|
ห่างไกล ไม่ห่างกัน (13)
สวัสดีทุกท่านที่เข้ามาอ่าน
ผมนำบันทึกที่เขียนถึงลูกเมื่อก่อนหน้านี้มาขัดเกลาตัดต่อเพิ่มเติม ขยับปรับแต่งเรียบเรียงเรียบร้อยแล้วมาให้อ่านกันเล่น
แต่สิ่งที่ยังคงอยู่เหมือนเดิมก็คือเรื่องราวความจริงและความรัก ของพ่อที่อยู่ไกลบ้านคนหนึ่ง
ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงได้เห็นหนังสือชื่อ "ห่างไกล ไม่ห่างกัน" ในไม่ช้าไม่นานนี้
ด้วยมิตรภาพ
---------------------------------------
(13)
พเยีย ลูกรัก
บ่ายวันนี้พ่อนอนเอกเขนกที่เปลญวนอ่านหนังสือ ธรรมะเอกเขนก ของป้าขวัญ เพียงหทัย ที่เพิ่งได้รับมาหมาดๆ ถ้าพูดถึงป้าขวัญทีไรพ่อมีเรื่องเล่าให้ลูกฟังอยู่เรื่อย ทั้งที่ตอนนี้นานๆพ่อจะได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับเธอสักครั้ง แต่ทว่าพ่อรู้สึกเหมือนกับว่ามีเรื่องเกี่ยวข้องโยงใยกันอยู่เสมอ
ป้าขวัญคือเจ้านายเก่าของพ่อสมัยที่พ่อทำงานหนังสือ แต่ก่อนป้าขวัญก็เป็นคนทำหนังสือและเขียนหนังสือทั่วๆไป อีกทั้งทำหน้าที่เกี่ยวกับการเงินของบริษัทตัวเองด้วย แล้ววันหนึ่งป้าขวัญก็หันมาสนใจธรรมะ จากที่เคยเขียนเรื่องสั้นโรแมนติคค่อยๆแปรเปลี่ยนมาเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมะ ปัจจุบันป้าขวัญเป็นนักเขียนแนวธรรมะไปเต็มตัวแล้วและยังเป็นพุทธบริษัทที่มีส่วนในการเผยแพร่พุทธศาสนาทั้งทางตรงและทางอ้อม ป้าขวัญไปเรียนพุทธศาสนากับอาจารย์วศิน อินทสระในวันอาทิตย์ติดต่อกันมาหลายปีแล้ว ป้าขวัญก็เคยชวนพ่ออยู่เหมือนกัน แต่พ่อก็ยังไม่เคยได้ไปเสียที พ่อชอบคำกล่าวชมของอาจารย์วศินที่มีต่อลูกศิษย์อย่างป้าขวัญในการทำงานเขียนชุดนี้ว่า เหมือนเป็นการทาสีรักษาเนื้อไม้ ยังทำให้ไม้ดูงามขึ้นด้วย
ป้าขวัญทำงานเขียนชุดนี้ด้วยจิตใจที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาในศาสนาพุทธ เรื่องราวใน ธรรมะเอกเขนก เป็นการเล่านิทานธรรมะที่ไม่ได้อยู่ในขนบเดิมๆแล้ว พ่อคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อผู้คนในยุคสมัยนี้ ส่วนใครจะเห็นว่าเป็นประโยชน์หรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับบุคคลนั้นๆ พ่ออ่านนิทานธรรมะไปได้ไม่กี่เรื่องก็เกิดความรู้สึกอยากอ่านนิทานเหล่านี้ให้ย่าฟัง พ่อจึงโทรศัพท์ไปหาย่าทันทีและบอกว่าจะไปอ่านนิทานธรรมะให้ฟังเร็วๆนี้ เพราะพ่อคิดว่านิทานธรรมะนั้นเป็นเรื่องที่เหมาะสมกับคนทุกเพศทุกวัย ไม่ใช่ว่าเป็นนิทานแล้วต้องเหมาะกับเด็กๆเท่านั้น