มึนไปตามใจฝัน
<<
มีนาคม 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
16 มีนาคม 2553

14 มีนา 2553 อาทิตย์ที่แสนสุขใจ

สำหรับเช้านี้ ตื่นมาพร้อมกับเสียง ติ๊กๆ ต๊อกๆ อะไรสักอย่าง
เสียงนาฬิกาปลุกของเพื่อนดังกวนประสาทให้เราสลึมสลือ ตื่นขึ้นมา

วันนี้ผมมานอนบ้านเพื่อน เพราะเมื่อคืนเรามาดื่มเหล้า และก็คุยกันเรื่อง สรรเพเหระ
ตั้งแต่ท่องเที่ยวยันการเมืองและวกกลับเรื่องธุรกิจในครัวเรือน
ตามประสาคนวงเหล้า ที่มีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง

จริงๆแล้ว ผมตั้งใจว่า เช้านี้จะตื่นเช้า่ ไปถ่ายรูปเล่น
ผมพกกล้องมาครบชุด อยากจะถ่ายรูป "อะไรสักอย่าง"
ซึ่ง "อะไรสักอย่าง" ผมก็ไม่สามารถตอบได้
ผมแค่อยากหาอะไรทำ
เพราะตอนนี้ผม "คิดว่า" กำลังอยู่ในโหมดติสแตก
แต่สุดท้ายผมก็ไม่ได้ติสแตกแต่อย่างไร
เพราะตื่นสาย กว่าจะออกจากบ้านเพื่อนก็ 10 โมง แดดเปรี้ยง
หมดอารมณ์จะไปตามหาอะไรใหม่ๆให้กับตัวเอง


ประมาณ 10 โมงนิดๆ
ผมให้เพื่อนมาส่งตรงศึกษานารี
แล้วก็แยกย้ายกัน
ผมเอง ก็ไม่รู้จะไปไหนต่อ
มองๆ เห็นตรงนั้นมีวัดดูน่าสนใจ
ลองเดินไปดู พอถึงวัดแล้วก็พบว่าไม่ถ่ายดีกว่า
รู้สึกไม่มีอารมณ์ (น่ีสิติสของจริง -_-')

เดินกลับมาตรงหอนาฬิกา ถ่ายไว้สัก 1 แชะ ให้รู้ว่า วันเบื่อๆวันนี้ เราก็ได้มาอยู่ ณ ที่แห่งนี้
จากนั้นก็กลับบ้าน


กลับมาบ้าน 11 โมงนิดๆ
มื้อแรกของวันนี้คือ ส้มตำ ไก่ย่าง และข้าวเหนียว
ส่วนเครื่องดื่มก็ชาเขียวนม(ใส่ถุง เพราะถูกกว่าใส่แก้ว ;p)
ซื้อจากแถวบ้านทั้งคู่ รสชาติดี
เป็นมื้อแสนอร่อย

ช่วงบ่าย จริงๆจะออกไปสะพานควาย
ไปอัดรูป แต่พอจะไปจริงๆ ก็ชักขี้เกียจ
อีกอย่าง ร้านที่ตอนแรกตั้งใจจะไปอัดรูป
เขาบอกว่า ล้างอัดรูปทั้งม้วน ไม่แถมสแกน
ต้องจ่ายเพิ่ม 50 บาท
เราเลยขี้เกียจไปด้วย
กะว่าไปล้างสแกนจากที่สยาม แล้วเลือกรูปที่จะอัดเองอีกทีละกัน

วันนี้เลยตัดสินใจไปปล่อยความติสที่สยามดีกว่า

นั่งรถไปจากบ้านไปลงเซ็นทรัลเวิร์ด
แล้วเดินไปสยาม
เป้าหมายในการไปสยามคือ
1. เอากล้องนิค่อนไปลงทะเบียน ในงานนิค่อนเดย์ ลุ้นรางวัลกล้องดิจิตอล -_-' (ซีเรียสนะ)
2. เอาภาพไปล้างสแกน
3. ดูงานศิลปะที่หอศิลป
4. ดูหนัง Alice in Wonderland

