จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
24 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
มวลสารแห่งความรัก














แต่ก่อนเมื่อเอ่ยถึงชื่อประมวล เพ็งจันทร์ อาจจะยังไม่มีใครรู้จักมากนักหรือไม่ก็รู้จักกันเฉพาะในกลุ่มมิตรสหายหรือลูกศิษย์เท่านั้น แต่วันนี้เขาเป็นที่รู้จักของสาธารณชนมากขึ้น ทั้งที่รู้จักผ่านการสัมภาษณ์ออกรายการที.วี.และรู้จักผ่านตัวหนังสือที่เขาเขียนจากเรื่อง “เดินสู่อิสรภาพ” ในฐานะบุรุษผู้เดินทางด้วยเท้าจากเชียงใหม่สู่เกาะสมุยเป็นระยะทางกว่า 1,000 กิโลเมตร ใช้เวลา 66 วัน โดยไม่ยอมพกเงินติดตัวแม้สักบาทเดียว และตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่เอ่ยขออาหารจากใคร นอกเสียจากจะมีผู้เมตตาให้อาหารโดยที่ไม่ทำให้ผู้นั้นเดือดร้อน

หากการเดินทางไกลในครั้งนี้ของเขาเป็นเพียงเพื่อต้องการทำสถิติหรือเพียงเพื่อต้องการมีชื่อเสียง นั่นก็คงเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจอะไรนัก แต่ทว่าการเดินของเขาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อที่จะเรียนรู้ตัวเอง และเพื่อเดินสู่อิสรภาพออกจากความกลัวนานาประการ ไม่ว่าจะเป็นกลัวหิว กลัวอด กลัวความไม่มั่นคง ฯลฯ ซึ่งความกลัวทุกชนิดของมนุษย์นั้นล้วนมีความกลัวตายซ้อนอยู่เบื้องหลังเสมอ

ด้วยความที่เขาเคยบวชพระมานานและเคยเป็นอาจารย์สอนปรัชญาอีกทั้งรอบรู้และเข้าใจเรื่องธรรมะอย่างลึกซึ้ง การเดินทางของเขาจึงไม่ได้มีความหมายแค่เพียงการก้าวเดินของร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ทว่ายังหมายถึงการเดินทางของจิตวิญาณด้วย

เมื่อผมอ่านเรื่อง “เดินสู่อิสรภาพ” แล้วรู้สึกทึ่งและศรัทธาในสิ่งที่ผู้ชายคนนี้กระทำ กระทั่งวันหนึ่ง คุณอรสม สุทธิสาคร กัลยาณมิตรคนหนึ่งขอให้ผมช่วยถ่ายรูปของเขาและภรรยาคู่ชีวิตคืออาจารย์สมปอง เพ็งจันทร์ เพื่อใช้ประกอบงานในเขียนของเธอ นั่นจึงเป็นโอกาสให้ผมได้พบกับเขาในครั้งนี้

ความจริงชื่อ ประมวล เพ็งจันทร์ ติดอยู่ในความทรงจำของผมมาตั้งแต่วัยหนุ่มแล้ว เนื่องจากในช่วงหนึ่งผมเคยทำงานอยู่ที่นิตยสาร “กระดังงา” ซึ่งเขาส่งต้นฉบับมาเป็นประจำ ตอนนั้นเขายังเป็นพระอยู่ที่อินเดีย ผมจำได้อย่างรางเลือนว่าเราเคยพบกันครั้งหนึ่ง แต่จำไม่ได้ว่าที่ไหนและอย่างไร เมื่อผมโทรศัพท์ไปหาเขาเพื่อขอนัดหมายถ่ายรูป เขาบอกกับผมในทันทีว่าเราเคยพบกันมาก่อนแล้วและสามารถบอกได้อย่างแม่นยำว่า พบกันที่ไหนและใครเป็นผู้แนะนำให้รู้จัก นับว่าเขาเป็นคนที่มีความจำเป็นเลิศทีเดียว

ในวันที่เราได้พบกันที่เชียงใหม่ ผมได้พบคำว่า “สูงสุดคืนสู่สามัญ” จากผู้ชายคนนี้ เสน่ห์ของเขาคือความสุภาพ อ่อนน้อมถ่อมตนและอ่อนโยน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อเกิดจากภายในแล้วจะสัมผัสได้ว่ามีพลังอย่างยิ่ง และประการสำคัญในตัวของเขาเต็มไปด้วยสติปัญญาซึ่งรับรู้ได้จากบทสนทนาของเขา

