้องสาว แล้วก็หลานเพื่อน รวมกะหวานเป็นห้าคน มันก็ได้ความรู้สึกเหมือนอยู่หอดีนะ รู้เลยว่าทำไม คนอยู่หอ ถึงได้เรียนกันเก่งเหลือเกิน

ได้กินไข่ที่ทอดในหม้อสุกี้ มันก็อร่อยไปอีกแบบนะ ไม่เคยกิน

หวานโชคดีอย่างหนึ่ง คือมีเพื่อนดี ไปอยู่นู้น มีคนหาอะไรให้กิน งานบ้านก็ไม่ต้องทำ แล้วบ้านเขาก็ไม่มีอินเตอร์เน็ต ทีวีเราก็ไม่อยากดูอ่ะ แต่แอบดูสรววค์เบี่ยงนิดหนึ่ง เอิ๊ก.. สุดท้าย เราก็ได้แต่อ่านหนังสือ.. หวานว่าได้อ่านเยอะกว่าตอนอยู่บ้าน แบบ .. ถ้าอยู่บ้าน เราคงอ่านไม่ได้เท่าเนี้ย.. อ่านได้เต็มที่เลย

เพื่อนที่ได้เอ ก็สอนแบบไม่มีกั๊ก.. การไปติวที่บ้านเพื่อนมันก็เลยฉลุย

ข้อสอบก็คิดว่าตัวเองทำได้อ่ะนะ แต่มีเพื่อนผู้ชายอยู่คนหนึ่ง โรคจิตไม่รู้ตัว ทำไม่ได้ ก็มาไซโคกูอยู่ได้ ผับผ่าสิ หวานก็พยายามเดินหนีแล้วนะ แบบ ..เป็นคนเงี้ย เวลาสอบเสร็จ ไม่ต้องคุยเรื่องสอบได้ไหม พอฟังแล้วมันก็เครียด เลยไม่อยากฟัง

สุดท้าย มันก็บ่นไม่เลิกโว้ย...

หวานก็เลยพูดไป บอกไป ว่า ไม่เห็นจะต้องวิตกกังวลอะไรเลย.. ถ้าเราเป็นคนไม่มีคุณภาพ.. เราก็ต้องถูกคัดทิ้งเป็นธรรมดา ถ้างานที่เราทำ สิ่งที่เราเขียนลงไปบนกระดาษ มันไม่มีคุณภาพมากพอที่เขาจะให้ผ่าน เราก็ต้องยอมรับสิ่งที่เราลงไป ก็คือไปต่อไม่ได้ ลงเทอมหน้า จนกว่าเราจะพิสูจน์ได้ ว่าตัวเราเป็นคนที่คุณภาพมากพอ ให้เราเรียนต่อไปได้

(หวานก็บอกตัวเองงี้เหมือนกัน)

เพื่อนหวานคนอื่นมันก็เบรกนะ เพราะหวานพูดแมวๆ แต่แรงอ่ะ เพราะคนอย่างหวาน.. อย่าให้หวานโมโห ถ้าแรงที ก็นะ..

ไอ้เพื่อนผู้ชายมันก็คงอึ้งอ่ะ.. แบบหน้าซีดนิดๆ เลย พูดแทงใจดำมันสุดๆ

หวานยังไม่เลิก สำทับไปนะ "คนเราต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเราลงไป.. ถ้าเราทำไม่ดี เราก็ต้องยอมรับว่าทำลงไปแล้ว.. ตกก็คือตก เราทำคะแนนไม่ดีเอง ก็ต้องยอมรับมัน"

พอดี แฟนเพื่อนผู้ชายเขาโทรมาอ่ะนะ ผู้ชายคุย.. แล้วก็คิดได้ .. เขาก็เล่าให้แฟนเขาฟัง ว่า เราพูดอะไรออกไป

หวานว่า... แฟนเขาก็คิดในใจ อีคนชื่อหวานนี้ มันคิดว่าตัวมันเป็นใครว่ะ .. เที่ยวมาเทศนาสั่งสอนคนอื่น เขาคงคิดว่าแฟนเขาคิดเองก็ได้..