ตอนผ่านเซ็นทรัลเวิร์ด เขามีเทศกาลดนตรีแจส
รู้สึกวงจุฬา กำลังซ้อมกันอยู่ ถึงจะซ้อม แต่เพลงเพราะดีนะ
เราเลยถ่ายรูปไปสองแชะ

จากนั้นก็เดินไปสยาม
ไปทำภาระกิจแรก ซึ่งก็คือลงทะเบียน เอาคูปองชิงโชคกล้องดิจิตอล
จากนั้นก็ไปล้างรูป ตอนแรกนึกว่าจะได้วันนี้
แต่พนักงานบอกว่า เขาล้างเครื่อง ต้องรอพรุ่งนี้
ก็โอเคอะนะ ไม่ได้ซีเรียสไร

จากนั้นก็ไปที่หอศิลป

ที่หอศิลป ผมมีเรื่องช้ำใจนิดๆ อยากจะเล่า
เมื่ออาทิตย์ก่อนผมมาเดินเล่น
เห็นมีนิทรรศการ ทิเบตลุ้มแม่น้ำเจ้าพระยา (ชื่อประมาณๆเนี่ย)
เราก็ดูผ่านๆ ไม่ได้ลงไปดูละเอียด กะว่า อาทิตย์หน้าจะมาใหม่
ปรากฏว่าเขาจบการแสดงไปวันพุธที่ผ่านมา
เล่นเอา ตอกหน้าตัวเองอีกครั้งว่า "อย่าปล่อยเวลาให้ล่วงเลย" ;p


มาวันนี้ พื้นที่ชั้น 1 ที่เคยแสดงงานทิเบต เปลี่ยนมาเป็นแสดงงานสถาปัตยกรรมตึกที่น่าสนใจ
ก็มีทั้งรีสอท และก็ตึกที่สร้างให้กับทางวัดด้วย
ก็น่าสนใจดีนะ

จากนั้นเราก็ไปชั้น 7 ไปงาน ตึกรัฐสภาแห่งใหม่

ซึ่งเป็นการแสดงแบบแปลนต่างๆ ในการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่
ที่ส่งเข้ามามากกว่า 10 กว่าบริษัท

เราขอแสดงความรู้สึกจากใจว่า
เราขยะแขยงว่ะ
เราไม่ได้ขยะแขยงสถาปัตย์
การสร้างตึก รูปทรงมีความสวยงามและเป็นศิลปะโดยแท้อยู่แล้ว
แต่ที่ขยะแขยงคือ "นักการเมืองที่จะใช้งานรัฐสภาเป็นที่ทำงาน"

ผมเห็นสถาปัตยสวยๆ ทุกคนคิดมาดี มีแนวทาง การสื่อความหมายที่ดีเยี่ยม
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตรงข้าม
คนสร้างตึก เกือบทั้งหมด มีความคิดที่จะแสดงเอกลักษณ์ในเชิงบวก
ดอกบัว ดูจะเป็นสัญญาลักษณ์ที่ถูกนำมาใช้กับหลายแปลนที่นำเสนอเข้ามา
แต่ขอโทษเหอะ เราเคยเห็นนักการเมืองไทยเป็นดอกบัวบานเหรอ

ภาพที่ทุกคนรู้แก่ใจคือ คนหน้ายิ้มแป้นเวลาออกหาเสียง
แต่เวลาทำงาน หายไปไหนกันหมด?
ยังไม่ต้องเอาแบบเจาะลึกว่า ได้ทำผลงานที่เป็นประโยชน์ต่อชุมชนที่เลือกคุณมาเป็นตัวแทนหรือเปล่าหรอกนะ
แค่เรื่องที่ต้องทำอย่างประชุมสภา
เรายังได้ข่าวเป็นประจำว่า สส โดดสภา
แค่ตรงนี้ยังแก้กันไม่ได้ ผมก็ไม่รู้ว่าเราจะสร้างตึกราคาเป็นร้อยล้านให้กับคนเสื่อมๆพวกนี้ไปทำไม?

