จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
9 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
สเตฟานเมื่อคืน แม่ค้าข้าวแกงเมื่อเช้า




โปสเตอร์เก่า ตู้เย็นเก่า




---------------------------------------------



สเตฟานเมื่อคืน แม่ค้าข้าวแกงเมื่อเช้า



เมื่อคืนนี้ดูรายการ "ที่นี่...หมอชิต" ช่วงสัมภาษณ์พระเอกหนุ่มที่ชื่อสเตฟาน มีคำพูดหลายประโยคเข้าท่าดีเลยตามดูต่อ ถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีและฉลาดด้วย แต่มาสะดุดอยู่นิดนึงว่าเขาบอกว่าเขาเป็นคนพูดจา “กะล่อน” (เขาใช้คำนี้ในความหมายเป็นคนชอบพูดโกหกเล็กๆน้อยๆ) อย่างเช่นแฟนถามว่าตอนนี้อยู่ไหน เขาอยู่หน้าปากซอยเพราะกำลังเติมน้ำมันเครื่องรถอยู่ ปากซอยก็อยู่ใกล้ๆบ้าน ถ้าเขาจะบอกกับเธอว่าตอนนี้อยู่บ้าน เขาคิดว่าไม่น่าจะเป็นไรเพราะไม่อยากบอกกับแฟนว่านัดกันไว้ทำไมเพิ่งจะมาเติมน้ำมันเครื่องตอนนี้

เขาเลยตัดสินใจบอกแฟนเขาไปว่าอยู่ที่บ้าน โดยคาดไม่ถึงว่าแฟนของเขากำลังมุ่งหน้าไปบ้าน เขาสั่งแม่บ้านว่าถ้าแฟนมาถึงให้โทรมาบอกด้วย แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว แฟนสาวเธอโกรธว่าเรื่องเล็กๆน้อยแค่นี้ทำไมต้องพูดโกหก ถ้าอย่างนี้เรื่องใหญ่ๆจะไม่โกหกหรือ ?

ในทัศนะของเขาว่าเรื่องเล็กๆน้อยๆถ้าพูดโกหกหรือพูดไม่ตรงความจริงก็คงไม่เป็นไร ผมคิดว่าพระเอกหนุ่มคงไม่รู้เรื่องการพูดปดนั้นว่ามันมีโทษอย่างไร แม้แต่เรื่องเล็กๆน้อยหากเราโกหกบ่อยๆเราก็จะชินและกล้าที่จะโกหกเรื่องใหญ่โตขึ้น หรือไม่ก็มันก็จะกลายเป็นนิสัยติดตัวไป จนถึงเวลาเมื่อเราพูดจริงแล้วก็ไม่มีใครเชื่อ

คนที่พูดเท็จนั้นมักพูดเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองเสมอ ผลประโยชน์ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเรื่องทรัพย์สิน เงินทองวัตถุใดๆ แม้แต่เรื่องเป็นนามธรรมจับต้องไม่ได้ อย่างเรื่องของความรู้สึกภายใน แม้บางครั้งเพื่อที่จะอ้างว่าเพื่อให้คนอื่นสบายใจจึงพูดไม่จริงหรือปกปิดความจริงไว้ แต่แท้จริงก็เพื่อความสบายใจหรือเพื่อให้พ้นผิดของผู้พูดด้วย

ผมเชื่อว่าคนที่ศีลห้ายังไม่สมบูรณ์ก็ยังคงต้องมีพูดเท็จกันบ้างไม่มากก็น้อย เป็นผลเสียต่อผู้อื่นบ้าง เป็นผลเสียต่อตัวเองบ้าง มากบ้าง น้อยบ้าง บางคนโกหกแต่ไม่ส่งผลต่อชีวิตอะไรมากมายนัก แต่สำหรับบางคนนั้นพูดโกหกอาจส่งผลต่อชีวิตอย่างคาดไม่ถึง เช่นถูกให้ออกจากงาน บางคนอาจคิดว่าการพูดเท็จนั้นถ้ารู้จักพูดแล้วจะได้ประโยชน์ ซึ่งเรื่องพวกนี้ก็แล้วแต่ทัศนะของแต่ละคน

