"ความรู้" คู่ "ความงาม"
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
31 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 
[ Deep-Review ] Pantene Recharging Fluid Pro-V


ตามความเดิมที่เคยทิ้งท้ายเอาไว้ว่าปูเป้จะมาอัพเดทผลหลังการใช้ Pantene Recharging Fluid Pro-V สูตร Total Care เป็นเวลา 2 สัปดาห์ให้ได้อ่านกัน โดยในระหว่าง 14 วันที่ผ่านมานั้นปูเป้ก็ได้อ่านตำราที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับเส้นผมและผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมเพื่อนำข้อมูลที่น่าสนใจมาฝากกัน และหากใครที่มักจะประสบปัญหาสิวหลังการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผมอย่างที่ปูเป้มักเจอแล้วล่ะก็ห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะครับ


(ส่วนผสมของแชมพู Pantene Recharging Fluid Pro-V จะเห็นได้ว่าแชมพูอื่นๆ ก็มีส่วนผสมที่แตกต่างกันไม่มากนัก)


รีวิวในคราวนี้คงไม่เหมือนรีวิวผลิตภัณฑ์บำรุงผิวทั่วไป เพราะว่าการอ่านส่วนผสมนั้นจะมาใช้กับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้ไม่ค่อยมากนัก เหตุผลก็เพราะว่าส่วนผสมของแชมพู คอนดิชันเนอร์ หรือทรีตเม้นต์นั้นหลัก ๆ แล้วก็แทบไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ มันก็จะวนอยู่ที่ สารทำความสะอาด (Surfactant) ตัวยอดนิยมอย่าง Sodium หรือ Ammonium Laureth Sulfate และอื่น ๆ ผสมกัน 2 – 4 ชนิด เพื่อประสิทธิภาพในการทำความสะอาดที่มากน้อยแตกต่างกันไปสำหรับเส้นผมชนิดต่าง ๆ มีส่วนผสมของสารเคลือบและซิลิโคนที่จะช่วยปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่น ส่วนผสมของสารประจุบวกที่เข้าไปสลายประจุลบของผมที่เสียหายให้เส้นผมไม่ชี้ฟูหรือพันกัน อาจจะมีส่วนประกอบของโปรตีนและกรดอะมิโนจาก Wheat หรือ Silk เพื่อช่วยเติมเต็มส่วนที่สึกหรอของผมเป็นการชั่วคราว (ย้ำว่าแค่ชั่วคราว) ที่เหลือก็เป็นพวกสารเติมแต่งอย่าง สี น้ำหอม สารกันเสีย ตัวทำให้ส่วนผสมข้น และ “ส่วนผสมพิเศษ” อย่างพวกสารสกัดต่าง ๆ ที่จะมาเป็น “จุดขาย” (มีประโยชน์แค่ในเชิงของการตลาด แต่ไมได้มีประโยชน์กับเส้นผม)

เมื่อส่วนประกอบของแชมพูและคอนดิชันเนอร์นั้นแทบจะไม่แตกต่างกัน (กว่า 90% ของแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่วางขายทั่วโลก ใช้เทคโนโลยีที่มีรากฐานมาจากต้นแบบของแชมพูและคอนดิชันเนอร์ที่ Proctor & Gamble ได้คิดค้นเอาไว้ตั้งแต่ช่วงปี 1980) สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นแตกต่างก็คือ “ความรู้สึก” หรือ “Feel” หลังการใช้เป็นหลัก



การคิดค้นสูตรสำหรับผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมนั้นจึงเน้นการผสานส่วนประกอบต่าง ๆ ในสัดส่วนที่พอดี จนได้สูตรที่มอบผลลัพหลังการใช้ออกมาดีที่สุด กว่าจะได้แชมพูและคอนดิชันเนอร์หรือผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมออกมาสู่ท้องตลาดแต่ละชิ้นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีการทดสอบกับเส้นผมจริงหลายพันครั้งเพื่อที่จะได้สูตรที่ให้ Feel แก่เส้นผมที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้ดีที่สุด (ผู้คนแต่ละทวีปของโลกมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่แตกต่างกันไป อย่างคนไทยชอบแชมพูที่ฟองเยอะ ๆ เพราะเชื่อว่าทำความสะอาดได้ดี แต่คนอเมริกาใต้เชื่อว่าแชมพูที่ฟองเยอะ ๆ นั้นรุนแรงเกินไปและทำให้ผมแห้ง จึงต้องผลิตสูตรที่ฟองไม่มากออกมาจำหน่ายแทน)