สรุป นิทรรศการนี้เราดูไปก็หงุดหงิดหัวใจไป ;p


ต่อมาชั้น 8 คือว่า นิทรรศการ ไทโย
เป็นการผสมผสาน ความคิดคนไทยที่มีต่อญี่ปุ่น ผ่านสื่อ
อย่างงานอนิเมชั่น ภาพยนตร์ ภาพวาด งานสินค้าต่างๆ
สำหรับอันนี้ดูเพลินๆ ดี
มีงานนึงเราชอบนะ
เป็นวีดีโอสองตัว ที่จะตัดภาพอย่างรวดเร็ว เป็นภาพของสถานที่ ผู้คน สิ่งต่างๆ
ซึ่งฝั่งนึงจะเป็นของเมืองไทย อีกอันจะเป็นญี่ปุ่น
เป็นสื่อที่เข้าใจง่าย แต่ดูแล้วมีอะไรดี

ส่วนภาพยนตร์ เขาเอาหนังมาให้ดู
เป็นหนังที่มีอิทธิพลญี่ปุ่นเจือๆ
อย่าง คู่กรรม, ฝัน บ้า คาราโอเกะ, อีติ๋มตายแน่, สตรีเหล็ก, รัก น้อย นิด มหาศาล

ซึ่งเขาจะฉายทางวีดีโอน่ะ เหมือนกับไปดูผ่านๆมากกว่า
คงไม่มีใครบ้านั่งดูจนจบหรอกนะ (แต่ไม่แน่แฮะ)



และสุดท้ายที่ชั้น 9
ชื่องานกว่า ผ่าน Tokyo 0 องศา

เป็นการยกเอาชิ้นงานบางส่วน จากนิทรรศกาล Tokyo ของญี่ปุ่นมาไว้ที่นี่
เราชอบเกือบทุกงานที่นำมาเลย
แต่มีงงๆ อยู่ 3 งาน
ซึ่งไว้จะสาธยายทีหลัง
เอางานที่ชอบก่อน
ก็จะเป็นพวก ภาพวาดการ์ตูน งานปะติด งานเพนท์ภาพ
พวกนี้สวยๆทั้งนั้น

อีกสิ่งนึงที่ไม่ได้เกี่ยวกับงานแต่ชอบมาก
คือกำแพง?
กำแพงฝั่งซ้ายจะติดด้วยวัสดุอะไรสักอย่าง เป็นเงินๆ ที่จะสะท้อนภาพมาไม่ชัดเจน
เราชอบภาพที่ออกมามาก
ผมเหมือนคนโรคจิตเหมือนกัน
ชอบสิ่งที่สะท้อนออกมาไม่ชัดเจนแบบนี้
เหมือนกับประตูลิฟท์ด้านในน่ะครับ
อย่างตึกที่ออฟฟิศใช้ มันจะท้อนเงาเจือจางมาก
เรารู้สึกว่าภาพที่ออกมามีเสน่ห์ จริงๆนะ


ทีนี้มาเจองานที่เรารู้สึกมึนๆ
อันแรก เป็นงาน เครืองอะไรสักอย่าง
ที่เราไม่เข้าใจมากว่า มันกล้าโชว์แฮะ

ไอ้เครื่องที่ว่า ผมเข้าใจว่าเป็นเครื่องพลังงานไอพ่น(มั้ง)
คือหน้าตามันเหมือนสเก็ตบอร์ดน่ะ
แต่ไม่มีล้อ เป็นเครื่องแบนราบ ให้คนขึ้นไปยืนบนนั้น
แล้วมันจะขับเคลื่อนได้
แต่ที่ผมว่าติงต๊องเนี่ย
คือเขาเอาเครื่องมาโชว์ แล้วก็ให้เราดูวีดีโอสิ่งประดิษฐ์งานนี้
ผลก็คือ มันยังใช้งานไม่ได้

