|
ห่างไกล ไม่ห่างกัน (14)
สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
ผมนำบันทึกที่เขียนถึงลูกเมื่อก่อนหน้านี้มาขัดเกลาตัดต่อเพิ่มเติม ขยับปรับแต่งเรียบเรียงเรียบร้อยแล้วมาให้อ่านกันเล่น
แต่สิ่งที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมก็คือเรื่องราวความจริงและความรัก ของพ่อที่อยู่ไกลบ้านคนหนึ่ง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงได้เห็นหนังสือชื่อ "ห่างไกล ไม่ห่างกัน" ในไม่ช้าไม่นานนี้
ด้วยมิตรภาพ
---------------------------------------
(14)
พเยีย ลูกรัก
วันนี้พ่อแทบไม่ได้ออกไปไหนเลย ตั้งแต่เช้านั่งแก้ไขขัดเกลาต้นฉบับที่จะส่ง แก้แล้วแก้อีกจนพอใจ พ่อเคยเปรียบเทียบเวลาดูว่า ในช่วงแก้ไขขัดเกลาให้พอใจนั้นบางทีใช้เวลามากกว่าการเขียนร่างแรกเสียอีก นักเขียนบางคนเขียนเรื่องครั้งเดียวเสร็จเลยก็มี เท่าที่พ่อเคยรู้จากการอ่านบทสัมภาษณ์มาก็มี ว.วชิรเมธีท่านหนึ่งละ, ท่านเป็นพระหนุ่มนักเขียนที่กำลังฮ็อตสุดๆอยู่ในขณะนี้ ท่านจะเขียนต้นฉบับครั้งเดียวได้เลย และได้อย่างดีเสียด้วย
สำหรับพ่อยังทำอย่างนั้นไม่ได้ หลังจากคิดได้แล้วว่าจะเขียนอะไร พ่อจะเรียบเรียงคร่าวๆในหัวก่อน เมื่อลงนั่งเคาะคีย์บอร์ดถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ อาจดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา ลื่นไหลบ้างไม่ลื่นไหลบ้างก็แล้วแต่เรื่องนั้นๆ แล้วค่อยมาตัดต่อขัดเกลาทีหลัง ซึ่งอาจจะไม่ใช่วิธีการเขียนหนังสือที่ดีที่สุดแต่พ่อก็ยังถนัดแบบนี้อยู่ พ่อรู้สึกว่าวันนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตั้งใจว่าเสร็จงานจะนอนเอกเขนกอ่านหนังสือที่เปลญวนใต้ถุนบ้านแต่ก็เย็นย่ำเสียแล้ว พ่อจึงตัดสินใจรดน้ำต้นไม้ที่ปลูกไว้ ต้นที่โตทะลึ่งพรวดพราดผิดหูผิดตาก็คือต้นปีบ สงสัยจะได้ความชุ่มชื่นจากน้ำฝนเป็นตัวกระตุ้น ช่วงนี้ที่พื้นดินใต้ต้นมะม่วงข้างบ้าน พ่อย่างเหยียบเข้าไปไม่ได้เลยเพราะจะถูกมดแดงรุมกัด แถวบ้านพ่อจะเรียกว่ามดส้ม ตัวใหญ่ๆทำรังอยู่บนต้นไม้ ตั้งแต่พ่อมาอยู่บ้านหลังนี้เพิ่งเห็นพวกมันดุเป็นพิเศษในช่วงนี้ แค่เดินลงบนพื้นดินมันก็รุมกัดเป็นฝูง บางคราวถึงกับทิ้งตัวจากต้นมะม่วงลงมากัดผู้คนที่เดินผ่าน
พ่อไม่อยากจะฆ่ามันหรอก ต่างคนต่างอยู่ดีกว่า ที่ไม่ฆ่าก็ไม่ใช่ว่าใจบุญสุนทานอะไรหรอก แต่พ่อไม่เห็นประโยชน์ว่าจะฆ่ามันไปทำไม ถึงกระนั้นบางตัวก็ต้องตายเพราะหัวมันขาดจากลำตัวตอนพ่อดึงมันออก ขนาดหัวขาดแล้วมันยังไม่ยอมปล่อยปากออกจากผิวหนังของพ่อ หัวมันก็ติดอยู่ตรงที่มันกัดอยู่อย่างนั้น
เมื่อพ่อแหงนขึ้นไปดูบนต้นมะม่วง เห็นมดแดงกำลังสร้างรังอยู่ตามกิ่งไม้เต็มไปหมดเหมือนโครงการบ้านจัดสรรที่กำลังปลูกสร้างบ้านพร้อมๆกัน ตอนที่พ่อมาอยู่บ้านหลังนี้ใหม่ๆมองขึ้นไปดูเหมือนว่าเห็นมีแต่รังร้างๆ แต่ตอนนี้รังของมันดูสมบูรณ์บ่งบอกว่ามีประชากรมดอาศัยอยู่เต็มรังแล้ว พ่อสันนิษฐานในใจว่าที่มันดุอย่างนี้คงเพราะเป็นช่วงที่มันหวงไข่แน่ๆเลย ตอนที่พ่อพักอยู่ที่วัดหนองยายดาพ่อเคยสังเกตดูมดแดงชนิดเดียวกันนี้ช่วยกันทำรัง เสียดายที่พ่อไม่ได้ถ่ายรูปไว้ มันจะช่วยกันทำงานอย่างแข็งขันไม่มีตัวไหนอู้งานเหมือนคนเลย พ่อเห็นแล้วยังประทับใจตอนที่มันพยายามช่วยกันดึงใบไม้มาติดกันแล้วอีกตัวต้องคาบปากเย็บค้างไว้อย่างนั้นอยู่นานทีเดียว