จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
1 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
กลางคืนในหุบเขา

อันที่จริงผมยังไม่ตั้งใจจะอัพบล็อกวันนี้หรอก
เพราะเพิ่งอัพไปเมื่อวานนี้เอง
อะไรกัน ยิ่งว่าจะห่างบล็อก แต่กลับยิ่งอัพบล็อกถี่
ผมไม่ได้อัพบล็อกประชดคุณคิมนะครับ
เพียงแต่วันนี้ผมตั้งใจจะโทรศัพท์ไปหาสมรเพื่อนเก่า
ที่ส่งเทปเพลง you make me feel brandnew ให้ผม
(สมัยเป็นทหารเกณฑ์ ตั้งแต่ พ.ศ. 2522)
แต่กลับโทรไปติดเบอร์คนที่ชื่อสมรเหมือนกัน
ผมงงอยู่ไม่กี่วินาทีจึงนึกออกว่า...สมรไหน ?

เมื่อได้สนทนากันครู่หนึ่ง เธอยังจำผมได้
ผมจึงเอาเรื่องนี้มาอัพบล็อกทันที
เพื่อระลึกถึงความหลังอันระทึกเมื่อราวปลายปี 2548

เรื่องมันเป็นอย่างนี้แหละครับ...







ก ล า ง คื น ใ น หุ บ เ ข า



เป้าหมายแรกในการเดินทางครั้งนี้คือที่ตำบลแคมป์สน อำเภอเข้าค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จากนั้นผมจะต้องเดินทางต่อเข้าลึกเข้าไปในป่าเขาอีก ขณะที่นั่งอยู่บนรถโดยสารมาจากพิษณุโลก ผมโทรศัพท์ถามระยะทางจากเพื่อนที่ไปถึงก่อนแล้ว ได้รับคำตอบว่าตามปกติจะมีรถสองแถวจากปากทางเข้าไปถึงที่พักเป็นระยะทางราว 30-40 กิโลเมตร แต่เมื่อถึงเวลาค่ำรถก็จะหมด

ระหว่างทางผมนั่งลุ้นอยู่ตลอดเวลาว่า คืนนี้ผมจะได้เข้าไปนอนรีสอร์ทที่เพื่อนๆมาพักกันอยู่ก่อนหรือไม่ ?

ดูเหมือนยิ่งรีบเวลาก็ยิ่งผ่านไปเร็วยิ่งขึ้น แล้วก็เป็นไปอย่างที่ผมกังวลใจ คือผมไม่มีวันที่จะไปถึงจุดต่อรถได้ทันเวลารถเที่ยวสุดท้ายอย่างแน่นอน ผมนึกถึงภาพบริเวณสถานที่ตรงจุดต่อรถไม่ออกเลยว่าเป็นอย่างไร เพราะเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมเดินทางมาที่นี่

ในที่สุดผมก็ตัดสินใจว่าควรจะหาที่พักที่ไหนสักคืนก่อน แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยเดินทางต่อน่าจะสะดวกกว่า ผมถามผู้โดยสารซึ่งเป็นเด็กหนุ่มที่นั่งเบาะเดียวกัน เขาแนะนำให้ผมไปพักที่ภูแก้วรีสอร์ทซึ่งถือว่าเป็นรีสอร์ตมาตรฐาน ผมจึงบอกให้คนขับรถจอดรถที่หน้าภูแก้วรีสอร์ท

พอลงจากรถมายืนอยู่หน้าทางเข้า เมื่อมองเห็นชื่อเต็มๆว่า “ดิ อิมพีเรียล ภูแก้ว ฮิลล์ รีสอร์ท”ก็ให้รู้สึกครั่นคร้ามอยู่ในใจ เพราะดูเสมือนว่ามาตรฐานนี้ดีเกินไปสำหรับผม แต่กระนั้นผมยังไม่เห็นลักษณะอาคารบ้านพัก เนื่องจากรอบๆบริเวณขณะนี้มืดมิดไปหมด

ผมดูนาฬิกาที่โทรศัพท์มือถือเป็นเวลาสองทุ่มกว่าแล้ว สอบถามยามรักษาความปลอดภัยที่หน้าประตูเข้า ก็ไม่ได้ข้อมูลที่เป็นรายละเอียดเกี่ยวกับที่นี่สักอย่าง แต่ยังดีที่เขาอนุญาตให้ผมเดินเข้าไปได้ ถ้าเขาไม่ยอมให้ผมเข้าไปในบริเวณนั้น ก็ยังไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน เพราะรถคันที่ผมเพิ่งลงมาเป็นรถเที่ยวสุดท้ายแล้ว

เขาบอกให้ผมเดินตรงเข้าไปแล้วเลี้ยวขวา พอก้าวเท้าเดินจากหน้าประตูทางเข้า เม็ดฝนก็โปรยลงมาเบาๆ ผมก้าวเท้าไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ ทางเดินเป็นเนินค่อยๆสูงขึ้นไป ที่ไหล่ของผมมีเป้ใส่กล้องถ่ายรูปและในมือหิ้วกระเป๋าโน้ตบุ๊ค ผมกังวลว่าฝนจะเทลงมาหนักกว่านี้ เพราะนั่นหมายถึงอาจทำให้อุปกรณ์ในการทำงานของผมเสียหายได้