มีภาพวีดีโอในปีแรกที่เขาสร้าง มันระเบิดก่อน (อันนี้ออกแนวน่าเศร้า)
อีกปีต่อๆ มา เขาเหมือนจะทำสำเร็จ
เอาไปโชว์ในงานไรสักอย่าง
แล้วสาธิตให้ดู
ผลคือ มันก็ใช้งานไม่ได้เรื่อง คนไปยืนเอาขาไถๆ
แล้วผมก็ปล่อยควันออกมาเต็มไปหมด -_-' (เรารู้สึกว่ามันงี่เง่ามาก)
แต่ขณะที่ผมกำลังบ่นๆอยู่
ผมก็สำนึกได้ว่า
งานศิลปะคือการสร้างสรรค
โอเคแม้จะยังใช้งานไม่ได้จริง
แต่การที่เขาได้พยายามจะทำอย่างจริงจัง
ก็มีค่าพอที่จะให้คนอื่นได้รับรู้ถึงความพยายามของเขา
มาคิดแบบนี้แล้ว ก็อยากให้วันนึงเครื่องที่เขาคิดนี้ใช้งานได้จริงอะนะ
ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสร้างเจ้านี้สำเร็จแล้วก่อให้เกิดพาหนะใหม่ก็ได้ ใครจะรู้



งานที่สองที่ไม่ถึงกับมึนมาก แต่แปลกๆ
เป็นศิลปินคนนึงที่ชอบเดินทาง
แล้วเขาจะมีคอนเซปของเรื่องเล่า
เช่น โกนคิวนึงข้างแล้วเดินทางท่องยุโรป? -_-' (มันน่าสนใจตรงไหนฟะ)

อีกอันรู้สึกเข้าท่า ดูเป็นศิลปะหน่อยคือ
แต่งชุดซานตาครอสอยู่ริมหาดแล้วเก็บขยะ
อันนี้ดูเหมือนเพี้ยน แต่จุดที่เขาไปเก็บขยะนั้น จะเป็นจุดข้างรถไฟวิ่ง
เขาบอกว่า เขาอยากให้คนที่มองผ่านรถไฟ ซึ่งจะเห็นภาพแว้บๆ เลือนลาง
เป็นซานตาครอสกำลังแบกของ(แต่จริงๆคือเก็บขยะ)
เพื่อให้คนเห็นนึกถึงความสุข

มาอีกอัน อันนี้เราฮามาก
เป็นวีดีโอให้ดูเลย
ศิลปินคนนี้เขาไปที่จังหวัดไหนสักแห่ง เพื่อไปจับปลาหมึก
(ปลาหมึกสีแดงๆ มีหนวดหนึบหนับ ไม่ใช่หมึกกล้วยที่เรากินอะนะ)
แล้วก็พาเจ้าปลาหมึกตัวเนี่ย ท่องโตเกียว -_-'
คือมันฮาๆ ดีเหมือนกัน
ที่ชายคนนึง นั่งรถไฟ นั่งรถแท็กซี่ พาปลาหมึกไปเที่ยว
ไปโตเกียวทาวเวอร์ด้วย
แล้วตกกลางคืนก็เอามาโชว์ตรงแถวบ้านมั้ง
แล้วความฮา(หรืออาจจะต้องการสะท้อนอะไรสักอย่าง)
คนที่เข้ามาทักทายเขากับปลาหมึกจะพูดว่า "อืมมม น่ากินแฮะ"
"น่าอร่อยจัง"
หรือ "ถ้ามีเบียร์นี่แจ๋วเลย" -_-'

พอรุ่งเช้า เขาพาปลาหมึกตัวนี้ไปตลาดท่าเรือ
แล้วก็ให้ปลาหมึกตัวนี้ได้ทักทายกับปลาหมึกที่ถูกขายในตลาด -_-'
ก่อนจะขายมันเพื่อเอาเงิน เฮ้ยยยย ไม่ใช่

จริงๆ คือเขาพามาเที่ยวตลาดนั่นแล้วก็จบลงที่พาไปปล่อยที่ทะเล

การดูวีดีโอของศิลปินท่านนี้ทำให้ผมรู้สึกตื้นตันใจมาก
จนผมแทบอยากจะไปจับปลาหมึกมาปิ้งกินให้ตายเถอะ!

