จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2550
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
25 สิงหาคม 2550
 
All Blogs
 
เรียบง่ายและงดงาม




เทศกาลหนังสือในสวน 25-26 สิงหาคม 2550
ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ ลุมพินี

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2550


ห้องวรรณกรรมเยาวชน

10.00 น. เริ่มกิจกรรมสอนน้องทำสมุดบันทึกทำมือ

11.00 น. วรรณกรรมเยาวชนบนแผ่นฟิล์ม ฉายภาพยนตร์เรื่อง chocolate factory ชาร์ลีกับโรงงานช็อคโกแล็ต

13.00 น. เกมโชว์ความรู้ดูสนุก เทปรายการแฟนธุ์แท้ (วรรณกรรมเยาวชน)

15.00 น. พูด ร้อง บรรเลง “ทำเป็น-เล่นไป” กับ ศักดิ์สิริ มีสมสืบ

16.00 น. วรรณกรรมเยาวชนบนแผ่นฟิล์ม ฉายภาพยนตร์เรื่อง Arthur and the Invisibles ทูตจิ๋วเจาะขุมทรัพย์มหัศจรรย์
เวทีดนตรีในสวน (หน้าห้องสมุด)

16.30 น. เปิดงานเทศกาลหนังสือในสวน โดย คุณอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่ากรุงเทพมหานคร

17.00 น. หวนคืนสู่วันสดใสรำลึกถึงบทเพลงแห่งวัยเยาว์ ดนตรีใส ๆ คิดถึงสองวัย / ดนตรี ยิ้มละไม

19.00 น. ทอล์คโชว์ “สำนึกดี อารมณ์ดี กับพิธีกรจุดเปลี่ยน”
เอก-วิชัย จงประสิทธิ์พร และ คมสัน นันทจิต

19.30 น. ดนตรีเพื่อครอบครัว ฟุตปาธแฟมิลี



วันอาทิตย์ที่ 26 สิงหาคม

ห้องวรรณกรรมเยาวชน

10.00 น. เริ่มกิจกรรมสอนน้องทำสมุดบันทึกทำมือ

11.00 น. วรรณกรรมเยาวชนบนแผ่นฟิล์ม ฉายภาพยนตร์เรื่อง Charlotte’s Web แมงมุมเพื่อนรัก

13.00 น. เปิดโลกวรรณกรรมแฟนตาซี กับ ดร.ป๊อป เดอะไวท์โรด

14.00 น. คุยกันเรื่อง จาก blog สู่ book โดม วุฒิชัย / พิบูลศักดิ์ ละครพล / จรินยา ศักดิ์ศิริ

15.00 น. วาดฝันระบายสี ร่ายลีลา กับ เทพศิริ สุขโสภา

16.00 น. วรรณกรรมเยาวชนบนแผ่นฟิล์ม
ฉายภาพยนตร์เรื่อง NARNIA นาร์เนีย เวทีดนตรีในสวน (หน้าห้องสมุด)

17.00 น. เพลงกวี ทุ่งแสงตะวันโดย พจนาถ พจนาพิทักษ์

18.00 น. ดนตรีกวีอินดี้ พยัต ภูวิชัย และเพื่อน





ห่างไกล ไม่ห่างกัน ของ โดม วุฒิชัย ปกพิมพ์ครั้งที่ 2 กรกฎาคมนี้







สำหรับเพลง “แผ้วถาง” จากการแต่งเนื้อร้อง-ทำนอง และขับร้องโดย ศักดิ์สิริ มีสมสืบ ผู้มีน้ำเสียงอันไพเราะชวนให้หลงใหลถึงขั้นทำให้หัวใจละลายได้

- ขอมอบแด่ทุกคนที่มีความรักในหัวใจครับ -

ทั้งนี้และทั้งนั้นขอได้รับความขอบคุณจากคุณตะเบบูญ่าที่เอื้อเฟื้อเพลงนี้และคุณสเลเตจัดทำโค้ดเพลงให้



----------------------------------------------------------------------------






เรียบง่ายและงดงาม



“คนในปัจจุบันนี้ที่ต้องเหน็ดเหนื่อยวิ่งวุ่นอยู่กับการทำกำไร หนักใจอยู่กับทรัพย์สมบัติมหาศาล จิตใจไม่มีวันสงบ ไม่รู้จักหยุดนิ่ง วิตกกังวลไปร้อยแปดตลอดเวลา ชนิดที่ว่า “กลางคืนเป็นควัน กลางวันเป็นไฟ” คือใจไม่ยอมหยุด รุ่มร้อนอยู่ทุกเวลา...นั่นแหละคือผลของการที่จิตมันเข้าไปแบกไว้เต็มที่”


พุทธทาสภิกขุ



ช่วงที่ผ่านมานี้ผมเพิ่งได้พบตัวเองว่าชอบ “ความเงียบสงบ” ถึงขั้นที่เรียกว่า “เงียบสงัด”ทีเดียว ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีแววมาก่อนว่าผมจะชอบอะไรที่มีลักษณะเช่นนี้ได้เลย บางสิ่งบางอย่างในชีวิตกว่ามีโอกาสจะได้รู้จักวันเวลาก็ล่วงเลยมามากแล้ว

บางคนอาจจะได้พบสิ่งที่ตัวเองชอบเร็ว บางคนอาจจะได้พบในสิ่งที่ตัวเองชอบช้า และบางคนอาจจะไม่ได้พบเลยว่าสิ่งที่ตัวเองชอบนั้นคืออะไร

สำหรับเรื่องการงานเพื่อยังชีพนั้น ส่วนใหญ่คนเราก็เริ่มทำงานมาตั้งแต่วัยหนุ่มสาว บ้างก็เลือกอาชีพที่ตัวเองรักและใฝ่ฝันมาตั้งแต่ยังเด็กและประกอบอาชีพนั้นเรื่อยมา บ้างก็เลือกอาชีพเพราะว่าอาชีพนั้นสร้างความร่ำรวยและสร้างฐานะให้แก่ตน บ้างเลือกอาชีพเพียงเพราะเพื่อความอยู่รอดไปวันๆเท่านั้น บ้างก็เลือกอาชีพที่ทำอยู่เพราะไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรเท่านั้นเอง

ส่วนตัวผมนั้นถึงวันนี้ก็ยังไม่อาจเรียกว่าชีวิตประสบความสำเร็จได้เลยเมื่อเทียบกับมาตรฐานทั่วๆไปของสังคม แต่สำหรับในความรู้สึกของตัวเองแล้ว เมื่อเทียบกับชีวิตที่ผ่านๆมาของตัวเองจากวัยหนุ่มถึงวันนี้ ช่วงปีนี้เป็นปีที่ผมรู้สึกว่าชีวิตประสบความสำเร็จมากที่สุดแล้ว (ประสบความสำเร็จของผมก็แค่ได้ทำงานอย่างที่ตัวเองอยากทำและทำได้) ทั้งๆที่รายได้ก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นกว่าเดิมเลย เมื่อเปรียบเทียบเรื่องรายได้อาจจะลดจากเดิมด้วยซ้ำ

การเลือกเขียนหนังสือเพียงอย่างเดียวในชีวิตของผมนั้น นับว่าเป็นสิ่งที่ผมเคยฝันมาตั้งแต่ในวัยหนุ่ม จนบางช่วงของชีวิตก็ลืมเลือนไปบ้างแล้ว เพราะที่ผ่านมาของชีวิตผมแทบไม่เคยมีระเบียบวินัยในการทำงานเลย เมื่อไม่มีระเบียบวินัยในการทำงานแล้วยากนักที่จะดำรงชีวิตในการเขียนหนังสืออย่างเดียวได้ เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นงานอิสระที่เป็นนายของตัวเอง การมีวินัยในการทำงานของตัวเองย่อมสำคัญอย่างยิ่ง

และถึงวันนี้ผมอยากพูดว่าอิสระที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่แค่การได้ทำอะไรตามใจตัวเองเท่านั้น

บัดนี้ผมอายุเกือบจะห้าสิบปีแล้ว การที่ค่อยๆได้ค้นพบตัวเองว่าสิ่งที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขนั้นเป็นอย่างไร ถึงแม้จะอายุจะมากขึ้นขนาดนี้แล้วก็ยังไม่นับว่าสายจนเกินไปนัก

หลังจากที่ผมเลิกธุรกิจส่วนตัวเล็กๆ (เรียกให้ดูดีไปงั้นแหละความจริงคือทำปลากรอบขายส่งตามห้างร้าน ภรรยาผมเป็นคนทอด ผมเป็นคนไปส่ง) ที่เคยทำอยู่ ผมก็ไม่ต้องไปผจญกับความวุ่นวายกับผู้คนและเรื่องรถติดบนถนน ผมได้มีโอกาสเขียนหนังสือมากขึ้น ได้คิดและได้ทำเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองบอกว่าทำด้วยความรักมากขึ้น ประการสำคัญผมมีโอกาสได้เดินทางไปในที่ต่างๆมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมเคยใฝ่ฝันมานาน

ถึงแม้สถานที่ผมได้ท่องเที่ยวไปนั้นไม่จำเป็นจะต้องเป็นสถานที่มีภูมิประเทศสวยงามมหัศจรรย์อะไรมากมาย บางทีแค่เป็นชายทุ่งนาและแม่น้ำลำคลองแสนจะธรรมดาๆก็พบกับความสงบสุขอย่างเรียบง่ายได้

แต่สิ่งที่ผมไม่เคยนึกฝันมาก่อนเลยว่าผมจะชอบชีวิตที่อยู่ในวัดได้เลย เช่นกินข้าวหลังจากพระบิณฑบาต นอนในกุฏิโดดเดี่ยวในป่าช้าเก่า บรรยากาศแวดล้อมด้วยร่มไม้เงียบสงัด ในช่วงหลังๆที่ผมมีโอกาสได้เดินทางออกจากเมืองหลวงบ่อยๆ ผมมักจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่วัดหนองยายดา(เก่า) (ตำบลสว่างอารมณ์ อำเภอสว่างอารมณ์ จ.อุทัยธานี) วัดเล็กๆแห่งนี้ซึ่งเคยเป็นวัดร้างมาก่อน และปัจจุบันเพิ่งเริ่มพัฒนากันใหม่

วัดนี้มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่เพียงสองรูปเท่านั้น บรรยากาศของวัดเงียบสงบน่าอาศัยสำหรับในการปฏิบัติธรรมสำหรับในการใช้ความเงียบสงบ อาศัยว่าพอจะคุ้นเคยกับพระและชาวบ้านที่นี่บ้างจึงทำให้ผมมาอาศัยวัดนี้นอนได้คราวละหลายๆวัน ก่อนหน้านี้ผมก็เคยชักชวนเพื่อนฝูงญาติมิตรนำผ้าป่ามาทอดบ้าง จนกลายเป็นว่าผมไม่ใช่คนแปลกหน้าของที่นี่แล้ว

ผมนึกถึงเมื่อตอนอยู่ในวัยหนุ่ม หรือเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ผมยังสนุกสนานกับการตั้งวงดื่มสุรากับเพื่อนฝูงรักใคร่ที่ชอบพอตามร้านเหล้าต่างๆอย่างไม่คิดว่าจะมีวันเบื่อหน่าย จนกระทั่งถึงวันนี้ผมหยุดการดื่มอย่างเด็ดขาดมานานพอสมควรแล้ว

เมื่อผมได้มาอาศัยอยู่ที่วัดแห่งนี้ ผมนอนบนเสื่อกับพื้นๆอย่างเรียบง่าย ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายใดๆ น้ำที่อาบก็คือน้ำสระสีขุ่น ถ้าอยากให้ใสก็ใช้สารส้มแกว่งเอาชีวิตประจำวันก็คือ ตื่นขึ้นมาตั้งแต่เช้ามืดก็นั่งเขียนหนังสือ จะเขียนได้ไม่ได้ก็นั่งเขียนให้ติดเป็นนิสัย เมื่อผมนั่งลงทำงานแล้วเป็นอันว่าเสร็จเสมอ ("ก้มเป็นลง" "เขียนเป็นเสร็จ") เพราะบรรยากาศอันเงียบสงบและใจที่ไม่ฟุ้งซ่านจิตใจจดจ่ออยู่กับเรื่องที่คิดอย่างต่อเนื่อง

ส่วนใหญ่การเขียนหนังสือของผมนั้น ยามเช้าตรู่ถ้าเขียนเรื่องใหม่ก็จะเป็นร่างแรก เมื่อมีเวลาว่างก็จะแก้ขัดเกลาอีก การเขียนงานร่างแรกเสร็จเป็นความสุขที่ทำงานสำเร็จเสร็จสิ้นตามความคิด การขัดเกลาเป็นความสุขอีกแบบหนึ่งคือทำงานเรียบร้อยได้ดั่งใจ

หลายครั้งหลายหนผู้คนมักพูดชมและชวนให้คิดว่าการเขียนหนังสือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่และพิเศษกว่าการงานของคนอื่นๆ โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับคนที่ใช้แรงงาน เมื่อก่อนนี้ผมก็เคยมีความหลงตัวเองอยู่บ้างว่างานเขียนหนังสือที่ตัวเองรักนั้นเป็นงานที่พิเศษ เพราะเป็นงานที่ใช้ความคิด ใช้ความรู้ความสามารถ ใช้ประสบการณ์ ฯลฯ เมื่อเขียนเสร็จแล้วยังได้เผยแพร่ไปยังที่อื่นๆให้คนได้อ่าน ช่างเป็นงานที่น่าภาคภูมิใจเสียเหลือเกิน ถ้าเขียนได้ดีมีคนชอบยิ่งด้วยแล้วยิ่งทำให้ยิ่งภาคภูมิใจจนเข้าข่ายหลงตัวเองยิ่งขึ้น

จนกระทั่งในช่วงหลังๆของชีวิตเมื่อผมได้สนใจที่จะทำความรู้จักตัวเองและสนใจเรื่องเกี่ยวกับธรรมะมากขึ้น เมื่อรู้สึกตัวผมก็ค่อยๆพยายามลดละอัตตาลงไปทีละน้อยๆ และได้พบว่าการทำงานโดยไม่หลงตัวเองนั้นกลับมีความสุขยิ่งกว่า

วันหนึ่งขณะที่ผมพักอยู่ที่วัดหนองยายดา (ผมหอบโน้ตบุ๊คติดตัวไปไหนต่อไหนด้วยเสมอ) บรรณาธิการนิตยสารฉบับหนึ่งโทรศัพท์มาทวงต้นฉบับ ตามปกติแล้วงานผมไม่ต้องรอให้ต้องทวงต้นฉบับ เพราะผมมักทำต้นฉบับส่งตุนไว้เสมอ และผมไม่เคยทำงานช้ากว่ากำหนดเวลา เป็นเพราะต้องการฝึกนิสัยให้มีวินัยของตนนั่นเอง และส่วนหนึ่งก็คือผมไม่ได้มีงานเขียนประจำมากนัก แต่ครั้งนั้นนิตยสารฉบับนั้นเร่งออกก่อนกำหนด จึงบอกผมให้ส่งเรื่องก่อนเวลานัดหมายปกตินิดหน่อยเลยขอต้นฉบับล่วงหน้า

ผมตั้งท่าคิดจะเขียนเรื่องราวอะไรสักอย่างที่ดูมีคุณค่าและมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน และเพื่อเป็นการแสดงภูมิรู้และความคิดวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลอย่างแหลมคม แต่ผมลงมือเขียนไปได้เพียงเกือบหน้ากระดาษก็ให้รู้สึกฝืดฝืนจนต้องปล่อยให้เรื่องนั้นค้างคาอยู่อย่างนั้น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าความคิดของผมยังไม่แหลมคมพอ หรืออาจจะเป็นการงานที่ยังเต็มไปด้วยอัตตาของตัวเองก็เป็นได้ หรือเป็นเพราะต้องการส่งให้ตรงเวลาทั้งๆที่ผมยังไม่มีอะไรจะเขียน หรือผมยังไม่สามารถเขียนอย่างที่คิดได้ หรือ ฯลฯ