เพราะหวานไม่สนใจหรอก.. หวานไม่ได้อยากพูดแรง เพราะถ้าไม่พูด จะคิดได้ไหม.. จะคิดเองได้ไหม? นี้ล่ะนะ ผู้ชาย .. เวลาไม่คิด มันก็ไม่คิด..เอาแต่ช่างแมร่งอยู่เรื่อยไป พอมีปัญหาจริงๆ มันก็ทำเป็นโลกจะแตก

มาพูดเรื่องอาจารย์ดีกว่า ..

คนแบบที่หวานเกลียดที่สุด คือคนที่ไม่พูด แม่หวาน จบการตลาดมา แม่หวานจะสอนหวานว่า คนที่ไม่พูดเป็นลูกค้าที่เราจะขายของให้ยากที่สุด แม่หวานเขาเก่งเรื่องจับประเด็นสิ่งที่คนต้องการอะ

เขาจะสอนเรื่องพวกนี้กะหวานตั้งแต่หวานจำความได้ เขาไม่ได้สอนวิธีเอาอกเอาใจ ประจบประแจงแบบโง่ๆ แบบที่คนทั่วไปทำกัน หลักการมันง่ายกว่านั้นมาก แค่ดูว่าเขาต้องการอะไร เราก็ตอบสนองแบบนั้นไป

เพราะถ้าเราสามารถตอบความต้องการของคนอื่นๆ ได้ นั่นคือ การทำให้เกิดมูลค่า..มูลค่าอะไร? บางทีก็วัดเป็นตัวเงินได้ บางทีก็วัดไม่ได้.. การทำความดี ก็เป็นการตอบสนองแบบหนึ่ง คือการทำให้คนอื่น พอใจในการกระทำของเรา

และคนแบบไหน ? ที่หวานเกลียด คือคนที่หวานไม่สามารถคาดเดาได้ว่า หวานจะทำอย่างไร.. เพื่อให้เขาพอใจได้ มันคล้ายๆ กับว่า คนๆนั้น ไม่มีเหตุผล

แต่จริงๆ คนไม่ได้เป็นคนไม่มีเหตุผล หวานก็สามารถตอบสนองได้ ถ้าเขาแสดงออกมา แต่คนแบบนี้ เขาจะเคยชินกับการอยู่คนเดียว (นานเกินไป) ไม่ใช่ว่า คนแบบนี้จะเป็นพวกปิดสังคมนะ เขาก็มีสังคม ฉีกยิ้มหวาน แต่.. พออยู่กับเรา ถึงแม้จะเห็นหน้าตาต่อหน้า... เรายังเดาสีหน้าเขาไม่ถูกเลยว่า เขาจะคิดอะไรอยู่ ดีหรือร้าย

คงเพราะน้ำเสียงเรียบๆ ที่ไม่แสดงออกอะไรนี้ หวานว่าน่ากลัวนะ .. แล้วก็เกลียดที่สุดเลย

หวานเจอคนแบบนี้ หลายคนล่ะ คู่อริ หวานหนึ่ง เจ้านายเก่าหนึ่ง แล้วตอนนี้ ก็มาเป็นอาจารย์ที่หวานสอบตกเขาซ่ะนี้

ในด้านภาษาศาสตร์ การนิ่งเงียบ คือการยอมรับใช่ป่ะคะ.. แต่กะคนๆ นี้ มันแปลไม่ได้ บางทีก็แปลว่าตกลง บางทีก็ไม่ รวมไปถึง กูไม่แน่ใจ กูไม่รู้ ฯลฯ ..

