[Deep-Review] CHANEL Le Blanc
CHANEL อีกหนึ่งแบรนด์ที่พึ่งมีการรีวิวเป็นครั้งแรกในบล็อก (แต่ถูกเอามาพูดถึงหลายครั้งแล้วใน Youtube และ Facebook) และก็เป็นอีกหนึ่งไลน์ที่ถูกถามกันมามากที่สุดว่า Le Blanc จะมอบผิวเปล่งประกายดั่งไข่มุกงามได้จริงหรือไม่ ก็จัดไปกันวันนี้เลยจ้า ในปี 2011 ที่ผ่านมาทาง CHANEL ได้ปรับสูตรผลิตภัณฑ์ในกลุ่มไวท์เทนนิ่งของตัวเองใหม่พร้อมกับเปลี่ยนชื่อจาก White Essential เป็น Le Blanc โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์หลัก 4 ชิ้น ในกลุ่มโลชั่นน้ำ เซรั่ม และมอยซ์เจอไรเซอร์ ในปี 2012 นี้ได้ทำการปรับผลิตภัณฑืในกลุ่มของการทำความสะอาด และผลิตภัณฑ์แต้มเฉพาะจุดด่างดำเพื่อให้การดูแลนั้นครบขั้นตอนยิ่งขึ้น โดยรวมแล้วกลุ่มผลิตภัณฑ์ดูแลผิวของ Le Blanc จะมีอยู่ 8 ชิ้นในปัจจุบันนี้ (นอกนั้นเป็น Makeup จ้า) เทคโนโลยีเบื้องหลังผลิตภัณฑ์ Le Blanc ที่ CHANEL ภาคภูมิใจก็คือส่วนผสม TXC™ หรือ Tranexamic Acid Cetyl Ester Hydrochloride (Cetyl Tranexamate HCL) อันเป็นส่วนผสมที่ทางสถาบันวิจัยของชาเนลได้พัฒนาร่วมกับสถาบันวิจัย Nikko Chemicals ของญี่ปุ่นและจดทะเบียนเป็น Quasi-Drug ในญี่ปุ่นเมื่อปี 2009 ที่ผ่านมา โดยเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก Tranexamic Acid ให้มีการแทรกซึมเข้าศุ่ชั้นผิวได้ลึกยิ่งขึ้นในขณะเดียวกันก็ค่อย ๆ ควบคุมการปล่อยสารเข้าไปอย่างต่อเนื่อง (เขาเคลมว่า 12 ชั่วโมง) หลักการทำงานของ TXC™ นั้นคล้าย ๆ กับ Tranexamic Acid ตามที่เคยได้อธิบายเอาไว้ในบทความเรื่อง How "Whitening - Lightening - Depigment Agent" Works? แล้วว่ามันมีคุณสมบัติในเป็นตัว Anti-Plasmin (Plasmin Inhibitor) ซึ่งส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ในการลดการอักเสบของผิวและลดการหลั่ง α-MSH กับ Endothéline-1 และ Prostaglandin E2 จึงเป็นการลดการส่งสัญญานไปยังเซลล์เมลลาโนไซต์ ส่งผลให้การผลิตเม้ดสีน้อยลง ทีนี้ทาง CHANEL บอกว่า TXC™ ทำงานในระดับของยีนส์ด้วย โดยการลดการแสดงออกของ MITF (Microphthalmia-Associated Transcription Factor) ซึ่งส่งผลให้การสร้างเอนไซม์ Tyrosinase ลดลง และลดการแสดงออกของยีนส์ PMEL17 ที่มีผลต่อการพัฒณาของถุง Melanosome อีกทาง ซึ่งเป็นข้อมูลที่ค่อนข้างใหม่และส่วนตัวยังหางานวิจัยที่ระบุข้อมูลตรงนี้ไม่ได้ (แต่ก็คิดว่าน่าจะเป็นไปได้เพราะน่าจะเป็นผลที่ได้มาจากการขัดขวางการส่งสัญญาณจากขั้นตอนแรก) ถ้ามีการอัพเดทข้อมูลใหม่ก็จะนำมาเพิ่มเติมให้ในส่วนนี้ทีหลัง ยังไงข้อมูลส่วนนี้ก็ให้อ่านแล้วใช้วิจารณญานส่วนตัวกันเองนะ อีกส่วนผสมหนึ่งที่ถูกนำมาโยงเข้ากับสัญลักษณ์แห่งความงามที่หรูหราและเรียบง่ายของมาดาม Gabrielle Bonheur "Coco" Chanel นั่นก็คือ "ไข่มุก" หรือ Hydrolyzed Conchiolin Protein นั่นเอง ซึ่ง Conchiolin ประกอบไปโดยกรดอะมิโนหลายชนิด คุณสมบัติหลัก ๆ คือการเป็น Natural Moisturizing Factor สำหรับให้ความชุ่มชื้นกับผิว ซึ่งการที่ผิวมีความชุ่มชื้นก็จะทำผิวดูมีความใสขึ้นด้วย ส่วนผสมอีกหนึ่งชนิดที่จะถูกพบได้ในทุกผลิตภัณฑ์ก็คือ Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract ซึ่งมีคุณสมบัติในการลดการอักเสบรวมถึงเป็นสารไวท์เทนนิ่งด้วย ตัวเอกของไลน์นี้มีอยู่สองชิ้น อันแรกคือ CHANEL : Le Blanc Whitening Concentrate Continuous Action TXC™ (30 ml / 4,470 THB & 50 ml / 5,810 THB) ซึ่งมีส่วนผสมของ Cetyl Tranexamate HCL อยู่ในปริมาณมาก แต่ Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Hydrolyzed Conchiolin Protein นั้นห้อยรั้งท้ายมาเลยทีเดียว ทำให้การคาดหวังผลดูจะอยู่ที่ TXC™ เป็นหลัก ส่วนผสมที่เพิ่มขึ้นมาเป็นพิเศษคือ Raffinose ซึ่งน่าจะเป็นสารที่มีชื่อว่า Oligo GGF™ เป็นสารกลุ่ม Oligosaccharide รวมกันสามชนิด (D-galactose, D-glucose, D-fructose) ซึ่งช่วยในเรื่องของความชุ่มชื้นได้เป็นอย่างดี ที่เหลือก็เป็นส่วนผสมของ Serun Base น้ำหอมและสารกันเสียตามปกติ เนื้อสัมผัสของเซรั่มนั้นเกลี่ยได้ง่ายและแนบสนิทไปกับผิวได้เร็วด้วยส่วนผสมของซิลิโคนชนิดแห้งไว ไม่ทิ้งความมันหรือความวาวบนผิว มีประกายวิ้ง ๆ เล็กน้อยจาก Magnesium Chloride ซึ่งมีขนาดค่อนข้างเล็กถ้าไม่เพ่งดูจริง ๆ ก็จะไม่สังเกต กลิ่นน้ำหอมจะเป็นแนว Floral / Musk ซึ่งจะหอมหรือไม่ก็แล้วแต่คนจะชอบ (และแน่นอนว่าน้ำหอมเป็นส่วนผสมที่เกินความจำเป็น และอาจมีโอกาสก่อการรระคายเคืองหรือแพ้ได้ในบางคน) จากการใช้ส่วนตัวพบว่าเซรั่มตัวนี้ทำให้รอยดำและรอยจากสิวจะจางลงไวมากในช่วง 2 สัปดาห์แรก และหลังจากนั้นก็เริ่มช้าลง จางลงอย่างช้า ๆ ไปทีละนิด คุณสมบัติที่ทางแบรนด์ไม่ได้บอกมาคือการลดอาการแดงของผิวหน้าลงได้ (คาดว่าเป็นผลจาก Tranexamic Acid) ซึ่งทำให้ผิวดูซีดลงจนดูเหมือนขาวขึ้น แต่ผลตรงนี้เป้นผลแค่ชั่วคราว พอผ่านไปสักครึ่งวันก็จะกลับมาเป็นเมหือนเดิมล่ะ ราคาที่แอบสูงอยู่เหมือนกัน (แต่ก็ถือว่าปกติสำหรับแบรนด์ระดับนี้) กับส่วนผสมที่เรียบง่าย นอกจากส่วนผสมของ TXC™ (และโลโก้ CHANEL) เซรั่มขวดนี้ก็ไมได้มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย เรื่องของความคุ้มค่านั้นเป็นสิ่งที่แต่ละคนคงต้องไปตัดสินใจกันเองแล้วล่ะ อย่างน้อยเงินที่จ่ายไปก็จะได้สารไวท์เทนนิ่งที่คาดหวังผลได้และหาไม่ได้จากแบรนด์อื่น และคุณจะได้ขวดสวย ๆที่มีโลโก้ CHANEL มาประดับโต๊ะเครื่องแป้งของคุณให้ดูไฮโซขึ้นอีก 150%Ingredients : Aqua (Water), Cyclopentasiloxane, Cetyl Alcohol, Cetyl Tranexamate HCL, Pentylene Glycol, Isopropyl Lauroyl