วันแรกหลังจากถ่ายรูปเสร็จแล้วก็ไม่ได้สนทนากันมากเพราะผมมีนัดต่อ เมื่อกลับมาที่พักแล้วให้รู้สึกเสียดายว่าเมื่อมีโอกาสได้พบบัณฑิตแล้วทำไมผมจึงไม่หาโอกาสที่จะสนทนากับเขา เพราะว่านานๆสักครั้งที่จะมีโอกาสได้พบกับบุคคลเช่นนี้ ผมจึงโทรศัพท์ขอนัดเขาอีกครั้ง ทั้งเขาและภรรยาตอบรับด้วยความยินดี

ในช่วงเวลา 3 วันที่เรามีโอกาสได้พบและสนทนากัน ได้ไปดื่มกาแฟและรับประทานอาหารด้วยกัน เขาได้พาผมไปดูกุฏิที่วัดอุโมงค์ซึ่งเป็นสถานที่ที่เขานั่งเขียนหนังสือเรื่อง “เดินสู่อิสรภาพ” และพาไปเที่ยววัดผาลาดเชิงดอยสุเทพซึ่งเป็นที่ๆเขาไปพักเมื่อต้องการความสงบ ผมเก็บบทสนทนาระหว่างเขากับผมไว้ในม้วนเทป และคิดว่าวันหนึ่งก็คงจะได้นำสิ่งที่เขาตอบคำถามผมมาเผยแพร่ต่อไป

ประมวล เพ็งจันทร์ ตอนที่เขายังเป็นอาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ชื่อว่าเป็นอาจารย์ที่มีลูกศิษย์รักมากคนหนึ่ง และเรื่องที่เป็นที่รับรู้กันสำหรับคนใกล้ชิดหรือคนที่เคยพบเห็นก็คือ เรื่องเขากับภรรยาซึ่งถือว่าเป็นคู่ชีวิตที่รักกันมากคู่หนึ่ง เขาเคยเขียนไว้ในหนังสือเรื่อง “เดินสู่อิสรภาพ” ว่า หลังจากที่เขากับเธอไม่ได้แวะไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆบ้านพักหนึ่ง เมื่อกลับมาก็มีคนขายสลัดเข้ามาทักทายสอบถามว่าหายหน้าไปไหนมา เขาจึงถามกลับไปว่า รู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้มาที่นี่ หญิงสาวผู้นั้นตอบว่า

“หนูเห็นพี่ทั้งสองทุกครั้งที่มา ทุกๆครั้งที่เห็นพี่สองคนเดินจับมือกันเข้ามาและออกไป หนูมีความสุขมาก หนูยังบอกน้องที่ขายของอยู่ด้วยกันว่า คนเราที่มีชีวิตคู่ก็หวังเท่านี้แหละ ทุกๆวันหนูจึงรอดู”

คำตอบของหญิงสาวทำให้เขาได้ตระหนักว่า การจับมือกันด้วยความรักระหว่างเขากับเธอไม่ได้เป็นเรื่องส่วนตัวของสามีภรรยาคู่หนึ่งเท่านั้น หากแต่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกงดงาม และทำให้เขาเข้าถึงบทกวีเซ็นบทหนึ่งที่ว่า ”เด็ดดอกไม้เพียงดอกเดียวกระเทือนถึงดวงดาว”

ในตอนหนึ่งที่เราสนทนากันผมถามเขาว่า มีทัศนะอย่างไรเกี่ยวกับความรักในพุทธพจน์ที่กล่าวว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” เขาตอบว่า...

