ประสบการณ์การดูวงดนตรี Braids Live in Bangkok
ตอนที่ทราบข่าวว่าวง Braids จะมาเล่นนั้น ในตอนแรกไม่ได้สนใจ
เพราะวงนี้เป็นดนตรี Electronic ซึ่งผมไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่
จนวันนึงไปอ่านบทความที่เขาเขียนแนะนำว่า ในเดือน July นี้ ที่กรุงเทพฯมี Event อะไรที่น่าสนใจบ้าง ซึ่งก็มีคอนเสิร์ต ของ Braids แนะนำด้วย เห็นเขียนราคาบัตร 500 บาท ก็เลย เออ ก็น่าลองแฮะ จึงเข้าไปในเพจของ Mind the Gap ซึ่งเป็นผู้จัดงานนี้ในไทย แล้วเขาลงคลิปที่วง Braids ไปเล่นในรายการวิทยุ KEXP พอดูเท่านั้นละ รีบติดต่อซื้อตั๋วทันที คือการแสดงดนตรีของวงนี้มันไม่ธรรมดาเลย เครื่องดนตรี อิเลคทรอนิค มี 3 ชิ้น แต่ละคนคอยใช้งานและแต่ละคนก็จะมีเครื่องดนตรีอีก 1 ชิ้นอีกด้วย อย่างนักร้อง Raphaelle Standell-Preston ซึ่งเสียงของเธอไพเราะมากกกกกกกกกก เธอก็จะมีอุปกรณ์อิเลคทรอนิค (ผมไม่ทราบจะเรียกมันว่าอะไรเหมือนกัน เป็นสี่เหลี่ยมๆ แต่สร้างเสียงแบบคียบอร์ดและเสียงวนลูปของดนตรีที่เล่นออกไป) และเธอก็จะมีกีตาร์ผสมเสียงเอฟเฟค ซึ่งคอยเล่นเมโลดี้เพราะๆอีกต่างหาก
ส่วน Austin Tufts จะเล่นกลองและมีตัวอิเลคทรอนิค คอยสร้างเสียงวนลูปร้องประสานของตัวเอง
อีกคน Taylor Smith จะเล่นกีตาร์ และเบส (แต่วันที่มาแสดงจะเล่นแต่กีตาร์) และยังมีอุปกรณ์สร้างเสียง ซึ่ง Taylor จะเล่นเป็นหลัก
อย่างที่บอกไป เห็นจากคลิปก็คิดว่ามันแปลกมาก และด้วยราคาบัตรที่ไม่แพง จึงคิดว่ามันไม่สมควรพลาดที่จะไปดู
สำหรับวันที่แสดงจริงนั้น เล่นกันที่ร้าน Moose ซึ่งเป็นผับอยู่ซอยเอกมัย 21 ซึ่งบรรยากาศร้านสวยดี แต่แอบหวั่นใจว่า มันจะเหมาะกับเล่นคอนเสิร์ตไหม
เวลา 4 ทุ่ม ก็มีวงเปิด เป็นวงไทย ชื่อ Monomania ซึ่งก็เล่นได้ดีมากนะครับ เรื่องซาว์น ตำแหน่งที่อยู่ ดันอยู่หน้าไปหน่อย จะได้ยินเบสกับกีตาร์ฝั่งซ้ายชัด แต่ขวา ได้ยินไม่ชัดนัก เพราะตำแหน่งที่ยืนผมอยู่ใกล้เขามาก ซึ่งอันนี้ผมคิดว่ามันก็ยังโอเคนะ ไม่เลวร้ายมาก แต่กว่าจะได้เล่นก็ใช้เวลานานมาก เลทไป 1 ชั่วโมง จากที่งานได้แจ้งไว้ (งานแจ้งว่าเล่น 3 ทุ่ม แต่เล่นจริง เกือบ 4 ทุ่ม)