Sarcosinate, Methyl Gluceth-10, Dimethicone, Polymethylsilsesquioxane, Raffinose, Sorbeth-40 Tetraoleate, Butylene Glycol, Parfum (Fragrance), Polysorbate 60, Methylparaben, Hydroxyethylcellulose, Chlorphenesin, Magnesium Chloride, Sodium Citrate, Sorbitan Stearate, Dimethicone Crosspolymer, BHT, Glyceryl Stearate, Propylparaben, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Hydrolyzed Conchiolin Protein. ส่วนอีกชิ้นคือ CHANEL : Le Blanc Targeted Whitening Spot Corrector TXC™ (7 ml / 3,250 THB) ที่พึ่งออกใหม่มาในปี 2012 นี้ เป็นตัวที่ใช้สำหรับแต้มเฉพาะบริเวณจุดด่างดำที่ลดเลือนได้ยากโดยเฉพาะ ในแง่ของส่วนผสมนั้นไม่ได้มีอะไรที่แหวกแนว ยังคงเป็น TXC™ ในปริมาณที่เข้มข้นอีกเช่นเคย และมี Squalane ที่ช่วยในเรื่องของการเคลือบผิว ตัว Applicator เป็นหัวลูกกลิ้งสีขาวเพื่อให้สามารถแต้มลงไปบนจุดได้ง่าย หลังจากนั้นค่อยใช้ปลายนิ้วแตะ ๆ ให้เนื้อผลิตภัณฑ์แห้งสนิทก่อนจะลงมอยซ์เจอไรเซอร์เป็นขั้นตอนต่อไป วิธีการใช้คือให้เราบีบตัวหลอดเบา ๆ เพื่อให้เนื้อผลิตภัณฑืไหลออกมาก่อนทำการกลิ้งไปตามจุดที่ต้องการ ตัวนี้สามารถใช้ได้กับผิวบริเวณรอบดวงตาด้วย (ตัวนี้ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมด้วยล่ะ!!!) ข้อควรระวังคืออย่าใช้ในปริมาณที่เยอะเกินไปเพราะอาจทำให้การลงกันแดดหรือ BB Cream หรือรองพื้นเป็นคราบได้ ใช้ทาบางๆ ก็พอแล้ว เนื่องจากปริมาณอันน้อยนิดเพียง 7 มิลลิลิตร จึงมีการเพิ่มมูลค่าให้ตัวผลิตภัณฑ์ด้วยซองสีขาวประทับตาตัวอักษร C ไขว้ เพื่อเพิ่มความหรูหราดีดีมีราคา ตัวนี้จะน่าสนใจทีเดียวถ้าคุณอยากใช้ส่วนผสม TXC™ ใจจะขาดแต่ไม่สามารถใช้ผลิตภัณฑืที่มีส่วนผสมของซิลิโคนหรือน้ำหอมได้ หรือจะนำไปใช้คู่กับผลิตภัณฑ์ไวท์เทนนิ่งอื่น ๆ ที่ใช้อยู่แล้วเพื่อเสริมประสิทธิภาพในการลดเลือนจุดด่างดำเฉพาะที่ก็ได้จ้า Tips. ถ้ามีร่องขอบจมูกแดง ๆ ลองเอาอันนี้กลิ้งดู มันจะแดงน้อยลงได้หลายชั่วโมงเหมือนกันนะ เอาไว้ใช้เป็น Quick Fix ในกรณีที่ต้องการให้สีผิวดูสม่ำเสมอมากขึ้นก็ได้Ingredients : Aqua (Water), Cetyl Ethylhexanoate, Cetyl Tranexamate HCL, Dipropylene Glycol, Squalane, Cetyl Alcohol, Butylene Glycol, Batyl Alcohol, PEG-40 Stearate, Methylparaben, BHT, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Hydrolyzed Conchiolin Protein. CHANEL : Le Blanc Immediate Brightening Oil-Gel Makeup Remover (150 ml / 1,970 THB) ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดเครื่องสำอางในรูปแบบของเจลน้ำมัน ที่เนื้อเจลใสจะค่อยๆ ละลายเป็นน้ำมันเมื่อเริ่มนวดบนผิว คุณสมบัติในการทำความสะอาเครื่องสำอางนั้นถือว่าน่าประทับใจ และการล้างออกด้วยน้ำก็ทำได้ง่ายโดยไม่ทิ้งความมันหรือทำให้ผิวแห้ง ในแง่ของส่วนประกอบนั้น นอกจากส่วนผสมของน้ำหอมก็ดูจะไม่มีอะไรที่แปลกประหลาดหรือจะก่อปัญหาให้กับผิวได้ แต่ผลิตภัณฑ์ตัวนี้ไม่ได้มีอะไรที่เกี่ยวข้องกับ TXC™ เลย แต่การทำความสะอาดและการนวดผิวจะทำให้ผิวดูไบร์ทขึ้นได้ชั่วคราวอยู่แล้วแหล่ะ ราคาดูจะแพงโหดสำหรับหลาย ๆ คน แต่ปริมาณในการใช้แต่ละครั้งนั้นไม่เยอะเลยนะ สำหรับปูเป้ที่ไม่ได้แต่งหน้า จะมีลง BB Cream บ้างในวันที่ต้องออกงานแล้วนั้นหลอดนี้คงอยู่ได้เกือบปีทีเดียว...Ingredients : Aqua (Water), Octyldodeceth-20, Sorbitol, Cyclopentasiloxane, Methyl Gluceth-10, C13-16 Isoparaffin, C12-15 Alkyl Benzoate, Isononyl Isononanoate, Caprylic/Capric Triglyceride, Glycerin, Parfum (Fragrance), Methylparaben, Propylparaben, Caprylyl Glycol, Tocopherol, Potassium Cetyl Phosphate, Ascorbyl Palmitate, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Ascorbic Acid, Citric Acid, Hydrolyzed Conchiolin Protein. CHANEL : Le Blanc Fresh Brightening Foam Cleanser (150 ml / 1,970 THB) โฟมล้างหน้าที่ใช้สารทำความสะอาดกลุ่ม Potassium หลายชนิด แม้จะมีส่วนผสมของ Glycerin มาช่วยเรื่องความชุ่มชื้นแต่ก็มีโอกาสทำให้ผิวมีความแห้งตึงอยู่เหมือนกัน จึงเหมาะกับผิวที่ค่อนไปทางมันมากกว่าจะเหมาะกับทุกสภาพผิว และจะไม่แนะนำเลยสำหรับผิวแห้ง อย่างไรก็ดี วิธีการใช้โฟมล้างหน้าที่ถูกต้องคือการตีฟองให้ได้มาก ๆ จนคล้ายกันโฟมโกนหนวด วิธีนี้จะช่วยเจือจางสารทำความสะอาดลง ในขณะเดียวกันจะทำให้เกิดอนูฟองที่มีขนาดเล้กมากเพื่อเข้าไปจับกับสิ่งสกปรกและความมันที่ตกค้างอยู่จากขั้นตอนของการล้างเครื่องสำอางด้วยน้ำมัน ในขณะเดียวกันอนูฟองก็จะเป็นเหมือนเบาะรองคั่นลดการเสียดสีของนิ้วมือกับผิวหน้า และก็ทำให้การล้างออกด้วยน้ำทำได้ง่ายขึ้นด้วย หากทำได้ตามที่บอกเอาไว้ก็จะช่วยลดผลกระทบจากความแห้งกร้่นของสารทำความสะอาดกลุ่มนี้ได้ แต่ก็ต้องเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวเป็นอย่างดีและใช้อยซืเจอไรเซอร์ที่มีส่วนผสมที่ช่วยทดแทน Lipid ของผิวที่เสียไปในการทำความสะอาดด้วย ส่วนตัวคิดว่ามันแพงเกินความจำเป็นสำหรับการล้างหน้าล่ะ ถ้าเป้นปูเป้จะเซฟเงินส่วนนี้ไปลงทุนกับ Serum เลยดีกว่าIngredients : Aqua (Water), Glycerin, Potassium Palmitate, Potassium Stearate, Stearic Acid, Sodium Methyl Cocoyl Taurate, Potassium Laurate, Polyethylene, Lauric Acid, Sodium Palmitate, Potassium Myristate, Palmitic Acid, Myristic Acid, PEG-3 Distearate, Sodium Laureth Sulfate, Sodium Lauroyl Lactylate, Caprylic/Capric Triglyceride, Potassium Sorbate, Butylene Glycol, Lauryl