มึนไปตามใจฝัน
 
พฤษภาคม 2558
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
10 พฤษภาคม 2558

พาคนญี่ปุ่นเที่ยว 3 วัดในกรุงเทพฯ

บันทึก 9 May 2015


เมื่อวานแต่งตัวดี ไปวัดพระแก้ว แต่ไม่ได้เข้า (ฮา) เพราะไปช้า รถติดมาก

ไปถึง คนญี่ปุ่นกับพี่แนน เที่ยววัดพระแก้วเสร็จแล้ว แล้วฉานจะแต่งตัวไปทำไมเนี่ยยยยยย ร้อนสุดๆๆๆ


คือเมื่อวานนี้นัดกับพี่แนนกับเคนโต้ะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นของพี่แนน

ซึ่งผมอาสาพาเที่ยวให้ จะได้รู้จักไว้ เผื่อเราไปประเทศเขาจะได้ จะได้ช่วยเราบ้าง ฮ่าๆ

จริงๆ ไม่ได้หวังผลขนาดนั้นหรอกครับ

แค่คิดว่าการได้พาคนต่างชาติเที่ยว ในประเทศเราเอง ก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่ง :)

(แต่ถ้าจะให้ดี เป็นผู้หญิงน่ารักจะดีมาก ฮ่าๆๆๆๆ)


หลังจากไปถึงเขาก็จบการเที่ยววัดพระแก้วแล้ว

ซึ่งที่เราเพิ่งได้รู้ คือ วัดพระแก้วค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 500 บาทนะ

ผมว่ามันแพงมากนะ

วัดจากที่ผมไปญี่ปุ่น ค่าเข้าสถานที่เขา ถ้าเทียบค่าเงินก็ไม่ถึง 500 บาทนะ

ส่วนใหญ่ราวๆ ไม่เกิน 1000 เยน (270 ~ 370 บาท)

แต่ก็นั่นแหละ ผมคิดว่าคนต่างชาติ มาเมืองไทยก็ต้องรู้สึกอยากเข้าชมวัดพระแก้วสักครั้ง

ส่วนคนไทยอย่างผม ยอมรับว่า นานนนนนนนจะเข้าสักที

เผลอๆ น่าจะเคยเข้าแค่สองครั้งเองมั้ง ทั้งที่คนไทยไม่เสียเงินอะนะ แต่ที่ไม่ค่อยเข้า เพราะขี้เกียจแต่งตัวด้วย ปกติ ใส่แต่กางเกงสามส่วน รองเท้าแตะน่ะ-_-'


กลับมาที่พาเคนโต้ะเที่ยวต่อ หลังจากออกจากวัดพระแก้ว เคนโต้ะกับพี่แนน ก็มาเจอผมที่รออยู่ที่หน้าศิลปากร

เราเดินไปตามถนนท่าพระจันทร์

เคนโต้ะ ดูจะสนใจกับบรรดาร้านค้าข้างถนน

(ก็แน่ละ ญี่ปุ่นไม่ได้มีอะไรแบบนี้)

ตอนเคนโต้ะ ซื้อน้ำ เขาไม่แน่ใจว่า เขาเดินกินได้หรือเปล่า

พี่แนนถึงกับบอกว่า ที่เมืองไทย คุณจะเดินกินไป ก็ไม่มีใครมองด้วยสายตารังเกียจหรอก

มันเป็นเรื่องปกติ ทีนี่อยู่กันแบบ Free style ฮ่าๆ

โดยส่วนตัวนะครับ ผมว่าทุกประเทศก็มีดีมีแย่นั่นแหละ

อย่างญี่ปุ่น มีระเบียบ แต่ก็เคร่งครัดมากเกินไป

ส่วนไทยเราก็หย่อนยานไป

อยู่ที่เราเลือกปรับใช้เอง เราอาจจะไม่ค่อยมีระเบียบ แต่ก็สร้างได้

บางอย่างนะครับ อย่างการทิ้งขยะให้เป็นที่

หรือเรื่องเดินกิน ถ้าของที่กินมันไม่ได้หกเลอะเทอะง่าย ก็ทำได้นั่นแหละ แต่ก็ดูแลของกินเองตัวเองดีๆละกันนะ ถ้าสมมุติทำหก ก็ต้องเช็ดพื้นสาธารณะให้ด้วยนะ