ข้อเท็จจริงอีกหนึ่งข้อที่ปูเป้อยากให้ทุกได้รู้เอาไว้ก็คือ “แชมพูในซูเปอร์มาร์เกต กับแชมพูในซาลอนทำผมราคาแพงนั้น แทบจะไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย” ในแง่ของส่วนผสมนั้นอาจมีความแตกต่างในเรื่องชนิดของสารทำความสะอาด สารกันเสีย หรือส่วนผสมอื่น ๆ ที่ใช้บ้าง แต่คุณสมบัติหลัก ๆ ของแชมพูก็คือการ “ทำความสะอาด” และ คอนดิชันเนอร์ ก็ช่วย “เคลือบปิดเกล็ดผมให้เรียบลื่น” เท่านั้น

ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผมราคาแพงตามซาลอนไม่จำเป็นต้องมีประสิทธิภาพมากกว่า หรือสามารถซ่อมแซมผมแห้งเสียได้ดีกว่าผลิตภัณฑ์ที่หาซื้อได้ทั่วไป เพราะ “เส้นผม” ทันทีที่งอกพ้นออกมาจากรากผมก็เป็น “เซลล์ที่ตายแล้ว” (นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเวลาเราตัดผม จึงไม่รู้สึกเจ็บ) เซลล์ที่ตายแล้ว ไม่อาจถูกชุบให้กลับมามีชีวิตหรือซ่อมแซมตัวเองได้ จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีราคาแพงกว่า (เว้นแต่ว่าเราดันไปแพ้ส่วนผสมของแชมพูครีมนวดผมที่หาซื้อได้ในซูเปอร์มาร์เกตส่วนใหญ่ แต่ดันไปถูกกับแชมพูครีมนวดผมราคาแพงตามซาลอนพอดี กรณีนี้ก็คงต้องลงทุนใช้ของแพงกันหน่อยล่ะครับ)



ในแง่ของส่วนผสมแล้ว Pantene Recharging Fluid Pro-V สูตร Total Care ก็ดูไม่ได้แตกต่างจากผลิตภัณฑ์รุ่นเก่าที่ผมเคยใช้เมื่อหลายปีก่อนเท่าไรนัก แต่ความรู้สึกที่ได้หลังการใช้นั้นก็ถือว่าประทับใจกว่ามากเลยทีเดียว เพราะสูตรใหม่นี้ล้างออกได้ง่ายกว่า ผมรู้สึกนุ่มลื่นโดยไม่ทำให้ผมลีบแบนหรือเหนอะหนะ นอกจากนี้ยังทำให้ผมที่พึ่งผ่านการทำสีและไฮไลท์มาดูมีสภาพดีขึ้นและไม่พันกันเหมือนตอนก่อนใช้ และกลิ่นก็หอมแบบฟรุตตี้ถูกใจทีเดียว

เนื่องจากปูเป้เป็นคนที่เป็นสิวได้ง่าย จึงมักประสบปัญหามีสิวขึ้นตามไรผม หนังศีรษะ หรือแนวแผ่นหลังเมื่อใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ทำให้ผมนุ่มนิ่มหรือมีส่วนผสมของซิลิโคนเยอะ สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าสารเคลือบผมเหล่านี้ตกค้างอยู่บนผิวจนเกิดการอุดตันและระคายเคืองขึ้น ซึ่งปูเป้ก็มีเคล็ดลับในการใช้แชมพูและครีมนวดผมเพื่อลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาดังกล่าวมาแชร์อย่างเคย





เคล็ด(ไม่)ลับ สำหรับการใช้ "แชมพู" และ "คอนดิชันเนอร์" ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด


For Shampooing...