ผมเดินไปตามถนนทั้งๆที่ยังมองไม่เห็นอาคารที่พัก และไม่รู้ด้วยว่าระยะทางใกล้ไกลแค่ไหน แว่นสายตายามนี้ก็เป็นเพียงสิ่งที่ทำให้เกะกะสายตายิ่งขึ้น

เมื่อมาถึงทางแยกซึ่งมีด้านซ้ายและด้านขวา ยามบอกไว้ว่าให้เดินไปทางแยกขวามือ แต่ทางเดินด้านขวามือกลับมีป้ายเขียนว่า “ทางออก-ห้ามเข้า” ผมรู้สึกลังเลเล็กน้อยบวกกับความรู้สึกพะวักพะวงว่าจะเดินหน้าหรือถอยหลังดีเพราะฝนเริ่มหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ

ความรู้สึกที่ต้องเลือกโดยไม่รู้ว่าจะเดินไปทางซ้ายหรือทางขวา จะเดินหน้าหรือถอยหลังนั้น ช่างรบกวนจิตใจนัก เพราะถ้าเดินไปผิดแยกก็จะทำให้ผิดทาง อีกทั้งไม่รู้ว่าทางข้างหน้าจะไกลมากไหม ? เดินแล้วจะพบอาคารที่พักหรือไม่ ? ถึงแม้จะมีไฟสว่างตามทางเดินเป็นระยะๆ แต่ทว่านั่นก็ไม่ได้ช่วยให้ผมเห็นเป้าหมายชัดเจนขึ้น

ผมเลือกที่จะก้าวเดินไปข้างหน้า เดินมาได้ไกลพอสมควร จนเริ่มมองเห็นแสงไฟจากอาคารอยู่ลิบๆ เหมือนตั้งอยู่ในหุบเขาข้างทางด้านล่าง มองเห็นแสงสีและได้ยินเสียงดนตรีบรรเลง นั่นทำให้ผมรู้ว่าที่พักแห่งนี้ต้องหรูหราแน่นอน เป็นความหรูหราที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา

มาถึงตรงนี้ผมใช้สัญชาตญาณนำทางแล้ว คือเดินตามความรู้สึกมากกว่าตามความคิด ผมเดินลัดลงไปในที่มืด เดินไปตามเสียงดนตรีที่ได้ยินอยู่นั้น ด้วยความรู้สึกว่ามันน่าจะใกล้กว่าที่จะเดินไปตามทางที่ขึ้นเนิน อย่างไรก็ขอให้เฉียดใกล้กับอาคารบ้านพักเอาไว้ก่อน เพราะไม่มั่นใจว่าฝนจะกระหน่ำลงมาเวลาไหน



ในที่สุดผมก็มาถึงหน้าเคาน์เตอร์ที่รีเซฟชั่นทำงานจนได้ เมื่อเห็นอาคารที่มีหลังคาเหมือนได้เห็นสวรรค์ สถานที่หรูหราปรากฏแก่สายตาก็รู้ว่าราคาต้องแพงสำหรับผมแน่นอน ผมถามรีเซฟชั่นที่กำลังปฏิบัติงานอยู่ว่า มีห้องพักราคาต่ำสุดสักเท่าไร เธอบอกว่าราคาห้องพักเริ่มต้นที่ 1,600 บาท ผมไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าคืนนี้จะต้องมานอนในรีสอร์ทหรูเช่นนี้เลย เพราะเป้าหมายของผมอยู่ที่รีสอร์ทราคาถูกๆที่เพื่อนๆเช่าพักกันที่โน่นต่างหาก




ผมยิ้มอย่างจริงใจพร้อมกับเล่าเรื่องอย่างรวบรัดว่าผมพลัดหลงมาอย่างไร แล้วถามว่า “ลดให้ผมมากที่สุดได้เท่าไรครับ” เธอบอกว่า “พันสี่" ผมบอกเธอว่า “ผมยังนอนไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ มีใครช่วยลดให้ผมได้อีกไหมครับ” ผมนั่งรอการตัดสินใจของเธอ

ในที่สุดเธอก็บอกผมว่า "หนึ่งพันบาทถ้วนก็แล้วกันค่ะ" ถึงตรงนี้ผมจึงตกลง เพราะถือว่าเธอลดราคาให้มากแล้ว เธอคงรู้สึกสงสารที่เห็นผมอยู่ในสภาพหัวหูเปียกเดินเข้ามา ชุ่มทั้งเหงื่อและฝน เพราะลูกค้าที่มาพักที่นี่ส่วนใหญ่มักจะมีรถส่วนตัวขับมาเอง

หากเพียงแต่เธอปฏิเสธที่จะไม่ลดราคาให้ ผมก็ไม่มีอำนาจที่จะไปต่อรองกับเธอได้เลย หรือเพียงแต่เธอนิ่งเงียบไม่พูดกับผมอย่างเดียวเท่านั้นก็เป็นอันว่าจบแล้ว ผมกล่าวขอบคุณเธอด้วยความรู้สึกขอบคุณจริงๆ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าหากพบกับรีเซฟชั่นคนอื่นแล้วจะตัดสินใจเหมือนเธอคนนี้ไหม ผลจะออกมาอย่างไรก็ไม่อาจคาดเดาได้