ผมชอบคำพูดเกี่ยวกับการพูดความจริงและพูดเท็จประโยคหนึ่งว่า “ผลตอบแทนของการพูดความจริงก็คือไม่ต้องจำสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป”


ช่วงกลับมาอยู่ที่บ้านเมืองนนท์ ผมมักอาศัยร้านข้าวแกงนอกบ้านเป็นประจำ หรือไม่ก็ซื้อข้าวถุงแกงถุงมานั่งกินในบ้าน ครอบครัวผมไม่ได้ทำอาหารทุกวัน นานทีปีหนจะทำสักครั้ง เพราะมีสามคนพ่อแม่ลูกเท่านั้น ซื้อเขาสะดวกกว่า

เช้าวันนี้ผมนั่งกินข้าวแกงหน้าปากซอย เป็นร้านรถเข็นเล็กๆ มีโต๊ะให้นั่ง ฝีมือไม่ถึงกับอร่อยเลิศนักแต่ทว่าก็ไม่ถึงกับต้องฝืนกลืนกิน นอกจากสั่งกับข้าวว่าต้องการอะไรแล้ว ก็ไม่ค่อยได้สนทนาอะไรกับเธอเป็นเรื่องเป็นราวนัก แต่ก่อนก็เคยพูดคุยกันอยู่บ้าง เธอบอกว่าชอบอ่านหนังสือธรรมะ แต่ช่วงนี้ขายดีเลยไม่ค่อยมีเวลาอ่านหนังสือธรรมะ เธอก็เป็นคนใจบุญสุนทานและมีอัธยาศัยดีกับลูกค้าพอสมควร

เช้าวันนี้ดูสีหน้าเธอไม่ค่อยเบิกบาน สั่งกับข้าวแล้วเธอก็ลืมว่าสั่งอะไร เธอออกตัวว่าวันนี้รู้สึกเบลอๆเพราะเมื่อวันก่อนไปดูลูกคัดเลือกทหารที่ต่างจังหวัด ปรากฏลูกจับได้ใบแดงได้เป็นทหาร วันนั้นเธอแทบลมใส่ แม้เวลาจะผ่านไปหลายวันเธอก็ยังทำใจไม่ได้ในเรื่องนี้ สมองว้าวุ่นคิดอยู่แต่ว่าเสียดายเพราะลูกกำลังเรียนหนังสืออยู่ใกล้จะจบแล้ว

ผลออกมาอย่างนี้เธอยังทำใจไม่ได้ เธอบ่นวนเวียนอยู่แต่ว่าเสียดายเรื่องการเรียนของลูกเธอ ความทุกข์แผ่กำจายอยู่บนใบหน้าและแววตา เธอทำท่าจะนั่งสนทนากับผมที่โต๊ะแต่คงนึกขึ้นได้ว่าผมกำลังจะกินข้าวเธอก็ลุกไปอยู่ในที่ของเธอ

ผมเห็นอาการอยากพูดอยากบอกกับเธอ(อาการของผม) ขณะที่ผมตักเข้าใส่ปาก ผมพิจารณาความอยากจะพูดอยู่พักหนึ่งขณะเคี้ยวอาหาร เมื่อคิดว่าสมควรพูดจึงพูดกับเธอ (นึกอยู่เสมอว่าคำแนะนำที่ไม่ได้ร้องขอก็คือ “เสือก” นั่นเอง แต่บอกกับตัวเองว่าไม่เป็นไรน่า…เราเอาปรารถนาดีเป็นที่ตั้ง)