Glucoside, Sodium Cocoyl Isethionate, Polyquaternium-7, Parfum (Fragrance), Tetrasodium EDTA, Benzoic Acid, Phenoxyethanol, Methylparaben, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Disodium EDTA, Hydrolyzed Conchiolin Protein, Propylparaben. CHANEL : Le Blanc Soft Exfoliating Pre-Lotion (150 ml / 2,200 THB) ในญี่ปุ่นนั้น ผลิตภัณฑ์จำพวก Pre-Lotion จะเป็นเหมือน Toner คือการทำความสะอาดรวมถึงการขจัดเซลล์ผิวเสื่อมสภาพให้หลุดออกไป ในขณะที่ Lotion จะเป็นการบำรุงผิวในรูปแบบของโลชั่นน้ำ Le Blanc Soft Exfoliating Pre-Lotion มีส่วนผสมของ AHA ในรูป Glycolic Acid และ BHA ในรูปของ Salicylic Acid ซึ่งไม่ได้บอกความเข้มข้นมาให้ แต่ Glycolic Acid อยู่ในลำดับที่ห้า อาจจะมีปริมาณปริ่ม ๆ พอที่จะผลัดเซลล์ผิวได้แบบอ่อน ๆ และค่าความเป็นกรดของผลิตภัณฑ์อยู่ที่ pH 3.99 จึงสามารถผลัดเซลลืผิวได้หากความเข้มข้น AHA + BHA ที่ใส่มานั้นมีมากพอ ปริมาณแอลกอฮอล์มาเป็นลำดับที่สองเพื่อให้เนื้อสัมผัสบางเบา แต่มีโอกาสก่อให้เกิดความแห้งกร้านได้ ซึ่งส่วนตัวที่ได้ลองใช้ผลิตภัณฑ์ในไลน์นี้ครบทุกขั้นตอนแล้ว ถึงผิวจะไม่แห้ง แต่ปูเป้ก็จะไม่แนะนำสำหรับผิวที่ไวกับแอลกอฮอล์นะครับIngredients : Aqua (Water), Alcohol, PEG-32, Butylene Glycol, Glycolic Acid, Arginine, PEG-60 Hydrogenated Castor Oil, Sodium Citrate, Phenoxyethanol, Salicylic Acid, Xanthan Gum, Tetrasodium EDTA, Parfum (Fragrance), Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Hydrolyzed Conchiolin Protein, Citric Acid .CHANEL : Le Blanc Lightening Moisture Nanolotion (150 ml / 2,120 THB) โลชั่นน้ำที่มีความหนืดเล็กน้อยตัวนี้เน้นให้ความชุ่มชื้นกับผิวเป็นหลัก โดยใช้ Sodium Acetylated Hyaluronate ที่มีโมเลกุลขนาดเล็กเพื่อที่จะได้แทรกลงไปให้ความชุ่มชื้นในระดับที่ลึกขึ้น และมี Dipotassium Glycyrrhizate เพื่อลดการระคายเคือง ถึงจะมีส่วนผสม Alcohol ลำดับที่สอง แต่ผิวก็ดูไม่แห้งหลังจากใช้ ทว่าหลังจากใช้ 2 สัปดาห์ติดกัน ผมเป็นตุ่มหนองขาว ๆ ขึ้นมาบริเวฯแห้มและแนวกราม และพอหยุดใช้ตัวนี้อาการก็ค่อย ๆ ดีขึ้นโดยยังหาสาเหตุไม่ได้อีกเหมือนกัน... Ingredients : Aqua (Water), Alcohol, Dipropylene Glycol, Glycerin, Butylene Glycol, Methyl Gluceth-20, PEG-32, PPG-6 Decyltetradeceth-30, Phenoxyethanol, Carbomer, Dipotassium Glycyrrhizate, Sodium Citrate, Tetrasodium EDTA, Parfum (Fragrance), Sodium Acetylated Hyaluronate, Polyquaternium-51, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Methylparaben, Hydrolyzed Conchiolin Protein, Propylparaben, Ethylparaben. CHANEL : Le Blanc Whitening