ผมเข้าใจคำว่าสถานการณ์บังคับได้เป็นอย่างดีก็ในตอนนั้น คือจะเดินถอยกลับไปก็ไม่ได้ จะพักในราคาที่เธอบอกครั้งแรกก็เกรงจะนอนไม่หลับ เพราะเมื่อตื่นขึ้นมาแล้ว จะไปไหนต่อได้อย่างไร ด้วยรู้ว่าในกระเป๋าตัวเองนั้นมีเงินเหลืออยู่เท่าไร

ผมตื่นขึ้นมาตอนเช้าในบรรยากาศห้องพักที่หรูหรา เมื่อเปิดหน้าต่างริมระเบียงผ่านหมอกและฝนยามเช้าซึ่งปกคลุมหลังคาบ้านและภูเขาเขียวชอุ่ม ภาพที่ปรากฏเบื้องหน้าคือบ้านพักหรูหราเรียงรายลดหลั่นลงไป ราวกับเป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางหุบเขาในเมืองหนาว




เมื่อผมได้สัมผัสกับสภาพห้องและบรรยากาศรอบๆตัวที่แสนหรูหราแล้ว ผมเกิดความคิดว่า “อันที่จริงราคาบ้านพัก “ไม่แพง”หรอก เพียงแต่ผมมี “เงินไม่พอ”ต่างหากล่ะ

ผมรู้สึกปลอดโปร่งใจกับภาพสวยงามของวิวรอบตัวยามเช้า ผมนั่งมองสายฝนอยู่ในห้องและทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ ขณะเดินตามถนนในความมืดท่ามกลางสายฝน โดยไม่รู้ว่าอีกไกลไหมกว่าจะถึงจุดหมายปลายทางข้างหน้า ความรู้สึกห่วงหน้าพะวงหลังว่าจะก้าวไปข้างหน้าหรือถอยหลังดีนั้น ช่างเป็นความรู้สึกอึดอัดคับข้องใจและสร้างความวุ่นวายสับสนอลหม่านเป็นอย่างมาก

ทั้งที่ฝนตกเหมือนกัน แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่แตกต่างกัน ก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกันคนละขั้ว ผมบอกตัวเองว่าโชคดีนะที่เป็นการเดินทางสั้นๆ เพียงแค่จากปากทางเข้ามาถึงอาคารที่พัก แต่ถ้าอาการแบบนี้เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางของชีวิตบ่อยๆแล้วละก็... ผมว่าชีวิตคงจะเต็มไปด้วยความทุกข์มากกว่าความสุข

หลังจากฝนขาดเม็ดแสงแดดอ่อนฉาย อากาศสดชื่น ผมออกจากห้องพักไปเดินเล่นก่อนที่จะเช็คเอ๊าท์ เห็นดอกไม้เล็กๆสีเหลืองริมสระน้ำกำลังบานสะพรั่งสวยงาม ผมไม่รู้ว่ามันคือดอกอะไร ระหว่างนั่งจิบกาแฟ อารมณ์กวีบาโช*เข้าสิง ทำให้ผมเขียนบทกวีออกมา...


น้ำใจเธอ**เมื่อคืนนี้

ดั่งดอกไม้เล็กๆสีเหลือง

เบ่งบานอยู่ริมสระ!




----------------------------



* กวีไฮกุชาวญี่ปุ่น ที่ชอบเขียนถึงธรรมชาติ




** รีเซฟชั่นสาว ชื่อ สมร เอี่ยมสะอาด




ขอขอบคุณ คุณสมร เอี่ยมสะอาดอีกครั้ง ที่ส่งรูปสถานที่จริงมาให้ และรูปตัวคุณสมรด้วย (แต่ย่อมาเล็กเหลือนิดเดียว) เพราะคราวก่อนที่ผมไปครั้งนั้น ผมยังใช้กล้องฟิล์ม ถ่ายเป็นสไลด์ไว้ เดี๋ยวนี้ไม่ได้ใช้กล้องตัวนั้นแล้ว คุณสมรยังใช้นามสกุลเดิม แต่ทว่าเปลี่ยนตำแหน่งไปอยู่แผนกบัญชีแล้ว






Create Date : 01 ตุลาคม 2552
Last Update : 2 ตุลาคม 2552 7:28:31 น. 25 comments
Counter : 2564 Pageviews.

 
ที่พักสวยมากเลยค่ะพ่อพเยีย มิตรภาพดีๆเกิดขึ้นได้เสมอใช่มั๊ยคะ


โดย: แม่ปุ้มปุ้ย วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:20:05:27 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆท่าน

เมื่อตอนเย็นภรรยาผมกลับมาจากที่ทำงาน
เธอบอกว่า บัณฑิต ฤทธิ์ถกล
ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของบุญชู สระอูยาว เสียชีวิตแล้ว

เธอบอกเดี๋ยวก็คงเป็นข่าว
เพราะเธอทำงานที่โรงพยาบาลแห่งนั้นพอดี

ภรรยาของคุณบัณฑิตก็ทำงานที่นั่น แต่คนละหน้าที่กัน

เธอบอกว่าเห็นมีนักข่าวที.วี.
มาทำข่าวเรื่องการเสียชีวิตของคุณบัณฑิต


กับคุณบัณฑิตนั้น ผมไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว
แต่ก็เคยพบปะบ้างที่ร้านโอลด์เล้ง ย่านอาร์ซีเอ (นานมากแล้ว)

นอกจากเป็นผู้กำกับฝีมือดีแล้ว
เท่าที่ทราบเขายังเป็นคนดีอีกด้วย

ในฐานะที่ผมก็เป็นคนชอบดูหนังคนหนึ่ง
ขอแสดงคารวะและอาลัยคุณบัณฑิตไว้ ณที่นี้
ด้วยความนับถือ





อ่านบล็อกเกี่ยวกับการจากไปของบัณฑิต ฤทธิ์ถกล



โดย: พ่อพเยีย วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:20:54:28 น.  