หลังจากอิ่มและดื่มน้ำเรียบร้อยแล้ว ผมจึงลุกขึ้นไปสนทนากับเธอ ถามว่าตัวลูกเธอว่าอย่างไรบ้าง เธอตอบว่าลูกบอกว่า “ไม่เป็นไรหรอกแม่ ไปเป็นทหารก่อนแล้วเรื่องเรียนค่อยว่ากันทีหลัง แม่ไม่ต้องเป็นห่วง”

ผมบอกกับเธอว่า อันดับแรกเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นแล้ว เราไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ เพราะฉะนั้นก็ขอให้มองโลกในแง่ดีจะดีกว่า ไม่ต้องไปมองหรือรู้สึกเสียดายว่าลูกกำลังเรียนอยู่ไม่น่าเลย...ไม่น่าเลย เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว บางทีอาจจะไปพบเรื่องดีๆในขณะเป็นทหารก็ได้

ผมบอกเธอว่า เมื่อตอนเป็นหนุ่มผมก็เคยเป็นทหารเกณฑ์มาเหมือนกัน ไปเป็นทหารเกณฑ์สองปีไม่ได้ทำให้เราสูญเสียเวลาในชีวิตมากนัก ถ้าเขาเป็นคนดีแล้วละก็ไปเป็นทหารก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากมาย การไปใช้ชีวิตทหารสองปีไม่มีอะไรเสียหาย เขาจะได้เรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับผู้อื่น จะมีวินัยและเข้มแข็งมีความอดทนทั้งร่างกายและจิตใจ รับรองว่าถ้าปลดเกณฑ์ออกมาแล้วนำเอาชีวิตขณะเป็นทหารเกณฑ์มาใช้ไม่ลำบากแน่ ตื่นตั้งแต่เช้ามืด มีระเบียบวินัย เอามาใช้ในชีวิตประจำวันได้เลย

รู้ไหมว่าความทุกข์น่ะเกิดขึ้นจากความคิด เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะไม่ได้ทำร้ายหรือทำให้คุณทุกข์เท่าไรหรอก แต่ว่าสิ่งที่คุณนำเก็บมาคิดนี่ต่างหากล่ะ…ที่ทำให้ทุกข์ ถ้าเราคิดวนเวียนอยู่อย่างนั้น คิดทั้งวันก็ทุกข์ทั้งวัน ถ้าคิดทั้งปีก็ทุกข์ทั้งปี เผลอๆเมื่อเห็นลูกชายแต่งเครื่องแบบทหารมาเยี่ยมบ้านก็อาจจะเป็นทุกข์ใจอีกก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ในกองร้อยกองพันไม่ได้มีแต่ลูกของเราคนเดียวหรอก

ธรรมะที่เคยรู้น่ะเอามาใช้ได้แล้ว ธรรมะเขามีไว้ใช้นะครับ (เธอต่อว่าใช่ ! ไม่ได้มีไว้เก็บ )อ่านหนังสือมาฟังธรรมะมาถึงเวลาที่จะต้องหยิบเอาใช้ต้องใช้ให้ทันเวลา นี่แหละของจริง ไม่ได้อยู่ในหนังสือ ธรรมะไม่ได้อยู่ที่วัดนะครับ ธรรมะอยู่ที่ตัวเราใจเรานี่เอง เธอพยักหน้าตอบรับจังหวะคำพูดของผมอย่างเห็นด้วยไม่ขัดแย้งและเข้าใจในปรารถนาดีจากผมในฐานะเพื่อนมนุษย์

(ผมตัดสินใจหยุดพูดก่อนที่จะน่าเบื่อมากเกินไป)

เธอยอมรับฟังและมีสีหน้าดีขึ้นเหมือนได้สติ สีหน้าที่เปลี่ยนไปของเธอทำให้ผมรู้สึกมีความสุขเล็กๆที่ทำให้เธอคลายทุกข์ได้แม้จะชั่วขณะหนึ่งก็ตาม

-------------------------------------





Create Date : 09 เมษายน 2550
Last Update : 9 เมษายน 2550 18:08:15 น. 22 comments
Counter : 1267 Pageviews.