มดแดงได้ชื่อว่าเป็นสัตว์ขยันทำมาหากิน ทำงานเกินตัว ลูกเคยเห็นมดแดงแบกของใหญ่กว่าตัวมันไหมล่ะ เรื่องระเบียบวินัยไม่เป็นรองใคร เวลาเดินไปไหนไม่แตกแถว ถ้าตัวไหนกัดก่อนตัวต่อไปก็ไม่ถอยหนี เรื่องสามัคคีของมันนั้นนับว่าเป็นที่หนึ่งทีเดียว คำว่า สามัคคี ที่พ่อเคยได้ยินมาตั้งแต่เด็กนั้น พ่อเคยได้เห็นคุณค่าของมันจริงๆมาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องใดๆ เมื่อทุกคนให้ความร่วมมือกันอย่างจริงจังแล้วก็เป็นพลังที่จะทำให้เรื่องนั้นไปสู่ความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย เรื่องที่ว่ายากก็จะกลายเป็นง่าย เรื่องที่ธรรมดาก็จะกลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งขึ้น เรื่องง่ายๆก็กลายเป็นเรื่องที่แทบจะไม่ต้องออกแรงกันเลย ไม่ว่าจะเป็นสังคมเล็กๆอย่างหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ จังหวัด แม้แต่ประเทศชาติ หากประชาชนพลเมืองขาดความสามัคคีเสียแล้ว ก็ยากที่จะพัฒนาบ้านเมืองของตนให้เจริญรุ่งเรืองได้ แต่ทว่าคำว่า ความสามัคคี นี้ก็ต้องมีเป้าหมายไปในทางดีด้วยจึงจะมีผลดี ไม่ใช่สามัคคีกันทำชั่ว ยกตัวอย่างบางหมู่บ้านของประเทศไทยชาวบ้านสามัคคีกันผลิตยาบ้าและขายยาบ้า ต่างฝ่ายต่างช่วยกันดูแลสอดส่องเจ้าหน้าที่ให้เพื่อนบ้านรอดพ้นจากการถูกจับ คอยระแวดระวังให้กันอย่างมีความสามัคคี
ลูกก็ลองจินตนาการว่าความสามัคคีชนิดนี้จะส่งผลร้ายต่อส่วนรวมมากมายมหาศาลเพียงใด หรือยกตัวอย่างหากฝ่ายรัฐบาลต่างมีความสามัคคีกันคอรัปชั่นประเทศ ผลที่ออกมาจะเป็นอย่างไรลูกย่อมรู้ดี เพราะฉะนั้นพ่อเชื่อว่า พลังแห่งความสามัคคี นั้นมีอยู่จริง แต่ทว่าเราจะนำพลังสามัคคีนั้นมาใช้ประโยชน์ในทางใดมากกว่า อย่าว่าแต่เรื่องประเทศชาติเลย เรื่องชีวิตในครอบครัวที่อยู่รวมกันไม่กี่คนนี่แหละลูกรัก หากไม่มีความสามัคคีกันก็ยากนักที่จะอยู่เย็นเป็นสุขได้ มีอยู่ช่วงหนึ่ง...ตอนนั้นลูกยังเล็กๆอยู่ ครอบครัวของเราประสบกับเหตุวิกฤตทางด้านการเงินอย่างรุนแรง พ่อนั่นแหละเป็นตัวต้นเหตุ ในช่วงนั้นคุยอะไรกับแม่ก็ไม่เคยเห็นเหมือนกันสักเรื่อง มองชีวิตกันไปคนละทิศละทาง พ่ออ่านหนังสือคำคมจากไหนมาก็ไม่รู้ แล้วใช้ชอล์กเขียนไว้ที่ข้างฝาบ้านตัวเบ้อเร่อเท่อว่า หากคุณไม่เชื่อในเรื่องของความสามัคคีแล้วละก็...คุณเคยเห็นเกวียนล้อเดียววิ่งไปข้างหน้าได้ไหม? จุดประสงค์คือไว้เตือนตัวเองและอยากให้แม่อ่านเพื่อที่จะได้มีความสามัคคีกัน เพื่อที่จะช่วยกันพยุงนาวาชีวิตฝ่ามรสุมออกไปให้ได้ ความรักเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะช่วยให้ชีวิตครอบครัวไปรอดได้ ความรักกินไม่ได้ก็จริง แต่ความรักจะทำให้เราออกไปทำงานแล้วมาแบ่งปันกันกินจ้ะลูกรัก เริ่มจากเรื่องอื่นทำไมมาจบลงเรื่องนี้ก็ไม่รู้ ? รักและคิดถึงมาก พ่อ
Create Date : 09 ธันวาคม 2549 |
Last Update : 9 ธันวาคม 2549 14:31:45 น. |
|
1 comments
|
Counter : 753 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Htervo วันที่: 13 มิถุนายน 2550 เวลา:21:41:09 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ตอนนี้บรรยากาศที่ เมืองไทย กำลังร้อนระอุ ...
อยากให้ทุกคนนึกถึงความรักและความสามัคคี แบบที่คุณโดมเขียนเลยค่ะ