|
ห่างไกล ไม่ห่างกัน (8)
สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
ผมนำบันทึกที่เขียนถึงลูกเมื่อก่อนหน้านี้มาขัดเกลาตัดต่อเพิ่มเติม ขยับปรับแต่งเรียบเรียงเรียบร้อยแล้วมาให้อ่านกันเล่น
แต่สิ่งที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมก็คือเรื่องราวความจริงและความรัก ของพ่อที่อยู่ไกลบ้านคนหนึ่ง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงได้เห็นหนังสือชื่อ "ห่างไกล ไม่ห่างกัน" ในไม่ช้าไม่นานนี้
ด้วยมิตรภาพ
---------------------------------------
(8)
พเยีย ลูกรัก
ขณะที่พ่อนั่งเขียนบันทึกถึงลูกอยู่นี้ฝนกำลังตกพรำๆ อากาศเย็นสบาย พ่อชอบอากาศเย็นแบบนี้มากกว่าอากาศเย็นของห้องแอร์เสียอีก เพราะมันเป็นความเย็นจากธรรมชาติ ซึ่งมีความสดชื่นของชีวิตแฝงมาด้วย ฝนที่ตกพรำๆอย่างนี้แถวบ้านพ่อจะเรียกว่า ฝนตกแซะแซะ พ่อเคยอ่านบทกวีของพิบูลศักดิ์ ละครพล เขาเคยเขียนเกี่ยวกับฝนตกว่า ฝนตกสุยสุย แต่ไม่รู้ว่าฝนตกสุยสุยนั้นเป็นแบบนี้หรือเปล่า ?
อาการฝนตกพรำๆไม่ยอมหยุดอย่างนี้ มีสิทธ์ทำให้ที่นี่น้ำท่วมได้ เพราะเพียงแค่ฝนเทลงมาเมื่อตอนเย็นไม่นานเท่าไรนัก ตรงพื้นที่ที่เป็นแอ่งน้ำยังมีน้ำขังเต็มไปหมด ตอนฝนไม่ตกก็อยากให้ฝนตกต้นไม้จะได้รับน้ำฝนบ้าง แต่พอฝนตกนานเกินไปก็กลัวน้ำจะท่วมต้นไม้ที่ปลูกไว้ คนเราก็เป็นอย่างนี้อยากจะได้แต่สิ่งที่ใจต้องการเสมอ ทั้งที่ความจริงแล้วฝนจะตกหรือไม่ตกนั้นคนเราไม่มีสิทธิ์บังคับให้เป็นไปตามใจอยาก เพราะเป็นเรื่องของธรรมชาติ ในช่วงแรกที่พ่อมาอยู่บ้านหลังนี้ เวลาพ่อนั่งทำงานตอนกลางวันหรือตอนกลางคืนก็ตามพ่อจะต้องปิดประตูห้อง ซึ่งพ่อเห็นว่าประตูบานนี้เป็นทิศทางลม เพราะประตูอีกบานหนึ่งซึ่งอยู่ตรงหน้าบันไดจะตรงกับช่องลมพอดี แต่เวลาเปิดประตูแล้วยุงจะเข้า
หลังจากที่พ่อติดมุ้งลวดที่ประตูแล้ว เวลาทำงานหรือเวลานอนพ่อก็จะเปิดประตูให้ลมผ่านเข้ามาอย่างสบาย ตอนกลางวันอากาศก็ถ่ายเทมากขึ้น พ่อชอบใจความคิดตัวเองที่ติดตั้งมุ้งลวดตรงประตูบานนี้ เพราะมันทำให้อากาศในห้องถ่ายเทได้ตลอดเวลา
พ่อนึกถึงมุ้งลวดที่หน้าต่างหกบานในห้องที่มีอยู่เดิมนั้น เขาติดไว้เพื่อป้องกันยุงเข้า แต่มุ้งลวดที่ประตูบานนี้อันที่จริงไม่ต้องมีก็ได้ เพราะถือว่ามีหน้าต่างหลายบานแล้ว แต่พ่อกลับเห็นว่า ประตูบานนี้สำคัญทีเดียวเพราะตรงกับช่องทางลม ที่หน้าต่างนั้นทำมุ้งลวดเพราะป้องกันไม่ให้ยุงเข้า แต่ประตูบานนี้ทำมุ้งลวดเพื่อต้องการให้ลมเข้า
พ่อคิดเล่นๆว่ามุ้งลวดเปรียบเสมือนเครื่องมือที่ใช้กลั่นกรองสิ่งที่ต้องการให้เข้ามาในห้อง ชีวิตเราก็เช่นเดียวกันจำเป็นต้องมีอะไรบางอย่างที่ทำหน้าที่เหมือนมุ้งลวดคอยกลั่นกรองสิ่งต่างๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แต่ชีวิตไม่ได้มีแค่เรื่อง ยุง กับ ลม เท่านั้น
มีอยู่เรื่องหนึ่งพ่อตั้งใจเล่าให้ลูกฟังหลายวันแล้ว แต่ก็ลืมไปทุกทีมันเป็นเรื่องของความเกี่ยวข้องเล็กๆที่ฟังเอาสนุกๆก็แล้วกัน ลูกเชื่อไหม
พ่อได้รับกางเกงจากเพื่อนตัวหนึ่งเสียงเพราะมาก ลูกอ่านไม่ผิดหรอก พ่อก็เขียนไม่ผิดหรอก ขอย้ำ พ่อได้รับกางเกงจากเพื่อนตัวหนึ่งเสียงเพราะมาก