 
อ่านแล้วรู้สึกดี๊ดี แกมขำ


โดย: ศิลป์ IP: 203.146.63.189 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:17:14:31 น.  

 
สวัดดีค่ะ หนูแวะมาทักทายค่ะ ไม่ได้แวะมานาน คิดถึงมากๆค่ะ ลืมหนูเนเน่หรือยังค่ะ?




โดย: asariss วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:17:58:44 น.  

 
เมื่อคืนนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนดูสัมภาษณ์คุณสเตฟาน ชอบแนวคิดและวิธีการอธิบายของเค้ามาก ดูฉลาดและน่าทึ่ง ยกให้เป็น perfect man คนนึงเลย
และก็นะ ลุ้นตัวโก่งตอนที่เค้าพยายามอธิบายเรื่องโกหกเล็กน้อย...ถึงจะไม่เห็นด้วยกับการโกหกแต่ก็แอบอภัย ก็แหมๆ ยกให้เป็น ดาราในดวงใจแล้วนี่นะ..น่า อภัย ๆ


โดย: Kitten ConCerto วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:19:32:26 น.  

 
เมื่อคืนได้ดูเหมือนกันคะ

คิดตามๆๆ .. แต่ท่าทางเค้ารักแฟนเค้าจัง ^^

สงสารคุณป้าที่ลูกชายต้องไป

ป้าแกคงเป็นห่วงตามภาษาแม่ .. แต่ก็คงได้แต่ทำใจ

ขอให้ลูกป้าปลอดภัยแล้วกลับมาเยี่ยมบ่อยๆก็แล้วกันน่ะคะ



โดย: fonejank วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:21:00:37 น.  

 
สวัสดีทุกความเห็น


ยินดีที่เข้ามาอ่าน





โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.26.52 วันที่: 9 เมษายน 2550 เวลา:22:22:57 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านค่ะ...ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ...


โดย: Madam_Hatyai วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:0:54:55 น.  

 
ผมชอบคำพูดเกี่ยวกับการพูดความจริงและพูดเท็จประโยคหนึ่งว่า “ผลตอบแทนของการพูดความจริงก็คือไม่ต้องจำสิ่งที่ตัวเองพูดออกไป”
ชอบประโยคนี้มากคะ เป็นความจริงทีเดียวเชียว ทุกวันนี้ยังเจอคนประเภทนี้อยู่เมื่อเร็วๆนี้เอง เพื่ออะไรก็ไม่ทราบ เวลาที่เขาพูดก็ได้แต่ฟังอย่างเดียว ไม่อยากจะถามเพื่อที่เขาจะไม่ได้หาเรื่องมาโกหกให้มากกว่านี้ เพราะเรื่องที่เขาว่ามาล้วนร้ายแรงทั้งนั้น


โดย: หมูกระทะ(โดนต้ม) IP: 58.8.118.119 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:9:14:41 น.  

 
พี่โดมจ้ะ
พอดีไปเห็นปกหนังสือเล่มหนึ่ง
ของนักเขียนในดวงใจ
ชื่อว่า คลื่นเมฆบนผิวน้ำ
........
พอจะรู้ไหมว่าเขาเขียนตั้งแต่เมื่อไหร่
และเขาเขียนเกี่ยวกับเรื่องอะไร
........
(ราคาที่ปกคั้ง 28 บาทแน่ะ)


โดย: จ.ม.ร. IP: 124.121.47.131 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:11:06:09 น.  

 
ยินดีที่ได้รู้จักครับมาดาม หาดใหญ่
ไม่รู้ว่าผมสะกดถูกไหม ?




