มึนไปตามใจฝัน
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
8 มกราคม 2551

4 - 6 มกราคม 51 "ไปตรัง"

ศุกร์ ที่ 4 ม.ค

"เงิน เงิน เงิน"
มาลงทะเบียนที่ราม
หลังจากที่พลาดการลงทะเบียนไปสองเทอม ;p
ก็เลยโดนค่ารักษาสภาพนักศึกษาไปซะ
ลงทะเบียนเสร็จก็ไปจ่ายค่าโทรศัพท์ ค่าอินเทอรเน็ต
พอตกเย็นก็จ่ายค่ารถไปตรัง
เห็นว่าเรายังพอมีเงินด้วยแหละ เลยออกในส่วนของเราดีกว่า
สงสารแม่

"สายใต้ใหม่กิ๊ก"
ตอนเช้าพยายามจะหาเบอร์โทรของสายใต้ใหม่กิ๊ก
โดยหาจากอินเทอร์เน็ต
ไม่เจอข้อมูลเลย เพราะเขาเพิ่งย้ายมาแค่สอง สามเดือนเอง
ก็เลยช่างมันไม่รู้จะทำไง
่ตอนเซิรท์จะขำเวลาคนพูดถึงสายใต้นี้ว่า
"สายใต้ใหม่(กว่า)" บ้างก็ "สายใต้ใหม่กิ๊ก"
อย่างว่า มันเคยย้ายมาแล้วครั้งหนึ่ง มีสายใต้เก่า สายใต้ใหม่
อันใหม่ก็เลยต้องเพิ่มเวิร์คให้มันแหละเนอะ
ว่าแต่ครั้งนี้คงจะไม่ย้ายอีกแล้วละ(มั้ง)เกรงว่าต่อไปจะกลายเป็น สายใต้ใหม่โคดๆ อะไรแบบนั้น
สายใต้ใหม่กิ๊ก นี้ ส่วนตัวผมชอบนะ
ดูเป็นระบบระเบียบดี
ตอนนี้ยังไม่มีมาเฟียมาคุมห้องน้ำด้วย
ยังใช้ฟรี สะอาดสะอ้าน
มีเรื่องขำๆ ตอนจะเข้าตึกชานชาลา น่ะครับ
จะมีด่านหน้าประตูก่อนเข้าไปที่ตึกชานชาลา
ทำยังกะสนามบินอะ รู้สึกขำๆ ดี
แต่เจ้าหน้าที่คงไม่ขำด้วย ดูซีเรียสๆแฮะ-_-'

"หมอนบนรถทัวร์"

คืนนี้รู้สึกว่านอนไม่ค่อยหลับนะ
แต่แม่บอกว่าผมหลับ คงจะจริงเพราะเพิ่งรู้ว่ารถแวะจอดตั้งหลายครั้ง ไม่รู้เรื่องเลยเรา-_-'
รู้ตัวอีกทีก็ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัวเลย
แต่จำได้ว่าตอนนอน แม่มาจับหมอนให้
หมอนเวลาเขาให้ใช้บนรถทัวร์
มันจะเป็นหมอนทรงยู U แต่ปลายมันจะหักเข้าหากันใช่ปะ
ปกติ ผมก็มักจะไว้ใส่ไว้ที่คอแล้วนอน(เห็นคนอื่นก็ทำกันแบบเนี่ย)
แต่คืนนั้นแม่มาถอดออก แม่จับวางมันเป็นรูป U นี่แหละ
แล้วนอน หัวเรามันจะพอดีรูตรงกลาง
แล้วตรงที่โค้ง U มันก็จะพิงกับไหล่
ทำให้หัวไม่เคลื่อนไปมา
มันก็เข้าท่าดีนะ ไม่หนีบคอเราด้วย
แต่ผลลัพท์มันก็ไม่ต่างเท่าไหร่
เพราะตอนกลับ ผมก็ปวดเมื่อยอยู่ดีสุดท้ายเลยไม่ใช้มันดีกว่า-_-'