จากท่าพระจันทร์เราผ่าน ท่ามหาราช ซึ่งทำใหม่ในสไตล์ทันสมัย เก๋ๆ

ผมเองก็เพิ่งมาครั้งแรกเหมือนกัน ก็เหมาะกับเป็นแหล่งเที่ยวในย่านนั้นจริงๆแหละครับ

ที่ด้านหน้าของ ท่ามหาราช มีร้านไอศกรีมเก๋ มีทำเป็นรูปธงชาติไทยด้วย

เคนโต้ะ สนใจมากๆ (เห็นว่าปกติก็เป็นชอบกินไอศกรีมอยู่แล้ว)

แต่น่าเสียดาย หมดจ้าาาาาา

เข้าใจว่าคนต่างชาติเห็นก็คงอยากลองกันทุกคน

และเราก็เดินไปตามถนน พี่แนน แนะนำให้ไปกินร้านหลุยส์ ตรงริมแม่น้ำท่าพระจันทร์

ก็คุยกันเรื่อยเปื่อย

ผมเพิ่งรู้ว่าเคนโต้ะ มาจาก ซับโบโร เกาะฮอกไกโด

ผมก็เลยนึกถึง การ์ตูนของจิบลิ เรื่อง มานี่ (คือตอนแรกนึกชื่อเต็มไม่ออก จริงๆ คือ When Marnie Was There ที่เพิ่งฉายโรงในประเทศเรา)


คือเรื่อง Marnie ตัวเอก มาจาก ซับโบโร ครับ ผมก็เลยนึกถึงขึ้นมา

ปกติ ผมมักจะนึกถึงสิ่งเชื่อมต่อ จากหนัง น่ะครับ

ทีนี้เคนโต้ะ ก็นึกไม่ออก

เราก็เลยชวนคุยเรื่องหนังต่อ เรื่อง Little Forest ซึ่งมีดาราสาวสุดน่ารักอย่าง

ไอ ฮาชิโมโตะ คือเราคิดว่าเขาต้องรู้จักแน่ๆ

ปรากฏว่า เขาไม่รู้จักจ้าาาาา T_T

เคนโต้ะ บอกว่าจริงๆ คนญี่ปุ่นไม่ค่อยดูหนังญี่ปุ่นเท่าไหร่นะ

ผมถึงกับไปตั้งสเตตัส ขำๆ ในเฟสบุ๊ค

แต่จริงๆ ผมเข้าใจละ ว่าเป็นความคิดเห็นจากเขา

ไม่ได้เป็นความเห็นทั้งหมด

อย่างผมเอง ก็ไม่รู้จักดาราช่อง 7 รุ่นใหม่ๆเลยนะ

ถ้ามาถามผม ผมก็คงบอกว่า ใครแม่งจะดูช่อง 7 วะ (ฮ่าๆ)

นั่นแหละ แต่จริงๆ คนเขาก็ดูเยอะแยะครับ


ท่าทางจะคุยเรื่องภาพยนตร์ไม่ค่อยเวิร์ค

เคนโต้ะ อยู่ๆ ก็ถามขึ้นมาว่า ความหมายของแต่ละสีในธงชาติเราคืออะไรบ้าง

แอบภูมิใจ ที่ได้ใช้ภาษาอังกฤษกากๆ อธิบายเขาจนได้ (ฮา)

สีแดง = ชาติ

สีน้ำเงิน = พระมหากษัตริย์

สีขาว = ศาสนา


ส่วนเขาก็บอกว่า ของประเทศเขาง่ายดี พระอาทิตย์

จริงๆ พวกเราก็รู้เหมือนกัน เคยเรียนตอนเด็กๆ (ฮ่าๆ)


หลังจากกินข้าว เราก็แวะร้านน้องท่าพระจันทร์ ซื้อ CD

ผมซื้อแผ่น Gene Kasidit ชุด Blonde (ฟังแล้วโดยรวมแล้วก็ดี)

กับ Seal Pillow ชุด Camel Traveling (ฟังจบไปรอบนึงแล้ว ชอบมาก)