สวัสดีจ้ะคุณหมูกระทะ

เป็นอย่างไรบ้างเครื่องสังฆทาน ส่งถึงที่
เปิดบริการหรือยังครับ ?


สวัสดีจ้ ม.จ.ร.

หนังสือชื่อนี้ เป็นรวมเรื่องสั้นเรื่องแรก
อายุยี่สิบเศษๆ จำเศษไม่ได้ว่าเท่าไร

ถือว่าเป็นการวมเรื่องสั้นเรื่องแรก
ไมนับ "ที่วิทยาลัยลูกผู้ชาย" นะ
เพราะเล่มนั้นไม่ถือว่าเป็นเรื่องส้น
เรื่องวิทยาลับลูกผู้ชายเขียนตอนอายุ 23
ก่อน "คลื่นเมฆบนผิวน้ำ"

เรื่องที่เขียนก็เป็นเรื่องสั้นทั่วๆไป
เขียนตั้งแต่ยังเขียนเรื่องสั้นไม่ค่อยเป็น
พอเขียนเป็นแล้วไม่ค่อยได้เขียนเลย



โดย: พ่อพเยีย IP: 58.136.229.138 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:15:12:34 น.  

 
//multimedia.dungtrin.net/buddha/Buddha.html


โดย: หมูกระทะ IP: 58.8.128.244 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:16:03:41 น.  

 
เมื่อคืนไม่ได้ดูจ้ะ แต่อ่านแล้วดีนะ จะได้เตือนตัวเองไปด้วย อย่าโกหก ศิล 5 ข้อนี้แหละ รักษายากมากนะ หรือคุณว่าไม่จริง


โดย: p tim IP: 222.123.176.88 วันที่: 10 เมษายน 2550 เวลา:18:06:13 น.  

 
นี่ถ้าอ่านเรื่องของคุณโดม..ที่บอกว่า..ธรรมะเขามีไว้ให้ใช้
ก็คงนอนหลับฝันดีไปแล้วเนี่ย..ไม่ต้องนึกกังวลเรื่องที่จะ
ไปพบครูให้เสียเวลา..ความคิด..ที่คิดไปก่อนหน้า
ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าความจริงจะเป็นอย่างที่คิดไปหรือไม่นี่..
มันทำให้ทุกข์ได้จริงๆเนาะคุณพ่อพเยีย

แต่วันนี้..ฝันดีแน่นอนค่ะ


โดย: แม่น้องนิก (Mommy and me ) วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:7:07:51 น.  

 





สวัสดีครับคุณหมูกระทะ


ขอบคุณที่นำลิงค์ฟังเสียอ่านธรรมะมาให้
คุณอ่านเรื่องของดังตฤณ เรื่องอะไรนะ
ชีวิตที่คิดไม่ถึงใช่หรือเปล่า ?
แล้วผมจะเข้าไปฟังดูนะครับ
ใครอยากฟังเสียงอ่านหนังสือธรรมะ
ของคุณหมูกระทะก็ลองไปฟังดูได้

คุณ p tim

เรื่องศีลห้าดูเหมือนว่าใครๆก็ท่องจำกันได้
ว่าข้อไหน ห้ามทำอะไร
แต่คนเราก็ชอบเลี่ยงบาลีกันอยู่เรื่อย
เพราะส่วนใหญ่คนที่ทำผิดศีลนั้นก็เป็นเพราะเขายังไม่เห็นประโยชน์ของการรักษาศีลนั่นเอง
พอไม่เห็นประโยชน์ เขาก็จึงรู้สึกเหมือนถูกบังคับ ว่าเหมือนเป็นข้อห้าม แต่จริงๆแล้วศีลคือความปกติ ความเป็นปกติของมนุษย์

แต่ทุกวันนี้เรากลับมองไปว่าคนผิดศีลเป็นเรื่องปกติของมนุษย์ เพราะใครๆก็ผิดกัน มากบ้าง น้อยบ้าง ตามแต่คนจะทำกัน