 
ขอแก้ข่าวนิดนึงนะครับ
ภรรยาผมบอกว่าตอนนี้ภรรยาคุณบัณฑิต ได้เออร์ลี่แล้ว


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:21:30:45 น.  

 
เป็นคนดี ก็มักมีเรื่องดีๆ ให้ระทึกอยู่เสมอนะคะ

แวะมาคิดถึงเจ้าค่ะ



โดย: ทะเล IP: 61.90.64.171 วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:22:09:39 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม

ผมเห็นด้วยเลยครับพี่
ว่างานเล่มแรกของนักเขียนสำคัญมากๆ
เป็นเหมือนการเดินทางขึ้นบันได

น้องนาห์เขียนนิยายอย่างต่อเนื่อง

ผมก็คิดว่าสมเหตุสมผลแล้วที่เธอจะมีงานหนังสือเป็นของตัวเอง

ข่าวแว่วๆมาว่า
ตอนนี้เล่มสองและสามกำลังจะวางแผงครับ

ผมเองก็กำลังรอลุ้นหนังสือเล่มสองของตัวเองเหมือนกันครับ

คราวนี้คงจะเข้าไปดูงานให้มากขึ้นครับ
ครั้งที่แล้วมีหลายจุดที่ยังไม่ถูกใจครับ


ปล. ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของคุณอาบัณฑิตด้วยครับ
ผมเป็นแฟนบุญชูคนนึงเหมือนกันครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:22:12:06 น.  

 

วันนี้ได้ทราบข่างทางเอสเอ็มเอส
แล้วเสียดายคุณบัณฑิตมากๆ ค่ะ


โดย: อุ้มสี วันที่: 1 ตุลาคม 2552 เวลา:23:30:07 น.  

 
โดม ที่รัก-นับถือ

ที่จริงผมติดตามงานเขียนของคุณในขวัญเรือนมานานแล้ว เป็น แนว
ที่ผมชอบมาก อ่านแล้ว สบายใจดี เสียอย่างเดียว อ่านจบทุกเรื่อง
อยากจะเก็บเสื้อผ้าออกไป ย่ำโลก เหมือนคุณ อยู่ทุกเรื่องทุกตอนทีเดียว

งานเขียน แนว นี้ อ่านง่าย และดูเหมือนน่าจะ เขียนง่ายแต่เอาเข้าจริง ๆ ผมว่าไม่ ง่าย

เรื่องที่ ยาก จริง ๆ น่าจะเป็นเรื่องเงินที่จะใช้เดินทาง ต้องมีอยู่ในกระเป๋าก่อน แต่คุณเลิกดื่มสุราเลิกเมาเรื่องอื่น ๆ ค่าใช้จ่ายคง ไม่มากนัก

อ่านเรื่องของคุณมานานแล้ว แต่ทำไมเพิ่งเขียนมาคุย
เหตุผลก็เพราะว่า ผมก็หลงปีนัง และเคยไปปีนังมาแล้ว 1 หน เมื่อปลายปี
2548 ไม่ได้อะไรมากนัก เพราะเวลาน้อย นอนแค่ 1 คืน และไปเป็นหมู่คณะ เวลาที่จะ ย่ำดู อะไร ๆ ที่เราชอบเหลือน้อยมาก

กว่าจะประชุมเสร็จรวมสี่ทุ่ม จึงได้ออกไปเดินมั่วไปทั่วเมือง
ได้ไปกินร้านอาหารคล้าย โต้รุ่ง ของไทย ได้กิน ผัดหมี่ ของหวานใส่น้ำแข็ง
คล้าย ๆ รวมมิตรของไทย หลงเข้าไปในดงผับ คล้าย ๆ แถวอาร์ซีเอ
ที่มีวัยรุ่นเยอะ ๆ ส่วนใหญ่หน้าตาไปทางจีน ทางมาเลย์ ไม่มี แขก
เลยแม้แต่คนเดียว

พวกแขกผมเห็นรวมกลุ่มกันนั่งอยู่หน้าโรงหนังแบบโรงหนังตามจังหวัดเล็ก ๆ ของไทยในสมัยก่อน พวกเขานั่งกินถั่วต้มมันต้ม อ้อย

ตอนเดินกลับโรงแรมใกล้ตีสอง สวนกับขบวนแห่ เจ้าแม่กาลี เต็มถนน
เห็นแล้วขนลุก อยากจะตามไปดูจนถึงที่สุด แต่สังขารไปไม่ไหว
จำต้องเรียกแท็กซี่กลับไปนอนโรงแรม