ผมจึงหยุดการเขียนงานชิ้นนั้นไว้ก่อน แล้วออกไปเดินเล่นและนั่งสนทนากับ "ป้าพา" ซึ่งเป็นอุบาสิกาที่มาช่วยทำงานวัดอยู่เป็นประจำ ป้าพาเป็นคนแก่ที่บ้านอยู่ข้างวัดอาศัยเงินที่ลูกส่งมาให้ในแต่ละเดือนใช้ยังชีพ

นางใช้เวลาว่างที่มีอยู่แต่ละวันมาช่วยงานวัดกับกลุ่มเพื่อนๆแม่บ้านที่มีจิตศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่ว่าจะเป็นการขนทรายผสมปูนก่อสร้างสิ่งต่างๆ ดายหญ้า ปลูกดอกไม้ ฯลฯ แต่วันนี้เพื่อนบ้านพากันหยุดหมดเหลือตัวนางเพียงคนเดียวเท่านั้น ผมก็เลยไปนั่งสนทนาด้วย

ผมชักชวนป้าพาคุยเรื่องต่างๆเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ นางมักมองผมว่าเป็นผู้มีความรู้ เพราะเขียนหนังสือได้ สามารถพูดเรื่องธรรมะเป็นคุ้งเป็นแควได้ นางให้เกียรติมาตามผมไปกินข้าวที่ศาลาเสมอและบางครั้งถ้าผมไม่เดินไปที่ศาลานางก็ยังหยิบยกมาให้ ผมรู้สึกขอบคุณในน้ำใจของนางเสมอมา

วันนี้ผมนึกอยากชวนคุยว่าการนั่งสมาธิหรือการเดินจงกรมของป้าพาฝึกมาอย่างไร แต่ละเรื่องที่สนทนานั้นผมมีความปรารถนาดีเต็มเปี่ยม นางบอกว่ายังไม่รู้จักเรื่องสมาธิ เรื่องธรรมะอะไรนัก เพราะเพิ่งเข้ามาถือศีลนอนวัดเมื่ออายุมากแล้ว เพราะแต่ก่อนก็เพียงแค่ชอบทำบุญเท่านั้น นางพูดอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวในเรื่องธรรมะของนางอย่างบริสุทธิ์ใจ

นางพูดเปรยๆให้ฟังด้วยน้ำเสียงแสนซื่อว่า....

“แต่ไม่รู้เป็นอะไรมาช่วยงานวัดได้ทุกวัน ไม่ว่าจะทำอะไร ผสมปูน ถากหญ้า ปลูกต้นไม้ดอกไม้ ไม่เคยรู้สึกเหนื่อยเมื่อยล้า ยิ่งทำก็ยิ่งมีความสุขมีความสบายใจ ไม่เหมือนทำงานอยู่ที่บ้าน ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเหมือนกัน”

วาบความคิดของผมเกิดขึ้นอย่างทันทีทันใดว่า....

“การงานเพื่อผู้อื่นและเป็นสาธารณประโยชน์ไม่ยึดถือว่าเป็นงานของตนนั้นย่อมเป็นการงานสร้างสรรค์และเป็นการงานที่ลดละอัตตาอย่างแท้จริง แม้จะเป็นงานที่ใช้แรงงานอย่างง่ายๆก็ตาม”


ผมรู้สึกขอบคุณป้าพาคนดายหญ้าของวัดที่พูดธรรมะออกมาอย่างแสนซื่อ ทำให้ผมกลับมานั่งเขียนถึงเรื่องนี้และตระหนักถึงงานเขียนของตัวเองแต่ละชิ้นที่จะเขียนออกมายิ่งขึ้น


----------------------------------



Create Date : 25 สิงหาคม 2550
Last Update : 28 ตุลาคม 2550 20:01:49 น. 70 comments
Counter : 5520 Pageviews.

 
อะไรเอ่ย ถ้าไม่รูด ก็ไม่รู้
เฉลย บล็อกพี่โดมแหละ ถ้าไม่รูดลงมาดูข้างล่าง ก็ไม่รู้หรอกว่าอัพบล็อก แหะๆ

การเขียนงานร่างแรกเสร็จเป็นความสุข
ที่ทำงานสำเร็จเสร็จสิ้นตามความคิด
การขัดเกลาเป็นความสุขอีกแบบหนึ่ง
คือทำงานเรียบร้อยได้ดั่งใจ
..............
ละเลียดอ่านด้วยความรู้สึกร่วม
มาถึงตรงนี้ ก็นิ่งและอินไปด้วย..

เคยได้ยินมาว่า "ผู้ใดได้ทำงานที่ชอบ ผู้นั้นไม่ต้องทำงานอีกต่อไป"
ใช่เลย...การทำงานอย่างเป็นสุขเป็นแบบนี้นี่เอง


โดย: ยิปซีสีน้ำเงิน วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:11:14:15 น.  

 
ยิบซี แหมมม คิดได้ไง
อะไรเอ่ย ไม่รูดก็ไม่รู้ 555


บางคนอาจจะได้พบสิ่งที่ตัวเองชอบเร็ว บางคนอาจจะได้พบในสิ่งที่ตัวเองชอบช้า และบางคนอาจจะไม่ได้พบเลยว่าสิ่งที่ตัวเองชอบนั้นคืออะไร

ทุกวันนี้ทำงานเพื่อยังชีพจริงๆ ค่ะ
คนเรายิ่งอยู่กับความยากลำบาก ยิ่งพบความสุขได้ง่ายๆ นะคะ ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมาก
สิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่ได้มา ก็ทำให้พอใจแล้ว



โดย: filmgus IP: 124.157.186.62 วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:12:24:27 น.  

 
เพลงเพราะจังเลยค่ะ


โดย: filmgus IP: 124.157.186.62 วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:12:26:04 น.  

 
อืม...คุณยิปซีสีน้ำเงิน ช่างคิดดีจัง

ทุกวันนี้ทำงานเพื่อยังชีพ ถามว่าชอบไหม แรกเลยที่มีคนฝากงานนี้ให้(แต่ทำที่โรงงานอื่น) ไม่ชอบเลยค่ะ มองตัวเองว่าเราเรียนมาตั้งสูงทำไมต้องมาทำงานแบบนี้ แถมเงินเดือนก็น้อย (แต่ไม่ว่างานไหนแถวบ้านเงินมันก็น้อยทั้งนั้น) มิหน้ำซ้ำยังโดนเพื่อนร่วมงานดูถูกเพราะเค้าจบแค่ม.3แต่งานตำแหน่งเดียวกับเรา

วันนี้เมื่อย้ายมาทำที่ใหม่กลับมองว่าอืม...มันก็ดีนะงานที่เราทำ ไม่ต้องวุ่นวายกับผู้ร่วมงาน ไม่ต้องดิ้นรนต่อสู้แย่งตำแหน่งกับใคร(เหอๆก็ทำอยู่คนเดียวนี่นา) แถมเวลาว่างก็มาก เงินเดือนก็คุ้มแสนคุ้ม แต่หากมีงานใหม่ก็อยากลองของใหม่อยู่ดีค่ะ ความอยากมันตัดยาก

และทุกวันนี้เขียนบล็อคเพราะใจรักค่ะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:15:59:29 น.  

 
สวัสดีครับขอยกคอมเม้นท์ของคุณตามาไว้ตรงนี้ก็แล้วกันนะครับ


สวัสดีเจ้าค่ะ คุณโดม
เราเคยรู้จักกันค่ะ
ตาเคยเป็นแฟนคลับของสู่ฝัน...
ทัวร์กวีก็เคยไปร่วมอยู่เนืองๆ
ตอร์ตีญ่า ก็ไปอยู่บ่อยๆ
เคยถ่ายรูปหน้าห้องน้ำที่นั่น
พี่ติ๋มเคยล้อว่า "ไอ้ตาขี้เมา ที่ไหนไม่ถ่าย มาถ่ายหน้าห้องน้ำ"
...ตาถ่ายรูปดอกไม้ต่างหาก...

คุณโดมคงจำไม่ได้ ตาเคยหัวฟูรุงรัง เปื้อนสีน้ำมันขี้เกียจซัก...แต่ตอนนี้ทั้งซักทั้งดรายน์เลยเจ้าค่ะ งึมๆ สวยชะมัด
เสียดายจริงที่ไม่ได้เจอบล็อกคุณโดมก่อนหน้านี้สัก2-3 อาทิตย์ มิเช่นน้น คงต้องขอ(ให้พี่ท่าน)เลี้ยงข้าวสักมื้อที่ตักสุรา

ตาจะแวะเวียนมาเยี่ยมบ่อยๆ และสัญญาว่า ถ้าได้กลับเมืองไทยหน้า คงรบกวนขอลายเซ็นต์ประทับในหนังสือ ตามประสาแฟนคลับรุ่นเดอะเช่นเคยนะเจ้าค่ะ




โดย: Tante Ta IP: 82.83.229.218 วันที่: 24 สิงหาคม 2550 เวลา:23:30:42 น.


สวัสดีครับคุณตา

พี่ติ๋มที่คุณพูดถึง หมายถึงเพ็ญพร ไพฑูรย์ ใช่ไหมครับ ?

เพราะที่ร้านตอร์ตีญ่ามีความหลังมากมาย ถ้าหมายถึงติ๋มเพ็ญพรแล้วละก็..ตอนนั้นเธอเป็นคนเพ้นท์ลายห้องน้ำที่ตอร์ตีญ่า เธอก็ลงหุ้นด้วยนะ

คุณตาผมยังนึกไม่ออก แต่ในรูปโพรไฟล์ไม่ใช่คุณนะ ใช่หรือเปล่าครับ ? วันก่อนผมตามไปดูที่บล็อกคุณ

แต่ถึงอย่างไรผมก็ยินดีครับที่เข้ามาทักทายสะกิดความหลัง เมื่อไม่กี่วันผมก็ไปตักสุรามา แต่ไม่พบ ณรงค์ พัว ก็เลยไม่ได้นั่ง

ตอนนี้คุณไปทำอะไรอยู่ที่ประเทศไหน ว่างๆก็มาคุยสู่กันฟังบ้างนะครับ


สวัสดีจะยิปซีสีน้ำเงิน

แหมช่างคิดจริงนะอะไรเอ่ย ?

ก็ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงโฆษณาอยู่ก็ต้องคงหัวเรื่องเดิมไว้ แต่เปลี่ยนชื่อเรื่อง

ว่าแต่พรุ่งนี้ยิปซีสีน้ำเงินจะไปสวนลุมหรือเปล่า ? ถ้าไปแล้วช่วยทักทายหน่อยนะ อยากเห็นหน้า เพราะเคยได้ยินแต่เสียง

สวัสดีครับคุณ filmgus

"ถ้าเราไม่อยากได้อะไรมาก..." นั่นเป็นเรื่องวิเศษแล้ว

เพลงของศักดิ์สิริ ผมว่าเพราะทุกเพลงเลยนะ เดี๋ยวหมดชุดนี้ยังไม่รู้จะไปหาเพลงที่ไหนมาใส่บล็อกเลยเนี่ยะ เพราะต้องรอคนจัดส่งให้ เพราะทำเองไม่เป็น


สวัสดีจ้ะหนูมัยดีนาห์

หนูยังเด็กอยู่ ยังมีโอกาสได้เรียนรู้อะไรอีกมากมาย

อย่างอาน่ะแก่แล้ว...


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:17:10:07 น.  

 
สวัสดีพี่โดมและทุกๆคน

มาอ่านเรียบง่ายและงดงาม ที่บ้านมีเท่าไหร่ก็เรียบ แต่ไม่ค่อยงามเท่าไหร่

มีความสุขกับการทำโปสการ์ดอยู่ และกำลังสุขกับการได้รับและส่งโปสการ์ด มีมาถึงทุกวัน เป็นอะไรที่ต้องทำอีกอย่างหนึ่งแล้วในแต่ละวัน

น้องพเยียพาคุณแม่เที่ยว...คงกลับมาถึงบ้านแล้วสิ...น้องพเยียนี่เก่งนะ...พาแม่เที่ยวแบบไม่ต้องจ่ายเงินเลย ปกติเด็กๆเค้าก็รอให้แม่พาเที่ยวกัน แต่น้องพเยียมาพาแม่เที่ยวเอง
คงสนุกนะ...แล้วมาเล่าให้ฟังด้วยนะ



โดย: แม่ปัน-ปอง IP: 125.25.210.252 วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:19:23:19 น.  

 
อู๊ย...หัวโนเลยค่ะ คุณยานา เล่นชมซะเยอะแยะ อ่านเพลินๆ ควบคุมตัวเองไม่อยู่ ตัวลอยชนเพดาเจ็บหัวเลย ....
คนที่ยังไม่เคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีในชีวิต ไม่ได้แปลว่า เขาเก่ง ฉลาดหรือเป็นคนดีเสมอไปเพียงแค่เขายังไม่มีโอกาสสัมผัสมันก็เท่านั่นเอง
คนที่เคยผ่านทั้งประสบการณ์ที่ดีและไม่ดีมา.... แต่ยังประครองตนเองให้กลับมาดำเนินอยู่ในครรลองของความดีได้ อย่างคุณยานา หรือคุณโดม นี่สิ เรียกว่า เยี่ยม คะ
ทะเล เป็นเด็กกะโปโล หน้าตาไม่สวย ทำอะไรก็ยังไม่สำเร็จเลยค่ะ
มีปัญหานิดหน่อย ก็โวยวายฟูมฟายว่าเป็นเรื่องใหญ่ จ้องแต่จะหนีปัญหา เพราะคิดว่าง่าย สะดวกกว่า การแก้ปัญหา....

ต้องขอบคุณ..คุณยานา นะคะ ที่เป็นตัวอย่างของคนที่มีจิตใจเข้มแข็ง สามารถต่อสู้กับปัญหาได้อย่างกล้าหาญค่ะ รับรู้เรื่องของคุณยานา แล้วทำให้รู้สึกว่าปัญหาของตัวเอง เหลือนิดเดียวไม่ได้ยิ่งใหญ่หนักหนาเลย...
หาก ทะเลเพียงแค่มีโอกาส สัมผัสแสงสี ก็อาจจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้นก็ได้ หรือเจอปัญหาที่ไม่สามารถหนีไปไหนได้อย่างคุณยานา ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรนะคะ?
เห็นไหมค่ะ ทะเล ก็เป็นแค่เด็กที่นั่งหัวเราะอยู่บนระเบิดเวลา ซึ่งไม่รู้ว่าจะระเบิดเมื่อไหร่ ... หากระเบิดแล้ว จะตายเลย หรือสามารถลุกขึ้นมานั่งเลียแผลตัวเองให้หาย และ ลุกยืนขึ้น.. เดินต่อไปได้... รึเปล่า...?

ขอบคุณมาก มากก็ต้อง เจ้าของบ้าน คุณโดมผู้ใจดีและอบอุ่น ชอบมีบทความดี ดีที่ให้กำลังใจต่างๆ

ขอบคุณ พระเจ้า นะเจ้าค่ะที่จัดสรรค์ ให้มาพบ บ้านหลังนี้ ..

และเพื่อไม่ให้ คุณยานา ต้องเสียหวัง และ คุณโดมต้องเสียจินตนาการ ทะเลว่า.... อย่าเพิ่ง ประจานตัวเองดีฝ่า


โดย: ทะเล IP: 58.9.103.241 วันที่: 25 สิงหาคม 2550 เวลา:23:58:15 น.  

 
เวลาที่คุณโดมพูดถึงชีวิต..ทำให้แม่น้องนิก มองไปเห็นชีวิตของลุงนิก เปรียบเทียบกัน ด้วยวัยที่เท่ากัน

คุณโดม..มานะและพยายาม ส่วนอีกคนนี่..แม่น้องนิกถามน้องชายเขานะว่า..ชีวิตของเขาที่ยังเหลือนี่จะต้องเริ่มใหม่อีกซักกี่ครั้ง



โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.53 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:4:27:47 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ.คุณโดม....
และคุณทะเล.

คุณทะเลเข้าใจผิดอยู่อย่างหนึ่งที่ว่า..คุณโดมและยานาเยี่ยมที่ผ่านเหตุการณ์ต่างมาได้...

ประสบการณ์ของคุณโดมและยานา แตกต่างกันไม่เหมือนกันเลยค่ะ..

ถ้าคุณทะเลได้อ่านหนังสือ
คาบโลกย์ คาบธรรมที่คุณโดมเขียน แล้วคุณทะเลอ่านเรื่องเล่าของยานาที่เคยเล่าในบล็อกคุณโดม..คุณทะเลก็จะรู้ถึงความแตกต่างนั้นค่ะ..

ตามความคิดของยานา ตอนนี้คุณโดมรู้ซึ้ง เข้าถึง ธรรมะมากกว่ายานา หลายร้อยเท่า..
สำหรับยานาตอนนี้คือกำลังแสวงหาความรู้จากผู้รู้..อยากรู้ก็ถาม
ไม่กลัวเสียหน้า เพราะความไม่รู้
ใช่ว่าจะหมายถึงความโง่เขลา..
แต่ถ้ายอมโง่แค่ 2-3 นาทีแล้วกลายเป็นคนฉลาด ก็ยังดีกว่าที่จะต้องโง่อยู่อย่างนั้นตลอดไป..

ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับเรา..


โดย: ยานา IP: 61.7.173.50 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:7:25:38 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆท่านที่เข้ามาอ่าน

ตั้งใจว่าจะเดินทางออกจากบ้านก่อนเที่ยง เพื่อไปที่สวนลุมฯตามกำนหนดนัดหมาย

สวัสดีครับแม่ปัน-ปอง


ดีใจจริงๆที่เห็นแม่ปันปองมีความสุขกับสิ่งเล็กๆน้อยๆรอบๆตัว

เที่ยวนี้สองแม่ลูกเป็นอย่างไรรอให้เธอมาเล่าให้ฟังเองก็แล้วกันนะ

สวัสดีครับคุณทะเล

ไม่ได้ยกยอคุณทะเลจนเกินจริง แต่พูดตามความคิดและความรู้สึกที่ได้อ่านคอมเม้นท์ของคุณ

คนฉลาดเขาก็ถ่อมตัวกันทั้งนั้นแหละ เช่นคนสวยก็มักบอกว่าตัวเอง "ไม่สวยหรอก" อะไรทำนองนี้

ก็นับว่าเป็นคุณสมบัติที่ดีแล้วครับ
คนฉลาดสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์ผู้อื่นได้โดยไม่ต้องเอาตัวเข้าไปทดลองทำผิดหรอก

ไม่เหมือนคนโง่อย่างผมหรอก "ทดลองไปทำเสียทุกเรื่อง" แทบจะเอาตัวไม่รอดมาถึงวันนี้..



สวัสดีครับแม่น้องนิก

คนเรานั้นแตกต่างกันตั้งแต่เกิดมาแล้วครับ เพราะฉะนั้นเมื่อเรานำใครไปเปรียบเทียบกับใครย่อมเห็นความแตกต่างกันอยู่เป็นเรื่องธรรมดา

ไม่ว่าด้านใดก็ตาม

จะว่าไปแล้วผมไม่ใช่คนมานะพยายามอะไรเลย เพียงแต่เราเคยกระทำความผิดพลาดในชีวิตหนักๆมาแล้วเราก็รู้สึกเข็ดขยาด หวาดกลัว ไม่อยากตกลงไปอยู่ในนรกขุมนั้นอีก

เพราะฉะนั้นก็เพียงแต่เลี่ยงที่จะเดินไปในเส้นทางเดิมที่เคยผ่านมา

ส่วนทางใหม่สายนี้ก็มันออกจากร่มรื่น ร่มเย็น สบายดี ไม่มีใครมาบังคับเราก็จะเดินไปของเราเรื่อยๆ ช้าบ้าง เร็วบ้าง ตามสบายๆครับ


สวัสดีครับคุณยานา

ชอบใจประโยคนี้ของยานาจัง

แต่ถ้ายอมโง่แค่ 2-3 นาทีแล้วกลายเป็นคนฉลาด ก็ยังดีกว่าที่จะต้องโง่อยู่อย่างนั้นตลอดไป..

ผมก็ไม่ได้รู้เข้าใจธรรมะลึกซึ้งอะไรมากมายหรอก (นี่พูดจริงนะครับไม่ได้แกล้งถ่อมตัว)

ผมเคยพูดอยู่บ่อยๆว่าคำว่า "ธรรมะ" นั้นกินความกว้างอีกทั้งมีหลายระดับ แต่ก็ยังไม่มีคำใดมาใช้แทนที่คำนี้ได้

รู้นั้น...คือสนใจฟัง อ่านมา จดจำได้ใส่ใจไว้ ของผมส่วนใหญ่ก็เป็นความรู้พื้นๆทั่วไป

เข้าใจ...คือ คิดทบทวน หาเหตุผลจนเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นมาอย่างไรและทำไมเป็นเช่นนี้ ?

ปฏิบัติได้...นั้นยากกว่าสองขั้นตอนแรก คือดูเหมือนว่าจะมาทางเดียวกันแต่น้ำหนักต่างกันมากทีเดียว

สามอย่างเป็นอย่างเดียวคือ รู้เข้าใจและปฏิบัติได้อยู่ในตัวบุคคลเดียวกัน รู้แจ้งแทงตลอดไปเลย

อย่างผมก็เพียงแค่รู้ระดับทั่วๆไป ซึ่งใครมีความสนใจหน่อยก็รู้ได้ไม่ยากนัก แต่ผมก็ไม่ได้รู้ไปเสียทุกเรื่อง ยังมีอีกมากมาย ยิ่งศึกษาเราจะยิ่งรู้ว่า มีอะไรที่เรายังไม่รู้อีกมากมาย

แต่ถ้าใครคิดว่า "รู้หมดแล้ว" จบเลยครับท่าน !

เข้าใจก็คิดทบทวนหาเหตุผลในสิ่งที่ตัวเองรู้มาก็นับว่ายังไม่ยากนัก

แต่ถึงขั้นปฏิบัติได้อย่างที่รู้ทุกอย่าง นั้นก็ไม่ง่ายเหมือนกัน แต่ก็นับว่าเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่สุด

"สิบรู้ไม่เท่าหนึ่งทำจริงๆ"


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:9:25:39 น.  

 
แวะมาอ่าน ผ่านมาเยี่ยมครับ ...

ว่าจะไปด้วยเหมือนกัน นั่ง รถไฟใต้ดินไปโผล่ที่หน้าสวนลุม แล้วก็งมหาที่หมาย ไปนั่งฟัง พี่นั่นแหละครับ อิอิ..

มีโอกาสคงได้พบกัน...


โดย: naigod IP: 124.121.23.119 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:10:16:47 น.  

 
เอ...สมัยเรียน


ปลูกไปหลายต้นมาก ๆ

ไม่เคยจำเลยว่าไปที่ไหนบ้าง

ทำไมความจำช่างสั้น


สั้นกว่าปลาทอง อีกแฮะ


อยากไปเหมือนกัน แต่สวนลุม ไกลเหมือนกันแฮะ


โดย: mojigirl วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:18:53:33 น.  

 

อาโดมคะ

เมื่ออ่าน เรียบง่ายและงดงาม รับรู้ได้ถึงความอิ่มบุญของ"ป้าพา"นะคะ และความอิ่มใจในบุญนั้น ส่งผ่านมายังอาโดม และผ่านมายังมวลมิตรในบล็อกอาโดมอีกด้วย อนุโมทนากับป้าพาและอาโดมค่ะ

มาตอบคำถามนะคะอา หุ่นขี้ผึ้งพระที่อยู่ในภาพ คือ พระมงคลเทพมุนี หรือ หลวงพ่อวัดปากน้ำ หนึ่งในพระอริยสงฆ์ ที่พิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้งไทย จังหวัดนครปฐม ค่ะ



ในพิพิธภัณฑ์หุ่นขี้ผึ้ง ยังมีหุ่นขี้ผึ้งเสมือนจริงของพระอริยสงฆ์อีกหลายองค์นะคะ

ขอบคุณในคำชมของพี่หนอนเมืองกรุง พี่ติ๋ม พี่ยานา และทุกๆ คน คนเราก็จะรู้สึกดีใจเมื่อได้รับคำชมค่ะ ส่วนตัวนกเองจะรู้สึกและเห็นจริงอย่างที่พี่ยานากล่าวไว้ว่า
"ณ.วันหนึ่งเราก็ต้องแก่ชราลง ผมก็หงอก ตาก็เริ่มสั้นๆยาวๆ ฟันก็เริ่มจะหลุด.."
ตรงนี้มีส่วนช่วยทำให้เราไม่หลงใหลได้ปลื้มกับคำชมมากนักนะคะ ต้องขอบคุณพี่ยานาไว้ตรงนี้ด้วย

วันนี้ช่วงบ่าย นั่งนึกว่า สงสัยอาโดมคงกำลังแจกลายเซ็นต์ลงหนังสือจนมือเป็นระวิงแน่เลย อยากไปนะคะ ฝากพี่ๆ ที่ไปมาช่วยกรุณาเล่าบรรยากาศให้ฟังสักนิดนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าเลยค่ะ

วันนี้ร่ายซะยาว อย่าเพิ่งเบื่อจะอ่านซะก่อนนะคะ อา


โดย: Nok_Noah วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:19:56:55 น.  

 
บ่ายแก่ ๆ วันนี้
แวะแว่บไปงานหนังสือในสวนที่สวนลุม

ทันเห็นกิจกรรมบนเวทีสองสามรายการ

แรกสุด...สนุกสนานกับ อ.เทพศิริ สุขโสภา ที่มาสอนเด็ก ๆ วาดรูป และสอนเด็ก ๆ เล่นอะไรสนุก ๆ แบบง่าย ๆ เด็ก ๆ (รวมทั้งผู้ใหญ่) ชอบใจกันใหญ่เลย

พอหมดเวลาของ อ.เทพศิริ ท่านอยู่ด้านล่างเวที

หนอนฯ ก็บอกให้ตะเบบูญ่ารีบพาลูกสาวเอาสมุดทำมือที่น้องจินนี่เพิ่งทำเสร็จไปขอลายเซ็นอาจารย์โดยด่วนเป็นคนแรก

อ.เทพศิริท่านแจกลายเซ็นแล้วยังสเก็ตรูปลงในสมุดให้ เอ...รูปน้องจินนี่หรือเปล่านะ

จากนั้น แฟน ๆ ก็พากันไปขอลายเซ็นและลายเส้นภาพใบหน้าของตนเองเป็นการใหญ่ อาจารย์ใจดีมากค่ะ (หนอนฯ ก็ขอมาได้รูปนึง รู้สึกรูปวาดจะสวยกว่าตัวจริงนะนี่ อาจารย์พยักหน้าหงึก ๆ พึมพัมในลำคอ อือม์...โหงวเฮ้งดี ทำเอายิ้มแก้มปริ สงสัยนึกว่าเถ้าแก่เนี้ยที่ไหนมาขอลายเซ็นและลายเส้น)

จากนั้นมีการเสวนากันระหว่างพี่ปอน พี่โดม และมีฮอลล์สาวสวยสุดในงาน เป็นพิธีกร (อันนี้หนอนฯ สังเกตเอาว่าเธอสวยสุดแล้ว)

บรรยากาศการพูดคุยเป็นไปอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็ก ๆ แต่มีผู้ใหญ่ตั้งใจฟังจำนวนไม่น้อยนะ

มีลูกเล่น ลูกยอ ลูกหยอก ลูกเหน็บ ระหว่างสองนักเขียนหนุ่ม (น้อย) และหนึ่งพิธีกรสาว เรียกว่าเป็นการเสวนาเล็ก ๆ ที่อบอุ่นและสนุกมากค่ะ เรื่องที่คุยก็คือเรื่อง จากบล็อกมาเป็นหนังสือ อะไรนี่ล่ะ ซึ่งเป็นเรื่องถนัดของทั้งสามคนบนเวที การพูดคุยจึงเป็นไปอย่างกันเองและเข้าใจซึ่งกันและกัน

รายละเอียดบรรยากาศตรงนี้รอให้พ่อพเยียมาเล่าดีกว่า

ส่วนรายละเอียดโดยรวมต้องรอตะเบบูญ่าคุณแม่ของเด็กสาวตัวน้อย ๆ (ที่สวยกว่าคุณแม่) ซึ่งมีหัวใจเปี่ยมด้วยศิลปะมาบอกเล่าต่อ เพราะเป็นกิจกรรมที่เด็ก ๆ และคุณแม่จะได้ประโยชน์ร่วมกันค่ะ

หลังจากนั้นได้ฟังคุณพจนาถ พจนาพิทักษ์ (สะกดถูกผิดไม่รู้นะ) มาเล่นดนตรีให้ฟัง เพราะเหมือนเคยค่ะ

ฟังคุณปุถุชนอ่านบทกวีเพื่อชีวิตดุเดือดเลือดพล่านสะกดคนฟังเงียบกริบค่ะ

ดูอะไรไม่ได้มาก ต้องรีบอำลาพี่โดมและพี่ปอนกลับบ้าน (หลังตะเบบูญ่าแป๊บเดียว) เพราะต้องรีบไปซื้อของสำหรับสารทจีนวันพรุ่งนี้ค่ะ

ดีใจที่ได้พบสเลเตและช่างภาพคนเก่ง

อ้อ...พี่ปอนสเก็ตภาพคุณฮอลล์ด้วยสีน้ำอย่างรวดเร็วก่อนเจ้าหน้าที่จะเก็บอุปกรณ์ ภาพสวยจนหนอนฯ แอบเห็นคุณฮอลล์เป็นปลื้มจากแววตาและสีหน้าค่ะ

เรียกได้ว่ามางานนี้ (แม้เพียงแว่บเดียว) ก็ได้พบเห็นอะไร ๆ ดี ๆ เยอะแยะค่ะ

นี่มารายงานอย่างสั้น ๆ จ้า ขอตัวไปทำงานก่อน


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.172.78 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:21:30:01 น.  

 
เคยเป็น คนช่างเถียงมากๆ ไม่ค่อยยอมรับว่าตัวเองผิด สุดโต่งว่าความคิดของตนนั้นดี ถูกต้องจนวันหนึ่งมีคนพูดว่า ...

ถ้าไม่ยอมรับว่าผิดก็จะไม่มีวันถูก
ถ้าไม่ยอมรับว่าโง่ก็จะไม่มีวันฉลาด ...
โอ้โห.... ร้องไห้..โฮเลย เถียงไม่ออกงัยคะ... ถูกอย่างคุณยานาว่าค่ะหากไม่ยอมรับว่าโง่ ก็จะโง่ตลอดไป...