สำหรับผู้ที่ไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผม การใช้แชมพูควรจะเน้นการทำความสะอาดหนังศีรษะเป็นหลัก เพราะจะมีทั้งเหงื่อและน้ำมันที่ผลิตออกมาจากรูขุมขน การนวดก็ควรนวดอย่างเบามือ ไม่ควรใช้แรงกดมาก หรือใช้เล็บเกาเพราะจะทำให้หนังศีรษะเกิดการระคายเคืองเป็นแผล ซึ่งส่งผลให้รากผมอ่อนแอ และยังทำให้เกิดรังแคอีกด้วย ที่สำคัญคือก็คือต้องล้างแชมพูออกให้สะอาดหมดจดอย่างแท้จริง เพราะสารทำความสะอาดและสารกันเสียอย่าง Methylchloroisothiazolinone และ Methylisothiazolinone ที่พบในแชมพูทั่วไปนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรหลงเหลือเอาไว้บนหนังศีรษะเพราะอาจก่อการระคายเคืองหรือคันได้


(หนังศีรษะไม่ใช่กระดานซักผ้า นวดเบา ๆ ก็พอจ้า)


สำหรับเรื่องความถี่ในการสระผม... ตรงนี้ไม่มีข้อกำหนดที่ตายตัวว่าควรสระผมบ่อยแค่ไหน เพราะนั่นเป็นสิ่งที่แตกต่างกันไปในทุก ๆ คน เอาเป็นว่าถ้ารู้สึกว่าหนังศีรษะเริ่มสกปรกเมื่อไหร่ก็ควรจะสระผมเมื่อนั้น สำหรับผู้ที่ออกกำลังกายบ่อย ๆ หรือใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมเป็นประจำ ก็ควรจะสระผมทุกวันโดยเฉพาะตอนก่อนเข้านอน เพื่อไม่ให้สิ่งสกปรกและผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมมาเปื้อนหมอนเปื้อนหน้าจนเป็นสิวได้ หากสระผมทุกวันควรเลือกแชมพูที่อ่อนโยนเป็นพิเศษเพื่อไม่ทำลายน้ำมันเคลือบผมและหนังศีรษะมากเกินไปด้วยนะครับ (สารทำความสะอาดที่น่ามองหาก็คือพวก Sodium Methyl Cocoyl Taurate, Cocamidopropyl Betain หรือสารที่มีชื่อใกล้เคียงกัน เพราะว่าค่อนข้างอ่อนโยนทีเดียว) แล้วก็อย่าลืมใช้คอนดิชันเนอร์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมด้วยทุกครั้งล่ะ...


For Conditioning...

สำหรับการใช้คอนดิชันเนอร์นั้นให้เน้นที่บริเวณปลายผมเป็นหลัก เพราะเป็นส่วนที่ห่างไกลจากหนังศีรษะแล้วจึงขาดน้ำมันมาหล่อเลี้ยงจนขาดความเงางาม สำหรับผมที่ยังอยู่ใกล้กับหนังศีรษะนั้นมีน้ำมันมาหล่อเลี้ยงอยู่แล้วไม่ต้องไปสาดคอนดิชันเนอร์ให้เปลือง เพราะนอกจากจะไม่มีประโยชน์เท่าไหร่แล้วยังอาจทำให้หนังศีรษะมันเร็วขึ้นจนรู้สึกรำคาญหรือคันได้เป็นของแถม ควรทิ้งคอนดิชันเนอร์เอาไว้ประมาณ 3 นาทีเพื่อให้สารเคลือบผมทำงานได้เต็มที่แล้วจึงล้างออกให้สะอาดหมดจด



เราไม่จำเป็นต้องโชลมคอนดิชันเนอร์ลงไปบนหนังศีรษะโดยหวังว่าสารบำรุงต่างๆ ที่เขาเอามาโฆษณาจะซึมลึกถึงรากผมไปบำรุงผมจากภายใน เพราะยังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ใด ๆ ที่บ่งชี้ว่ามันสามารถทำได้ (ต่อให้สมมุติว่ามันทำได้จริง ก็ควรจะอยู่ในรูปของ Hair Tonic ที่ทาทิ้งเอาไว้บนหนังศีรษะมากกว่าจะอยู่ในแชมพูหรือคอนดิชันเนอร์ที่ต้องล้างทิ้งในไม่กี่นาที) นอกจากนี้สารประจุบวกที่ใช้เพื่อลดการเกิดไฟฟ้าสถิตให้เส้นผมไม่ชี้ฟูหรือพันกันก็อาจระคายเคืองหนังศีรษะได้อีกเช่นกัน

