มึนไปตามใจฝัน
<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
21 กันยายน 2552

ไม่เจอกันซะนาน คิดถึงจัง

ช่วงเวลาที่ผ่านมาผมเหมือนจะขาดบางสิ่งที่จริงๆ แล้วมันอยู่กับผมเอง
เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงหายไป...

วันอาทิตย์นี้ ผมตื่นมาราวๆ 9 โมงครึ่ง มึนๆงงๆ เล็กน้อย
เพราะได้ยินเสียงแม่บ่นว่าให้เก็บของที่ไม่ได้ใช้เตรียมทิ้งไว้บ้าง

จากนั้นผมก็พบว่า ผมตื่นสาย ทั้งที่จริงๆ นัดกับพ่อว่าจะไปดูบ้านใหม่กัน
เห็นแม่บ่นว่า พ่อขี้เกียจรอ...










Fuji400_082909_033_
(รูปคุณพ่อของผม เมื่อสองสัปดาห์ก่อนนู้น วัดแสงผิดไปเยอะ หน้าเลยมืดเลย -_-')


ผมก็ลงไปแปรงฟัน และก็อาบน้ำ
มื้อเช้าวันนี้ แม่ผมมี แกงส้ม ไข่เค็ม ผัดถั่วหมูสับ
แต่ผมก็ยังไม่พอใจหรอกนะ ;p
ออกไปซื้อส้มตำมากิน
สั่งส้มตำไทยมากิน แม่เราก็เลยจะออกไปซื้อส้มตำมากินบ้าง
แม่ชอบกินตำปู
ในจังหวะที่แม่จะไปซื้อ เราก็บอกแม่ว่า ช้าก่อน!
ไม่ต้องไปซื้อละ แม่กินกับผมเลย
พ่อค้าใจดี ตำไทย แถมปูให้ -_-'
ก็เลยกินด้วยกันซะเลย







Fuji400_083009_035

(รูปแม่ ถ่ายไว้เมื่อสองสัปดาห์ที่แล้ว ไม่มีไรหรอก อยากอวดเฉยๆ บอกให้แม่เก๊กๆ แล้วจ้องมองที่กล้อง)



กินเสร็จ ผมก็ขึ้นมาเล่นเน็ตเรื่อยๆ เปื่อยๆ
วันนี้ว่าจะออกไป SOL ที่อยู่ย่านรามคำแหง
ตอนแรกตั้งใจจะไปถ่ายรูปเล่นที่นั่น
เพราะมีงาน ตลาดอินดี้ อะไรสักอย่าง
น่าจะสนุกดี
แต่เรามัวแต่ทำตัวอืดๆ อยู่บ้าน
กว่าจะออกมาก็บ่ายสามครึ่ง
เลยเปลี่ยนแผนเป็นนั่งเรือเล่นแทน
ผมนั่งรถสาย 76 จากพระรามสองไปลงประตูน้ำ
แวะซื้อของกินเล่นนิดหน่อย
แล้วก็ลงเรือจากประตูน้ำ เป้าหมายคือ ท่าเรือ วัดเทพลีลา

ผมอยู่กรุงเทพฯมา 27 ปี แต่ไม่เคยนั่งเรือเส้นนี้เลย
วันนี้เลยขอซะหน่อย
ไปถึงท่าเรือ เรือกำลังจะออก เราก็งกๆ เงินๆ(ตลอดแหละ)
ทำตัวไม่ถูก มันต้องทำไงวะ
เห็นคนอื่นโดดขึ้นทันที เราก็เอาวะ ทำตาม
ซึ่งก็ถูกแล้วละ เพราะเขามาจ่ายเงินตอนเรือออก

ตอนแรกผมแอบวาดฝันว่าจะได้ชมวิวสองข้างทาง
แต่เรือเขาก็จะมีผ้าพลาสติคกั้นเรือไว้รอบด้าน
เหตุผลก็ไม่มีไรมาก เพราะคลองแสนแสบนั้น ไม่ใช่แม่น้ำสะอาด
น้ำที่กระเด็นมานั้น สร้างความสะอิดสะเอียนแก่ทุกท่านเป็นเครื่องการันตี
จริงๆแล้วต่อให้น้ำไม่กระเด็น
แค่กลิ่นของแม่น้ำสายนี้ก็คงรับประกันความสวยดำขำรันจวญใจจนแทบไม่อยากหายใจ