"สิบรู้ไม่เท่าหนึ่งทำจริงๆ" จริงๆสุดๆเลยค่ะ ทะเลไม่รู้ค่ะว่าคุณยานา และ คุณโดมจะผ่านอะไรที่เหมือน หรือ แตกต่าง วิธีการแก้ไขปัญหาจะแตกต่างกันไหมแต่สิ่งที่คุณทั้งสอง สุดยอด ในความรู้สึกของทะเลเหมือนกันก็คือ คุณสามารถรอดจากปัญหา และหรือกิเลสมารต่างๆมาได้ด้วยความกล้าและปัญญาค่ะ



โดย: ทะเล IP: 58.9.103.241 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:21:57:51 น.  

 
พี่หนอนฯมารายงานด่วนล่วงหน้าเจ้าของบล๊อก...
แหม..อ่านแล้วก็อดแจมไม่ได้ ฮิฮิ..
ความจริงเข้ามานี่ก็ตั้งใจจะมาโวยวายขยายความสุขที่ได้รับมาวันนี้แหละ

ย้ำๆๆๆ...ประทับใจอ.เทพศิริมาก...ถึงมากที่สุด
นอกจากลีลาสอนวาดรูปแบบง่ายๆ
ที่ข้าน้อยก็พลอยได้ร่วมหัดวาดไปด้วยแล้ว
ที่ตะลึงตึงตึงก็ลีลาร่ายรำของท่านน่ะแหละ
พ่อพเยียอดดูตอนสุดยอดเพราะไปเข้าห้องน้ำเสียนี่...
ใครคิดไงไม่รู้ แต่หนูถือว่าเป็นบุญตา
อ.เทพศิริสวมหน้ากากขาว ใส่วิกผมยาว ให้ทีมงานเปิดเพลงที่ท่านนำมา
แล้วก็ร่ายรำ..คล้ายทวาราวดีบวกกับละครคาบูกิของญี่ปุ่น(อันนี้วิเคราะห์เองจ้ะ)
สวยน่ะ..ไม่รู้จะชมยังไง
เข้าใจแล้วว่า ทำไมเท่าที่เคยอ่านผ่านตามาไม่น้อย นักเขียนคนใดเอ่ยถึงอ.เทพศิริ
จะเป็นไปในทางยกย่องมากๆเสมอ

ส่วนตอนที่หนึ่งหญิงสองชายคุยกันเรื่องบล๊อก
ก็ชอบและเข้าใจทัศนะการทำบล๊อกของทั้งสามท่าน
ชอบความคิดของชายมีหนวดตรงที่ร่วมสมัย เข้าใจวัยรุ่น ทันสมัยแต่ไม่หลงกระแส
ชอบที่พี่ปอนติงว่า ความรวดเร็วของการติดต่อแบบปัจจุบัน
บั่นทอนความงดงามของการรอคอย และอารมณ์ละเมียดบางอย่างไป
ส่วนคุณฮอลล์สาวงามบอกมีบล๊อกไว้บ่น..ฮ่าๆๆ
บ่นเรื่องตำรวจมากๆ ระวังท่านมาสั่งปิดบล๊อกเน้อ...

วันนี้ได้ความสุขจากนี้เยอะมากในหลายรูปแบบ
ลูกสาวก็สนุกมาก ไม่ยอมกลับบ้าน
ออกจากสวนลุมเกือบทุ่มนึงแน่ะ
ต้องดุถึงจะยอมกลับ

ขอบคุณพ่อพเยียที่มีข่าวดีๆ งานดีๆแบบนี้มาบอกเสมอ

อ้อ..ลืมบอกค่ะ (เดี๋ยวมีแซว ต้องรีบบอกก่อน) เมื่อวานก็ประทับใจ
คุณศักดิ์สิริมาเล่านิทานที่ร่วมกันแต่งสดกับน้องผาเมฆ
แล้วร้องเพลงที่แต่งให้เด็กๆ ไม่มีวางขายนะ
และให้ข้อคิดมากมายเกี่ยวกับการต่อเติมจินตนาการให้เด็กๆ
แถมยังได้นั่งคุยแบบส่วนตั๊วส่วนตัวพร้อมด้วยน้องเลเตและช่างภาพประจำอีกด้วย
มีโชว์รูปน้องผาเมฆจากกระเป๋าตังด้วยนะ
เวลาพูดถึงลูกชาย..คุณศักดิ์สิริดูมีความสุขมาก
เห็นคนมีความสุขแล้วรู้สึกดีจัง..

ความจริงโม้ต่อได้อีกแหละ..
แต่เดี๋ยวเจ้าของบล๊อกขว้างค้อนมา
ใจคอจะไม่เหลืออะไรให้เล่าเลยหรือไง

ราตรีสวัสดิ์ค่ะ (จบมันห้วนๆแบบนี้แหละ)


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.65.9 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:23:37:17 น.  

 
สวัสดีครับ พี่โดม...

อันดับแรกเลยผมต้องขอโทษพี่โดม และพี่ปอน ที่ไม่ได้บอกลาก่อนจะเดินทางกลับ หลังจากส่วนที่ว่าด้วยเรื่อง บล๊อกสู่บุ๊คจบแล้ว ขณะที่พี่วุ่นๆอยู่กับเรื่องค่าเดินทางวิทยากร ผมก็เลยเดินทางออกมาก่อน คือผมต้องรีบไปซื้อของที่พันทิพย์ประตูน้ำ และไปงานแต่งงานรุ่นน้องบัณฑิตอาสาสมัครแถวๆ อนุสาวรีชัยฯ ผมคงอยู่จนงานเลิกไม่ได้

ผมคงเสียมารยาทไปบ้างก็ตรงที่ไม่ได้บอกลาพี่ๆ ทั้งที่เพิ่งได้รู้จักกันเป็นครั้งแรก ก็ทำให้ไม่ประทับใจเสียแล้ว อันนี้ต้องขอโทษจริงๆครับ ไว้มีโอกาสครั้งต่อไปจะไม่เป็นแบบนี้อีก (ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ) คิดไปว่าเรามันคนเล็กๆ ไม่เป็นที่รู้จักในวงสังคมคงไม่มีใครมาสนใจเราเท่าไหร่ จะมา จะไป คงไม่สำคัญนัก แต่มันคงใช้กับพี่โดมไม่ได้ซะแล้ว พี่เล่นใส่ใจทุกรายละเอียด ขอบคุณพี่จริงๆ ครับ ไว้มีโอกาสเราคงได้แลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างกัน ผมคงได้เรียนรู้อะไรดีๆ จากพี่โดมอีกเยอะแน่ๆ

นี่ผมก็เพิ่งกลับจากงานแต่งงานรุ่นน้อง พอเปิดพบข้อคิดเห็นอันนี้ของพี่ก็รีบตอบเลยครับ...


โดย: naigod วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:23:42:53 น.  

 
อ้าว..ย้อนไปอ่านข้างบนอีกรอบ
พี่หนอนฯให้หนูเล่าถึงกิจกรรมอื่นๆด้วยเหรอ...

อืม..ลืมเล่าเนอะ
นอกจากที่กล่าวมาแล้ว ทางทีมงานยังจัดซุ้มกิจกรรมศิลปะให้เด็กๆด้วยค่ะ
มีทำเข็มกลัด...ให้เด็กๆวาดรูประบายสีลงในกระดาษวงกลม
แล้วก็นำมาเข้าเครื่องทำเข็มกลัด
กลายเป็นเข็มกลัดที่มีอันเดียวในโลก...
มีเพ้นท์กระถางเล็กๆ เพ้นท์กระเป๋าสะพายด้วย

ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคือ การทำสมุดบันทึกทำมือ ขอบอกว่าทำไม่ง่ายนา ส่วนมากแม่ทำมากกว่าลูก
แต่ลูกทำเต็มๆคือ ตอนระบายสีปกสมุด จินนี่ไปสองวัน ทำสองเล่มเลย
เห็นลูกจับพู่กันบรรจงระบายสีแล้วมีความสุขจัง
ลูกก็ภูมิใจมากด้วยที่มีสมุดสวยๆฝีมือตัวเอง

ทุกอย่างที่ทำ ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆเลย
เด็กโตหน่อยก็ทำเองสนุกสนาน
เด็กเล็กหน่อยคุณแม่ก็ช่วย
ถือว่าเป็นกิจกรรมร่วมกันที่ดีมีประโยชน์มาก

งานนี้กทม.จัดได้ดี เสียดายที่คนรู้น้อย มาน้อยไปหน่อย
ขอบคุณ กทม.จ้ะ


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.65.9 วันที่: 26 สิงหาคม 2550 เวลา:23:53:12 น.  

 
โอ๊ย..อิจฉาตาร้อนผ่าวๆ ไม่ได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง ฟังพี่ๆเล่ามา
น่าสนุกจัง คุณโดมนั่งบนเวที
ได้ถ่ายรูปมาให้กันดูบ้างหรือปล่าวก็ไม่รู้ เชื่อเลยว่า ถ้าแม่น้องนิกอยู่เมืองไทยนะ ต้องไปเกาะขอบเวทีหรืออยู่แถวๆนั้นด้วยเป็นแน่

ว่าแต่..จินนี่สวยกว่าคุณแม่จริงเร้อ..คุณแม่ออกสวยเด้ง ถ้าพี่หนอนฯ ถูกทักเป็นเถ้าแก่เนี้ยเนี่ยจะไม่เถียงเลยซักกะกำ


โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.141.73 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:1:24:23 น.  

 
ขอบคุณตะเบบูญ่า
ที่มาต่อยอดและยังเล่ารายละเอียดปลีกย่อยจนได้กลิ่นอายบรรยากาศงานเชียวแหละ

นี่เราสองคนมายึดบล็อกพ่อพเยียโม้เรื่องงานซะจนเจ้าของบล็อกหมดมุกเล่าเรื่องซะแล้วล่ะมั้ง

ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เขาเล่าด้วยภาพแทนก็แล้วกัน

พี่หนอนฯ ไปแป๊บเดียวก็รู้สึกว่างานมีคุณค่าเหมาะกะครอบครัวจริง ๆ ตะเบบูญ่าไปสองวันก็ย่อมได้อะไรมากกว่าเยอะเลย

***

แอบเห็นข้อความของ naigod
ที่จริงไม่ใช่เรื่องของหนอนฯ เลยล่ะค่ะ
แต่ก็อดไม่ได้
ขอเป็นประจักษ์พยานก็แล้วกันค่ะ
ว่า...
ตอนที่ naigod พบกะพ่อพเยีย แล้วพ่อพเยียแยกไปติดต่อธุระ พอกลับมาอีกทีพี่เขาก็เที่ยวชะเง้อคอตามหา naigod อยู่หลายรอบเชียวค่ะ ท่าทางไม่ค่อยสบายใจเพราะยังไม่ทันได้พูดคุยอะไรกัน บอกกะหนอนฯ ว่ากำลังตามหาคุณอยู่ หาอย่างไรก็ไม่เจอะ เลยสรุปว่ากลับไปแล้ว

และที่คุณสรุปว่า "คิดไปว่าเรามันคนเล็กๆ ไม่เป็นที่รู้จักในวงสังคมคงไม่มีใครมาสนใจเราเท่าไหร่ จะมา จะไป คงไม่สำคัญนัก แต่มันคงใช้กับพี่โดมไม่ได้ซะแล้ว พี่เล่นใส่ใจทุกรายละเอียด ขอบคุณพี่จริงๆ ครับ"

ก็เป็นอันว่า...ทั้งสองฝ่ายจากกันด้วยความเข้าใจไม่มีอะไรให้ค้างคาใจก็แล้วกันนะ

ยินดีที่เห็นดอกมิตรภาพอีกดอกหนึ่งผลิบานจ้า


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.172.78 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:1:40:31 น.  

 
สวัสคีค่ะ...คุณโดม

งานเมื่อวานเป็นไงบ้างคะ คงได้ทั้งความรู้และความสนุกนะคะ

จะรอฟังคุณโดมเล่าค่ะ..


โดย: ยานา IP: 61.7.173.63 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:7:40:30 น.  

 
ขอบคุณครับ คุณหนอนเมืองกรุงฯ จากใจผมจริงๆ... สำหรับข้อคิดเห็นนี้..


โดย: naigod วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:7:40:40 น.  

 
สวัสดีครับ naigod

เมื่อวานนี้พอเดินเข้าประตูสวนลุมพินี แล้วเราได้พบกันเหมือนอย่างจะบังเอิญ แต่จริงๆไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกครับที่เราได้พบกัน

ทุกอย่างเกิดขึ้นต้องมีเหตุเสมอ ผมเชื่ออย่างนี้....

เราพบกันยังไม่ได้คุยอะไรกันมากมากนัก
ก็ต้องขอโทษด้วยถ้าหากถ้าผมทำอะไรสักอย่างทำให้คุณรู้สึกไม่ดีจนต้องหนีกลับก่อน

ผมไม่ถือว่าเป็นเรื่อง"เสียมารยาท"หรอก ผมนึกถึงเรื่อง "ความรู้สึกมากกว่า" ผมรู้สึกไม่สบายใจเล็กๆที่คุณกลับไปโดยไม่ได้บอกลากัน

ที่ค้างคาใจผมก็คือเรื่องที่คุณบอกว่าอยากได้รูปถ่าย พี่ปอน คุณและผมด้วย สามคนอยู่ในรูปเดียวกัน ผมก็บอกว่า "ถ่ายสิ"
คุณบอกว่า "ไม่มีกล้อง"

ที่ผมนิ่งไปไม่ได้จัดการให้ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากทำให้ แต่ผมกำลังคิดว่าจะให้ใครเป็นผูเถ่ายให้และผมกำลังจะรีบไปเซ็นรับซอง ไม่ใช่ว่าจิตใจผมอยากได้ซองมากเสียจนไม่สนอย่างอื่น แต่ผมห่วงบัตรประชาชนที่เขาขอไปถ่ายเอกสาร เพราะผมเคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับบัตรประชาชนหายแล้วมันยุ่งยากมาก
ต้องแจ้งความที่ดรงพัก ต้องไปถ่ายใหม่แล้วรอไปรับ

แต่ถ้าคุณบอกว่าคุณอยากถ่ายรูปคู่กับพี่ปอนสองคนแล้วละก็ผมจะถ่ายให้ทันทีเลย แต่คุณบอกว่าสามคน...ในใจผมก็นึกว่าถ้างั้นใครนะจะถ่ายให้ และรูปถ่ายผมก็ไม่ชอบที่จะให้ใครก็ได้กดไปงั้นๆ

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาสั้นๆและรวดเร็วมาก
(เพียงแต่สิ่งที่ผมคิดยังไม่ได้พูดออกมา)

ที่ผมรู้สึกแคร์คุณ ไม่ใช่เพราะอะไรหรอก เพราะผมเข้าไปดูบล็อกของคุณแล้ว บทความที่คุณนำมาลงบล็อกก็มีบทความดีๆที่เกี่ยวกับการทำความรู้จักชีวิต มีของพระไพศาล วิสาโล ฯลฯ หลายบทความน่าสนใจ

ผมคิดว่าอย่างน้อยบล็อกและเรื่องราวในบล็อก ย่อมบอกความคิดและตัวตนของเจ้าของบล็อกได้บ้างไม่มากก็น้อย


โดยความสัตย์จริง ผมไม่เคยรู้สึกว่าใครจะมีชื่อเสียงหรือ"โนเนม"เลย ถ้าคุณอ่านเรื่องที่พระไพศาลเขียนเยอะๆแล้วคุณจะเข้าใจเรื่องพวกนี้ได้ ก็เรื่องโลกธรรมแปด ธรรมดาๆ

ถ้าผมอยากจะรู้จักคบหากับใครสักคนนั้น ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนร่ำรวย หรือเป็นคนมีชื่อเสียง หรือเป็นเพราะว่าเขาทำงานอะไร

แต่ที่ผมสนใจอยากรู้จักกับเขาเพราะว่าเขาเป็น "คนอย่างไร"มากกว่า และประการสำคัญเขารู้สึกอย่างไรกับผมด้วย

ที่ผมอธิบายมายาวเหยียด หวังว่าเราคงจะเข้าใจกันแล้วนะครับ ส่วนในโอกาสต่อไปเราค่อยๆทำความรู้จักกันอีก

ด้วยมิตรภาพ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:8:21:01 น.  