การล้างคอนดิชันเนอร์ด้วยน้ำปริมาณมาก ๆ เป็นสิ่งที่พึงกระทำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าคุณเป็นสิวได้ง่าย กรุณาโยนคำแนะนำจากช่างทำผมบางคน (ที่ไม่รู้ว่าเขาไปเอาข้อมูลมาจากไหน) ว่า “ควรเหลือคอนดิชันเนอร์ทิ้งเอาไว้บนผม” ทิ้งไปได้เลย เพราะคอนดิชันเนอร์ส่วนเกินเหล่านี้เมื่อสะสมไปนาน ๆ จะทำให้ผมดูลีบแบน ไม่เงางาม แถมยังทำให้เป็นสิวได้ง่ายเวลาผมมาเคลียสัมผัสผิวหน้าอีกด้วยอีกด้วย



การล้างคอนดิชันเนอร์ควรหงายหน้าขึ้นเพื่อไม่ให้น้ำและคอนดิชันเนอร์นั้นไหลมาโดนผิวหน้า หลังจากล้างผมจนสะอาดแล้วค่อยล้างหน้า และอาบน้ำโดยใช้แปรงหรือผ้าถูบริเวณแผ่นหลัง และส่วนต่าง ๆ ที่คอนดิชันเนอร์ไหลผ่านเพื่อทำความสะอาดคราบที่อาจตกค้างอยู่ออกให้หมด วิธีนี้จะช่วยลดโอกาสการเกิดสิวอันมีสาเหตุมากจาซิลิโคนและสารเคลือบที่ผสมในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมได้มากทีเดียว

หากการทำทั้งหมดนี้ยังไม่ได้ผล ยังไงสิวยังขึ้นอยู่ดี ใกห้ลองเลือกใช้แชมพูและครีมนวดผมที่ปราศจากซิลิโคน (ส่วนผสมที่ลงท้ายด้วย –cone อย่าง Dimethicone และลงท้ายด้วย –ane อย่าง Cyclopentasiloxane) ดูนะครับ ยอมรับว่าหาค่อนข้างยากในตลาดบ้านเรา เอาเป็นว่าปูเป้ก็ขอเสนอให้ทาง P&G ลองทำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมแบบปราศจากซิลิโคนดูบ้างก็ดีนะครับ







สรุปแล้ว หลังจากได้ลองใช้ Pantene Recharging Fluid Pro-V สูตร Total Care ควบคู่ไปกับการเคล็ดลับการใช้ที่นำมาฝากกันด้านบนนี้ ผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ปูเป้ยังไม่ประสบปัญหาสิวบนใบหน้าแถมผมก็นุ่มและมีกลิ่นหอมได้ทั้งวันด้วย

แต่สภาพเส้นผมของคนเราก็แตกต่างกัน ที่สำคัญอาการแพ้ที่มีต่อส่วนผสมต่างๆ ก็ยังไม่เหมือนกันอีกด้วย จึงควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะกับสภาพผม และหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ตนเองแพ้กันด้วยนะครับ

หากสนใจ “Pantene Recharging Fluid Pro-V” ก็แวะไปชมข้อมูลผลิตภัณฑ์ได้ที่ www.pantene.co.th หรือใน Facebook Page ของทาง Pantene ที่ www.facebook.com/pantenethailand ได้เลยครับ

www.pantene.co.th





Create Date : 31 สิงหาคม 2553
Last Update : 9 ตุลาคม 2553 22:10:22 น. 14 comments
Counter : 8598 Pageviews.

 
ข้อมูลดีมากๆ ขอบคุณค่ะ


โดย: ืnanata (noina) IP: 125.24.213.87 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:06:11 น.  

 
แวะมาเจิมพร้อมกับเก็บความรู้ค๊าบบบ


โดย: สะหวีวี่วี~* IP: 58.137.145.116 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:06:30 น.  

 
ขอบคุณค่าคุณเป้ คราวนี้จะได้ลื่นปรื๊ด ๆ อย่างไม่กลัวสิวซะที ฮี่ๆ


โดย: joyfox IP: 58.136.94.43 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:20:17 น.  