จุดหมายต่อไปคือวัดอรุณ แต่ด้วยสภาพอากาศร้อนมาก

ผมจึงคิดว่านั่งเรือไปน่าจะดีกว่า

แต่กลายเป็นเสียซ้ำเสียซ้อนแฮะ

คือผมคิดว่า จากท่าพระจันทร์ข้ามไปศิริราช และจากศิริราชมีเรือไปวัดอรุณ

ปรากฏว่า ไม่มีจ้าาา มันเป็นเรือ จากศิริราชมาท่าเตียน

กลายเป็นต้องนั่งเรือข้ามฝากมาที่อรุณอีกรอบ

แต่ก็สนุกดีแหละ นั่งเรือข้ามไปข้ามมา ^^'


ที่วัดอรุณ ผมเพิ่งทราบว่าเขากำลังบำรุงเกือบทั้งหมดเลย

แต่โดยรวม ผมก็ยังชอบที่นี่แหละ มีจุดให้ถ่ายรูปเยอะดี ได้ชมอะไรเยอะดี

คิดว่านักท่องเที่ยวก็คงชอบเหมือนกัน


ที่นี่ เคนโต้ะ ซื้อน้ำชาเขียว โออิชิ รสข้าวญี่ปุ่น

เขาอยากจะลอง และก็จะแตกแบงค์พันด้วย

เคนโต้ะถึงกับว่า วันนี้ตั้งแต่ลองกินอะไรหลายๆอย่างในไทย

ไอ้นี่รสมันห่วยมาก ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ

ไม่คิดว่ารสมันจะแย่ขนาดนี้

(ช่วงค่ำๆ เขาก็กินหมด แต่ก่อนจะกินหมดยังอุตสาห์บอกว่า ฮูเร่ในที่สุดก็กินมันจนหมด คิดดูละกานนนนน)


พูดถึงเรื่องน้ำ ก่อนที่เคนโต้ะ จะไปซื้อน้ำ เขาพยายามจะหาเครื่องกดน้ำอัตโนมัติ

ผมก็บอกไปว่า ในไทยไม่ค่อยมีนะ (เอาจริงๆ ผมแทบจะไม่เคยใช้เลยด้วยซ้ำ)

แต่ที่ญี่ปุ่นเข้าใจได้ว่า เป็นเครื่องที่มีแทบจะทุก 100 เมตรกันเลยทีเดียว

แถมนอกจากน้ำ ยังเป็นสารพัดเครื่องอัตโนมัติ ตั้งแต่น้ำ ยังบุหรี ก๋วยเตี๋ยวเลยทีเดียว