 
สวัสดีครับคุณmojgirl

ยินดีครับที่เข้ามาคุยด้วย
และมาแลกเปลี่ยนเรื่องการปลูกต้นไม้...

เอ...สมัยเรียน อยู่ชั้นอะไรครับ ?

ถูกครูหรืออาจารย์บังคับให้ปลูกหรือไปปลูกกันเป็นกลุ่มครับ ?

ปลูกมากขนาดจำจำนวนต้นไม่ได้หรือว่ามากมายหลายแห่งจนจำสถานที่ปลูกไม่ได้เลย แสดงว่าคุณต้องปลูกมากๆๆทีเดียว

ผมว่าคุณ"ไม่ได้จำ" มากกว่า "จำไม่ได้" กระมังครับ ?

ในชีวิตผมปลูกต้นไม้จำนวนไม่มากนักหรอกครับ แต่ก็ยังพอจำได้ สำหรับที่วัดหนองยายดาถือว่ามากที่สุดก็ร้อยกว่าต้น (ตอนนี้มีตายไปไม่น้อย เพราะน้ำท่วม) ที่อื่นก็ตามบ้านคนอื่นเล็กๆน้อย ไม่นับบ้านตัวเอง

แต่ที่ผมจดจำการปลูกต้นไม้ได้ว่าเพราะผมปลูกต้นไม้ด้วยความรัก ผมรักการปลูกต้นไม้ครับ

ผมจำได้ตั้งแต่ตอนขุดดิน รดน้ำ จำได้ตอนที่มันเหี่ยวแห้งจะรอดหรือไม่ ? เพราะแล้งนักในตอนนั้น

จำได้ตอนที่เห็นมันผลิตุ่มตาสีเขียวใบอ่อน มันมีพลังแห่งชีวิตอย่างไร...

ทุกครั้งที่ลากสายยางไปฉีดที่ต้นปละใบและโคนต้น เวลาเห็นต้นไม้สดชื่นมันก็ส่งผลสะท้อนให้หัวใจผมชุ่มชื่นเพียงไร ผมชอบความรู้สึกเหล่านี้

และโดยฉพาะเมื่อหัดปลูกต้นไม้ที่ไม่ได้ปลูกฉพาะในบ้านของตัวเอง ปลูกต้นไม้โดยไม่ยึดถือว่าเป็นต้นไม้เป็นของเรา

ผมจำได้ว่าเราปลูกต้นไม้ที่ไหนบ้าง แต่ไม่เคยยึดถือว่าต้นไม้นี้เป็น "ของฉัน" เลย

ความรู้สึกมันแตกต่างจากการซื้อต้นไม้จากสวนจตุจักรแล้วมาลงดินในสวนข้างบ้าน (แต่ต้นไม้ข้างบ้านผมก็รัก)

จะว่าไปแล้วผมก็รักต้นไม้ทุกต้นนั่นแหละครับ ถึงแม้ผมไม่ได้ปลูกผมก็รักและชื่นชมมันได้

ผมมีโอกาสได้รู้จักกับคนที่ปลูกต้นไม้มากตั้งแต่หนุ่มยันแก่อายุเจ็ดสิบกว่าแล้ว

แกอยู่ที่ภูเขียว ชัยภูมิ ชื่อลุงสอน กล้าศึก ลุงสอนปลูกต้นไม้ไว้หลายหมื่นต้นด้วยมือสองมือตัวเองคนเดียว ตามวัด ตามสระน้ำสาธารณะ เรียกว่าปลูกเป็นป่าเลยครับ

เดี๋ยวนี้คุณยังชอบปลูกต้นไม้อยู่หรือเปล่าครับ ?


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:9:26:57 น.  

 
มานั่งท้าวคาง
รอดูภาพและฟังเรื่องเล่า
กิจกรรมในสวนลุม ฯ
26 สิงหา อยู่นะคะ


โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:9:27:56 น.  

 
กุฏิสวยดีครับพี่ เหมือนกับปอเนาะเลย

มานั่งคิดอีกที ปอเนาะหรือกุฏิน่าจะมาจากรากเดียวกัน

คือรากจากการศึกษาแบบอินเดียโบราณ แบบฤษีชีไพร แบบพราหม์-ฮินดู(ใช่หรือไม่ ผมไม่รู้ ผมคิดเอาเอง)

อีกอย่างพื้นที่สามจังหวัดในอดีตเคยนับถือศาสนาพราหม์-ฮินดูมาก่อน...





โดย: ปุถุซน วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:10:19:26 น.  

 
สวัสดีจ้ะหลานนก

หนูเป็นคนธรรมะธัมโมตั้งแต่ยังสาวเลยนะ ดีใจจังที่มีหลานแบบนี้

เพราะตามปกติคนจะสนใจเข้าวัดเข้าวาเข้าถ่ายรูปกับพระนี่ส่วนใหญ่ก็วัยเริ่มชรากันแล้ว

แต่นี่หนูนกถ่ายรูปกับหุ่นขี้ผึ้งพระ นับว่ามีจิตใจโน้มเอียงไปทางธรรมะอย่างแน่นอน (เดาเอาน่ะ ไม่รู้ว่าถูกไหม?)

เมื่อวานมีคนหอบหนังสือมาให้เซ็นต์เล่มหนึ่ง เป็นใครรู้ไหม ?

ไม่อยากบอกเลย คนคุ้นๆกันคือ หนอนเมืองกรุงนั่นเอง เธอให้เซ็นต์ไปให้เพื่อนคนอื่น

ต้องขอบคุณเธอจริงๆ เพราะเธอนี่แหละคือต้นเหตุที่ทำให้หนังสืออาโดมได้พิมพ์ซ้ำครั้งที่สอง

สวัสดีครับแม่น้องนิก

น้องจินนี่น่ารักจริงๆ ดูแววแล้ว"สวยกว่าแม่" แน่นอน ฟันธง
ในขณะที่หนูแป้งอาจ "สวยเหมือนแม่"

เป็นงานเล็กๆแต่ก็อบอุ่นดี แต่ตอนช่วงพี่เทพศิริ สนุกมาก นี่และเขาเรียกว่ามือโปรฯ ทำให้เด็กและผู้ใหญ่มีกิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนาน


สวัสดีจ้ะหนอนเมืองกรุง

อย่างพ่อพเยียนี่เขาเรียกว่า คน"เรื่องมาก" หรือคน "มีรายละเอียดเยอะ"นะ ? ช่วยตอบหน่อยซิ !



สวัสดีจ้ะตะเบบูญ่าผู้น่ารัก


ต้องขอบคุณสำหรับคุ้กกี้อร่อยๆ
กินที่งานแล้วยังหอบกลับบ้านอีก

เอามาให้คนที่บ้่านดู แล้วถามว่าเอ...คุ้กกี้นี้ทำไมอร่อยจัง ?
เธอบอกว่าต้องแพงแน่เลยเนี่ยะ

คุกกี้ที่ไม่อร่อยเหมือนกันทุกเจ้าเพราะราคานี่เอง

เห็นตะเบบูญ่าได้เลี้ยงลูกเล่นวาดสีระบายสีมีความสุขกับลูกแล้วก็ให้นึกถึง เด็กๆอีกหลายคนที่อยู่กับพี่เลี้ยงในคฤหาสน์หรู
แม่ไม่มีเวลาให้ เพราะอะไรก็ตาม
ถึงแม้จะมีผู้เลี้ยงอย่างดี ดูแลอย่างดีก็ตาม

รู้สึกเห็นด้วยอย่างยิ่งที่ตะเบบูญ่าลาออกจากงานเพื่อเลี้ยงลูกอย่างเดียว

เพราะหน้าที่ความเป็นแม่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆเลย

ส่วนคนที่ฐานะลำบากหน่อยก็ต้องไปทำงาน อาจจะฝากลูกกับย่ากับยายที่ไหนสักแห่ง หรือจ้างที่เลี้ยงเด็ก ก็ตามแต่ฐานะ

ไม่ว่าจะจากสาเหตุอะไรก็ตาม ผมเชื่อว่าการที่เด็กในวัยเด็กเล็กมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดกับแม่ผมถือว่าเป็นกำไรในชีวิตของเด็กคนนั้นซึ่งจะติดตัวมาถึงกระทั่งตอนโต

สวัสดีครับคุณทะเล

ทุกวันนี้ก็ได้แต่ตั้งตนอยู่ใน "ความไม่ประมาท"

ไม่ได้ชนะขาดลอยไปเสียทุกเรื่อง

กิเลสบางอย่างและมารบางชนิดมาในรูปแบบสวยๆ หอมๆ หวานๆ และคืบคลานเข้ามาอย่างปราณีต


สวัสดีครับยานา

กำลังคิดว่าจะเขียน "สิ่งไม่มีชีวิตเรียกว่าบล็อก" ให้อ่านดีหรือเปล่า ?

เพราะมีงานที่จะต้องทำรออยู่ และยังไม่รู้ว่ามีเรื่องมากพอที่จะอยากเล่าหรือเปล่า ?


สวัสดีครับคุณชมจันทร์

ยินดีที่เข้ามาทักทายพูดคุยนะครับ

เดี๋ยวก่อนนะครับ นึกๆดูก่อนว่าเรื่องที่พูดคุยเมือวานนี้มีอะไรมาเล่าที่บล็อกนี้หรือเปล่า ?

แล้วคุยกันใหม่นะครับ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:10:40:18 น.  

 
สวัสดีจ้ะ คุณพี่โดม และทุกๆ คนค่ะ ท่าทางจะสนุกนะค่ะ จริงด้วยอย่างที่หนอนว่าจริงๆ รายละเอียดปลีกย่อย ท่านจำได้หมด
ซึ่ง เถียงไม่เคยชนะเลย 5555
แซวเล่นนะ


โดย: p tim IP: 222.123.30.240 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:10:43:24 น.  

 
สวัสดีครับปุถุซน


เมื่อวานผมนั่งฟังคุณอ่านบทกวี
โดยมีเอก พจนาถ เล่นกีตาร์ประกอบ

ผมถ่ายรูปไว้ด้วย ยังไม่รู้เยว่ารูปออกมาเป็นยังไง ถ้าสวยผมจะส่งไปให้นะครับ ส่งไปลงบล็อกเลย


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:10:50:49 น.  

 
คุณปุถุซนครับ

พูดถึงปอเนาะ ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนรุ่นพี่คนหนึ่ง ซึ่งเป็นนักเขียน เขาเคยเขียนเรื่อง "ปอเนาะที่รัก"

ชื่อณรงค์ฤทธิ์ ศักดารณณรงค์ ผมอาจจสะกดนามสกุลผิด - แต่ประมาณนี้ คุณเคยได้ยินชื่อนี้ไหมครับ


ผมไม่ได้ติดต่อกับเขานานมากแล้ว ไม่รู้ว่าปัจจุบันเขายังเขียนหนังสืออยู่หรือเปล่า ?


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:10:55:29 น.  

 
สวัสดีครับคุณ p tim

เราสวนกันกลางอากาศแน่เลย

ไม่ต้องแซ;เล่นหรอก แซวจริงก็ได้
รับรองว่าเวลามี "สติ"แล้วไม่โกรธหรอก !


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:10:58:33 น.  

 
มาอีกครั้งค่ะ

กับคำถามของพ่อพเยียที่ว่า

"อย่างพ่อพเยียนี่เขาเรียกว่า คน 'เรื่องมาก' หรือคน 'มีรายละเอียดเยอะ' นะ ? ช่วยตอบหน่อยซิ !"

ตอบตรง ๆ ก็ต้องว่า

ถ้าคนไม่รู้จักพ่อพเยีย บางทีก็จะนึกว่าอะไรก็ได้ แต่บางครั้งอะไรก็ได้นี่อาจจะทำให้พ่อพเยียรู้สึกหงุดหงิดได้เหมือนกันนะ เพราะความที่เป็นคนมีรายละเอียดเยอะนี่ล่ะ

และในบางที เรื่องนิด ๆ หน่อย ๆ ในความรู้สึกของคนอื่น แต่กลับกลายเเป็นเรื่องใหญ่ในความรู้สึกของพ่อพเยียก็มี อันนี้ก็อาจเป็นเพราะเป็นคนเรื่องมาก (เล็กน้อย - ในบางเรื่องราว)

ยิ่งอธิบายอะไรแล้วคนฟังไม่ค่อยเข้าใจ ไม่ค่อย get ก็จะพยาย๊าม...พยายามอธิบายให้คนฟังเข้าใจให้ได้น่ะ แถมชอบตบท้ายว่า "เข้าใจหรือยัง ?" "เข้าใจมั้ยเนี่ย" ฯลฯ

นี่คงเป็นผลพลอยได้มาจากการเรียนวิชาชีพครูเมื่อสมัยก่อนโน้น... ที่ต้องคอยถามลูกศิษย์ว่า เข้าใจมั้ยเนี่ย เข้าใจหรือยัง

โห...เปิดช่องให้หนอนฯ หนอนฯ ก็เลยฉวยโอกาสค่ะ นินทาซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้แหละ
ไม่ว่ากันนะ

หนอนฯ เห็นด้วยกับพ่อพเยีย
ที่ตะเบบูญ่านับเป็นคุณแม่ผู้โชคดี
ที่ได้มีโอกาสดูแลลูก ๆ ทั้งสองอย่างใกล้ชิดและเข้าใจ

หลายคนอยากมีโอกาสอย่างนี้บ้าง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุผลทางเศรษฐกิจนี่แหละค่ะ

อย่างหนอนฯ ก็พยายามอย่างที่สุดที่จะดูแลลูก ๆ ทั้งสามคนเท่าที่จะมีเรี่ยวแรงพอทำได้ แต่ถึงกระนั้น บางทีก็ดูแลไม่ทัน ลูกออกนอกกรอบไป คิดและตัดสินใจทำอะไรแบบไหลไปตามกระแส เพียงเพื่อจุดมุ่งหมายบางอย่าง

พอวันหนึ่งได้มีโอกาสพูดคุยและได้ล่วงรู้ความคิดก็น่าตกใจที่ลูกมีความคิดเช่นนั้นค่ะ (อย่างเรื่องลูกชายคนโตที่มีปัญหาที่โรงเรียนที่เคยเล่าให้พ่อพเยียและตะเบบูญ่าฟังนั่นแหละ)

พอเกิดเหตุการณ์เราก็ต้องมานั่งทบทวนตัวเราด้วยส่วนหนึ่งว่า เราอาจดูแลเขาขาดตกบกพร่องไป โดยเฉพาะในเรื่องของจริยธรรม คุณธรรม นี่ก็เป็นบทเรียนบทหนึ่งที่สะท้อนกลับและสั่นสะเทือนถึงความเป็นพ่อเป็นแม่คนค่ะว่าเราอบรมลูกมายังไง ถึงได้มีความคิดอย่างนั้น

เราอาจเห็นความเจริญเติบโตทางกายภาพ แต่ด้านความคิดและจิตใจเราอาจเห็นได้ไม่ชัดเจน กระทั่งวันหนึ่งเมื่อมีผลกระทบปรากฏขึ้นเป็นรูปธรรม เราจึงได้รู้ว่านั่นเป็นจุดอ่อนของลูกที่เราต้องแก้ไขค่ะ

เลี้ยงลูกไม่ง่ายจริง ๆ ค่ะ โดยเฉพาะสามแบบสามสไตล์อย่างหนอนฯ นี่...ต้องพยายามทำความเข้าใจลักษณะเฉพาะของลูกแต่ละคนจริง ๆ


โดย: หนอนเมืองกรุงฯ IP: 58.9.172.78 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:12:12:48 น.  