ศีลก็คือเครื่องมือควบคุม กายและวาจาไม่ให้เราประพฤติผิด ไม่ว่าข้อไหน เมื่อเราไม่ประพฤติผิดเราก็ไม่เป็นทุกข์ ไม่เดือดร้อน และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน

ศีลห้าจะว่ายากก็ยาก
จะไม่ยากก็ไม่ยาก หากเราเห็นประโยชน์ของการรักษาศีลจริงแล้วละก็...ไม่ต้องมีใครบังคับหรือไม่ต้องคอยสมาทานจากพระเราก็สามารถรักษาศีลได้

ถือศีลน่ะไม่หนักและเป็นภาระเหมือนถือของ แล้วเมื่อถือได้เสียแล้วกลับยิ่งทำให้ใจเบาสบาย

พูดอย่างนี้ก็ไม่ใช่ว่าผมสมบูรณ์พร้อมหมดทุกอย่างหรอกนะครับ เพียงแต่อยากบอกว่ารักษาศีลนั้นมีประโยชน์กับผู้รักษาแน่นอน ใครรักษาได้มากก็สบายมาก ไม่เชื่อต้องผมหรอก ไปทดลองดูเองก็แล้วกันนะครับ

"ทุกครั้งที่ข้าปลุกผู้อื่นก็เพื่อให้ข้าตื่นด้วย" ณรงค์ พัว พูด



สวัสดีตอนเช้าครับคุณแม่น้องนิก


ช่วงนี้ลูกเมียกลับบ้านตะกั่วป่ากันหมด

เลยอยู่บ้านคนเดียว

มีหนังสือให้อ่าน มีงานให้ทำก็ไป

ส่วนใหญ่คนเราที่เป็นทุกข์ก็คือไม่อยู่กับปัจจุบันขณะนั่นแหละครับ

แล้วยังมีเหตุอื่นๆอีกมากมายในชีวิตที่ทำให้เราเกิดทุกข์ ถ้ารู้ไม่เท่าทันก็เป็นทุกข์ทั้งนั้น

แม้แต่เรื่องที่เรารู้ๆอยู่แล้ว เมื่อขาดสติก็กลายเป็นไม่รู้ขึ้นมาอีก ก็คือโง่นั่นแหละ ข้อนี้ผมก็ยังเป็นอยู่ คือเผลอโกรธคนใกล้ตัว ทั้งที่ก็รู้ว่าโกรธนั้นไม่ดี แต่ยามขาดสติความโง่ก็โผล่หน้าขึ้นมาอีก ก็แก้ไขกันไปแหละครับ


ขอให้ฝันดี
และตื่นขึ้นมาพบความจริงที่ดีด้วย


ส่งข่าวถึงคุณปลายแปรง

เวลานี้ไม่สามารถติดต่อได้ อยากขอบคุณที่ส่งเพลงเพราะๆมาให้ฟังตั้งมากมาย ชอบอยู่หลายแผ่น เหมือนกัน อย่างของ selena jones ก็ไม่เคยฟัง ไม่เคยรู้จัก มีคนบอกว่าเพราะก็ลองฟังดู ก็ชอบ แจ๊ส อินเลิฟ ก็เพราะ ฟังได้อีกเป็นเดือน โดยไม่ต้องไปหาซื้อแผ่นใหม่

ที่รีบมาส่งข่าวตรงนี้ก็เพื่อจะบอกว่า เห็นเรื่องสั้น ชื่อ "นะหัว" เขียนโดย ปลายแปรง ตีพิมพ์ ในขวัญเรือนฉบับล่าสุด คือออกใกล้วันสงกรานต์ ขอแสดงความยินดีด้วย ที่มีเรื่องสั้นทยอยลงที่นั่นที่นี่เป็นระยะๆ ขอให้เขียนต่อไปนะครับ ส่งกำลังใจมาช่วย เมื่อวันก่อนก็เห็นเรื่องสั้นของ เจนจิรา สุ ผู้หญิงที่ผมเขียนถึงเธอ ในขวัญเรือน เรื่อง "ปาฏิหารย์แห่งรักห้วยเสือเฒ่า" เธอเขียนเรื่องสั้นเรื่อง "ขอให้บี้แบนในมือคุณ" ตีพิมพ์ใน เนชั่น สุดสัปดาห์ฉบับที่แล้วหน้าปกที่พาดหัวว่า "ยังไงก็ปฏิวัติ"