การล่องเรือคลองแสนแสบแม้จะไม่ได้เป็นอย่างที่ฝัน แต่ก็ได้พบมุมมอง
ของชีวิตผู้คนที่อาศัยเรือในการเดินทาง
รวมไปถึงท่าเรือตามจุดต่างๆ ที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน

ไปถึงวัดเทพลีลา จริงๆ ผมควรจะต่อรถไป SOL แต่อย่างที่บอก
ผมแค่อยากนั่งเรือเล่น ผมก็เดินมาถ่ายภาพ สองภาพ
แล้วก็นั่งเรือกลับ
แต่ตอนกลับ จุดหมายของผมคือ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ผมอยากไปถ่ายรูปบริเวณนั้น*
(มาทราบภายหลังจากการถามเพื่อนในเน็ตว่าที่ไปถ่ายรูปคือ ลานพลับพลามหาเจษฎาบดินทร์)


บริเวณนั้นผมผ่านบ่อยๆ เห็นเปิดไฟสวยดี
ก็เลยตั้งใจจะไปถ่ายรูป
แล้วตอนนี้เขากำลังสร้างตึกหรืออะไรสักอย่าง
ซึ่งป้ายที่ติดประกาศก็เท่ดี น่าถ่ายรูป

เรือจากวัดเทพลีลานั้น จะมาถึงแค่ประตูน้ำ
จากประตูน้ำ เราสามารถนั่งเรืออีกต่อ(ลำเล็กกว่า) ไปยังจุดหมายปลายทางได้
โดยที่ค่าโดยสารก็รวมอยู่ในค่าตั๋วขากลับแหละครับ

ผมมาถึงสะพานผ่านฟ้า ประมาณทุ่ม
ก็ถ่ายรูปเล่นบริเวณถนนที่มองเห็น ภูเขาทอง
แล้วก็มาถ่ายรูปตรงป้อมมหากาฬ
จากนั้นก็ไปที่ลานพลับพลามหาเจษฏาบดินทร์(ที่ตอนไปก็ไม่รู้หรอกว่าเรียกว่าอะไร)
ที่จุดนี้ ตอนผมข้ามถนน ก็มี 1 หนุ่ม และ 2 สาว ขี่มอไซค์ผ่านหน้าพอดี
แล้วเขาและเธอก็มาถ่ายรูปเล่นจุดเดียวกับผม

จริงๆแล้วเหตุการณ์นี้ก็ไม่มีอะไร
แต่ใครจะรู้ละ ว่านั่นแหละคือที่มาของความคิดถึงของผม?

เหตุการณ์การถ่ายรูปก็เป็นปกติ ต่างคนต่างถ่ายภาพ
จริงๆ แล้วก็มีชาวต่างชาติมาถ่ายภาพด้วยเช่นกัน
รวมไปถึงหนุ่มสาวอีกคู่นึง

ผมเก็บภาพได้สามภาพ ซึ่งก็พอใจแล้วละ
ว่าจะไปถ่ายรูปตรงป้ายตึกที่กำลังสร้างต่อ
ในระหว่างที่เก็บขาตั้งกล้อง
1 ในสองสาว ก็เดินเข้ามาหาผม

เธอคนนี้ผมไม่รู้จักมาก่อน
ในตอนนั้นผมก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยแต่อย่างใด
ผมพบเพียงว่าสาวคนนี้น่าตาน่ารักทีเดียว
แต่งตัวก็น่ารักอีกต่างหาก
ในระหว่างวินาทีที่ผมอึ้งไปเล็กน้อย
เธอก็เอ่ยว่า

"พี่ช่วยถ่ายรูปให้หนูและเพื่อนหน่อยค่ะ"

ผมก็ "ได้ครับ"
จริงๆ ต่อให้เป็นชายหนุ่ม ผมก็ยินดีช่วยเรื่องนี้ให้อยู่แล้วนะ ^^'

ผมก็เลยขอกล้องของเธอมาเสียบกับขาตั้งผม
เพราะถ่ายภาพกลางคืนแบบนี้ ใช้ขาตั้งกล้องดีกว่า