 
แค่ภาพก็กินขาดแล้วค่ะ
ไม่ต้องมีคำบรรยายความเรียบง่าย
ที่งดงาม


โดย: คนเลวที่แสนดี วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:13:22:04 น.  

 
ขอขอบคุณในน้ำใจอันดีของพี่โดมที่มีให้ ผมขอน้อมรับไว้ด้วยใจ ครับ..

คนเราคงไม่ได้มีโอกาสบ่อยมากนักที่จะได้พบนักเขียน ผมจึงคิดอยากจะมีภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก ไว้บอกใครต่อใครได้ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยพบพี่ปอน พี่โดม ได้ถ่ายภาพร่วมกัน แต่ดันไม่มีกล้องนี่ซิ...

แล้วยังรบกวนให้พี่เค้าถ่ายให้อีก แล้วให้ส่งมาให้อีก เอาเข้าไปนั่น... ละอายตัวเองอยู่เล็กๆ

แต่นั่นมันก็เป็นความอยากที่เกิดมีขึ้นอย่างกระทันหัน แล้วก็ดับลงด้วยด้วยการเดินจากมา เพราะภาพในใจที่ได้คุย ได้กินข้าว กินแตงโม กินขนม ร่วมกับพี่ปอน พี่โดม มันชัดเจนอยู่ในใจมากกว่าภาพถ่ายที่จะได้มาเสียอีก ...

และจากเหตุนี้ผมกับพี่โดมเลยได้มีโอกาสสนทนากันอย่างเล็กๆ บนบล๊อกแห่งนี้ มีโอกาสคงได้แลกเปลี่ยน และรับคำแนะนำจากพี่อีกครับ


โดย: naigod วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:13:26:01 น.  

 

หวัดดีเจ้าของบ้าน และสมาชิกทุกท่านคะ
......
ได้ธรรมะชะล้างใจ อีกแล้วเรา
.......


โดย: เงาศิลป์ IP: 203.146.63.183 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:13:29:22 น.  

 
ใช่เลย สวนทางกันทางอากาศ
ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ใช่ไหม คุณต้องตอบว่า ใช่เลย ฮิ ฮิ

จริงเหมือนที่หนอนว่าเลย เรื่องไหน บางทีคุณเธอไม่เข้าใจหรือเราไม่เข้าใจ หงุดหงิด อย่างกับคนแก่(หัวก็ไม่ล้าน) งี้ต้อง...
คุณเข้าใจหรือยัง ฮิฮิ พี่เรา.


โดย: p tim IP: 58.147.94.82 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:16:53:37 น.  

 
สวัสดีจ้ะหนอนเมืองกรุง

ขอบคุณในความเห็นที่ตรงไปตรงมา ยอมรับความจริงได้เสมอ

เพราะตัวพ่อพเยียเองก็ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาที่มีพอใจ ไม่พอใจ ยังดีใจ เสียใจ ยังโกรธมาก โกรธน้อย อยู่เป็นธรรมดา

แต่ก็พยามที่จะรู้สึกตัวและใผ่นไปเร็วที่สุด

ณรงค์ พัว เคยกล่าวไว้ว่า...
"เพื่อนที่ดีก็เปรียบเสมือนกระจกเงาที่คอยสะท้อนอย่างตรงไปตรงมา ตอนที่เราลุกจากวงสนทนาปเข้าห้องน้ำ"

ของเดิมเขาคมสละสลวยกว่านี้ แต่นานแล้วจำมาได้ประมาณนี้

สวัสดีครับคุณนัช (คนเลวที่แสนดี)

ด้วยความยินดีที่ยังแวะเวียนไปมาหาสู่อยู่เป็นประจำ



สวัสดีอีกครั้งครับ naigod

ไม่เป็นไร ขอให้ผ่านไป แล้วเราค่อยๆทำความรู้จักกันไป ไม่รีบร้อน

การพบกันครั้งแรกไม่สามารถตัดสินอะไรได้ทั้งหมดหรอกครับ

มีอะไรก็แวะมาคุยกัน ผมว่างก็แวะไปบล็อกคุณ เป็นไปตามธรรมชาติ



สวัสดีจ้ะเงาศิลป์

ขอบคุณสำหรับรูปเด็กน่ารักไร้เดียงสาที่นำมาฝากบล็อกคนแก่


สวัสดีครับคุณ p tim

ก่อนอื่นต้องขออธิบายคำว่า "บังเอิญ" เสียก่อน

คำว่าบังเอิญที่เราใช้กันมาตั้งแต่เกิดจนเข้าใจกันโดยทั่วไปแล้วว่า บังเอิญ คือว่าไม่ตั้งใจ

แต่ในความหมายที่พ่อพเยียต้องการสื่อก็คือ ทุกอย่างเกิดขึ้นแต่เหตุเสมอ จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจให้มันเกิดก็ตาม

เพียงแต่เราไม่รู้เหตุโดยละเอียดเท่านั้นเอง ว่ามันเกิดจากอะไรบ้าง พอจู่ๆเกิดอะไรขึ้นเหตุการณ์หนึ่งซึ่งดูเหมือนไม่น่าจะเกิดขึ้น เราก็จะเรียกบังเอิญ

ทั้งที่เบื้องหลังการเกิกเหตุการณ์ที่เหมือนว่าจะบังเอิญนั้นมีที่มาเสมอ

นี่เรื่องธรรมดาๆนะ เป็นเรื่องเหตุเรื่องผล คุณอย่าตีความประโยคที่ว่า "ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ทุกสิ่งเกิดขึ้นแต่เหตุ" ของพ่อพเยีย เป็นเรื่องปาฏิหาริย์หรือเรื่องศักดิ์สิทธิ์ไปเสียล่ะ !



โดย: พ่อพเยีย IP: 124.121.21.98 วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:19:55:47 น.  

 

อาโดมคะ

ผู้คนทั้งหลายมักจะเข้าใจว่า คนที่เข้าหาธรรมะต้องมีอายุมากหรือต้องเป็นผู้สูงวัย พอนกเข้าวัด เลยได้ฉายานามไงคะ ว่า"แม่แก่" บางคนก็ชอบมองว่าที่มาวัดเพราะทุกข์หรืออกหัก ที่จริงแล้วหลายต่อหลายคนอยากมาหาความสุข สงบ ซึ่งไม่มีอะไรดีเท่าธรรมะ

นกชอบไปทำบุญที่วัดค่ะอา ตั้งแต่จัดสำรับอาหารเพื่อประเคนให้พระสงฆ์ หลังจากรับศีลรับพรแล้ว เราก็มารับประทานอาหารกัน หลังจากนั้นนกก็จะช่วยเก็บกวาดเท่าที่จะทำได้และเวลาเอื้ออำนวยค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะใช้เวลาช่วงเช้าวันอาทิตย์ พอได้ไปทำบุญแล้ว ใจเป็นสุขและสงบมากนะคะ แต่การเรียนรู้ซึ่งธรรมะ นกยังคงต้องศึกษาอีกมากค่ะ

มาตอบคำถามของอาจากที่บล็อกของนกนะคะ เผื่ออาไม่ว่างแวะไปค่ะ เสียงที่อาได้ยิน คือเสียงเป็ดของนกเองค่ะ เป็นมือสมัครเล่นไปเสียทุกอย่าง ทั้งถ่ายภาพ ร้องเพลง เขียนบทกวี แต่ทำได้ไม่ดีสักอย่าง เอาเป็นว่า จะดีหรือไม่ นกก็ทำทุกอย่างเพราะเป็นความสุขใจค่ะ อาโดม




โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:20:48:07 น.  

 
สวัสดีค่ะ
แวะเข้ามาเป็นครั้งที่สองค่ะ
สนใจเรื่องหนังสือเหมือนกันค่ะ
แต่ไม่มีหัวเรื่อง เรียบเรียงถ้อยคำ
เป็นกำลังใจอ่านให้แล้วกันนะค่ะ

แล้วจะแวะมาอีกค่ะ


โดย: Jaa+ (jajijaa ) วันที่: 27 สิงหาคม 2550 เวลา:21:59:06 น.  

 
อ่านบทความนี้แล้ว รู้สึกดี
พ่อพเยียเขียนจากด้านในได้ละเอียด ขอสนับสนุนให้เขียนผ่านดวงจิตนี้หลายๆ บท แล้วจะเป็นรวมเล่มที่น่าอ่านครับ


โดย: พ่อหนูหอม IP: 202.57.173.110 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:7:11:30 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณโดม..

อยากอ่าน " สิ่งไม่มีชีวิตเรียกว่าบล็อก " มากจะ ร้องเพลงรอ...
รอ...ไปพลางๆก่อนคิดเข้าข้างตัวเองว่า คงได้อ่านแน่ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่..(ใช่หรือเปล่าคะ)



โดย: ยานา IP: 61.7.173.131 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:7:55:18 น.  

 
มาช้าไปแล้วเรา เพราะงานเขาเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ปล.เพลงเพราะดีนะค่ะ ฟังแล้วสบายใจดีค่ะ


โดย: ดอกหญ้าเมืองเลย วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:8:03:57 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ

เอ๊ ! ..
จะมีสื่อมวลชนเล่มใดเขียนถึงเนื้อหาในเวทีคุย "จาก blog สู่ book" ไหมนะ

ขอบคุณสำหรับคำบรรยายข้างบนค่ะ อ่านแล้วเห็นภาพดี


โดย: ชมจันทร์ (ชมจันทร์ ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:8:54:09 น.  

 
กุฏิในป่าช้า ยังน่ารักเลย
ต้นสาละ ดอกดอกสวย เคยพบที่วัดแถวพะเยา

เรื่องป่าช้าเรามีเรื่องเด็ด ๆ จะเล่าให้ฟังแต่เอาไว้วันหลังดีกว่า เรื่องมันยาวกลัวจะเปลืองเนื้อที่

แต่ชอบใจคำของ ณรงค์ พัวณรงค์ พัว เคยกล่าวไว้ว่า...
"เพื่อนที่ดีก็เปรียบเสมือนกระจกเงาที่คอยสะท้อนอย่างตรงไปตรงมา ตอนที่เราลุกจากวงสนทนาปเข้าห้องน้ำ"(ฮาฮา)


โดย: แพรจารุ วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:12:18:50 น.  

 
ไอ่หย๋า....เหมือนมีอะไรมาดลใจ เลยค่ะ
พอได้อ่านที่ท่านพี่ตอบมาอย่างนั้นแล้ว
นึกขึ้นได้ทันทีเลยค่ะว่าปลูกที่ไหนไว้บ้าง
จำได้แต่สถานที่ แต่จำปีที่ปลูกไม่ได้
1. ปลูกเยอะมาก ๆๆๆๆ ถึงมากที่สุด ก็คือวัดอโศการาม แต่จำไม่ได้ว่าต้นไหนบ้าง ต้นไม้ที่ปลูกก็เป็นต้นไม้ที่อยู่แถวป่าชานเลนหน่ะค่ะ
รู้แต่ว่า ตอนนี้กลับไปที่วัดต้นมันโตมาก ๆ แล้ว แต่ไม่รู้ว่า จุดที่ปลูกกันตรงไหนบ้าง

เอ่อ...ไม่ได้ถูกบังคับให้ปลูกนะคะ แต่ตกวิชาวิทยาศาสตร์ค่ะ เลยต้องไปปลูก อิอิ เต็มใจทำค๊า...

อีกที่นึงคงเป็นตอนออกค่าย แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหนเพราะออกหลายที่ แล้วก็ปลูกไว้หลายที่เจ้าค่ะ


โดย: mojigirl วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:14:28:18 น.  

 
สวัดดีค่ะลุงโดม

บรรยากาศที่งานวันอาทิตย์ที่ผ่านมาป็นอย่างไรบ้างค่ะ
ดูเหมือนจะสนุก เล่าให้ฟังหน่อยสิค่ะ

หนูว่าการที่เราได้เดินทางไปยังที่ต่างๆมันเป็นการเปิดโลกทางความคิดของตัวเราเองนะค่ะ
มันจะทำให้เราได้เห็นสิ่งที่เราไม่รู้เละไม่เคยพบเจอ แล้วก็เป็นการฝึกการตัดสินใจของเราด้วยค่ะ
ดีจังเลยนะค่ะที่ลุงโดมได้เดินทางไปพบเจอสิ่งต่างๆมากมาย

ลุงโดมค่ะหนูอยากจะถามว่าถ้าวันที่ลูกสาวเรียนจบ ม.6 แล้ว(แต่ยังไม่มีที่เรียนต่อ)
และมาขออนุญาตไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนใกล้ๆบ้าน
ในความรู้สึกของคนเป็นลูกในตอนนั้นหวังว่าพ่อกับแม่จะอนุญาตให้ไป
เพราะคิดว่าพ่อกับแม่น่าจะเข้าใจและรู้ว่าลูกจะไม่ทำอะไรเสียหาย ไม่ยุ้งกับสิ่งมึนเมา และก็คิดว่าตนเองก็โตในระดับหนึ่ง
ถ้าเป็นลุงโดมจะอนุญาตให้ลูกสาวของลุงโดมไปหรือเปล่า
และต่อมามีการจัดทัวร์ไปภาคใต้โดยกลุ่มนักศึกษาในเวลานี้
ลุงโดมจะให้ลูกสาวไปหรือเปล่าค่ะถ้าเขามาขออนุญาต

พี่หทัยชนกค่ะสิ่งที่พี่พูดมันตรงกับความร้สึกของหนูในอดีตนะค่ะ
หนูก็คิดว่าคนที่ไปวัดจะต้องเป็นคนที่อายุมากๆเพราะไม่มีหน้าที่รับผิดชอบอะไรมากมาย
แต่เรื่องคนที่อกหักแล้วไปวัดนี้ไม่เคยอยู่ในความคิดของหนู
เมื่อก่อนตอนที่อยู่บ้านแม่มักจะบังคับให้หนูไปวัดด้วยเสมอ
หนูจะกระตือรือร้นไปวัดทีก็ตอนวันเกิดเท่านั้น นอกนั้นโดนบังคับ
ตอนนี้น้องชายหนูที่บ้านยังต้องไปวัดกับแม่เสมอ

ตอนนั้นหนูไม่เห็นประโยชน์ของการไปวัดเลย
จนได้มาอยู่หอพัก เจอการรับน้องต่างๆนา
สิ่งที่นึกขึ้นได้ในตอนนั้นคือการไปวัด ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากไปแต่ไปแล้วรู้สึกเหมือนมีอะไรบ้างอย่างที่ทำไห้รู้สึกดี
และจึงได้เข้าใจว่าการตั้งใจที่จะไปวัดเองกับการถูกบังคับไปมันเป็นอย่างไร
ตอนที่โดนบังคับไปตัวนะอยู่ที่วัดแต่ใจนึกถึงเตียงนอนที่บ้าน ทำให้ทรมานอย่างบอกไม่ถูก
แต่พอตั้งใจไปรู้สึกว่าใจมันสงบและเป็นสุข (อย่างนี้หรือเปล่าค่ะที่เรียกว่าเวลามีทุกทีก็เข้าวัดที)


โดย: yellyjam (lukkongpoka ) วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:15:49:50 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่โดม
มิตรรักนักเขียน (บล๊อก) ทุกท่าน
----------------------------------

สาวฯ กลับจากเก็บเห็ด เก็บหอยและหน่อไม้
ณ ป่าเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า เรียบร้อยแล้วค่ะ

ปล. คิดถึงที่นี่เสมอ...แม้ไม่ได้เจอกัน


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:19:19:04 น.  