ส่วน Braids เล่นจริง 5 ทุ่ม ซึ่งบรรยากาศที่ร้าน Moose นั้นจากตอนแรกคนก็เยอะประมาณนึง กลายเป็นแน่นร้านเลย ผมออกไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมา ไปไหนไม่ได้เลยคนแน่นมาก ก็เลยยืนมันตรงนั้น ซึ่งอยู่หลัง Taylor Smith แบบใกล้ชิดมาก ไม่เคยดูคอนเสิร์ตที่ใกล้ขนาดนี้มาก่อน ฮ่าๆ ส่วนซาว์นก็ว่าแล้วละต้องมีปัญหา (ด้วยตำแหน่งที่เรายืนนะ) คือได้ยินเสียงร้องแบบไม่เต็มเสียงนัก เพราะเจอกลองและซาว์นของ Taylor กระหน่ำมาก แต่ตอนนั้นมันไปไหนลำบากละก็เลยตามเลย
อีกอันที่ประทับใจดี คือตอนมาเซทซาว์น ด้วยความที่เป็นงานเล็กๆ ทางวงก็เลยมาเซ็ทกันเอง น่ารักเป็นกันเองดี
พอถึงเวลาจริง นักร้อง Raphaelle Standell-Preston มีพูดทักทาย แต่ผมฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ เสียงตอนเธอพูดเบาอะ (ต่อให้พูดดัง ก็ไม่แน่ใจว่าเราจะฟังรู้เรื่องป่าว ฮ่าๆ) จากนั้นวงก็กระหน่ำเพลงยาวต่อเนื่อง แทบไม่พักเลย ซึ่งใช้เวลา 1 ชั่วโมง และมันเป็นเวลา 1 ชั่วโมงที่โคตรพีคของผมเลย คือเสียงร้อง Raphaelle Standell-Preston เธอเพราะจริงๆ เสียงสวยมาก แล้วเวลาเธอร้อง เธอก็เหมือนสนุกกับจินตนาการในเพลงของเธอ
อีตา Austin Tufts มือกลองผมเป๋สุดเท่ ก็ไม่รู้แกไปโกรธอะไรใครมา แกตีกลองได้หนักฉิบหายวายป่วง ตีแบบดุเดือด บ้าระห่ำมาก ซึ่งถ้าเราฟังเพลงของ Braids เพลงไม่ได้เป็นแบบนั้นเลย แต่พอถูกตีด้วยจังหวะกลองที่หนักหน่วงในวันนั้น มันจึงเป็นการแสดงที่มีพลัง มีความบ้า เกรี้ยวกราด แต่ก็สวยงามด้วยเมโลดี้ และเสียงร้องที่งดงาม ข้อเสียอย่างเดียว ที่ผมรู้สึก คืองานนี้เล่นในร้านอาหาร บางจังหวะที่เรารู้สึกว่ามันควรจะเงียบ มันก็จะมีเสียงเจาะแจะ เสียงจาน ชาม กระทบกัน ซึ่งกวนอารมณ์ผมนิดๆ แต่ก็ไม่ได้มากมาย เพราะการแสดงของวงมันมีพลังมาก
เพลงที่ถูกเล่นต่อเนื่องของ Braids เป็นเวลา 1 ชั่วโมง ผมไม่รู้ว่าวงเล่นเพลงอะไรบ้าง แต่มันเพราะ มันสนุก มันทำให้เราโคตรรู้สึกล่องลอยไปกับเพลงของพวกเขา
วันนั้นพอวงเล่นจบ ผมเอาแผ่นเสียงไปให้นักร้องเซ็น จริงๆ อยากให้เซ็นทุกคน แต่เหมือนจะวุ่นๆกับการต้องเก็บอุปกรณ์ของตัวเอง (ฮ่าๆ น่าสงสารจริงๆ) จึงได้แค่ถ่ายรูป และลายเซ็นของนักร้องคนเดียว แต่ก็โคตรประทับใจ ต้องขอบคุณคนจัดงาน Mind The Gap Thailand มากๆ ที่นำวงนี้มาเล่นได้ ต้องขอขอบคุณจริงๆครับ ขอบคุณวง Braids ที่สร้างงานที่ดีมากๆๆๆ ให้เราได้ฟังครับ และสร้างประสบการณ์ดูดนตรีอีกขั้นให้ชีวิตของผม
Create Date : 19 กรกฎาคม 2558 |
Last Update : 19 กรกฎาคม 2558 21:24:58 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1613 Pageviews. |
|
|
|