วันหนึ่งมีกล่องพัสดุทางไกลมาถึงพ่อ เมื่อเปิดดูพบว่าเป็นกางเกงขาสั้นยี่ห้อดีมีราคาเสียด้วย เธอบอกว่าไม่รู้จะตอบแทนอะไรพ่อในฐานะที่ทำให้เธอรู้จักธรรมะเธอจึงซื้อกางเกงส่งมาให้ อันที่จริงพ่อก็ไม่ใช่นักเทศน์เสียหน่อย เพียงแต่พ่อส่งหนังสือธรรมะเล็กๆน้อยๆให้เธอและพูดคุยกันในเรื่องนี้บ้าง แต่ถึงอย่างไรพ่อก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าพ่อไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมนะลูก แต่ก็ยังเห็นว่าธรรมะเป็นเรื่องจำเป็นสำหรับชีวิตอยู่ดี
ที่หน้าต่างบ้านพ่อจะมีม่านหน้าต่างเป็นโมไบล์ทำด้วยเปลือกหอยอยู่ก่อนแล้ว เวลาลมพัดจะมีเสียงดังของเปลือกหอยกระทบกัน
ก่อนหน้านี้พ่อซื้อโมไบล์เซรามิกลดราคามาสองอัน ตั้งแต่แขวนไว้แทบไม่ได้ยินเสียงเลย เพราะมันขาดที่ห้อยสำหรับรับลมข้างล่าง พ่อคิดว่าต้องหากระดาษแข็งบางๆมาร้อยต่อเมื่อเวลาลมพัด กระดาษจะได้หมุนรับลมทำให้เซรามิกกระทบกันแล้วเกิดเสียงดัง หากโมไบล์ไม่มีเสียงนั้นก็เท่ากับไม่ได้แสดงตัวตนว่ามีอยู่
วันที่พ่อนำกางเกงใหม่ออกมาใส่ก็เห็นป้ายยี่ห้อและราคาเป็นกระดาษแข็งอย่างดีเจาะรูเรียบร้อย พ่อจึงเอาป้ายสองอันไปร้อยเชือกผูกกับโมไบล์สองอันนี้ โมไบล์อันหนึ่งอยู่ที่หน้าต่างบนบ้าน อีกอันหนึ่งอยู่ที่ปลายรอดหน้าบ้านใกล้บันได
จากวันนั้นมาเสียงโมไบล์สองอันจึงดังประสานกันกับม่านโมไบล์เปลือกหอย เวลาลมพัด เสียงมันดังขึ้นพร้อมกับกางเกงขาสั้นตัวใหม่ที่เดินทางมาจากแดนไกล
อันที่จริงถึงแม้จะไม่มีกางเกงที่เพื่อนพ่อส่งมาให้ พ่อก็ต้องตัดกระดาษทำเองอยู่ดี แต่มันคงไม่สวยเท่า และถือว่ามันช่างได้จังหวะจริงๆ เรื่องนี้ทำให้พ่อโยงใยไปในโลกของความเกี่ยวข้องในเรื่องต่างๆได้อีกมากมาย ช่วงหนึ่งพ่อมีความใฝ่ฝันว่าอยากจะอพยพโยกย้ายไปอยู่ที่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเป็นอย่างยิ่ง เป็นความฝันที่อยากให้เป็นจริง เนื่องมาจากพ่อชอบบรรยากาศและประกอบกับญาติพี่น้องของแม่ก็อยู่ที่นั่น ในตอนนั้นพ่อใฝ่ฝันและอยากให้ฝันเป็นจริงอย่างรวดเร็วภายใน 5 ปี แต่ถึงวันนี้เวลาเกือบล่วงเลยผ่านไปแล้ว ฝันนี้ของพ่อก็ยังไม่สามารถเป็นจริงได้ ความฝันที่จะอพยพโยกย้ายไปอยู่ที่ตะกั่วป่าค่อยๆจางหายไป คล้ายๆกับว่าเป็นการเลื่อนเวลาออกไป ความเข้มข้นของความฝันนั้นลดน้อยลงมา เพราะการย้ายไปอยู่ตะกั่วป่านั้นไม่ใช่เป็นการตัดสินใจของพ่อเพียงคนเดียวเท่านั้น พ่อกับแม่ตกลงเลื่อนเวลากันออกไปอีก ความฝันของคนสามารถเปลี่ยนแปลงได้ อาจขยายขึ้นหรือลดลงได้ตามความเป็นจริงในชีวิตของแต่ละคน ช่วงที่ผ่านมาพ่อเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้อยู่ตลอดเวลา เพราะชีวิตกับการงานของพ่อในปัจจุบันนี้สอดคล้องสัมพันธ์กัน พ่ออยากบอกว่านับว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งที่ได้เลือกวิถีชีวิตเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นสุขเพราะเรื่องรายได้หรือเรื่องความอิสระเท่านั้น แต่อยากบอกว่าความสุขอันดับแรกที่ได้รับคือการได้เลือก มนุษย์เราขอเพียงมีสิทธิ์ได้เลือกงานที่ตัวเองทำก็นับว่ามีความสุขแล้ว และหากงานนั้นสามารถเลี้ยงตัวเองได้อย่างไม่ลำบากนักก็ถือว่ายิ่งเป็นความสุขขึ้นไปอีก ถึงวันนี้พ่อคิดว่าการเรียนรู้ที่จะพอใจในวิถีชีวิตของตนนั้นเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ใครเรียนวิชานี้เจนจบก็ถือว่าจะมีชีวิตอย่างไม่เป็นทุกข์ แต่คนเราที่เป็นทุกข์นั้นก็มักเป็นเพราะเรื่องไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมีและตัวเองเป็นเสียเป็นส่วนใหญ่ การเดินทางบ่อยๆของพ่อทำให้พ่อมีโอกาสได้ไปพักในที่ต่างๆซึ่งแตกต่างกันออกไปจากชีวิตประจำวัน การได้เก็บซึมซับเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น การได้เห็นสิ่งที่แปลกใหม่ ทำให้ชีวิตมีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา ในช่วงเวลาที่พ่อมาอยู่ที่นี่ พ่อตื่นแต่เช้าทุกวันแล้วปั่นจักรยานไปตลาด ได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านเมืองนี้ ซึ่งจะว่าไปแล้วก็ไม่น่าจะมีอะไรแปลกประหลาดนัก ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือสำเนียงการพูด แต่ที่ผ่านมาพ่อไม่เคยได้มองลึกลงไปในรายละเอียด ถึงตรงนี้พ่อได้สัมผัสถึงความเรียบง่ายในการดำเนินชีวิตของผู้คนที่นี่ และขณะเดียวกันพ่อก็ได้กระทำในสิ่งนั้นด้วย พ่อหวนนึกถึงความฝันที่อยากจะไปอยู่ตะกั่วป่า ต้องการใช้ชีวิตเรียบง่ายในบรรยากาศเงียบสงบ พ่อไม่ต้องรอนานจนถึงวันนั้นแล้วที่จะได้สัมผัส ชีวิตแต่ละวันที่อยู่ข้างหน้านี้ไง คือความเรียบง่ายที่แท้จริง
ไม่มีใครข้ามไปใช้ชีวิตในวันข้างหน้าได้โดยที่ไม่ผ่านพ้นวันนี้ได้หรอก ความจริงแล้วเรามีชีวิตอยู่ครั้งละขณะจริงๆ แต่ทว่าครั้งละขณะนั้นมันต่อเนื่องติดต่อกันเป็นสายไป แต่ละวินาทีแต่ละนาทีแต่ละชั่วโมงแต่ละวันแต่ละสัปดาห์แต่ละเดือนและแต่ละปีติดต่อกันไป จากวันนี้ต่อเนื่องไปวันหน้าโดยไม่สามารถจะแยกขาดออกจากกันได้ เราไม่มีวันที่จะหนีจากปัจจุบันขณะที่อยู่ต่อหน้าของเราได้เลย เพราะฉะนั้นบรรยากาศรอบๆตัวที่เรียบง่ายและเงียบสงบของเมืองเล็กๆแห่งนี้ จึงทำให้พ่อหวนละลึกถึงสิ่งที่เคยคิดเคยรู้สึกขึ้นมาอีกครั้งนั่นคือ "การอยู่กับสิ่งที่อยู่ต่อหน้าขณะนี้ให้ดีที่สุด" มีความสุขในการมีชีวิตอยู่ครั้งละขณะให้เป็น ไม่ใช่เป็นการอยู่ไปวันๆอย่างซังกะตาย เพื่อที่จะรอมีความสุขในวันหน้า
เพราะว่าคนเราหากไม่สามารถมีความสุขกับปัจจุบันขณะได้แล้ว ยากนักที่จะมีความสุขในวันข้างหน้าได้อย่างแท้จริง ขอบคุณความน่ารักของเมืองเล็กๆแห่งนี้ที่ทำให้พ่อระลึกรู้เรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้ง
รักและคิดถึง พ่อ
Create Date : 29 พฤศจิกายน 2549 |
|
9 comments |
Last Update : 29 พฤศจิกายน 2549 20:06:25 น. |
Counter : 956 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Toon16 29 พฤศจิกายน 2549 20:59:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: opleee 30 พฤศจิกายน 2549 0:09:03 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องนิก (Mommy and me ) 30 พฤศจิกายน 2549 7:56:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 30 พฤศจิกายน 2549 10:56:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปิ่นแก้ว IP: 203.113.45.197 30 พฤศจิกายน 2549 20:06:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปิ่นแก้ว IP: 203.113.45.197 30 พฤศจิกายน 2549 20:16:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: Htervo 13 มิถุนายน 2550 21:23:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
ชื่อพเยียแปลกดีนะคะ