เห็นสาย ๆ ของวันรุ่งขึ้น กลับฝั่งไทย แต่ก่อนกลับ แวะดูวัดไทย
และเห็นห้องสมุดที่จอมพลป. สร้างให้ และมีป้ายเป็นภาษาไทยให้เห็นด้วย

ระหว่างที่นั่งรถกำลังจะขึ้นสะพานกลับไทย นึกเสียดาย ที่ ตู
น่าจะมีเวลามากกว่านี้ จะได้ไปตระเวนดู โรงเรียนที่ อาภัสรา หงสกุล
เคยมาเรียน /รวมทั้งบ้านและย่านที่ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยมาประทับหลังเหตุการณ์ อภิวัฒน์ 2475-กบฏบวรเดช 2476

ได้แต่พูดกับตนเองว่า ถ้าสังขารยังไหว ตูจะต้องมาอีกและจะอยู่ให้นาน ๆ เหมือนกับคุณ

แต่ก็ไม่จริงจังนัก ไว้อ่านที่คุณเขียนลงในขวัญเรือนก็ดีแล้ว
ไม่เปลืองตังค์

ผมชอบงานเขียนของโดมนะครับ เลยจะชวนให้คุณหาเวลามานอนบุรีรัมย์บ้างนะ


รัก-นับถือ

วิวัฒน์/บุรีรัมย์


ป.ล./ ไม่ได้อ่านทวน อาจมีตัวผิด ให้เดา ๆ เอานะโดม


(ข้อความข้างบนนี้ผมคัดลอกจากอีเมล์ของพี่วิวัฒน์ โรจนาวรรณ - บุุรีรัมย์)


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:6:54:11 น.  

 
สวัสดีครับพี่วิวัฒน์ที่รักและนับถือ

การได้รับจดหมายจากผู้อ่านถือว่าเป็นเรื่องน่ายินดีอยู่แล้ว

แต่นี่เป็นจดหมายจากคนในแวดวงคนเขียนหนังสือด้วยกัน ผมย่อมดีใจเป็นพิเศษ

และขอขอบคุณอย่างสูงที่พี่วัฒน์เสียสละเวลาเขียนจดหมายมาถึงผม

เช้าวันนี้ผมตื่นตั้งแต่ตี 5 หลังจากเลิกดื่มแล้วจะตื่นเช้าเสมอและรู้สึกสดชื่น
หลังจากล้างหน้าแปรงฟันแล้วก็เปิดเครื่อง เจอจดหมายพี่ก็เลยรีบตอบทันที

แปลกจังเวลาผมเห็นชื่อพี่ที่ไหนก็ตาม ผมมักจะนึกถึงร้านอีสานไทเฮาที่ข้างทางรถไฟแถวบางซ่อน ที่เราเคยนั่งดื่มกินอาหารสุดแซ่บ นึกถึงไพวรินทร์ ,นกน้อย,พี่เนาว์,เสรี, ฯลฯ ใครต่อใครอีกมากมาย

ใครดื่มแล้วไม่ได้ไปกินกับแกล้มอร่อยที่ร้านอีสานไทเฮาแล้วเหมือนพลาดอะไรไปอย่าง


เรื่องการเดินทางท่องเที่ยวแบบผม จริงๆแล้วใครก็ทำได้ ไม่จำเป็นต้องมีเงินทองมากมายหรอกครับฐานะแบบพี่ทำได้สบายๆ เลยเชียวแหละ ขอให้มีเวลาว่างเท่านั้นเอง

อย่างปีนังนั้นค่าใช้จ่ายถ้ารู้จักเลือกแล้วละก็ไม่แตกต่างกับเมืองไทยเท่าไรนัก
แล้วยิ่งเดินทางในเมืองไทยแบบผมนั้นใครก็ทำได้สบายมาก

ผมไม่รู้ว่าพี่ได้ไปปีนังรุ่นเดียวกับเสรี ทัศนศิลป์หรือเปล่า ?
เพราะพี่เรืองรองบอกว่าเขาไปพักโรงแรมที่เสรีบอก
โรงแรมนั้นผมเข้าไปดูมาแล้ว ราคาแพงกว่าที่ผมพักเท่าตัว

อ่านจดหมายพี่แล้วพี่ยังรู้จักปีนังมากกว่าผมเสียอีก
ผมอยู่ที่นั่น 10 วัน ตอนนี้เขียนไป 2 เรื่อง(สั้นๆ)เอง ก็ในขวัญเรือนนั่นแหละครับ
(แต่ผมถ่ายรูปมาเยอะมาก และคงเขียนได้อีกในโอกาสต่อไป)

บางคนอาจมองว่าจะคุ้มหรือที่เขียนได้น้อยจัง แต่สำหรับผมคุ้มครับ
คุ้มที่ได้ไปเที่ยวอย่างมีความสุขและคุ้มที่มีความสุขที่ได้เขียนเล่าให้คนอื่นฟัง

ขอบคุณสำหรับคำชักชวนให้ไปเที่ยวบุรีรัมย์ วันหนึ่งคงมีโอกาสได้ไป
จริงๆผมก็มีเพื่อนแถวภาคอีสานอยู่หลายคนนะ แต่แปลกจังผมไม่ค่อยได้ไปเที่ยวภาคอีสานเลย
(ไปนานมากแล้ว รุ่นงานช่างวรรณกรรม - ช่อการะเกด ก็เมาปริบ)