ความรู้สึกที่เห็นเรื่องสั้นของคุณทั้งสองตีพิมพ์ในนิตยสารชั้นดี ผมก็พลอยรู้สึกยินดีด้วย ความรู้สึกพลอยยินดีนี้เป็นความรู้สึกที่ได้เปล่า ไม่ต้องซื้อหา เพียงแต่เรารู้จักชื่นชมยินดีกับความสำเร็จของผู้อื่น ความรู้สึกนี้ก็ได้มาฟรี ของฟรีแบบนี้ใช่ว่าไม่ดี แต่คนไม่ค่อยเห็นค่ากัน และความหมายของพลอยยินดีนี้ก็ต่างจากนายว่าขี้ข้าพลอยนะครับ





โดย: พ่อพเยีย วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:8:22:33 น.  

 
สวัสดีจ้ะ คุณโดม กรุงเทพฯ ตอนนี้เป็นไงบ้างค่ะ ร้อนมากไหม สงกราณ์ไปเที่ยวที่ไหนบ้างค่ะ
เข้าไปในบล็อก กุลสตรี อ่านโลกในเม็ดทราย กำลังเพลินเชียว สักพักก็เจอ คำว่า อ่านต่อในฉบับ นี่จะต้องตามไปซื้อ กุลสตรี อีกหรือนี้ แต่ก็เป็นแฟน ขวัญเรือน อยู่แล้วนะค่ะ


โดย: p tim IP: 222.123.176.88 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:11:13:53 น.  

 
หวัดดีพี่โดม

สงกรานต์กลับตะกั่วป่า-ท้ายเหมืองครับ

เพื่อนไปงานหนังวือ ซื้อคาบโลกคาบธรรม์มาอ่าน

ไม่เจอกันนาน คงสบายดีนะครับ



โดย: J IP: 203.154.114.253 วันที่: 11 เมษายน 2550 เวลา:20:25:27 น.  

 
สวัสดีครับคุณ p tim

กรุงเทพตอนนี้ก็ร้อนไม่ต่างจากที่อื่นๆนั่นแหละครับ
อาจจะร้อนกว่าด้วย
เพราะตึกเยอะ พื้นที่มีแต่คอนกรีต
ร้อนกายยังดีกว่าร้อนใจ
เพราะร้อนกายน่ะ ใช้พัดลมหรือเข้าห้องแอร์ก็บรรเทาได้
ส่วนร้อนใจนั้นหากไม่รู้สาเหตุก็จะร้อนรุ่มทรมาน
แล้วหาที่ดับที่อื่นไปทั่ว ดับไม่ถูกจุดก็ร้อนไม่หยุดหย่อน

หวังว่าสงกรานต์ชียงใหม่คงทำให้คลายร้อนบ้างนะครับ




สวัสดีครับคุณ เจ


ไม่ได้คุยกันเสียนาน
หวังว่าคงสบายดีเช่นกัน ส่วนผมสบายดีครับ

ขอให้สนุกกับการเยือนบ้านเกิด
แล้วแวะไปดูสวนด้วยหรือเปล่า ครับ



โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.17.169 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:6:42:26 น.  