เสาร์ 5 ม.ค

"ญาติ"
ผมมาถึงตรังตอน 6 โมงครึ่งได้
อากาศที่นี่สบายๆดี
น้องสาวของพ่อซึ่งเป็นคนที่ 6 เราเรียกว่า "แซ่กู๊"
ขับรถมารับเราที่ ขสมก -_-' คือตอนแรกผมเรียกแบบนั้นน่ะ
ฮากันใหญ่เขาเรียก บขส ต่างหาก
พ่อผมก็มาด้วย เจอพ่อ ผมก็กอดโอบท่าน
พ่อก็ทำหน้างงๆ
เรามาพักที่บ้านของอาคนที่สาม เราเรียกว่า "อาซ้ำศุก"
ซึ่งช่วงที่อาม่ายังมีชีวิตก็พักอยู่กับ อาซ้ำศุก
ในบรรดาพี่น้องพ่อ อาซ้ำศุกมีฐานะดีที่สุด
เวลาญาติมาที่ตรัง ก็จะพักที่บ้านของอาซ้ำศุก
ที่ตรัง นอกจากอาซ้ำศุกกับแซ่กู๊แล้ว ก็มี อึ้งศุก(คนที่ 5)
ส่วน อาผู้หญิงคนที่ 4 หงี่กู๊ กับ อาผู้ชายคนเล็กสุด(คนที่ 7) แซ่ศุก อยู่กรุงเทพฯ
แต่ก็มาตั้งแต่ทราบข่าวอาม่าป่วยหนักแล้ว
เรายังมีอาอีกคนนึงเป็นคนที่สอง ชื่อหงี่ศุก แต่เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว
ตั้งแต่ตอนนั้นจนตอนนี้ทุกคนก็ช่วยกันปิดเรื่องนี้ไม่ให้อาม่ารู้กลัวอาม่าเสียใจ
ก็ไม่รู้ว่าอาม่าไปอยู่โลกนั้นจะได้เจอหงี่ศุกหรือเปล่า
แล้วเจอแกจะโกรธไหมน๊อ ที่ทุกคนปิดแกไว้

"งานศพ"
หลังจากอาบน้ำเสร็จ เราก็ไปที่ศาลาของ สมาคมฮกเกี้ยน
แม่ผมก็งงๆว่า จัดที่วัดนี้เหรอ
อาซ้ำศุกบอกว่าไม่ใช่
คือวัดที่จะจัดงานมันค่อนข้างลึก
เดินทางลำบาก
คนที่นี่ก็เลยจะจัดงานศพกันที่ สมาคมนี้
แล้ววันเผาค่อยเคลื่อนย้ายศพไปที่วัดอีกที
จะว่าไปก็จริงอยู่เหมือนกัน ตอนนั่งรถผ่าน ผมแทบไม่เห็นวัดอยู่ริมถนนเลย
ส่วนศาลาของสมาคมฮกเกี้ยนอยู่ติดถนนเลยและก็มีอยู่ 3 ศาลา
วันนั้นก็เต็มทั้ง 3 ศาลาเลยไม่ต้องบอกนะว่าบรรยากาศจะเป็นไง-_-'
งานของอาม่า ของข้างจะวุ่นวายสักเล็กน้อย
ไม่ใช่เพราะคนเยอะ แต่เพราะการจัดการมีปัญหาเล็กๆน้อยๆตรึม-_-'
ผมเองก็ไม่รู้เรื่องพิธีกรรมอะไรพวกนี้หรอก
แต่แม่บอกว่า ปกติ ถ้าเป็นที่วัด เขาก็จะแนะนำ
หรือตอนซื้อโรงศพ เขาก็บอกว่าต้องทำอะไรยังไงบ้าง
นี่กลายเป็นเขาขายโรงให้แล้วจบกัน
ตรงป้ายรูปภาพก็ไม่ได้เขียนอะไรไว้
(ปกติจะต้องเขียนวัน ชะตา กับ มรณะ)
หรืออย่าง เจ้าภาพจะต้องมีปลอกแขน
ไหนจะต้องเตรียมกล่องสำหรับใส่กระดาษเงิน ทอง
สารพัดเลยละครับ เป็นผมก็งงเหมือนกัน ไม่รู้จะต้องทำอะไรยังไงบ้าง
(และก็ไม่อยากจะทำตอนนี้ด้วย)
ส่วนวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่กับที่อ่ืน ก็แตกต่างกันอยู่เยอะเหมือนกัน
อย่างเรื่องอาหารเลี้ยงแขก
แม่ผมบอกว่า ปกติ คนจีนเขาจะถือมาก
ห้ามเลี้ยงแขกด้วยของเส้นๆ
เพราะเชื่อว่า อาจจะทำให้ต้องมาอีก(ยืดยาว อะไรแบบนั้น)
แต่ที่นี่กลับเชื่อว่าต้องมีอาหารเส้นๆ -_-' คนละขั้วดีไหมละ
หรืออย่างกล่องที่ไว้เผากระดาษ
ถ้าเป็นที่อื่นงานศพเขาไม่ให้ใช้สีแดง(ถือเป็นสีมงคล)
แต่ที่นี่ต้องสีแดง(อ้าว) ^^'
อะไรแบบเนี่ยอะครับ แต่สุดท้ายเราก็ทำตามท้องถิ่นนะครับ
ถือว่ามาจัดที่นี่ก็ต้องตามเขาไป