“เวลาที่ผมใช้คำว่าความรัก ผมต้องการจะหมายถึงความรักระดับสูงขึ้นไป แต่ทีนี้ความรักระดับสูงที่ว่านี้มันไม่ได้หมายความว่ามันจะปราศจากร่องรอยความรักระดับล่างๆขึ้นมา เนื่องจากมีข้อจำกัดในภาษาไทย เช่นในพระพุทธศาสนามีคำพูดที่แปลมาจากพุทธวจนะว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” หมายถึงความรักระดับล่างลงมา ผมรู้สึกว่าความรักถ้าจะเปรียบเป็นต้นไม้ มันมีทั้งราก ทั้งต้น มีทั้งดอก แต่ความรักที่ผมพูดถึงนั้นคือดอก แต่ที่ดอกงดงามได้ก็ต้องมีรากที่สมบูรณ์ และรากที่สมบูรณ์ก็อยู่ในปุ๋ยในดินซึ่งอาจจะเป็นดินสกปรกก็ได้ อาจจะมีขี้วัวขี้ควายหรือปุ๋ยคอกที่ไม่สะอาดด้วยซ้ำไป

ผมอยากจะพูดอย่างนี้เพราะไม่งั้นเดี๋ยวจะตีความผิดว่าผมพูดถึงความรักจะหมายถึงว่าสูงส่งแล้วต้องตัดให้ขาดจากความรักระดับล่างๆนี้ ผมว่ามันสัมพันธ์กัน ผมพยายามพูดเสมอกับเพื่อนรุ่นเยาว์ของผมซึ่งเป็นนักศึกษา ทันทีที่คุณเกิดความรู้สึกที่เรียกว่ารัก คุณอย่ารังเกียจมันเลย แต่ขอให้คุณหมั่นเอาใจใส่ดูแล

เพราะความรักที่คุณพูดถึงนี้มันมีความหมายว่าจะงอกงามกลายเป็นความรักที่สะอาดและสูงส่งในอนาคต แต่ถ้าคุณทำลายหรือปฏิบัติต่อมันผิดๆ ดอกไม้ที่สวยงามก็ไม่มีโอกาสที่จะเกิดขึ้น เพราะฉะนั้นความหมายที่ผมต้องการจะสื่อกับเขาก็คือ สิ่งที่เรียกว่าความรักนั้นเป็นสภาวะที่ไม่ใช่อยู่ดีๆมันสำเร็จและก็ไม่ใช่แค่เพียงหยุดนิ่ง มันมีพลวัตของมันอยู่ตลอดเวลา

ในความรักของผมในปัจจุบันที่อยู่ในวัยนี้ อาจจะแตกต่างจากนักศึกษาที่อยู่ในวัยยี่สิบต้นๆ แต่ความรักในวัยยี่สิบต้นๆนี่แหละที่เป็นพลังให้ผมพัฒนามาเป็นความรักในปัจจุบัน ที่บอกว่า “ที่ใดมีรัก...ที่นั่นมีทุกข์” นั่นคือสิ่งที่ต้องการเตือนและบอกให้รู้ว่าเราจะสามารถทำความรักที่มีทุกข์อยู่ในตอนนั้นให้กลายมาเป็นความรักที่ไม่มีทุกข์ได้อย่างไรในปัจจุบัน ความรักในภาษาที่ผมใช้ในปัจจุบันก็คือหมายถึง สภาวะจิตที่ประกอบด้วยเมตตา กรุณา มุทิตา เรียกว่าจิตอยู่ในพรหมวิหารธรรม ผมขอเรียกรวมว่าเป็นความรักก็แล้วกัน”



ไม่ว่าผมหรือคุณต่างก็มีความรักด้วยกันทั้งนั้น และไม่ว่าจะเป็นความรักชนิดไหนหรือระดับใดก็ตาม คุณเคยสนใจสำรวจดูอย่างละเอียดบ้างไหมว่า ความรักที่มีอยู่ในขณะนี้ได้ความทุกข์เป็นของแถมมาด้วยหรือเปล่าครับ ?


--------------------------------------------------------







Create Date : 24 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 24 กุมภาพันธ์ 2553 21:07:01 น. 32 comments
Counter : 3531 Pageviews.

 
เพิ่งอ่าน นกทุกตัวมีฟ้าให้บิน จบลงด้วยความดื่มด่ำ ไม่น่าเชื่อว่าจดหมายระหว่างคนสองคนจะให้อะไรได้มากมายขนาดนี้ มีข้อคิดมากมายที่ โดน คนวัยเดียวกัน เหมือนคุณทั้งสองเป็นตัวแทนในการถ่ายทอดความรู้สึกบางบทบางตอนจริงๆ คุ้มค่ะคุ้ม เด๋ยวจะหาซื้อส่งไปให้พี่อีกคน แต่หนังสือดีๆนี่หาซื้อยากนะ ( โดนโขมยหมด คงต้องสั่งจองไว้อีก )
แล้วจะอ่านของอาจารย์ประมวลต่อ เคยอ่านนิดๆ...