ของอร่อยที่บอกว่าคล้ายๆรวมมิตรน่ะครับ ผมก็ไปชิมมาแล้ว แต่เส้นใหญ่คล้ายลอดช่อง
รสชาติหวานมันอร่อยมาก ผมไม่รู้ว่าเขาเรียกว่อะไรเหมือนกัน แต่ที่รู้ๆว่าพี่คงหมายถึงสิ่งเดียวกับผมนั่นแหละครับ

ขอโทษนะครับผมขออนุญาตเอาจดหมายของพี่ไปลงบล็อกที่ผมเขียนนะ สนุกๆ เพิ่มสีสันสำหรับคนเขียน-คนอ่านบล็อกน่ะครับ ไม่ได้หวังผลโฆษณาใดๆ

ด้วยรักและนับถือ

โดม



รวมมิตรปีนัง ใช่ไหมครับ ?












โดย: พ่อพเยีย วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:6:58:13 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่โดม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:13:56 น.  

 
ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวคุณบัณฑิต ฤทธิ์ถกลด้วยค่ะ ...



โดย: กังสดาล IP: 125.25.16.90 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:49:11 น.  

 
แวะมาตอนเช้า
อยากคุยด้วยค่ะ
แต่เวลาเจอข่าวการเสียชีวิตของใครสักคน มักจะคุยอะไรไม่ออก
ทั้งที่ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว

ทั้งที่รู้ว่า สักวันหนึ่ง
เราก็ต้องเสียชีวิตนี้ไป
แต่อาจไม่เป็นข่าว :P

ขอบคุณสำหรับสีสันของชีวิตที่บล็อกนี้แต้มเติมให้รับรู้ ในหลาย ๆ ด้าน
หลาย ๆ มิติและมุมมองนานา..

อ่านตัวหนังสือของผู้ใหญ่ก็เป็นแบบนี้
แหละเนอะ (เคยบอกแล้วนี่นาว่าบล็อกนี้เหมือนเว็บบอร์ดของคน (ค่อนข้าง) มีอายุ!! อิ อิ)

ไปทำงานละค่ะ






โดย: กังสดาล IP: 125.25.16.90 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:7:59:58 น.  

 
วันนี้รายการไทยมุงนำคลิปของคุณนิคมาออกอากาศ ดูกี่ทีก็มีกำลังใจ


โดย: ญาดากุล IP: 118.172.183.59 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:8:21:29 น.  

 
พี่โดมมักเจอกัลยาณมิตรแปลกถิ่นเสมอนะคะ

ทั้งๆที่คนมีหนวด น่ากลัวมากกว่าน่าไว้ใจ

แต่พี่โดมอาจจะมีรังสีอะไรซักอย่างจากตัว ที่แผ่ออกไปให้คนแปลกหน้าได้...ปิติเอ็นดู

ขนาดนักล่าฯ ซึ่งเป็นคนที่มนุษยสัมพันธ์ยอดแย่ ยังต้องมาบ้านนี้อยู่บ่อยครั้ง

รังสีนี้ขอเรียกมันว่า รังสีคนน่ารักแล้วกัน...อุอุ

อ่านแล้วก็พลอยรักคุณสมรไปด้วย

คนที่ทำงานด้วยใจเมตตาแบบนี้ มีแต่จะรุ่งนะคะ

...................

ป.ลเสียใจกับครอบครัวคุณบัณฑิตด้วยค่ะ





โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.86.218 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:10:31:43 น.  

 
การอยู่ในที่ที่ดี ทัศนียภาพสวยงาม มักสร้างแรงบันดาลใจให้คนที่พบเห็นได้เสมอ


โดย: Love At First Click วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:12:51:45 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่โดม

"บุญชู" เป็น 1 ในบรรดาหนังไทยไม่กี่เรื่องที่บัวเลือกดู

ชื่อ "บัณฑิต ฤทธิกล" ยิ่งเป็น 1 ในน้อยชื่อของผู้กำกับหนังไทยที่บัวรู้จัก

สิ่งที่คุณบัณฑิตทิ้งไว้ให้ คือความทรงจำของการถ่ายทอดภาพชีวิตและวิถีชาวบ้านที่หลายคนไม่เคยได้สัมผัสหรือเรียนรู้

นาทีนี้ คุณบัณฑิต หลับสบายไม่กังวล ไม่ทุกข์ทน กับความป่วยไข้ของตนอีกแล้ว ....ชั่วนิรันดร์

ขอให้คุณบัณฑิตไปสู่สุคติภพค่ะ

*...*...*...*...*...*...*....*




โดย: BUATALAY IP: 203.156.38.248 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:14:15:17 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่โดม
วันนี้หยิบขวัญเรือนเล่มใหม่รีบอ่านจดหมายจากปีนังทันที อิอิ

แล้วก็ขอบคุณมากมายที่สนใจกิจกรรมเล็กๆ นะคะ เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยค่ะ ปูยังไม่ได้กำหนดวันปิดรับต้นฉบับแต่ตอนนี้ลองหยังเสียงเพื่อนๆ ดูว่ามีใครสนใจบ้าง แล้วปูจะส่งข่าวมาเป็นระยะๆ นะคะ

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:15:33:20 น.  