พ่อก็ได้แต่กราบอนุโมทนาป้าขวัญ ที่อุทิศทั้งแรงกายแรงใจรวมไปถึงทรัพย์สินที่ใช้จ่ายที่เรือนธรรมเป็นคาราวานกองทัพธรรมขับเคลื่อนไปตามกำลัง ซึ่งพ่อก็พลอยได้อาศัยใบบุญไปด้วย เพื่อเป็นการรำลึกความหลังและนึกถึงความดีงามของป้าขวัญอันเป็นที่รักเคารพของพ่อ พ่อจะเล่าให้ลูกฟังว่าพ่อได้รู้จักกับป้าขวัญอย่างไร ? รู้สึกตื่นเต้นอยู่เหมือนกัน เพราะวันนี้เป็นวันเริ่มต้นทำงานเป็นวันแรก ไปถึงสำนักงานตั้งแต่เช้า พี่ปกรณ์ แนะนำให้รู้จัก พี่ขวัญ เพียงหทัย คู่ชีวิตของเขา ได้โต๊ะทำงานใกล้ๆกับพี่ปกรณ์ วันนี้ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องทำอะไรบ้าง ตอนเย็นกลับห้องพัก ไม่ได้ออกไปไหน เขียนจดหมายถึงเพื่อนๆและพ่อแม่ ส่งข่าวว่าได้งานทำแล้ว นับว่าเป็นงานที่พอใจที่สุดในชีวิต ไม่นึกว่าจะได้งานง่ายๆเช่นนี้เลย เพราะเป็นงานที่ใฝ่ฝันมาแสนนาน ดีใจจนบอกไม่ถูก นี่คือข้อความที่พ่อเขียนบันทึกไว้ในไดอะรี่เล่มเก่าแก่ (ระบุวันที่ 13 สิงหาคม 2523) ซึ่งเป็นวันที่พ่อได้พบหน้าป้าขวัญเป็นครั้งแรก และนับว่าเป็นก้าวแรกที่พ่อย่างเข้าสู่ถนนคนทำหนังสือ โดยที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการทำหนังสือมาก่อนเลย มีแต่ใจรักเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ในตอนนั้น หนุ่มสาว เป็นนิตยสารรายเดือน ซึ่งมีคุณปกรณ์ พงศ์วราภาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของ โดยมีป้าขวัญเป็นผู้ช่วยทำงานเกือบทุกด้านอย่างแข็งขัน สำนักงานเป็นห้องแบ่งเช่าเล็กๆอยู่แถวปทุมวัน มีคนทำงานทั้งหมด 5 คน ป้าขวัญเป็นคนแนะนำพ่อให้หาเวลาว่างในตอนเช้าไปเรียนพิมพ์ดีดก่อนที่จะเข้าสำนักงาน
พ่อไม่นึกเลยว่าการพิมพ์ดีดเป็นตั้งแต่ครั้งนั้นจะกลายเป็นเครื่องมือในการทำงานติดตัวพ่อมาจนถึงทุกวันนี้
ปัจจุบันป้าขวัญทำงานอยู่ที่บริษัท จีเอ็ม มัลติมีเดีย จำกัด (มหาชน) โดยมีนิตยสารในเครือหลายเล่มด้วยกัน ได้แก่ GM , GM Car, GM 2000, GM Watch, Home & Decor, GM Plus, Mother & Care และ Woman plus ฯลฯ
มีอยู่ช่วงหนึ่งที่พ่อทราบข่าวการเป็นหนี้สินของบริษัท แต่ในที่สุดทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ในช่วงนั้นพ่อได้ข่าวว่าป้าขวัญสนใจธรรมะ แต่พ่อคิดว่าเดี๋ยวพอหายทุกข์หมดปัญหาก็คงเลิกราไปเอง เพราะพ่อเห็นมานักต่อนักแล้วว่าคนเราชอบเข้าหาธรรมะก็ตอนมีทุกข์มากๆ พอบรรเทาเบาบางก็ห่างเหิน