แต่จริงๆ นะ ผมรู้สึกว่า บางทีสิ่งที่แสดงออกมา คนอื่นก็ไม่เข้าใจ
ตัวเราเองก็ไม่แน่ใจว่าเข้าใจหรือเปล่า
แต่สิ่งที่พิเศษคือ "เราได้ทำ"
เราสร้างเงื่อนไขขึ้นมา แล้วลองลงมือทำเพื่อบอกเล่าสิ่งนั้น
สิ่งที่คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจ หรือไม่อยากจะสนใจเลยด้วย
แต่มันน่าจะมีผลสะท้อนบางอย่าง ตอบกลับมา คำตอบที่เราคาดไม่ถึงอะไรอย่างงั้นละมั้ง
จะว่าไปผมว่าผมก็ชักจะเพี้ยนๆ แฮะ -_-'



ต่อมาอันสุดท้ายมึนสุด
เป็นจอวีดีโอประมาณ 8 ตัวได้
ในนั้นจะมีภาพจุดสีขาว ดำ เป็นกราฟฟิค
แล้วก็เสียงต่างๆของจอนั้น
ไม่รู้ว่าสื่อถึงห้วงจักรวาล การสัมผัส การค้นหา อะไรหรือเปล่า
คือเรายืนดูอยู่นานมาก (ยังพยายามอะนะ)
จนคิดว่าพอเหอะ -_-'


ก่อนจะเดินออกจากนิทรรศการนี้
มีงานชิ้นนึง เป็นจอวีดีโอ เห็นภาพที่ตั้งกล้องเห็นคนเข้าไปในห้องนึง
แล้วก็เปิดเพลงฟังแล้วก็เต้นออกมา

พอผมมองไปข้างๆ ก็จะเห็นห้องที่มีตู้อันนึง
คล้ายๆ ตู้โทรศัพท์
ในนั้นคนภายนอกจะมองเห็นข้างในชัดเจน
แต่ถ้าเราเข้าไปในตู้ จะเป็นกระจกสะท้อน มองเห็นแต่ตัวเอง
อันนี้ศิลปินเขาอยากให้คนที่เข้าไปในห้องนี้
ได้ผ่อนคล้ายกับเพลงดิสโก้
และได้แสดงออก จะเต้นรำ หรือทำไรก็ได้
ซึ่งตัวเองจะมองเห็นแค่ตัวเอง
ในขณะที่คนภายนอกจะเห็นสิ่งที่คุณแสดงออกมา

ผมว่ามันเจ๋งดีแฮะ
ผมลองเข้าไปแล้วก็ฟังเพลงดู มันดีเหมือนกัน
แต่ไม่กล้าเต้น -_-'
แต่ถ้าเอาเพลงของตัวเองไปเปิดคงเต้นนะ ฮ่าๆๆๆ
(จริงๆ ยอมรับว่าอยากเต้นอะ อยากแสดงออก แต่เขินอะ)


เวลาตอนนั้น 6 โมงกว่าๆ
จากที่หอศิลป์ ผมเดินไปโรงหนังสยาม
เพื่อดูหนังรอบ 6 โมงครึ่ง
วันนั้นดู Alice in Wonderland
ดูจบ ก็ไปประตูน้ำ ขึ้นรถกลับบ้าน

จริงๆ ที่สยามก็มีรถกลับ
แต่ตอนนั้นอยากไปแวะดูดนตรีแจซสักหน่อย
แต่ไปถึงเซ็นทรัลเวิร์ด แล้วพบว่า ในส่วนแสดงฟรี มันเลิกไปแล้ว -_-'
ก็เลยเดินไปขึ้นรถตรงบิ๊กซี ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
รอรถเมล์นานมาก
แล้วคนก็ยืนเต็มป้ายไปหมด
ตัดสินใจเดินไปประตูน้ำ เพื่อจะได้ขึ้นก่อนชาวบ้าน 1 ป้าย
เดินไปครึ่งทาง รถเมล์สาย 76 ที่จะกลับบ้าน วิ่งผ่านมา
โอเค เจ็บนี้ชิวๆ
แต่เดินไปอีกไม่กี่สิบก้าว ไอ้คันที่สองโล่งๆ วิ่งตามมา
เจ็บนี้สิไม่ลืม!