ผมก็ถ่ายภาพเธอและเพื่อนไปหลายภาพ
เธอและเพื่อนก็เริ่มสนุกกับการถ่าย จากภาพสองภาพ
กลายเป็นสิบๆ ภาพ
เธอและเพื่อน เริ่มเกรงใจ
ผมบอกไม่เป็นไร ก็สนุกดีเหมือนกัน
ทีนี้เพื่อนชายของเธอ ก็ออกไปรับเพื่อนอีกคน

เธอกับเพื่อนก็เลยถ่ายรูปต่อ
ทีนี้ก็เลยมีการพูดคุยทำความรู้จักเล็กน้อย
เลยมีการถามชื่อ และเธอก็ถามว่าผมเป็นช่างภาพเหรอ
ผมก็บอกไปตามจริงว่า จริงๆ แล้วผมเป็นร้อยตำรวจปลอมตัวมา
ผมล้อเล่นน่ะ ผมไม่ได้เล่นมุขไรแบบนั้นหรอก
จริงๆ ผมพูดไม่เก่งเอาซะเลยละ
ผมก็ตอบไปว่า ไม่ได้ทำงานด้านนี้เลย แค่ชอบเฉยๆ ก็เลยออกมาถ่ายรูปเล่น
เธอก็ถามต่อ ว่าบ้านผมอยู่แถวนี้หรือ
ผมก็ตอบไปว่า อยู่พระรามสองแหละครับ พอดีผ่านแถวนี้บ่อยๆ แต่ไม่เคยมาถ่ายรูปซะที
(มาย้อนคิดแล้ว ผมไม่ได้ถามอะไรเธอกลับเลย ช่างเป็นคนที่ไม่ได้เรื่องเสียจริงๆ)

จากนั้นผมก็ขอตัว โดยบอกว่าจะไปถ่ายรูปตรงป้ายโฆษณาต่อ
ลองเดินไปดูไหม
เธอและเพื่อนก็ไปถ่ายรูปตรงที่นั่นกัน
ส่วนผมก็ยืนมองป้าย กำลังคิดว่าจะถ่ายยังไงดี
ตอนผ่านเราก็รู้สึกอยากถ่ายไว้ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะให้มันออกมายังไง
ยืนคิดไปคิดมา
เธอและเพื่อนก็เดินมา แล้วก็ขอให้ผมถ่ายรูปเธอและเพื่อนต่อ
ผมก็ถ่ายไปอย่างเมามัน
แล้วก็เลยปิ๊งไอเดียว่าจะถ่ายรูปยังไง
ระหว่างที่ถ่ายรูปให้พวกเธอนั้น
ผมก็รวบรวมความกล้า แล้วบอกเธอไปว่า
"เดี๋ยวผมขอรบกวน เธอให้เป็นแบบบ้างได้ไหม"
อยากถ่ายรูปมุมนี้เก็บไว้
เธอก็ยินดี!

ทุกอย่างเหมือนจะไปด้วยดี
ระหว่างที่ผมกำลังจะเตรียมกล้องของผม
ไฟบริเวณนั้นก็ดับ!

ผมก็เฮ้ย(ในใจ)
ดับได้ไงวะ(ในใจ)
หยิบโทรศัพท์มาดูเวลา ก็เป็นเวลา 2 ทุ่มเปะๆ
เลยพอจะเดาได้ว่า คงเป็นเวลาที่เขาปิดไฟ

ก็ได้แต่เซ็งๆในใจ
เธอก็แซวว่า พี่เลยไม่ได้ถ่ายรูปมุมนี้เก็บไว้เลย
ผมก็ไม่เป็นไรครับ ไว้มาถ่ายใหม่ก็ได้

ผมก็ขอตัวลาไป
ส่วนเธอก็ทิ้งท้ายว่า ไว้เจอกันใหม่คราวหน้านะคะ
ผมก็ได้แต่หัวเราะ...


พอผมเดินจากมาไม่กี่ก้าว
ผมก็เพิ่งจะนึกอะไรบางอย่างออกได้!


ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม?
ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม? ทำไม?

....


ทำไมอะไรเยอะแยะมากมายผุดเข้ามาในหัว
ทำไมผมไม่ชวนเธอคุยมากกว่า
ทำไมตูทำตัว เฉยชา จืดชืดฟะ
ทำไมไม่ถามอะไรเธอบ้าง
ทำไมไม่ขอเบอร์ หรืออย่างน้อย e-mail ก็ยังดี

หลายๆ อย่างมันออกมาเต็มหัวไปหมด
แต่สิ่งนึงที่ผมรู้สึกดีมากเลยคือ
เธอทำให้คนที่ผมไม่เจอมานานมาก นานจนผมแทบจะลืมไปแล้ว...