โดย: รอนร้าว IP: 203.144.144.164 วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:41:53 น.  

 
กำลังอ่านเหมือนกันคะ


โดย: องุ่นแก้ว วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:23:46:40 น.  

 



เชิญสัมผัส วิถีชีวิตของนักมวยในค่าย

สังเวียนคน ตอน 6

ค่ายศิษย์ประยงค์


โดย: ลุงแว่น วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:6:43:38 น.  

 



ป้ายชื่อบ้านที่ตั้งไว้แต่ยังไม่ได้ติด



สวัสดีครับทุกๆท่าน

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ผมได้รับป้ายแกะสลักหินอ่อนสีชมพู ตัวหนังสือสีทอง เขียนว่า "บ้านชีวาโดม" กว้างคืบเศษ ยาว 2 คืบ (คืบเจ้าของบ้าน)

ส่งมาทางพัสดุไปรษณีย์ (สวยงามตามสั่ง)

ป้ายนี้ดูคงทนถาวร คาดว่าแม้กระทั่งเจ้าของบ้านตายไปแล้ว ป้ายบ้านก็ยังคงอยู่ ถ้าไม่ถูกทำลายไปเสียก่อน

การติดป้ายหินอ่อนต้องใช้ช่างที่มีประสบการณ์ ตอนนี้ยังไม่ได้ติด เลยไว้เฉยๆก่อน

เลยเอามาอวดกันเล่นๆ

สวัสดีครับคุณรอนร้าว

ขอบคุณที่อุดหนุนหนังสือ,คำชมและขอบคุณมากที่คิดจะซื้อส่งไปให้เพื่อนได้อ่านด้วย


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:19:46 น.  

 
สวัสดีครับคุณองุ่นแก้ว

อ่านแล้วรู้สึกอย่างไร
กลับมาบอกกันบ้างนะครับ
ยินดีรับคำติชมเต็มที่ครับ !


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:21:34 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่โดม
แวะมาบอกข่าวว่า ตอนนี้หม่อมน้อย
นำเรื่อง ชั่วฟ้าดินสลาย กลับมา
สร้างอีกครั้ง โดยคาดว่า จะให้
อนันดา กับ พลอย เฌอมาล์ย
มารับบทนำ...


โดย: ปราย IP: 118.172.174.45 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:19:10 น.  

 
เคยอ่านบทสัมภาษณ์อาจารย์ประมวล เรื่องการเดินเท้าจากเชียงใหม่ไปเกาะสมุยในหนังสือเล่มหนึ่ง

ประทับใจมาก และได้แง่คิดในหลายตอน สอนคุณค่าของคนที่มาจากข้างใน ไม่ใช่บทบาทหรือภาพลักษณ์ภายนอก

ที่จำได้แม่นและชอบใจคือ อาจารย์เคยเล่าว่า สมัยหนุ่มๆ ชอบสาวคนหนึ่ง เดินเป็นชั่วโมงๆ เพื่อไปดูหน้าสาวแวบเดียวแล้วกลับ

เทียบกับสมัยนี้ ความคิดถึงมันแก้ไขง่ายๆ แค่โทรศัพท์ก็ได้ยินเสียง




โดย: รักแรกคลิก (Love At First Click ) วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:34:45 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณโดม

ขอบคุณอีกครั้งสำหรับบทความเรื่องความรัก และอาจารย์ประมวล..

รู้จักอาจารย์ประมวผ่านคำสอนของพระไพศาลค่ะ แต่ยังไม่มีโอกาสอ่านหนังสือของท่านเลย ..เหมือนกับเรื่องนกทุกตัวมีฟ้าให้บิน.. อยากอ่านทั้งสองเล่มค่ะ แต่คิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ต้อง ละเลียด