Moisturizing Fluid (50 ml / 3,720 THB) ถ้าดูจากข้อมูลแล้วจะเห็นได้ว่า TXC™ นั้นจะทำงานในส่วนที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางเอนไซม์ของ Tyrosinase เลย เพื่อให้การขัดขวางการผลิตเม็ดสีนั้นครอบคลุมมากขึ้น ทาง CHANEL จึงใช้วิตามินซีในรูปของ Ascorbyl Glucoside เพื่อขัดขวางการทำงานของเอนไซท์ Tyrosinase อีกทอดหนึ่ง แต่นอกจากส่วนผสมของวิตามินซีแล้วก็ไม่ได้มีสาร Active อื่น ๆที่น่าสนใจอีกเลย แถมปริมาณ TXC™ ที่ใส่มาในนี้ก็เล็กน้อยมาก ๆ อีกด้วย เนื้อฟลูอิดบางเบามาก ทำให้การใช้ผลิตภัณฑ์ 7 ขั้นตอนตั้งแต่แรกมาจนถึงขั้นตอนสุดท้ายนี้ผิวไม่มีความมันวาวหรือหนักหน้าเลยแต่น้อย ในแง่ของผลทางคอสเมติคคงจะได้คะแนนเต็มไปสำหรับผู้ที่ชอบใช้ผลิตภัณฑืครบชุดแต่ยังคงเบาสบายผิว แต่ในแง่ของส่วนประกอบนั้นปูเป้มองว่ามันดูธรรมดาเกินไปสำหรับการลงทุนเพื่อซื้อมอยซ์เจอไรเซอร์สักหนึ่งชิ้น...Ingredients : Aqua (Water), Alcohol, PEG/PPG/Polybutylene Glycol-8/5/3 Glycerin, Hydrogenated Polydecene, Glycerin, Ascorbyl Glucoside, Dimethicone, Triethylhexanoin, Steareth-2, Sodium Acrylates/C10-30Alkyl Acrylate Crosspolymer, Steareth-21, Butylene Glycol, Disodium Phosphate, Phenoxyethanol, Chlorphenesin, Parfum (Fragrance), BHT, Tetrasodium EDTA, Citric Acid, Algin, Sodium Hyaluronate, Polyquaternium-61, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Hydrolyzed Conchiolin Protein, Methylparaben, Cetyl Tranexamate HCL, Propylparaben, Ethylparaben, Tocopherol. CHANEL : Le Blanc Whitening Moisturizing Cream (50 ml / 3,720 THB) ในแง่ส่วนผสมแล้วมีความคล้ายกับเนื้อ Fluid มาก นอกจากเนื้อสัมผัสที่มีความข้นกว่าเล็กน้อย และบรรจุภัณฑ์แบบกระปุกที่แม้จะดูสวยงามเรียบง่ายและปราณีตตามฉบับของ CHANEL แต่ไม่มีสามารถเก็บรักษาความสดใหม่ของวิตามินซีที่ผสมมาให้มีประสิทธิภาพได้นานนักแล้วนั้น ก็สามารถอ่านคอมเมนต์อื่น ๆ ของผลิตภัณฑ์ได้ในรีวิวของ Fluid เลยจ้าIngredients : Aqua (Water), Alcohol, Isododecane, Triethylhexanoin, Glycerin, PEG/PPG/Polybutylene Glycol-8/5/3 Glycerin, Ascorbyl Glucoside, Glyceryl Stearate, Steareth-2, Hydrogenated Polydecene, Sodium Acrylates/C10-30Alkyl Acrylate Crosspolymer, Steareth-21, Butylene Glycol, Disodium Phosphate, Parfum (Fragrance), Phenoxyethanol, BHT, Chondrus Crispus (Carrageenan), Tetrasodium EDTA, Xanthan Gum, Citric Acid, Sodium Hyaluronate, Methylparaben, Polyquaternium-61, Glycyrrhiza Glabra (Licorice) Root Extract, Hydrolyzed Conchiolin Protein, Cetyl Tranexamate