อย่างวันที่เขานัดงานให้ไปเอารายงานมาพิมพ์ เขาบอกให้หวานใช้ฟอนต์นี้นะ เอาแบบนี้ แต่ไม่ได้บอกว่า ให้พิมพ์หน้าหลังมา เข้าใจใช่ป่ะค่ะ ว่าถ้าพิมพ์จากคอม มันจะได้เรียงหน้า

แต่เขาจะเอาแบบหน้าหลังเหมือนอ่านหนังสือ แล้วมีหลายอย่างมาก ที่เขาไม่สั่งหวาน.. แต่ไปสั่งคนอื่น.. พวกคำสั่งที่สั่งทีหลัง แล้วคนมาก่อนจะได้รับรู้ไหมค่ะ สุดท้าย หวานกลายเป็นคนผิด..เฮ่อ..

แล้วหวานก็เสียเงินไปเยอะกับรายงานบ้าๆ นี้.. แต่ทำไงได้ล่ะ

ทั้งๆ ที่หวานนั่งฟังเขาให้วันที่เขาสั่งงาน แต่เขากลับไม่บอกหวาน ...

พอหวานจะมีคำถามงาน เขาก็บอกว่า ห้ามถาม ..

แล้วจะให้หวานทำไงอ่ะคะ หวานก็ไม่ได้อยากอะไรกะเขานะ แต่แบบ.. เขาคงไม่ชอบขี้หน้าหวาน เขาหันหน้ามามองหวานทีไหร่ ก็เมินใส่ทุกที

พอเพื่อนไปถาม เขาตอบนะ เขาบอกว่า เขาให้ต้นฉบับมาแล้ว คุณก็พิมพ์ตามต้นฉบับสิ ทีหนังสือที่ให้ไปยังพิมพ์ได้เลย

หวานก็แบบทนไม่ได้ ชัดหงุดหงิด เลยบอก "แต่หนังสือ มันใช่โปรแกรมฟอน์ตเพจ จัดหน้ากระดาษนี้ค่ะ มันถึงได้ทำไงค่ะ"

เขาก็ทำหน้าแบบ.. เหมือนไม่เข้าใจอ่ะ ว่าโปรแกรมที่ว่าคืออะไร พอจะเข้าใจว่า ทำไมถึงทำไม่ได้ แต่.. มันก็มาพร้อมไม่เข้าใจ.. ว่าทำไมถึงทำได้อย่างใจเขาต้องการไม่ได้

แต่สุดท้าย เขาก็ยังพูดแปลกๆ อยู่ดี บอกว่าจะตัดคะแนนที่หวานส่งช้า

หวานจะบอกว่าหวานไม่ได้ส่งช้านะ หวานก็ปริ้นเข้าเล่มมาเสร็จ.. เพราะอ. ไม่บอกหนูต่างหาก ความผิดหนูเหรอ หวานเบื่อเขามากๆ ที่เขาทำตัวแบบนี้.. พอหวานถาม เขาไม่พูดกับหวาน หวานจะตรัสรู้ด้วยปัญญาตัวเองไหมล่ะ ว่าเขาต้องการอะไรจากหวานนะ.. ฮ่ะ..

เพื่อนหวานก็บอกให้ยอมเขาทุกอย่าง เขาอยากได้อะไร ก็ต้องให้เขา เพราะเขาให้โอกาสสอบซ่อม..ก็ถือว่าเขาพยายามช่วยเราที่สุดแล้ว..

หวานก็ยอมเขานะ ... จะให้หวานทำไงอ่ะ... หวานก็สังเกตตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่เขามาสอนแล้ว ว่า ..ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวดีนะ

จะพยายามอยู่ห่างๆ กะแก.. แต่สุดท้าย คนมันจะต้องใกล้ มันทำบุญ(หรือบาปก็ไม่รู้) มาร่วมกัน ก็ต้องมาเจอกัน

ยิ่งเกลียด ยิ่งใกล้.. ทำไงได้

นี้กลับบ้านมา ตอนสามทุ่มนิดๆ เพราะไปร้องคาราโอเกะกับพวกเพื่อนๆ


มาถึงบ้าน แทนที่จะได้อาบน้ำนอนสบายๆ พรุ่งนี้ว่ากันใหม่ แม่ก็ดันซักผ้า ตั้งสามราว ต้องกวาดพื้น ถูพื้น ล้างจาน..เฮ่อ.. สุดท้าย เที่ยงคืนถึงจะเสร็จ

อาทิตย์หน้าก็วุ่นวายอีกตามเคย..เฮ่อ..