ใช่คำอย่างนี้ เพราะเวลาอ่านหนังสือนี่มันมีอารมณ์แบบนั้นจริง ๆ บางเล่มกระหายใคร่รู้ บางเล่มอ่านแก้เซ็ง บางเล่มรู้ว่าต้องใช้อารมณ์ละมุนลไมแค่ไหนถึงจะ "ดื่มด่ำ" คุณค่าจากตัวหนังสือได้ บางเล่มก็ต้องมีเวลาสำรองยาวไว้หลายวัน เพราะรู้ว่าอ่านแล้วคงหยุดไม่ได้ ทั้งการอ่านให้จบและทำอะไรบางอย่างที่ต่อจากนั้น และบางเล่มก็ต้องค่อย ๆ ละเลียด..(ไม่อยากบอกเลยว่าไอ้เล่มที่ต้องค่อย ๆ ละเลียดนั้นเรียงตัวสูงกว่าคนสักกี่เท่า เฮ้อ,)

ช่วงเวลาที่ยังไม่มีโอกาสละเลียดอ่านหนังสือเป็นเล่ม ๆ ก็เลยแวะมาแทะเล็มอ่านบางเรื่องบางตอนจากบล็อกคุณโดมไปพลางก่อน :P

วันนี้ชอบชื่อเรื่องค่ะ มวลสารแห่งความรัก มันให้น้ำหนักดี อาจจะเพราะได้ประสบกับความรู้สึกถึง "น้ำหนัก" ของความรักจากคนใกล้ตัว ที่ช่วยดึงความทุกข์อันหนักอึ้งในใจให้ลอยเบาขึ้นมาได้

และนั่น อาจจะไม่ใช่ "ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์" ในความหมายที่เราคุ้นเคย

วันก่อนยังไม่ได้ตอบคุณโดมเลยว่าเราเคยเจอกันแล้วใช่ไหม อยากตอบว่าใช่ค่ะ แต่ไม่ใช่เฉพาะที่หรู ๆ แบบโรงแรมโอเรียนเต็ลเพียงแห่งเดียว เราเคยพบกันในสถานที่ "ติดดิน" มากกว่านั้น อย่างเช่นที่แผงขายหนังสือแบกะดินแถวสวนสันติชัยปราการ :D

ถ้ามีโอกาส "กรุณา" ทักทายกันบ้างนะคะ
:)
ปล. อยากเขียนมากกว่านี้ แต่สายตาไม่ไหวแล้วค่ะ


โดย: กังสดาล IP: 125.25.241.134 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:48:52 น.  

 
เดินสู่อิสรภาพ เป็นหนังสือโปรดอันดับ 1 ของนักล่าฯค่ะ

ไม่เคยอ่านหนังสือเล่มไหนแล้วมีความสุขเท่าเล่มนี้เลย (เคยได้ลายเซ็นผู้เขียนด้วย ที่งานหนังสือน่ะค่ะ)

อ่านเดินสู่อิสรภาพแล้ว ไม่สิ้นหวังกะคนไทย รู้สึกรักคนไทยมากขึ้น ทั้งๆที่หมดหวังไปแล้ว

อ่านแล้วรู้สึกว่า เอ๊...คนไทยเป็นคนดีขนาดนี้เลยเหรอ

ตื้นตัน อิ่มเอิบจริงๆค่ะ

มีโอกาสก็จะแนะนำให้คนอื่นได้อ่านเสมอ...

ขอบคุณพี่โดมที่พูดถึงค่ะ



โดย: นักล่าน้ำตก IP: 58.8.88.245 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:17:24:29 น.  

 
ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์ คือ ความจริง
เพราะคนเราต้องเกิด แก่ เจ็บ แล้วก็
.......เมื่อนั้นเราก็ต้องเจอความพรัดพรากจากคนที่รัก และเมื่อนั้นเราก็จะเป็นทุกข์ แต่บางคนที่มีความรักเปรียบเสมือน สิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจให้สุข สดชื่น หอมหวาน นั่นเป็นเพราะ ความรักบังตาอยู่ ซึ่งฉากหลังเป็นความทุกข์ที่รอเวลาแสดงตนออกมาภายหลัง ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่าที่เค้าว่า ชีวิตหลังแต่งงาน มักจะมีทุกข์มากกว่าสุข พระท่านเคยสอนหนูว่าถ้าอยากมีรักก็ต้องยอมรับกติกาแห่งรัก ว่ามีรักก็ต้องมีทุกข์เป็นของแถมเสมอ จริงจังเกินไปเปล่าเนี่ย!


โดย: nop IP: 117.47.91.223 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:01:14 น.  