ผมคนที่ชอบเพ้อเจ้อ พรรณา ความรัก เพ้อฟันแบบ หว่องกาไว


ช่วงที่นั่งรถเมล์
ผมยังจำช่วงเวลาที่ผ่านมาได้ครบถ้วน
เธอและเพื่อน ทำท่าทางต่างๆ ตอนถ่ายภาพ
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ ตอนเห็นภาพ
ตอนที่เธอที่เธอถามชื่อผม และเอ่ยชื่อตัวเองออกมา

แม้ผมจะรู้สึกหงุดหงิดตัวเองว่า ทำไม(อีกครั้ง) เราถึงไม่รู้จักชวนพูดคุยให้มากกว่านี้
แต่ผมก็รู้สึกดีนะ
เอาเข้าจริงๆแล้ว ความจริงมันอาจไม่ได้สวยงามไรนัก
ถ้าผมชวนคุยมาก เธออาจจะรู้สึกไม่ปลอดภัยก็ได้
หรือชายคนนั้นอาจจะเป็นแฟนเธอก็ได้
ให้เป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว :D

เพราะสิ่งที่ดีจริงๆ ของวันนี้ก็คือ
ช่วงเวลาที่เราได้รู้จักมุมดีๆ ของคนที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน
แล้วเขาคนนั้น ก็เป็นส่วนนึงในความทรงจำอันน่าประทับใจของผม

ตอนที่พิมพ์บล็อกอยู่นี้ ผมรู้ตัวเลยว่า เขียนเพ้อเจ้อได้ไม่เหมือนก่อน
รู้สึกไม่ค่อยโรแมนติคเพ้อๆ เหมือนหลายปีที่ผ่านมา
ไม่ใช่ว่าจริงๆแล้วผมไม่รู้สึกว่ามันโรแมนติคนะ
เพราะจริงๆ ผมโคตรจะรู้สึกว่า แม่งโรแมนติคฉิบหายเลย

เราออกมามาถ่ายรูปเรื่อยเปื่อย
กลับได้เจอกับความน่ารัก รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ จากคนที่เพิ่งกันครั้งแรก
มันรู้สึกดีมากๆ

เสียดายจริงๆ ที่ไม่ได้จิ๊กเมโมรี่ เธอมา
ผมล้อเล่นน่ะ!
เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายรอยยิ้มของเธอมากกว่า

แต่อย่างไรก็ตามต้องขอบคุณเธอจริงๆ
ที่ทำให้ผมรู้ตัวว่า ความเพ้อเจ้อของผมยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง
แม้จะยังไม่เข้าที่เข้าทางนัก
แต่ก็ทำให้ได้อะไรหลายๆอยา่ง
ที่แน่ๆ ผมคงต้องกลับไปดูหนังหว่องอย่าง Chungking Express และ Fallen Angels เสียแล้วละ :D


ผมคิดถึงตัวเองจัง :)
ขอบคุณครับ









Create Date : 21 กันยายน 2552
Last Update : 21 กันยายน 2552 0:21:56 น. 3 comments
Counter : 956 Pageviews.  

 
พี่กีบก็คิดถึงวัชจ้า
ไว้เสาร์อาทิตย์อินังมารที่ออฟฟิศวัชมันไม่อยู่เราไปถ่ายรูปเล่น+นั่งเรือเล่นกันเนาะ


โดย: พี่กีบ IP: 203.121.160.57 วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:19:26:07 น.  

 
ปล. พี่กีบก็คิดถึงตัวเองเหมือนกันว่ะค่ะ -_-'


โดย: พี่กีบ IP: 203.121.160.57 วันที่: 24 กันยายน 2552 เวลา:20:21:12 น.  

 
ูู^^ อ่านแล้วรู้สึกดีจังเลยค่ะ


โดย: น้องเบิร์ด IP: 118.173.98.96 วันที่: 26 กันยายน 2552 เวลา:2:22:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

วัชเจียเหว่ย
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add วัชเจียเหว่ย's blog to your web]