"Road Home"
มาอยู่ที่นี่ แอบรู้สึกแบบหนังเรื่อง Road home นะ
ทั้งที่ผมก็ไม่ได้เกิดที่นี่หรอก
แต่มันมีความรู้สึกอะไรแบบนั้นออกมา
ความรู้สึกที่ทุกคนต้องกลับมาที่นี่เพื่อร่วมงานนี้
อย่างน้องสาวของอาม่า ซึ่งอายุก็มากอยู่ แต่ยังดูแข็งแรง ความจำดีมาก
เขาก็ให้ลูกเขยขับรถมาจากกรุงเทพฯเหมือนกัน
ท่านบอกว่า ยังไงก็ต้องมา ไม่มาคราวนี้ก็ไม่รู้จะมาคราวไหนแล้ว
แอบคิดว่า ตอนขนย้ายศพจะเหมือนในหนังไหมน๊อ
แต่คงเป็นไปไม่ได้หรอก --' จะแบกโรงเดินกลางเมือง
มันจะยิ่งใหญ่เกินไปหน่อยนะ

"แชะ แชะ แชะ"
ไม่รู้ว่า คำว่า "แชะ แชะ แชะ"
ยังแทนเสียงถ่ายรูปได้หรือเปล่า
ถ้าเป็นเมื่อก่อนก็คงได้อยู่
แต่กล้องสมัยนี้ไม่ค่อยมีเสียงแบบนี้แล้วน่ะสิ
คืองานนี้ผมอยากถ่ายรูปญาติๆ ไว้เป็นที่ระลึกด้วย
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ถ่ายรวมเท่าไหร่
แล้วที่สำคํญงานนี้ผมไปติดใจกล้องคนอื่นเสียแล้ว
คืออาซ้ำศุก เขาซื้อกล้อง แคนนอน 400 D
เห็นบอกว่าซื้อให้ลูกเรียนกล้อง
แต่จากที่คุยกัน รู้สึกอาซ้ำศุกก็ชอบกล้องเป็นการส่วนตัวด้วย
ศึกษามาเยอะเชียว
งานนี้ผมก็ถ่ายสนุกมือเลย ถ่ายมันมากเลย
ถ่ายเสียก็ปรับแก้ได้ทันที
กล้องดิจิตอลนี่มันดีแบบนี้นี่เอง

"ดึกๆดื่นๆ"
ผู้คนที่นี่(และขอเดาไปถึงที่จังหวัดอื่นๆด้วย) ต่างจากที่กรุงเทพฯมาก
อย่างเวลาผมไปงานศพที่กรุงเทพฯ เขาจะอยู่กันไม่นานแล้วก็กลับบ้านกัน
แต่ที่นี่จะเหมือนมาพบปะ รวมตัวกัน
อยู่กันจนถึง 4 ทุ่ม กว่าๆ ได้
ตอนแรกผมนึกว่ามาที่นี่จะได้นอนเร็ว
กลายเป็นนอนดึกเหมือนกัน กว่าจะได้นอนก็ 5 ทุ่มกว่าๆ