 
เปิดมาพบหน้าอจ.ประมวล ความสุขก็มาแล้ว
เป็นความระลึกได้ว่า เมื่อครั้งอ่านเดินสู่อิสรภาพ...นั้น อิ่มเอิบใจมากแค่ไหน
หนูอ่านหนังสือของท่านทุกเล่มที่มีวางขาย ทุกบทสัมภาษณ์ที่หาอ่านได้ ไม่เคยผิดหวัง
เล่มล่าสุดที่อ่านเป็นบทสนทนากับหลายบุคคลที่เสถียรธรรมสถานก็ดีมากค่ะ
รออ่านเรื่องการเดินทางจาริกที่อินเดียของท่าน ยังไม่วางแผงใช่ไหมคะ
พ่อพเยียสบายดีนะคะ แหม..ไม่น่าถาม น้ำเสียงก็บอกว่า ชื่นมื่นจนแทบจะสำลักความสุขที่วาวี
จะมีสักกี่คนหนอที่ได้ใช้ชีวิตดั่งใจเหมือนพ่อพเยีย
ระลึกถึงเสมอค่ะ


โดย: ตะเบบูญ่า IP: 203.209.101.229 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:20:57:10 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่โดม โดม
+----------------------------+

มวลสารแห่งความรัก & มวลสารแห่งความสุข
หลอมรวมกันเมื่อใด

"โลกใบนี้เป็นสีชมพูที่หัวใจค่ะ"


"เดินสู่อิสรภาพ" อ่านจบไปนานแล้ว
แต่ความประทับใจในเรื่องราวยังซาบซึ้งค่ะ
(มีหลายบทอ่านแล้ว.. น้ำตาไหลออกมา แม้ไม่สะอื้นไห้)

อาจารย์เขียนจับจิตกินใจในอารมณ์ดีมากค่ะ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:21:31:18 น.  

 
วันนี้ไปร้านนายอินทร์ซื้อ ..นกทุกตัว..
ไว้อีก 2 เล่มแล้วจะส่งไปให้พี่และเพื่อนที่ตรังและปัตตานี ความจริงโทรไปบอกให้เจ้าตัวเขาซื้อเองก้อได้ แต่อยากส่งให้เพราะจะได้รู้ว่ายังคิดถึงกันนะ..เรื่องส่งของไปปัตตานีนี่ขำมาก ส่วนใหญ่จะใช้บริการของเอกชนเพราะสะดวกและเมื่อปลายทางได้รับบริษัทจะmessage มาบอก วันก่อนไปส่งเสร็จเรียบร้อยจะจ่ายเงิน พนักงานบอกว่า ขอโทษค่ะเราไม่ส่ง 3 จังหวัด...เลยเปลี่ยนไปใช้บริการไปรษณีย์แทน
น่าเสียดายที่เขาไม่เล่นเน็ทไม่งั้นคงจะได้คุยกับคุณอีกคน หรือคุณจะแวะไปปัตตานีบอกได้นะคะ..อ่านจบแล้วก้อเอาจดหมายเก่าๆที่เขียนถึงเพื่อนมาอ่านบ้าง แม้ไม่มีสาระเท่าของคุณและปะการัง แต่ก้อทำให้ความหลังเดินเรียงแถวกันเข้ามา
จะอ่านของอาจารย์ประมวลให้จบค่ะ เคยอ่านเฉาะสัมภาษณ์เหมือนกัน มีอะไรๆให้ทึ่งและชื่นชมจังเลย
บอกได้ใช่มั๊ยว่าป้ายบ้านคุณสวยแต่ไบ่ค่อยชอบ เพราะดูแข็งๆ นึกถึงป้ายไม้มากกว่าแต่นั่นแหละมันจะอยู่ตลอดไปอย่างที่คุณว่า จะป้ายไหนๆก้อไม่เท่าความสุขในบ้านหรอกนะ


โดย: รอนร้าว IP: 124.120.71.183 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:59:36 น.  