 
ไปถึงแม่อายกลับมาแล้วค่ะ...ตอนนี้อยู่พะเยารอสาดน้ำกับเด็กๆ ไปส่งเพื่อนที่แม่อายผ่านท่าตอน ยังเป็นเมืองที่น่าอยู่ คุยกับพี่นุว่าถ้าพี่โดมเห็นแล้วคงชอบและคงมีแง่มุมใหม่ๆให้เขียนอีกมาก มีทั้งเรื่องดีๆและเรื่องเศร้าๆ ของภูเขาที่ถูกเผาจนไม่เหลือ สงสารต้นไม้กว่าจะเติบโตเป็นป่าใหญ่ล่มสลายเพียงอายุมนุษย์ชั่วรุ่น ต้นยางอ่อนปลิวแทรกไปทั่ว ชาวเขาเขาทำได้ด้วยตัวเองหรือ....
แต่ถ้าจะไปให้สวยและเย็นใจไปหน้าฝน หน้าหนาวคงจะเข้าท่า เดี๋ยวส่งรูปไปให้ดูก่อนดีกว่า...
ขอบคุณมากค่ะที่ส่งข่าวเดี๋ยวต้องไปจองแผงหนังสือไว้ก่อน ดีใจด้วยที่ชอบเพลงที่ส่งไปให้....แผ่นหมดเลยเขียนได้แค่นั้น ตั้งใจแล้วว่าจะส่งไปให้อีก...ดีใจค่ะที่ชอบ
อยู๋เหงาๆกับเพลงแจ๊สเบาๆยามร้อนรุ่ม...คงเย็นใจได้อีกเยอะนะ....สุขสันต์วันระอุไอร้อน เย็นใจแล้วอากาศก็เย็นตาม....ขอบคุณค่ะสำหรับแรงใจ จะพยายามต่อไปค่ะ


โดย: ปลายแปรง IP: 222.123.65.24 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:13:34:44 น.  

 
ขอสาดน้ำหน่อยค่ะ


Create Yours @ NackVision


โดย: วีดวาด วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:13:59:19 น.  

 
พี่โดม

มีโปรแกรมแวะไปสวนครับ
ตอนเด็กๆ เข้าสวนทีไร รู้สึกได้ถึงความชุ่มฉ่ำของมวลอากาศ มีร่องน้ำลำธารเล็ก ๆ ไหลผ่ากลางสวน ลงไปเล่นน้ำอาบน้ำ
เดี๋ยวนี้ พอหน้าร้อนหน้าแล้ง รู้สึกร้อนแห้งผาก ต้องกังวล ต้นไม้จะตายเพราะไร้น้ำ ร่องลำธารกลายเป็นร่องคูที่ตื้นเขินทับถมด้วยใบไม้แห้งหญ้าแห้ง ขนาดเป็นจังหวัดที่ปกติมีปริมาณฝนตกถึงไม่ใช่อันดับ 1 แต่ติดอันดับต้นๆ ของประเทศ

ต้นทุนบางอย่างหายไปเร็วมากในช่วงชีวิตของคนๆเดียว


โดย: J IP: 203.154.114.253 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:14:04:11 น.  

 
ดีค่ะอาโดมว่างแว้วค่ะแวะมาเยี่ยมไปแระไม่ว่างแร้วค่ะ


โดย: นู๋เจน IP: 124.121.16.184 วันที่: 12 เมษายน 2550 เวลา:19:04:02 น.  

 
คิดถึงหมูกระทะจังเรยเหอๆๆหายไปไหนหรอหมูกระทะอ้วนจัง!!!!ดีคับป๋มอาโดมสบายดีไหมค่ะว่างๆๆจะเยี่ยมใหม่จร้า


โดย: นู๋เจน IP: 124.121.19.228 วันที่: 13 เมษายน 2550 เวลา:21:45:06 น.  

 
ชอบพี่สเตฟานมากๆเลยคะ ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ เป็นห่วง


โดย: สายรุ้ง IP: 203.113.41.36 วันที่: 20 มิถุนายน 2550 เวลา:20:01:41 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.