 
สวัสดีจ้ะหลานนก

ดีแล้วหละเข้าวัดเข้าวาตั้งแต่ยังสาว พอแก่เฒ่าแล้วจะได้สบาย

แต่อาอยากบอกไว้อย่างหนึ่งนะว่า ในศาสนาพุทธของเราก็มีทั้งเปลือก ทั้งแก่น ทั้งกะพี้ เลือกดูให้ดีๆว่าอะไรคือเปลือกอะไรคือแก่น

เปลือกก็ให้รู้ว่าเปลือก แก่นก็รู้ว่าแก่น

เข้าวัดต้องรู้จักธรรมะ ไม่ใช่แค่รู้ว่าวัดไหนสวยหรือบรรยากาศสงบอย่างเดียว ต้องรู้ด้วยพระพุทธเจ้าสอนอะไรแก่สาวกและชาวโลก (ถือโอกาสสอนซะเลย ไม่ว่าอานะ)

สวัสดีค่ะคุณ jaa

เรื่องราวที่ผมเขียนขึ้นมา
ก็เพราะอยากเขียน
เมื่อเขียนเสร็จแล้วก็เพื่อการอ่านนั่นแหละครับ
นอกจกเขียนให้ตัวเองอ่านแล้ว
เมื่อมีคนอื่นมาอ่านก็ยิ่งดี

ด้วยความยินดีที่คุณแวะเบ้ามา... "เป็นกำลังใจอ่านให้แล้วกันนะค่ะ"


สวัสดีครับพ่อหนูหอม

ขอบคุณในคำชม
คนอื่นชมก็ยินดี
แต่นักเขียนด้วยกันหรือบรรณาธิการชมนี่ต้องหมั่นรู้สึกตัวเอาไว้...

เพราะ....เดี๋ยวจะเพริ่ด !!

สวัสดีครับยานา


ยังไม่รู้ว่าจะมีอะไรเขียนหรือเปล่าเลย เพราะอีกใจหนึ่งก็อยากไปเขียนต้นฉบับส่งคอลัมน์ประจำก่อน

ส่วนเรื่อง "สิ่งไม่มีชีวิตเรียกว่าบล็อก" นั้่นยังนึกไม่ออกว่าจะเขียนอย่างไรดี


สวัสดีครับคุณดอกหญ้าเมืองเลย

เพลงคุณศักดิ์สิริ เพราะทุกเพลงครับ เพราะมากหรือเพราะน้อยนั้นขึ้นอยู่ว่าชอบเพลงไหน

ถ้าเราชอบเพลงไหนมากเพลงนั้นก็จะรู้สึกเพราะมากครับ!


สวัสดีครับคุณชมจันทร์

เรื่องจาก "บล็อกสู่บุ๊ค" นั้น ถ้าอยากฟังที่พี่ปอน คุณจรินยา และผมพูดนั้น ผมคิดว่าคงไม่มีหนังสือเล่มไหนเอาไปลงหรอก เพราะวันนั้นเห็นหนูกว่าชื่น บางคมบาง แห่งหนังสือ Lush (ลัช) เธอไปนั่งฟังอยู่เหมือนกัน

แต่ไม่รู้ว่าเธอจะเอาไปเขียนหรือเปล่า และหนังสือเล่มที่ว่านี้ก็หาซื้อยากเสียด้วยสิ

แต่ถ้าอยากรู้ว่า จาก Blog มาสู่ Book อย่างไร ลองคลิกไปดูที่ผมลิงค์ไว้ที่เขียนว่า "จากบล็อกมาเป็นพ็อคเก็ตบุ๊ค" เคยตีพิมพ์ในมติชนวันเสาร์ ลองเข้าไปอ่านดูก็ได้นะครับ

แต่วันนั้นผมยังไม่มั่นใจว่าผมมีอะไรจะมาเล่าหรือเปล่า ?

สวัสดีจ้ะแพร จารุ

ณรงค์ พัว เขามีคำคมๆเยอะเลยนะ ช่วงที่เขาเขียน "แลพิภพเล่น"ในมติชน เราก็เป็นแฟนประจำคอลัมน์เขา

ช่วงนี้ด้วยวิถีชีวิต เรากับเขาจึงไม่ได้พบกันเลย นานๆจะแวะไปตักสุราสักครั้ง แต่ก็นานมาก


สวัสดีครับคุณ mojgirl

หลังจากที่ผมเขียนตอบคุณแล้ว
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคุณจะได้กลับมาอ่านหรือเปล่า ?

แต่เวลาที่เราเขียนอะไรถึงใครหรือตอบใคร ใจเราก็อยากให้เขาได้อ่านข้อความนั้น ใช่ไหมครับ ?

ผมดีใจที่คุณกลับมาอ่านและยังมาตอบอย่างอารมณ์ดีเสียอีกว่านึกออกแล้วว่าปลูกที่ไหนบ้าง

สวัสดีจ้ะหนูyellyjam

ลุงโดมค่ะหนูอยากจะถามว่าถ้าวันที่ลูกสาวเรียนจบ ม.6 แล้ว(แต่ยังไม่มีที่เรียนต่อ)
และมาขออนุญาตไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนใกล้ๆบ้าน
ในความรู้สึกของคนเป็นลูกในตอนนั้นหวังว่าพ่อกับแม่จะอนุญาตให้ไป
เพราะคิดว่าพ่อกับแม่น่าจะเข้าใจและรู้ว่าลูกจะไม่ทำอะไรเสียหาย ไม่ยุ่งกับสิ่งมึนเมา และก็คิดว่าตนเองก็โตในระดับหนึ่ง
ถ้าเป็นลุงโดมจะอนุญาตให้ลูก
สาวของลุงโดมไปหรือเปล่า

ข้อนี้ลุงโดมตอบว่า ลุงให้ไปอยู่แล้ว เพราะก่อนที่จะไปงานเลี้ยงบ้านเพื่อนหลังจบมอหก

ก่อนหน้านี้ลูกสาวลุงโดมก็ต้องเคยขออนุญาตไปไหนมาก่อน และลุงโดมก็อนุญาตมาตลอด จนเกิดความไว้วางใจกันและเชื่อใจลูกสาวของเราแล้วว่าเธอจะไม่ไปทำอะไรเสียหาย

ไม่ใช่ไม่เคยขอไปไหนเลย ไม่เคยอนุญาตเลย จู่ๆเมื่อจบมอหกแล้วเพิ่งมาขออนุญาตเป็นครั้งแรกมันก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว

เพราะก่อนที่จะมาถึงมอหก ก็ต้องมีมอสี่ มอห้า ก่อนจะงานเลี้ยงบ้านเพื่อนก็ต้องมีนัดเพื่อนที่ห้าง นัดไปดูหนังกับเพื่อน ไปดูคอนเสิร์ท ฯลฯ มันก็ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไปอย่างนี้มาก่อนจ้ะ
(หนูเข้าใจที่ลุงอธิบายหรือเปล่าจ๊ะ ?)



และต่อมามีการจัดทัวร์ไปภาคใต้โดยกลุ่มนักศึกษาในเวลานี้
ลุงโดมจะให้ลูกสาวไปหรือเปล่าค่ะถ้าเขามาขออนุญาต

ส่วนการจัดทัวร์ไปภาคใต้ ก็ต้องดูก่อนว่าใครเป็นผู้จัด จัดไปเพื่อเป้าหมายอะไร และไปในเขตจังหวัดอันตรายไหม ถ้าทางโรงเรียนจัด มีครูบาอาจารย์ไปด้วย ลุงโดมก็อนุญาต

แต่ส่วนใหญ่จะเดินทางไปไหน ไม่ว่าไปทัศนศึกษานอกสถานที่ต่างๆ ลุงโดมอนุญาตลูกสาวตลอดอยู่แล้ว

เพราะลุงพึงระลึกอยู่เสมอว่า การเดินทางหรือการได้ไปไหนมาไหนหรืออยู่ร่วมกับผู้อื่นนั้นเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ โลกนี้ไม่ใช่มีพ่อกับแม่สองคนเท่านั้น



เรื่องไปวัดหนูคุยกับพี่หทัยชนกไปก่อนก้แล้วกันนะ

ช่วงนี้ลุงยังไม่ค่อยว่างไปคุยด้วยเลย ว่างๆแล้วลุงจะเข้าไปคุยที่บล็อกหนูนะ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:19:27:01 น.  

 
สวัสดีค่ะทุกคน

พ่อพเยียและพี่หนอนฯคะ...

แรกๆที่ออกจากงานมาเลี้ยงลูก บอกตรงๆว่า รู้สึกหดหู่มาก
รู้สึกเหมือนชีวิตตัวเองหยุดนิ่ง จนบางทีคล้ายตกต่ำ
มองเห็นคนอื่นก้าวหน้า และรู้ว่าถ้าตัวเองยังทำงานอยู่
ก็สามารถไปไกลได้เช่นกัน
พบเพื่อนๆคุยกันฟุ้งเรื่องงาน เราได้แต่เงียบ ไม่มีอะไรจะคุย ต้อยต่ำจัง
แม้รู้สึกแย่แต่ก็มั่นใจลึกๆมาตลอดว่า ไม่ได้คิดผิด

ผ่านมาเกือบสิบสามปี
ทำให้ได้รู้ว่า ไม่ใช่ลูกเท่านั้นที่ได้รับสิ่งดีๆ
ตัวเองก็ได้รับอย่างมากมายจากลูก
ได้ฝึกอดทน เสียสละ ใจเย็นขึ้น มีเหตุผล พูดเพราะ อ่อนโยน ฯลฯ
สารพัดนิสัยดีในวันนี้ เกิดหลังจากการมีลูกทั้งสิ้น
(ไปถามเพอื่นสมัยเรียนของหนูสิว่าเมื่อก่อนหนูแสบซ่าทะโมนขนาดไหน
ยังไม่นับความสุขที่ได้อยู่กับคนที่เรารักตลอดเวลา
ความสุขจากการอ่านนิทานให้ลูกฟัง
นิทานทำให้หัวใจหนูนุ่มนวลขึ้น ไม่แพ้หนังสืออื่นๆเลยล่ะ

ทุกวันนี้ไปไหนเจอใคร บอกด้วยความภูมิใจว่า
มีอาชีพอยู่บ้านเลี้ยงลูกฮ่ะ
ไม่เคยรู้สึกต่ำต้อยใดๆหรืออิจฉาใครอีกเลย
เพราะได้รู้แล้วว่า ความสุขที่ได้รับได้สัมผัสยามอยู่กับลูก
ทำกิจกรรมกับลูก หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว
บอกตัวเองทุกวันว่าโชคดีที่ได้มีโอกาสเช่นนี้

หนก็ูมีความสุขไปวันๆตามประสาหนูแหละค่ะ
และไม่เคยคิดว่าตัวเองมีความสุขมากกว่าใคร หรือน้อยกว่าใคร
หนูเชื่อว่า แต่ละคนก็มีความสุขตามวิถีของตน


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 58.8.61.170 วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:19:30:29 น.  

 
สวัสดีจ้ะสาวบ้านนอก

น่าจะเขียนเรื่องสันสักเรื่องนะ พ่อพเยียตั้งชื่อให้ว่า

"แล้วจะเก็บหน่อไม้มาฝาก"

เป็นเรื่องโรแมนติคแบบอะคึๆ


สวัสดีจ้ะตะเบบูญ่า

แม่บ้านแมบตะเบบูญ่า ไม่ใช่แม่บ้านธรรมดาๆนะจะบอกให้




โดย: พ่อพเยีย วันที่: 28 สิงหาคม 2550 เวลา:20:27:48 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม... ตั้งใจมาเยี่ยมและเอาความคิดเห็นมาฝาก.

พ่อพเยีย 28 สิงหาคม 2550 8:29:19 น.
=======================
สวัสดีครับพี่โดม สำหรับกิจกรรมในวันที่ 30 กย. ผมกะว่าจะว่างจะไปร่วมเป็นหนึ่งในบรรยากาศของงานครับ...

ใช่ครับ.. เมษาปี47 ผมบวชเป็นพระนวกะวัดชลประทานฯ ส่วนพรรษาแรกผมไปอยู่ที่สวนโมกข์ ไชยา มีโอกาสอยู่ในร่มกาสายะ 10 เดือน 15 วัน ระหว่างจำพรรษา ผมเขียนบันทึกประจำวัน เขียนความคิด ความรู้สึก และเขียนจดหมายถึงน้องสาว...

ในส่วนจดหมายที่ผมเขียน น้องสาวคนดีได้พิมพ์เนื้อความที่ผมเขียนถึงเธอ ส่งกลับมาให้ผมอีกครั้ง ผมเลยนำมาใส่ไว้ที่บล๊อกนี้ เพราะผมเขียนเกริ่นไปว่า จดหมายที่เราเขียนตอบกันนี้ นานๆไป ร่วมเล่มได้เลย พี่โดมตามไปอ่าน เริ่มต้นที่ลิงค์นี้นะครับ แล้วก็ค่อยๆ ไล่ขึ้นไปตามวันที่ https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=naigod&month=07-2005&date=26&group=2&gblog=9

ส่วนแต่ละวันผมทำอะไรบ้างนั่นในเวลาขณะที่บวชอยู่ผมเขียนเป็นบันทึก คงต้องค่อยๆ เลือกมาพิมพ์เก็บใส่ไว้ในบล๊อกล่ะครับ ตอนนี้ยังไม่ได้ทำเลย ได้แต่กะว่ากะว่า ตั้งท่าอยู่อย่างนั่น ยังไม่ลงมือสักที ขอติดไว้ก่อนแล้วกันครับ...



โดย: naigod วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:1:37:19 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่โดม..

มาทักทายแล้วคงจะหายไปอีก.. ภารกิจ และหน้าที่ สาหัสจริงๆ พี่..

แล้วก็มี 13-14-15 ชมรมคาทอลิคเขาเปิดอบรมเกี่ยวกับสื่อสารมวลชน ไม่ว่าจะเป็นการเขียนข่าว..เทคนิคการถ่ายภาพฯ ก็คงจะไปกับเขาอีก.. (ที่สุราษฎร์ฯ)

เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ได้เรียนในห้องเหมือนคนอื่นๆ เขา เผื่อว่าวันหนึ่งจะนำมาใช้ให้ได้ประโยชน์อย่างมากที่สุดน่ะค่ะ

รายงานตัวแล้วชะแว้บ..ค่ะ


โดย: สีน้ำฟ้า วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:2:09:35 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่โดม คุณหนอนเมืองกรุง คุณตะเบบูญ่าและน้องจินนี่ คุณสะเลเต คุณยานา คุณแม่น้องนิก ++++ ทุกๆ ท่าน (หากไล่ชื่อหมดกลัวไม่ได้ทำงานค่ะ อาจหลับก่อน ขอโทษจริงๆ นะคะ)

ช่วงนี้งานยุ่งมากเลยค่ะ กลางคืนก็ทำประจำ กลางวันก็มีเรื่องให้ออกจากบ้านไปทำโน่นทำนี่ ช่วยงานน้องสาว ที่กำลังจะจัดงานเกี่ยวกับแฟชั่นโชว์อยู่---

เลยไม่มีโอกาสเข้ามาหา บล็อกตัวเองก็ปล่อยทิ้งร้างไว้ก่อน

ขอบคุณคุณหนอนฯ ที่ชมว่าสวย แต่ในกลุ่มเพื่อนๆ จะบอกว่าแกล้งกันนี่หว่า (ฮ่า) เพราะผู้อื่นที่ยังมิได้ยลโฉม จะหลงคิดวาดภาพฟุ้งไปกว่าความจริง มาเจอหน้าจริง อาจร้อง ยี้!!! (ไม่ห้อยร้อยยี่สิบ)

เรามักจะชมว่าเพื่อนเราหน้าตางั้นๆ ติดขี้เหร่ด้วยหละ...แก...พอคนเห็นเพื่อนเราปุ๊บ ก็จะบอกว่า เฮ้ย!...เพื่อนแกสวยนะ....