เมื่อมีโอกาสพ่อได้แวะเวียนไปพบปะพูดคุยกับป้าขวัญ เธอยังเกาะติดธรรมะอย่างเหนียวแน่น และดูเหมือนว่าจะก้าวไปข้างหน้าอยู่เรื่อยๆ
งานเขียนช่วงหลังๆของป้าขวัญเป็นเรื่องเกี่ยวกับชีวิตและธรรมะ เช่น ธรรมะรอบกองไฟ สวนดอกไม้กับชีวิต ชีวิตด้านที่สาม ช็อปปิ้งบุญ ฯลฯ และยังตั้งสำนักพิมพ์ เรือนธรรม ที่พิมพ์งานเกี่ยวกับธรรมะออกมาเผยแพร่โดยที่ไม่มุ่งเน้นในเรื่องผลกำไรอีก แล้ววันหนึ่งสิ่งที่พ่อไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่ออาคารพงศ์วราภาตึกห้าชั้นสามคูหาที่เคยเป็นสำนักงานของนิตยสารชั้นนำหลายเล่ม ซึ่งพ่อเคยทำงานอยู่ก็ถูกปรับปรุงเปลี่ยนแปลงใหม่ กลับกลายเป็น เรือนธรรม : บ้านพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ คนที่เป็นต้นคิดและลงทุนลงแรงทำคือป้าขวัญนั่นเอง ถนนพิชัยเป็นถนนสายเล็กๆที่เงียบสงบและสวยงามสายหนึ่ง ยิ่งในยามฤดูร้อนดอกไม้ฤดูร้อนอย่างประดู่ ตะแบกและตะเบบูญ่าจะพราวอยู่เต็มต้นตามสองฝั่งถนน เรือนธรรมซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆบริเวณสามแยกพิชัยนั้นจึงนับว่าอยู่ในบรรยากาศที่เหมาะสม
เมื่อพ่อมีโอกาสได้เข้าไปสัมผัสยังห้องหนังสือซึ่งอยู่ที่ชั้นสาม พ่อรู้สึกปิติสุขอย่างบอกไม่ถูก เมื่อได้เห็นหนังสือธรรมะของท่านพุทธทาสภิกขุที่จัดไว้เป็นหมวดหมู่ครบทุกเล่ม มุมหนึ่งเป็นของหลวงพ่อปัญญานันทะ อีกมุมหนึ่งเป็นของหลวงพ่อชา สุภัทโท และของอาจารย์วศิน อินทสระ นอกจากนี้ยังมีมุมเล็กๆที่เป็นหนังสือเกี่ยวกับเซนให้ผู้ที่สนใจเรื่องเซนได้อ่านด้วย และยังมีเทปธรรมะอีกมากมายให้เลือกฟัง
ที่เรือนธรรมยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจ คือการบรรยายธรรมโดยอาจารย์อนัตตา น้อยศรี (ตอนนี้ได้ข่าวว่าเปลี่ยนชื่อเป็น อภิญญา แล้ว) เธอเป็นอาจารย์สอนธรรมะที่อายุยังน้อยแต่ความรู้เกี่ยวกับเรื่องธรรมะของเธอไม่น้อยเลยทีเดียว และในวันหยุดสุดสัปดาห์ยังมีการอบรมเรื่องสมาธิเบื้องต้นสำหรับผู้สนใจปฏิบัติด้วย พ่อนึกถึงการให้ทางศาสนาพุทธซึ่งมี 3 ชนิดคือ หนึ่งให้วัตถุ สองให้อภัย สามให้ธรรมะ แต่คนเราทั่วๆไปเมื่อนึกถึงการให้มักนึกถึงการให้ทรัพย์สินหรือวัตถุก่อนสิ่งอื่น และมักนิยมชมชอบสิ่งที่ให้กันง่ายๆนั้น การให้อภัยถือว่าเป็นการให้ที่สูงขึ้นมาจากการให้วัตถุ แต่ผู้คนก็ยังให้กันยากทั้งที่ไม่ต้องเสียอะไร