 
สวัสดีค่ะอาโดม
ก่อนอื่นต้องขอโทษค่ะที่ไม่ได้บอกกล่าวเรื่องหนังสือ
ตั้งใจว่าจะบอกไปหลังไมล์
แต่พอดีพี่ก๋าอัพเสียก่อน(โดยที่นาห์ไม่รู้ตัวด้วย)
เมื่อวานนาห์เขียนถึงอาโดมไปด้วย
เพราะคือหนึ่งคนที่ทำให้นาห์มีก้าวแรกบนเส้นทางแห่งนี้
แล้วพี่ก๋าก็น่ารักอย่างที่อาโดมชื่นชมจริงๆด้วยค่ะ
นาห์อ่านแล้วรู้สึกว่าคุณค่าของหนังสือนาห์มันมากกว่าราคาหน้าปกเยอะมาก
ต่อไปนาห์จะพยายามก้าวต่อไปเรื่อยๆอย่างที่ทุกคนอยากเห็นให้ได้ค่ะ

ขอบคุณอาโดมมากๆอีกครั้งหนึ่ง




...ขอแสดงความอาลัยต่อการจากไปของผู้กำกับคนดังด้วยนะคะ


โดย: มัยดีนาห์ วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:15:54:22 น.  

 
สวัสดีคืนวันศุกร์ครับทุกๆท่าน



ช่วงนี้นอกจากจะได้ทำงานเคลื่อนไปอย่างช้าๆแล้ว,

งานหนึ่งที่ผมกำลังทำอยู่ก็คือคัดเลือกเรื่องสั้นเก่า ๆของผม ซึ่งกระจัดกระจายอยู่ในที่ต่างๆ

และเรื่องสั้นเหล่านี้ยังไม่เคยตีพิมพ์รวมเล่ม

ไม่น่าเชื่อว่า ผมเขียนเรื่องสั้นไว้ไม่น้อยเหมือนกัน

1.พ่อผมเป็นกวี (เรื่องนี้เเรื่องจริง ไม่ใช่เรื่องแต่ง)

2.โรงเรียนมดแดงและดอกไม้แห้งสีน้ำตาล

3.หนาวลมดึก

4."โอ้ว่า..อีอ้อยเอ๋ย.."

5.ประทุรักของมณฑิรา

6.หนามดอกไม้

7.ไฟมอดเชื้อ

8.แผล

9.ผมไม่ได้ฆ่าหล่อน

10.ชะตากรรมกับดาวดวงเล็ก

11.เพลงนี้ไม่มีชื่อ

12.ดอกไม้บานเมื่อวานนี้

13.ความตายในทะเล

14.แม่น้ำ..ค่ำคืนและความตาย

15.บุปผา

16.คืนนี้ไม่มีดาว

17.เช้าวันหนึ่งกับนิทานเซนเรื่องหนึ่ง

18.วันนี้

19.เมื่อมาถึงทางแยก

20. ดั่งดอกไม้ฤดูร้อน

21.เพียงได้รักก็พอแล้ว

22.โรคระบาด

23 สิ่งดี ในดวงใจ

นี่คือเรื่องสั้นที่ผมเลือกมาแล้วจากจำนวนหนึ่ง ซึ่งถึงตรงนี้ผมต้องเลือกอีกครั้งเพื่อให้เหลือสัก ไม่เกิน 15 เรื่อง

น่าจะสัก 12-13 เรื่องก็พอ

วันนี้ได้เริ่มตรวจทาน ผมได้อ่านเรื่อง คืนนี้ไม่มีดาว,ผมไม่ได้ฆ่าหล่อน,จันทร์แรมกับลูกกุญแจของหล่อน

ผมได้เริ่มต้นอ่านเพียงสามเรื่องแล้วความรู้สึกมั่นใจก็เกิดขึ้นว่า เรื่องสั้นทั้งหมดนี้น่าจะจัดการตรวจทาน ขัดเกลาอย่างละเอียด

บางเรื่องแก้เพียงถ้อยคำเล็กๆน้อยๆ
บางเรื่องอาจตั้งชื่อเรื่องใหม่ บางเรื่องอาจเปลี่ยนชื่อตัวละครใหม่,
บางเรื่องอาจต้องชำระใหม่
(แต่ก็เป็นบางเรื่องเท่านั้น)


ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่าบางเรื่องผมเขียนไปได้อย่างไร

ช่วงนี้ผมจึงสนุกกับการตรวจทานและชำระเรื่องสั้นเก่าของผม

บางเรื่องเขียนตั้งแต่ยังเป็นหนุ่ม และในวัยต่อๆมา จนกระทั่งเรื่องสั้นล่าสุดของผมก็คือ หนาวลมดึก - - บางทีอาจเป็นชื่อเล่มก็ได้


การได้ตรวจทานแก้ไขเรื่องสั้น ทำให้ผมรู้สึกว่าจะได้กลับมาเขียนเรื่องแต่งบ้าง

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับ มาส่งข่าวตามประสาคนชอบเปิดเผยเท่านั้นแหละครับ

เมื่อทำเสร็จเรียบร้อยก็ต้องนำไปเสนอสำนักพิมพ์ที่ไหนสักแห่ง
ถ้าสำนักพิมพ์ไหนกำลังต้องการเรื่องสั้นหลากรสก็ติดต่อผมที่นี่ได้เลยนะครับ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:20:26:21 น.  