รถเมล์มาสองคันติด
แล้วคิดเอาสิว่า คันที่สามจะต้องรออีกกี่นาที!


มีความรู้สึกว่า วันนี้ช่างเป็นวันที่แสนสุขเสียจริง ทำไมน่ะเหรอ
เราได้ปลดปล่อยความติสแตกเต็มพิกัด
ทั้งไปลุ้นชิงโชคกล้องดิจิตอล (ซึ่งพบว่า เราแห้วแล้ว)
ทั้งได้ดูงานศิลปะดีๆ (อย่างพาปลาหมึกไปเที่ยว)
ทั้งดูหนังสนุกๆ น่ารัก มีสาวงามในชุดหลวมๆ มีกระต่ายใส่สูท มีคนเพี้ยนๆ ที่ชอบพูดคำว่า
"โต๊ะหนังสือเหมือนกับอีกาตรงไหน" แต่ที่เจ๋งคือ แมวยิ้มได้ น่ารักอยากมีไว้กอดอะ ขอสักตัวสิ!
และสุดท้ายปลดปล่อยความติสสส กับการเดินไปขึ้นรถเมล์ ที่ประตูน้ำ
และรอรถเมล์ไป 30 นาที


ในช่วงเวลาเดียวกัน อีกมุมนึงของเมือง กำลังมีความเร้าร้อนประดุจเปลวเพลิง
แต่ ณ ตรงนี้ เวลานี้
ประตูน้ำ กับ เวลา 30 นาที ที่ผมก็ไม่รู้ว่าเสียไปทำไม เพื่ออะไร

แต่ผมก็สนุกที่ได้ทำอะนะ ;p




 

Create Date : 16 มีนาคม 2553
6 comments
Last Update : 16 มีนาคม 2553 1:44:56 น.
Counter : 995 Pageviews.

 

บันทึกวันนี้
ทำกิจกรรมน่าสนุกดีนะคะ
เขียนซะยาวเชียวค่ะ
...



 

โดย: ผีเสื้อยิปซี 16 มีนาคม 2553 2:46:09 น.  

 

สงสัยต้องหาเวลาไปปลดปล่อยความติสส บ้างล่ะ

 

โดย: benze' IP: 125.24.172.168 17 มีนาคม 2553 20:46:19 น.  

 

ไปกัน เดี๋ยวเราพาเธอไปขึ้นรถเมล์ฟรีทั่วกรุงเทพฯ :D

 

โดย: วัช IP: 203.144.144.164 18 มีนาคม 2553 7:24:36 น.  

 

whenever you felt that your heart is going to breakdown
feel it with the love of God ask for his and then you will
find out what is the truth love in Your life as he does for me!

GOD always forgive your mistake
the one that you cant even forget,
he always does it and always being with us
to help and blesss us for us whose heart is full of him

 

โดย: da IP: 203.144.144.164 25 มีนาคม 2553 0:45:10 น.  

 

ปกติไม่ค่อยได้อ่าน บันทึกอะไรของใคร นี่เป็นครั้งแรก ที่อ่านอย่างจริงจัง และตอนนี้ก็เกือบ4ทุ่มแล้ว เลิกงานแล้วแต่ยังอ่านค้างอยู่ไม่อยากคาไว้ เลยต้องอ่านให้จบ ขอชมว่าเขียนเก่งมากๆๆๆๆ อ่านแล้ววางไม่ลง แบบต้องอ่านให้จบ ฮา...เป็นกำลังใจให้อีกแรงค่ะ

 

โดย: ยาย IP: 122.100.101.70 13 เมษายน 2553 20:47:21 น.  

 

when you felt so lonely be truest that you are not alone in this world this world will be with you if you have GOD in your heart and soul I know sometime it is hard to stand there and be trusted what you can t see but once you try then you will find out

 

โดย: da IP: 124.122.68.53 22 เมษายน 2553 20:16:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


วัชเจียเหว่ย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add วัชเจียเหว่ย's blog to your web]