การวาดภาพในจินตนาการให้มันลบลง จะกลายเป็นบวกในทันที...(ฮ่าๆๆๆๆ)

ชอบอ่านเรื่องงานวันอาทิตย์ที่คุณเขียนกันนะคะ เป็นภาพที่มาจากมุมมองของผู้ชม...

แต่เด็กแถวนั้นเจี๊ยวใหญ่จริงๆ (หมายความว่าเจี๊ยวจ๊าวกันยกใหญ่---มิได้ไปแอบดึงกุงเกงเด็กดูแต่อย่างไร) ช่วยไม่ได้ มันเป็นที่ของเด็กๆ ที่เราๆ ผู้ใหญ่ไปแย่งใช้...

รอพี่โดมเล่านะคะ
เสียดายเหมือนกัน วันนั้นไม่พกกล้องไป เลยไม่มีภาพมาฝากค่ะ.....

คิดถึงทุกท่านนะคะ
ขอตัวไปทำงานต่อก่อน เดี๋ยวจะไม่ได้นอนค่ะ



โดย: ฮอลล์ IP: 58.8.135.160 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:2:27:53 น.  

 
สวัสดีตอนเช้าค่ะ คุณโดม
เช้านี้อากาศขมุกขมัว น่านอน
เฉยๆ..โดยไม่ต้องทำอะไรเลย..
ที่บ้านคุณโดมอากาศเป็นอย่างนี้หรือเปล่าคะ..

ฝากความคิดถึงไปยังคุณฮอลล์
ด้วยนะคะ ทำงานเยอะตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน๊อต อย่างนี้ระวัง
เงินจะใช้ไม่ทันนะคะ..
พักผ่อนบ้างนะคะ เป็นห่วงค่ะ..

จริงอยู่คนเรานั้นต้องทำโน่นทำนี่บ้างในวันหนึ่งๆร่างกายจะได้เคลื่อนไหว สมองจะได้ทำงาน

แต่เราไม่จำเป็นต้องวิ่งวุ่นตลอดเวลา..และไม่ควรเฉื่อยชานัก.

ฝากถึงทุกคนค่ะ


โดย: ยานา IP: 61.7.173.70 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:8:38:09 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ

มาต่อแถวจากสาวๆ สวยๆ สองท่านนี้รู้สึกสดชื่นดี

กำลังทำงานอยู่ค่ะ.. เมื่อเช้าบิดขี้เกียจสลัดยังไงก็ไม่หลุด..แต่พอนึกขึ้นได้ว่า..วันศุกร์นี้นัดส่งงานกับผู้ตรวจบัญชีสหกรณ์.. ถึงได้ตาสว่าง

เพราะงานบัญชียังไม่เรียบร้อยนัก ที่ว่าข้อมูลหาย..แล้วต้องทำใหม่น่ะค่ะ..ยังตามล้าง ตามล่าหาข้อมูลมาลงบัญชีกันต่อไป

พอเหนื่อยก็พัก..แล้วแวะมาที่นี่..หมุนเม้าส์ขึ้นๆ ลงๆ อ่านความเห็นนั้นนิด นี้หน่อย..ก็อมยิ้มกลับไป

มีแรงทำงานต่อ.. ห่างไกลแต่ไม่ห่างกัน ชื่นใจกับทุกๆ ข้อความ แม้ไม่ใช่บ้านตัวเองก็เหอะ..

ฮิฮิ..ไปค่ะ.. วัน-เวลา ของวันนี้คงยังอีกยาวนาน ถ้าหากวัน-สองวันนี้มาโผล่ที่นี่บ่อยๆ อย่าเพิ่งเบื่อกันเสียก่อนนะคะ..

หาที่พึ่งพิงก่อนสติจะแตก..งานหลวง งานราษฎร์.. งานบ้าน.. อิช้านนนนน.. ท้างเพ



โดย: สีน้ำฟ้า IP: 61.7.160.197 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:9:34:33 น.  

 
สวัสดีจ้ะ ทุกๆ คน

เข้ามาอ่านทุกวัน แต่ไม่เมน้ท์ สนุกดีจ้ะ ไปล่ะนะจ้ะ


โดย: p.tim IP: 222.123.128.10 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:9:51:05 น.  

 
เข้ามาอ่านอีกรอบค่ะ

ขอบคุณค่ะที่แวะไปทักทายบล็อก

ลีลาของลุงเทพ ..อย่าว่าแต่เด็ก ๆ เลย
แก่ ๆ (อุ๊บส์) อย่างแม่เกาลัดก็ชอบค่ะ
เติมพลัง เติมชีวิตจิตใจได้ดี

อยู่เมืองหลวง
ต้องหมั่นเติมพลังภายในให้ตัวเองบ่อย ๆ
ไม่งั้นจะกลายเป็นมนุษย์หุ่นยนต์ไปซะงั้น


โดย: ชมจันทร์ IP: 202.29.77.2 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:14:37:31 น.  

 
ผลซีไรท์ค่ะ

//www.manager.co.th/MetroLife/ViewNews.aspx?NewsID=9500000101325



โดย: ชจ IP: 202.29.77.2 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:15:29:58 น.  

 

สวัสดีค่ะ อาโดม และพี่ๆ ทุกท่าน

เข้ามาอ่านอย่างสม่ำเสมอทุก Comment อ่านแล้วได้บรรยากาศที่อบอุ่นถึงความถ้อยทีถ้อยอาศัยที่ไม่เคยคิดว่าจะได้จากบล็อกมาก่อนเลย

บรรยากาศที่งานเมื่อวันอาทิตย์น่าสนุกจัง แต่ละท่านบรรยายได้จนเห็นภาพเลย แต่ถ้ามีภาพมาลงด้วย จะยิ่งชัดเจนมากขึ้นนะคะ สำหรับพี่ฮอลล์นั้นคงจะเป็น Working Woman แน่ๆ เลย ทำงานทั้งกลางวัน กลางคืน ฟังดูน่าเหนื่อยแทนนะคะ

ขอบคุณอาโดมที่แนะนำเรื่องธรรมะ ไม่เคยนึกต่อว่าแม้แต่สักนิดนะคะ ยินดีด้วยซ้ำ ที่เห็นเป็นลูกหลานและสอนสั่ง อย่างที่เรียนให้ทราบค่ะ นกยังต้องเรียนรู้เรื่องธรรมะอีกมากมายนัก

ฝากความห่วงใยมายัง พี่ยานาด้วยค่ะ บุญรักษาอาโดมและครอบครัว พร้อมกับมวลมิตรของอาทุกๆ คน



โดย: หทัยชนก (Nok_Noah ) วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:20:10:37 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณโดม

พักนี้..หายหน้าหายตาไปหลายวัน..เรื่องของเรื่องคือคอยโหลดนานจนคอยไม่ไหวอ่ะค่ะ อ๊อพชั่นบล๊อกพ่อพเยียเพิ่มขึ้น เม้นท์มากขึ้น อิๆ กว่าที่จะวนมาหาพ่อพเยียได้ก็นานเล๊ย อีกอย่างช่วงนี้ ไฮซีซึ่น เอ๊ย..ช่วงนี้ลูกเปิดเรียนค่ะ ต้องปล่อยสายให้ว่าง
เพราะบางทีทางโรงเรียนโทรมา
หากลูกเกิดอุบัติเหตุ เขาก็จะเรียกให้เราไปรับลูกกลับบ้านน่ะค่ะ

มาสนับสนุนความคิดของพี่ตะเบบูญ่าเธอ..เรื่องความสุขในหน้าที่
หน้าที่ไหนก็เป็นงานทั้งนั้น จริงมั๊ยคะพ่อพเยีย..จอห์นเขาบอกไว้

จะคอยพ่อพเยียอั๊พบล๊อกวันงานค่ะ อยากเห็นคุณฮอลล์ด้วย

น้องจินนี่สวยกว่าคุณแม่อีก..โห
งานนี้ พี่ตะเบบูญ่าต้องไปตีแบท
กระชากวัยเพิ่มแน่ๆเลย ส่วนพี่หนอนฯ..น้องแป้งสวยเหมือนแม่น่ะ..เชื่อค่ะ ก๊อปมามิผิดเพี้ยนเล๊ย แต่เธอน่ารักมีเสน่ห์นะคุณโดม..สวยไม่สวยไม่สำคัญ แต่ถ้ามีเสน่ห์ก็พอละเนาะคนเรา

ดูได้จากตัวเองค่ะ ถามห้าร้อยรอบสามีก็มิเคยบอกเมียสวย
ตอบแต่..น่าร๊ากกกก



โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.135.138 วันที่: 29 สิงหาคม 2550 เวลา:20:38:04 น.  

 
แวะมาอ่านบังเอิญ คงอยู่ในช่วงเดียวกันในแวดวงการอ่าน เห็นพูดถึงปอเนาะที่รัก ของณรงค์ฤทธิ์ ศักดารณรงค์ นักรบสันติภาพเทือกเขาบูโดแห่งอดีต ปัจจุบันเขาเป็นนักรบดาวเทียม สอนภาษาไทยผ่าน UBC โด่งดังมากทีเดียว ยินดีกับงานใหม่เขาที่อุทิศเพื่อการศึกษาของชาติ ดูเหมือนจะมีงานเขียนออกมาน้อยมาก เท่าที่รู้มุ่งงานการศึกษาเป็นหลัก พอรู้มาเท่านี้
โดมเข้าวัดก็ดีแล้ว อนุโมทนา เราเองมั่นใจมาก ว่าอย่างน้อยก็ต้องเข้าวัด เข้าวัดเหมือนโดม ขอให้โชคดีนะโดม


โดย: ไท IP: 203.113.89.30 วันที่: 7 กันยายน 2550 เวลา:14:33:08 น.  

 
สวัสดีคะคุณโดมและแฟนบล็อก
"หายหน้าหายตาไปบ้าง เธอเปลี่ยนจากฉัน ฉันยังคิดถึงทุกคน" มาเพราะจะมาบอกว่าเมื่อ ๑๑ กันยายน ของหกปีที่แล้วสาวเสียงพิณคนนี้อยูที่ไหนของอเมริกา และก็มาในฐานะสตรีหมายเลขสองของประธานาธิบดีด้วยประมาณนี้ ไปเรียนภาษาเหมือนเช่นวันนี้เลย มิสคอนนี่ว่า " พรุ่งนี้ประธานาธิบดีจะมาที่เมืองเรา มาเยี่ยมโรงเรียน ดิฉันก็นึกว่าทำไมโชคดีจัง จะได้เห็นพญานก จะแต่งตัวให้สวยเตรียมกล้องอินทรีย์ตัวจริง เปล่าค่ะเขาไปโรงเรียนประถม เครื่องบินลำที่หนึ่งชนดิฉันก็นึกว่าครูเปิดหนังให้ดู ห้องเรียนทะลุกันระหว่างมิสคอนนี่ ถ้าอยากอ่านต่อเชิญที่บล็อกคนสวยนะค่ะ ชื่อดาวกระพริบฟ้า


โดย: บุญสิตา IP: 67.9.4.204 วันที่: 11 กันยายน 2550 เวลา:6:17:14 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณโดม
ชอบบล็อกของคุณโดมจังเลยค่ะ
อ่านแล้วสบายใจจัง เข้ามาอ่านบ่อยมากช่วงนี้
แล้วก็ตอนนี้หลงรักเสียงของคุณศักดิ์สิริ มากๆ อยากได้ชุดที่มีเพลงแผ้วถางด้วยค่ะ ทราบว่ามีชุด ล่าสุด แต่ไม่มีเพลงแผ้วถาง คุณโดมช่วยแนะนำ ที่ติดต่อ หรือสถานที่ซื้อให้หน่อยสิคะ ฝากเพื่อนที่เมืองไทยหาให้แล้วไม่มีเลยค่ะ ชอบมากๆเลยค่ะ ขอบคุณมากนะค่ะ


โดย: สา IP: 218.111.143.98 วันที่: 13 ตุลาคม 2550 เวลา:14:26:59 น.  

 
ตามอ่านของโดมอยู่บ่อยๆ ช่วงนี้ก็ทำเพลง ทำวงดนตรี ก็ดึงแวงมาช่วยด้วย วงหน้ากาก ลองไปดูนะครับที่ //www.naakaak.com
ห่างไกล ไม่ห่างกันจริงๆ


โดย: ตั๊ก อรุณศักดิ์ IP: 124.121.91.16 วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:11:06:35 น.  

 
หวัดดีค่ะ คุณพ่อพเยีย

แม่น้องมะปรางแวะมาทักทายนะคะ
พี่โดมสบายดีนะคะ...เอื้องเชื่ออย่างนั้น วันก่อนในงานแสดงภาพของพี่ศาลกะพี่เลนส์ ยังพูดถึงพี่กันอยู่เลย
ระลึกถึงพี่เสมอนะคะ ฝากความคิดถึงให้คุณแม่กล้วยกับน้องพเยียด้วยค่ะ(โตเป็นสาวแล้วสินะ มะปรางก็โตมากแล้วเหมือนกันค่ะ)

เอื้อง


โดย: เอื้อง ยิปโซ IP: 58.9.148.70 วันที่: 8 พฤศจิกายน 2550 เวลา:13:30:09 น.  

 
ชอบเพลงแผ้วถางมากเลยค่ะ

งดงาม...

อาจารย์ศักดิ์สิริ
ร้องเพลงเพราะมากเลยค่ะ

.....




โดย: NAKDERNTANG_cpe วันที่: 10 เมษายน 2551 เวลา:23:20:51 น.  

 
สวัสดีค่ะ

คนอื่นเขียนเยอะแล้ว

เราเอาสั้น ๆ ว่า "รูป น้าโดม บล็อก เท่ห์ดี"


โดย: มนาโป (ปจจ.) IP: 58.9.152.97 วันที่: 12 มีนาคม 2552 เวลา:13:31:22 น.  

 
สวัสดีครับคุณโดม ผมได้ติดตามงานของคุณโดมมาตลอดจนถึงเรื่องที่คุณโดมได้มาเช่าบ้านอยู่ที่แม่ฮ่องสอน ผมเป็นคนปายครับ และก็ชอบธรรมะเหมือนคุณโดมแต่ว่าทำได้บ้างไม่ได้บ้าง และผมก็ชอบงานของท่านอาจารย์พุทธทาสภิกขุเหมือนกัน ผมอยากปรึกษาว่าผมจะทำหนังสือธรรมมะแจกเพื่อน ๆนี้จะยากใหมครับ ผมเป็นครูนะ อายุ 35 ปีอยู่ที่ปายนะครับ


โดย: อนันต์ สิริโม IP: 203.172.211.105 วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:12:10:16 น.  

 


โดย: คนเดินดิน (หน้าใหม่อยากกรอบ ) วันที่: 9 สิงหาคม 2554 เวลา:15:26:53 น.  

 


โดย: SassymOn วันที่: 29 พฤศจิกายน 2554 เวลา:2:12:43 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.