HCL, Propylparaben, Ethylparaben, Tocopherol. โดยภาพรวมแล้ว CHANEL : Le Blanc เป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้ภาพของแบรนด์ดูแข็งขึ้นในส่วนของผลิตภัณฑ์บำรุงผิว เพราะส่วนผสมสิทธิบัตรเฉพาะนี้เป็นการประกาศผลงานของสถาบันวิจัยที่ CHANEL ก่อตั้งขึ้น (และอาจจะมีนวัตกรรมใหม่ ๆ ทางด้าน skincare ออกมาเพิ่มเติมในอนาคต) จากการวิเคราะห์ส่วนประกอบนั้น แบรนด์ CHANEL มีความแตกต่างในแง่มุมของการพัฒนาสูตรอยู่บ้าง ในขณะที่แบรนด์อื่น ๆ จะเน้นคุณสมบัติทุกอย่างให้อยู่ในตัว Serum แต่ทาง CHANEL กลับสร้างชุด Le Blanc ให้หลายผลิตภัณฑ์ทำงานในจุดที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีในแง่ของการตลาดเพราะคนที่ซื้อจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ครบชุดนั่นเอง แต่สำหรับผู้บริโภคที่คิดเยอะหน่อยอย่างปูเป้นั้นคิดว่าตัวที่น่าสนใจที่สุดคงจะเป็นแค่เซรั่มและตัวแต้มจุดด่างดำที่มีปริมาณ TXC™ สูงที่สุด แล้วนำมาใช้คู่กับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ที่มีอยู่แล้วดูจะเป็นทางเลือกที่ประหยัดงบประมาณมากกว่า สำหรับคำถามว่า "จะแพ้มั๊ย" "ใช้แล้วอุดตันรึเปล่า?" เป็นคำตอบที่ปูเป้บอกไม่ได้ครับ อาการแพ้เป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน สำหรับการอุดตันนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวและการดูแลผิวโดยรวมของแต่ละคนเอง นอกจากนี้คนเรายังไวต่อการอุดตันของสารแต่ละตัวไม่เหมือนกันด้วย ดังนั้นก่อนจะซื้อผลิตภัณฑ์ใด ๆ ก็ตาม ควรทดสอบและทดลองใช้ก่อนทุกครั้งครับข้อดี - TXC™ เป็นส่วนผสมของสารไวท์เทนนิ่งที่คาดหวังผลได้ และทำงานต่อเนื่อง - เนื้อสัมผัสถูกออกแบบมาให้ใช้ครบทุกขั้นตอนโดยไม่หนักผิว ให้ผลทางคอสเมติคที่ยอดเยี่ยม - Spot Corrector ปราศจากส่วนผสมของสี น้ำหอม และแอลกอฮอล์ เป็นผลิตภัณฑืที่อ่อนโยนที่สุดในไลน์ข้อเสีย - มีส่วนผสมของน้ำหอมในเกือบทุกผลิตภัณฑ์ (ยกเว้น Spot Corrector) - Moisturizing Cream ใช้บรรจุภัณฑ์แบบกระปุก - ตัวผลิตภัณฑ์มีแอลกอฮอล์ในปริมาณมาก อาจจะไม่เหมาะกับผิวที่แห้งหรือไวกับส่วนผสมชนิดนี้***Sponsored Item*** - CHANEL : Le Blanc Immediate Brightening Oil-Gel Makeup Remover - CHANEL : Le Blanc Fresh Brightening Foam Cleanser - CHANEL : Le Blanc Soft Exfoliating Pre-Lotion - CHANEL : Le Blanc Lightening Moisture Nanolotion - CHANEL : Le Blanc Whitening Concentrate Continuous Action TXC™ - CHANEL : Le Blanc Targeted Whitening Spot Corrector TXC™ - CHANEL : Le Blanc Whitening Moisturizing Fluid - CHANEL : Le Blanc Whitening Moisturizing Cream
Create Date : 19 มีนาคม 2555
16 comments
Last Update : 19 มีนาคม 2555 21:38:42 น.
Counter : 82518 Pageviews.