อาทิตย์ 6 ม.ค

"กิน กิน กิน"
จะเห็นว่าเราไม่ได้เล่าเรื่องกินของที่นี่เลยใช่ม๊า
กะมาเล่าทีเดียวอะแหละ
ที่นี่ของกินอร่อยและถูกมาก
อย่างมือแรกของที่นี่ เช้าวันเสาร์ เป็นร้านข้าวแกงใต้
จานละ 15 บาท แต่อร่อยมากกกกก
หรืออย่างมือกลางวัน เขาพาเราไปกินที่ร้านนึง
ซึ่งเป็นบ้านที่จะมีรถเข็นจากร้านต่างๆ มารวมกัน
ก๋วยเตี๋ยว ข้าวขาหมู ข้าวหมูแดง
และในร้านจะขายกาแฟ พอนึกออกป่าวครับ
ผมรู้สึกว่าทุกจังหวัดจะต้องมีร้านแบบนี้นะ
แล้วบ้านก็ต้องเป็นแบบไม้ๆ มีเคาท์เตอร์โบราณๆ หน่อย
รู้สึกเป็นรูปแบบเดียวกันหมดเลยแฮะ
แต่ส่วนใหญ่ร้านพวกนี้รสชาติจะไม่ค่อยอร่อยเท่าไหร่
แต่ไม่ใช่ที่นี่แฮะ
ที่ตรัง ร้านก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟของที่นี่อร่อยมากๆๆๆๆ
ผมไม่ต้องปรุงเลยอะ
แล้วที่เจ๋งมากคือเย็นตาโฟของที่ตรัง
เขาจะใส่กุ้งชุบแป้งทอดด้วย
ส่วนมือเย็น ผมกินอาหารเจที่ศาลา
ตอนแรกนึกว่าจะไม่อร่อย
แต่เขาทำอร่อยมากเลย ทำพะโล้เจ กับ แกเขียวหวานเจ
และก็มีน้ำพริกเจ อันนี้แม่ผมไม่ชอบเลย
แต่ผมชอบมาก คือเขาไม่ทำเป็นน้ำพริกหรอก
มันดูเหมือนสลัดมากกว่านะ ผมเลยไม่แปลกใจที่แม่ไม่ชอบ
มือนั้นสัดไป 2 จาน
ตอน 3 ทุ่มกว่าๆกินอีกจาน
ส่วนมื้อเช้าวันอาทิตย์ อาพาเราไปร้าน "นักร้อง"
เป็นร้านสไตล์อาหารเช้า กินเล่น
คือเข้าไปปุ๊บ ร้านจะยกของกินเล่นมาให้ตรึม
้ถ้าเราไม่เอาก็คืนเขาไปแค่นั้นเอง
ของกินเล่นก็จะเป็นพวก
ไส้กรอกพันเบค่อน ไก่ทอด เฟรนฟราย ขนมจีบ
บะจ่างมินิ ลูกชิ้น และหมูย่าง อะไรพวกนี้น่ะครับ
มีขนมจีบที่ผมว่าอร่อยดี นอกนั้นเฉยๆ
ส่วนราคาค่อนข้างโหดไปหน่อย;p
มือกลางวัน เรากินเย็นตาโฟ (พี่สาวเราร้องขอน่ะ คือพ่ีเราชอบกินก๋วยเตี๋ยวมากกกก)
แต่คราวนี้พาเราไปอีกร้านนึง
ซึ่งเป็นร้านดังประจำจังหวัด
แต่รสชาติ สำหรับเราแล้วสู้เมื่อวานไม่ได้นะ
เจ้านี้รสชาติที่ปรุงมาหวานมาก แล้วแก้ไม่ได้เลยอะ
ส่วนมือเย็น ไปกินอาหารตามสั่งที่ตลาด
ข้าวแกงก็สู้ร้านเมื่อเช้าวันเสาร์ไม่ได้อีกแหละ
แต่ที่นี่เราได้ลอง เปาะเปี้ยสด
เปาะเปี้ยสดของที่ตรังแปลกมาก
คือมีอย่างเดียวที่เหมือนกันกับเปาะเปี้ยที่เรากินคือแป้งแค่นั้นเอง
นอกนั้นไม่เหมือนเลย ไม่ว่าจะเป็นไส้
ไส้ของที่นี่น่าตามันเหลืองๆ เขียวๆ
ตอนแรกผมนึกว่า ผักกาดดอง แต่จริงๆมันคือมันแกวผัดกับหมูน่ะครับ
ส่วนน้ำจิ้มที่ราดก็แปลกๆดี
บอกไม่ถูกก็กินได้นะ แต่ชอบของภาคกลางมากกว่า
สรุปมื้อวันนี้ไม่ถูกปากเท่าวันเสาร์เท่าไหร่แฮะ
......


Create Date : 08 มกราคม 2551
Last Update : 8 มกราคม 2551 0:11:21 น. 3 comments
Counter : 989 Pageviews.  

 
Umh~~~~~~~~~~~~~~~~~ Nook D:


โดย: Opey IP: 63.231.243.61 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:0:51:39 น.  

 
T________T


โดย: พี่กีบ IP: 124.120.226.133 วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:0:54:25 น.  

 


โดย: Kenshin_wife วันที่: 8 มกราคม 2551 เวลา:17:55:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัชเจียเหว่ย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add วัชเจียเหว่ย's blog to your web]