ซึ่งตอนบอกไปว่า ที่บ้านเราไม่ค่อยมี เขาก็คงเหวอๆ ละมั้ง

เพราะมันต่างกันมากจริงแหละ บ้านเราไม่ค่อยนิยม

ของเราซื้อตามร้านค้า หรือเดินไปหยิบเองที่ร้านสะดวกซื้อจะถูกใจกว่า


จากวัดอรุณ ผมก็พาไปวัดโพธิ์

ที่วัดโพธิ์ค่าเข้าสำหรับชาวต่างชาติ 100 บาท

ซึ่งผมว่าราคานี้โอเคนะ

แถมวัดโพธิ์มีจุดที่ให้เดินชมเยอะมาก

มีอะไรสนุกๆเยอะเลย


มีจุดนึงเป็นภาพเขียนที่ประตูในโบสถ์ ซึ่งเป็นภาพที่คนคิดไม่ถึงแน่ๆว่าจะได้เห็น

ซึ่งเพื่อนผมเคยเป็นเด็กวัดที่วัดโพธิ์นี้ ได้บอกจุดนี้ไว้

เป็นภาพลิง จู๋แข็ง เตรียมจะใส่ลิงอีกตัว

ตอนเคนโต้ะเห็นภาพนี้ เขาถึงกับหยุดหัวเราะไม่ได้


จากวัดโพธิ์ เราก็ค่อยๆเดินกลับไปยังมหาลัยศิลปากร ซึ่งพี่แนนจอดรถไว้ข้างๆ

ตอนเดินผ่านสวนสาธารณะริมน้ำ เราก็ถ่ายรูปฮาๆ ไว้เป็นที่ระลึกด้วย


ก่อนจะขึ้นรถนั้น ยังมีอีกเป้าหมายที่เคนโต้ะอยากทำ

ก็คือถ่ายภาพในสตูดิโอฮาๆ

คือเขาเห็นภาพถ่ายรูปมีโชว์ภาพ คนในชุดยูนิฟอร์มต่างๆ ทั้งทหาร ตำรวจ นักศึกษา

เขาไม่แน่ใจว่าประเทศเรามีหรือเปล่า คือถ่ายภาพในชุดตำรวจ

ชุดทหารอะไรบ้างไหม

ผมก็คิดว่าไม่น่าจะมีนะ ไม่เคยได้ยินมาก่อน ปกติที่ถ่ายกัน ก็คือเป็นทางการ ไว้ติดบัตรเข้าสมัครงาน หรือสอบ

แต่ก็ลองให้เขาคุยกับที่ร้านถ่ายภาพดู

ซึ่งก็ไม่มีจริงๆนั่นแหละ


จากท่าพระจันทร์ พี่แนนก็ขับรถไปถนนพระอาทิตย์

เพื่อพาเขาไปกินผัดไท ข้างทาง สัมผัสบรรยากาศ กับถนนข้าวสาร

ในวันนั้นฟ้าครื้มๆ แต่ฝนไม่ตก ซึ่งทำให้ยามเย็นมีฟ้าที่สวยงามแปลกตาดี

เราก็พาเดินไปเรื่อยๆ

ซึ่งเคนโต้ะ อยากได้เสื้อยึดแบบ กวนๆ จริงๆอยากได้แบบที่เป็นตัวหนังสือไทยด้วย

แต่ก็ไม่เจอที่ถูกใจ จนสุดถนนก็แล้ว

ก็ถึงเวลาแยกย้าย พี่แนนก็แยกย้ายไปเยี่ยมแม่ที่ศิริราชต่อ

ส่วนผมยอมรับว่ารู้สึกเพลียมากเลย อยากกลับบ้านนน

ส่วนเคนโต้ะ จะขอเดินคนเดียวต่อ

เราก็แนะนำให้เขากลับทางแท็กซี่

จากข้าวสาร ไม่ได้แพงเท่าไหร่

ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรมาก (แต่เขาก็แอบกังวล กลัวจะโดนแท็กซี่หลอก)

แต่เราก็บอกไปว่า ไม่น่ามีปัญหาอะไรนะ


ก็จบอีกหนึ่งวัน สนุกดีได้พาคนต่างชาติเที่ยวเมืองไทย

ซึ่งก็เหนื่อยแหละ แต่สนุก

ยิ่งเจอคนที่มีนิสัยง่ายๆ ลุยๆ เป็นกันเอง ผมคิดว่ามันก็สนุกกันทั้งสองฝ่ายแหละ

ถ้าใครมีเพื่อนต่างชาติ นิสัยง่ายๆ ลุยๆ เป็นกันเองไม่ได้ถือตัว หรือหวาดระแวง วิตกกังวลอะไรมาก

อยากให้พาเที่ยวก็บอกมาได้นะ

ถ้าว่างจะพาไป ถ้าเป็นหญิงสาวจะยินดีเต็มใจเป็นพิเศษ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ


ปล. เมื่อเช้าเคนโต้ะ ส่งภาพเสื้อยึดที่เขาเพิ่งซื้อให้ดู

เสื้อเขียนว่า "I Know KARATE"

ฮ่าๆๆ สมเป็นเมืองไทยจริงๆ มีเสื้อยึดบ้าๆบอๆเยอะเต็มไปหมด

ปล2.เรื่องเสื้อ ของผมเจอประทับใจตัวนึง เขียนเป็นภาษาอังกฤษ แต่แปลเป็นไทย ประมาณว่า ฉันไม่สนกูเกิ้ลหรอก เพราะเมียฉันรู้ทุกอย่าง ฮ่าๆ เชี้ยจริงๆ




Create Date : 10 พฤษภาคม 2558
Last Update : 10 พฤษภาคม 2558 13:09:31 น. 1 comments
Counter : 2709 Pageviews.  

 
thx u crab


โดย: Kavanich96 วันที่: 11 พฤษภาคม 2558 เวลา:3:57:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัชเจียเหว่ย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add วัชเจียเหว่ย's blog to your web]