ยิ่งสำหรับการให้ธรรมะด้วยแล้วแทบจะมองไม่เห็นว่าเป็นการให้ ทั้งที่การให้ชนิดนี้จัดว่าเป็นการให้ที่สูงขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง ซึ่งการให้ชนิดนี้จะมีค่าก็ต่อเมื่อคนเห็นค่าและต้องการเท่านั้น ในยุคที่กระแสวัตถุนิยมรุนแรงเช่นนี้ ป้าขวัญลุกขึ้นยืนแล้วเชื้อเชิญให้คนเดินเข้ามาเรือนธรรม เพื่อพักผ่อนทางจิตใจด้วยธรรมะ พ่อถือว่าเป็นความกล้าหาญที่จะให้อย่างยิ่ง เพราะเป็นการ ให้ ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนใดๆ พ่อนึกถึงวันที่เธอให้โอกาสพ่อด้วยการรับพ่อเข้าทำงานหนังสือทั้งที่พ่อไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน แต่มาถึงวันนี้เมื่อเทียบกับสิ่งที่เธอให้แก่เพื่อนมนุษย์แล้ว ย่อมยิ่งใหญ่กว่ากันมากนัก ธรรมย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม เหมือนมีร่มคันใหญ่ในฤดูฝน
พุทธพจน์บทนี้ฟังดูเหมือนถ้อยคำธรรมดาที่เราได้ยินกันมาจนชินหูแล้ว แต่ทว่าใจความนั้นคือความจริงขั้นสูงสุดที่ไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้
ถึงแม้ว่าพ่อจะไม่ใช่นักปฏิบัติธรรมและยังห่างไกลกับคำๆนี้นัก แต่ทว่าพ่อก็มีความเชื่อว่า ชีวิตที่ปราศจากธรรมะย่อมเป็นทุกข์อย่างแน่นอน ไม่ว่าชีวิตนั้นจะเป็นของใครก็ตาม
ด้วยรักและคิดถึง พ่อ
Create Date : 07 ธันวาคม 2549 |
|
4 comments |
Last Update : 7 ธันวาคม 2549 18:10:04 น. |
Counter : 742 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: random-4 7 ธันวาคม 2549 19:20:22 น. |
|
|
|
| |
โดย: แม่น้องนิก IP: 4.232.144.32 8 ธันวาคม 2549 9:45:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: Htervo 13 มิถุนายน 2550 21:39:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: rattanawadee IP: 125.26.227.109 1 ตุลาคม 2551 16:44:31 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]
|
ด้วยความยินดี... หากมีผู้ใดละเมิด โดยนำภาพถ่าย,บทความ หรือข้อเขียนต่างๆ ใน Blog นี้ไปใช้ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด สามารถทำได้เลยทันที โดยไม่ต้องขออนุญาต เป็นลายลักษณ์อักษร
เว้นเสียแต่ว่า
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย
|
|
|
|
|
|
|
มีสามเล่มนี้ในตู้หนังสือค่ะ ชอบมากคือสวนดอกไม้กับชีวิต
ปกติไม่ชอบอ่านหนังสือแนวธรรมะ แต่คุณขวัญเขียนได้น่ารัก น่าอ่านมากจนไม่อยากวางเลยค่ะ แค่ชื่อตัวละครในเรื่องก็ฟังดูน่ารักทั้งนั้นเลยค่ะ ชอบวิธีคิดและการเขียนของเค้ามากๆเลยค่ะ
ดีใจจังที่เข้าblogคุณวันนี้ทำให้รู้จักคุณขวัญมากขึ้นค่ะ