 
ขอบคุณค่ะ


โดย: mamee IP: 124.121.159.13 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:15:41:47 น.  

 
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้ว
อยากให้คุณปูเป้รีวิวครีมทาตัว บ้างจัง จะได้ครบสูตร
หน้า. ผิว ผม. น่ะค่ะ
อิอิอิ ;)


โดย: PatZa IP: 27.55.44.60 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:17:01:16 น.  

 
ถ้า Shampoo ตอนนี้ผมยกให้ Kiehl's Rice and Wheat เท่านั้นครับ สะอาด หอม และไม่เป็นสิวที่หลัง


โดย: คุณไก่ วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:19:48:43 น.  

 
น่าอิจฉาพี่ปู้เป้จังครับ ผมใช้แล้วสิวเต็มหน้า เต็มหลังเลย T_T

ถึงจะยอมรับเลยว่า feel หลังสระมันดีจริงๆ แต่ผมคงต้องกลับไปใช้แชมพูเด็กเหมือนเดิม = ="


โดย: Gorloth IP: 110.164.167.43 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:20:16:24 น.  

 
ขอบคุณค่ะ พี่ปู้เป้ แชมพูเก่าจะหมดพอดี
ไปสอยมาใช้บ้าง 55555


โดย: Kani Kani IP: 124.121.116.164 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:23:19:18 น.  

 
เห้นด้วยกับคุณปูเป้ อยากให้มีแชมพูสูตรไม่ผสมซิลิโคนออกมาเยอะๆ ตอนนี้ก็พึ่งแชมพูเด็กไปก่อน ฮ่าๆ


โดย: พ่อมดน้อย IP: 112.143.12.113 วันที่: 8 กันยายน 2553 เวลา:23:31:15 น.  

 
ได้รับความรู้ใหม่ ๆ ที่ดีมากเลยครับ จะลองนำไปใช้ดู
ขอบคุณคุณปูเป้มาก ๆ เลย

ปล. เคยใช้ยี่ห้อนี้แต่แพ้ครับ เสียดาย ได้แต่มองตาปริบ ๆ T_T


โดย: Pawit IP: 172.16.5.85, 202.28.54.175 วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:9:22:25 น.  

 
แวะมาเก็บข้อมูลค่พี่ปูเป้ แพนทีนตัวนี้หอม และผมนุ่มจริงๆ


โดย: KiRaRi วันที่: 10 กันยายน 2553 เวลา:10:18:16 น.  

 
กลับมาใช้เพราะคุณปูเป้นี่เหละ

โดยรวมถือว่าโอเคคะ โดยเฉพาะกลิ่นหอม


โดย: Jay IP: 115.87.107.101 วันที่: 12 กันยายน 2553 เวลา:11:40:41 น.  

 
ขอบคุณค่ะ ๐..


โดย: mssuchira วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2555 เวลา:10:57:10 น.  

 
****************************************************************
****************************************************************

***** Website: //bit.ly/2DrWpVn *****
Like us on Facebook: //bit.ly/2SAzGQx
Subscribe on our Youtube Channel: //bit.ly/2SP3RjC
Instagram: //bit.ly/2RRwWcW
Twitter: //bit.ly/2WVbozN
Tumblr: //bit.ly/2GjbjRG

****************************************************************
****************************************************************


โดย: Tammie Shuman IP: 163.172.136.205 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:9:39:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

PuPe_so_Sweet
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1829 คน [?]




Advertisement


About Pupe_so_Sweet
Pupe_so_Sweet on facebook
Pupe_so_Sweet on Youtube
vr AHA project


หากมีคำถามหรือต้องการคำปรึกษา
สามารถทิ้งคำถามไว้ได้ที่หน้า Wall ของ Facebook ครับ



Web Counter


Counter Start on 29 September 2008


Search by Google

ค้นหาข้อมูลและรีวิวผลิตภัณฑ์ที่ต้องการภายในBlog ของปูเป้ได้ไม่ยากด้วย Google Search Box ด้านล่างนี้เลยขอรับ

Custom Search

Friends' blogs
[Add PuPe_so_Sweet's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.