 
หนาวลม (วัย) ดึก!!
:P


โดย: ไม่บอกว่าใคร IP: 118.172.195.136 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:20:54:52 น.  

 
วันนี้อัพบล็อกด้วยกลอนอีกแล้วครับ

เสนอตอน...

"คนรวย..เพื่อน"

ถ้าว่างก็เชิญนะครับ...



โดย: ลุงแว่น วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:23:00:28 น.  

 
สวัสดีครับพี่โดม


งานเรื่องสั้นในแวดวงวรรณกรรม
ถือว่าเงียบเหงาซบเซาไปมากเลยนะครับพี่โดม


ผมจำได้ว่าช่วงก่อนมีเรื่องสั้นให้อ่านเยอะแยะไปหมดครับ

ผมเองก็เคยเคยอยุ่ช่วงสั้นๆ
แล้วก็หยุดเขียนไปครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:7:10:57 น.  

 
ไม่ได้มาทักทาย พูดคุยกะพี่โดมเสียนานเลย
บล๊อคก็ไม่คอยได้อัพ กำลังติดพันทำงาน การเข้าบล๊อคแต่ละครั้งเลยเถิดจนสมาธิฟุ้งซ่านทุกที
เลยเข้ามาผ่านๆตา แล้วก็ผ่านไป
ใกล้หนาวแล้วจะสัญจรไปไหนละพี่ปีนี้
ไม่ได้กลัเหนือ กะว่าจะกลับหลังปีใหม่ รอให้เจ้าปัณณ์เดินได้สักหน่อย ไม่งั้นป้าพิศอาการหนัก
ไหนจะปล้ำหลาน ไหนต้องหากับข้าวกับปลา แต่ตอนนี้ลุงกลับมาอยู่บ้านคนหนึ่ง

ค่อยยังชั่ว เลยจะกลับหลังเทศกาลปีใหม่ ฝนไม่ตก ตานุก็ขับรถสะดวกหน่อย

พี่โดมสบายดีนะคะ


โดย: ปลายแปรง วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:11:38:50 น.  

 
คุณโดมคะ...

ในที่สุด 30 กันยาก็ผ่านไปได้อย่างทุลักทุเล แต่ก็เอาล่ะ ถือว่าเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดีอีกปีนึง

มองท้องฟ้า ใกล้ค่ำแล้วแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์อัสดงสีสวยยิ่งนัก ค่ำคืนมาถึงแล้วดาวพราวแสงระยิบระยับ จากนั้น ฟ้าหม่นลงทุกที ตกดึกน้ำค้างตกต้องใบไม้ใบหญ้าเสียงดังเปาะแปะ ใกล้รุ่งสางแล้ว นกกาเริ่มส่งเสียงจอแจบินออกหากิน พระอาทิตย์เริ่มแย้มขอบฟ้าทางทิศตะวันออก พอเริ่มสายอาทิตย์สาดแสงแรงกล้า หมุนวนเวียนเป็นวัฏจักรอยู่อย่างนี้ชั่วนาตาปี...

ไม่ว่าอย่างไร... ทุกคนควรมีวันเวลาเริ่มต้นใหม่ เหมือนพระอาทิตย์ที่สัญญาว่าจะกลับมาในวันรุ่งขึ้นทางขอบฟ้าด้านทิศตะวันออกเสมอ


โดย: บินหลาแสนสวย IP: 210.246.86.126 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:16:24:40 น.  

 
เข้ามาทักนิดนึง ก่อนจะไปเที่ยวเบลเยี่ยม เพราะได้พักสามอาทิตย์

ที่ได้ไปเที่ยวเพราะส่งพิมานรัถยาตอนสุดท้ายให้ขวัญเรือนวานนี้

เลยมีเวลาทิ้ง laptop
ไปตำบักหุ่ง โขลกน้ำพริก ทำก๋วยจั๊บ ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นให้น้องนก(และครอบคัรว)แฟนนิยายเหนียวแน่นที่อยู่เบลเยี่ยมตามสัญญาว่าจะไปเยี่ยมเธอ

จากนั้นก็อาจจะตระเวณไปเยี่ยมแฟนนิยายคนอื่นๆต่อ...

ถ้าพิมานรัถยารวมเล่มแล้ว ถ้าเขาส่งไปให้ยายเจ้าเนย จะบอกให้เขาส่งมาให้พี่โดมชุดนึงนะคะ...


โดย: สุวดี IP: 87.212.143.101 วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:16:42:29 น.  

 
สวัสดีค่ะ คุณโดม

ขอบคุณมากค่ะที่ยังจำเรื่องในครั้งนั้นได้
แต่ยังเสียใจที่เช้าวันรุ่งขึ้นไม่ได้ดูหารถไปส่งที่ท่ารถสองแถว ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ
ขอให้คุณโดมมีความสำเร็จยิ่งๆ ขึ้นไปนะค่ะ

คนบนดอยมีน้ำใจเหมือนกันทุกคนค่ะไม่ว่าจะสมร หรือ ใคร ๆ ค่ะ


โดย: dam IP: 192.168.10.31, 58.147.40.166 วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:10:19:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.