แล้วก็อีกอย่าง ที่อยากเล่าให้ฟัง

วิชา สอบบัญชี ภาคปฎิบัติ หวานได้ C+ ล่ะ ภูมิใจมากๆ เลย

กลางภาค หวานได้ 11 คะแนน จาก 40 ด้วยซ้ำ สูงสุด 23

บางคนอาจสงสัยว่าได้แค่ c ดีใจทำไม ... คงเพราะในสายตาหวาน วิชาบัญชียิ่งขั้นสูง ถ้าได้ c คือเก่งแล้วอ่ะ เพราะ เก่งสุดจะอยู่ที่ B A จะมี1คน หรือไม่มีเลยในคณะ

ซึ่งถือได้ว่า สูงกว่าเกณฑ์ปกติ..555 (คิดเอาเองทั้งนั้น)

ภาคทฤษฎี หวานได้ D อ่ะ.. เพราะหวานท่องไม่เก่ง

เป็นที่น่าภูมิใจที่สุด

เพราะในที่สุด แนวคิด และ ความคิดของหวาน ก็ถูกยอมรับในสายตาของผู้สอบบัญชีสักที หลังจากที่หลงทาง มองผิดประเด็น การสอบบัญชี มานาน



Create Date : 05 เมษายน 2551
Last Update : 5 เมษายน 2551 3:12:43 น.
Counter : 738 Pageviews.

6 comments
  
บางวิชานี่ ได้ D ปามก็ค่อดภูมิใจแล้วนะคุณหวาน

แบบว่าเรียนไม่รู้เรื่องจริงๆ เขียนๆไปแล้วเค้าเวทนาให้ด๊อกมาก็บุญหลายแล้ววว
โดย: soda_zappp วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:8:28:47 น.
  
D เนี่ยมันแปลว่าดีกว่า F ใช่ป่าว

โดย: Summer Flower วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:14:10:00 น.
  
D เนี่ยมันแปลว่าดีกว่า F ใช่ป่าว

โดย: Summer Flower วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:14:10:16 น.
  
โหยยยย เจ็บนะนั่น แต่ก็สมควร อิอิ
ยินดีเจ้า
โดย: ออริกาโน วันที่: 5 เมษายน 2551 เวลา:14:15:50 น.
  
สู้ๆนะพี่ คนเงียบก็น่ากลัวจริงแหละเดาไม่ออกว่าเขาคิดยังไง แต่ส่วนตัวหนูกลัวคนดุที่สุดอะ
โดย: น้องผิง วันที่: 8 เมษายน 2551 เวลา:14:06:11 น.
  
สวัสดีคะคุณหวาน

"คนเราต้องรับผิดชอบสิ่งที่ตัวเราลงไป.." <<<< ชอบประโยคนี้จัง



(เพิ่งไปอ่านเรื่องที่คุณหวานไปเรียนขับรถ

ตอนเราขับแย่กว่านี้อีก แถบยังเอารถไปเฉี่ยวมาแล้วด้วย(ดีจริงๆเลย)

คุณหวานเรียนแถวไหนคะเนี่ย เราเคยไปถามที่นึงแถวบางซื่อ มีการบอกว่าถ้าอยากได้ใบขับขี่เร็วๆให้ยัดเงินกับขนส่งอีก)
โดย: *+*ข น ม ผิ ง ข้ า ง เ ต า*+* วันที่: 15 เมษายน 2551 เวลา:23:20:11 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หวานใจนายโหด
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




add me!!plz~
Add to Google

ไม่สวยก็เซ็งเป็น


MY VIP Friend