 
เห็นรูปอาจารย์ประมวลแล้ว รู้สึก
เช่นเดียวกับตะเบบูญ่าค่ะ ภาพความหลังหลั่งไหล

ยังจำวันนั้น...ในกรุงเทพฯ ที่ได้มีโอกาสพบพูดคุยกับอาจารย์และภรรยาของท่านได้ดี โอกาสที่ไม่เคยคาดฝันอย่างนั้นเกิดขึ้นได้ก็เพราะพ่อพเยียได้ช่วยเป็นสะพานเชื่อมโยงให้
จีงได้่ร่วมโต๊ะอาหารกับอาจารย์และภรรยาของท่าน

ได้มีโอกาสตั้งคำถามถึงบางสิ่งบางอย่างเบื้องหลังการเดินสู่อิสรภาพนั้น ตลอดจนได้รับฟังเรื่องราวดี ๆ และความรู้สึกดี ๆ ระหว่างมื้ออาหารจนเปี่ยมแปร้ เรียกว่า วันนั้นอิ่มใจมากกว่าอิ่มพุงจริง ๆ ค่ะ

รออ่านเรื่องที่ท่านเดินทางไปอินเดียเช่นกัน เพราะฟังท่านเล่าแล้ว อยากอ่านจริง ๆ ยังไม่รู้ว่าจะได้อ่านเมื่อไหร่

การได้พบกันในวันนั้นเป็นหนึ่งความประทับใจในชีวิตหนอนฯ จริง ๆ ค่ะ


โดย: หนอนฯ IP: 203.144.144.165 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:52:20 น.  

 


ฟ้าลั่นเตรียมขึ้นชกแล้วครับ

จึงต้อง "ซ้อมหนัก"

นักมวยไทยเขาซ้อมกันอย่างไร คิดว่าน่าติดตามไม่น้อย

สังเวียนคน

ตอน 7 ซ้อมหนัก


โดย: ลุงแว่น วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:7:11:10 น.  

 
สวัสดีครับ โดม

ผมรู้จักอ.ประมวลก็จากคุณนี่แหละ..
อ่านเรื่องของอ.ประมวลแล้วมีความรู้สึกดีๆ ศรัทธาในเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน และเข้าใจชีวิตได้ดียิ่งขึ้น

ฝากความระลึกถึงท่านด้วยครับ...

ผมชอบป้ายชื่อบ้านของคุณสวยงามมาก ขำตรงที่คุณบอกว่าป้ายคงทนถาวร "เจ้าของบ้านตายไปแล้ว ป้ายบ้านก็ยังคงอยู่ ถ้าไม่ถูกทำลายไปเสียก่อน"

น่าจะทำป้ายใหญ่ตรงสนามหน้าบ้านนะครับ ผมเชื่อว่าต่อไปต้องมีทัวร์ลงแน่ๆ จะได้ยืนถ่ายรูปหมู่ที่ป้าย"ชีวาโดม"ได้ :)

ทราบว่าคุณไปโน่นไปนี่จนผมตามข่าวไม่ทัน ตอนนี้คงกลับมาที่บ้าน"ชีวาโดม"แล้วใช่ไหมครับ

ยังไม่เห็นภาพบ้านที่แวดล้อมไปด้วยต้นไม้เลยครับ

ขอให้มีความสุขในทุกสิ่งที่คุณทำครับ


โดย: ปะการัง IP: 72.197.60.18 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:9:00:35 น.  

 
สวัสดีครับลุงโดม หายไปนานพอควรเลยผม ที่หายไปก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนอกจากเรื่องเรียนหรอกครับ
กว่าจะเรียนจบได้ก็แทบแย่เหมือนกันครับเพราะเวลาที่ผ่านมาผมก็ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยไปวันๆ มารู้สึกตัวก็ตอนเพื่อนๆเริ่มเรียนจบกันไปก่อนแล้วปีนี้คงจะเป็นปีสุดท้ายที่ผมจะยืมขาคนอื่นเค้าเดินเพราะคงถึงเวลาที่เราต้องยืนด้วยขาเราเองสักทีแบบจริงๆจังๆแล้ว
ช่วงหลังสอบที่ผ่านมามีเวลาว่างๆผมได้อ่านหนังสือของลุง 2 เล่ม คือควันไฟและสายรุ้ง กับนกทุกตัวมีฟ้าให้บินแล้ว รู้สึกแอบคล้ายตัวเองเหมือนกันนะครับในเรื่อง ควันไฟและสายรุ้งเนี่ย
และก็รู้สึกถึงคำว่าครอบครัวว่ามีความสำคัญกับเราขนาดไหนคนที่อยู่เคียงข้างเราก็ไม่ใช่ใครนอกจากคนในครอบครัว ผมยังจำที่ลุงพูดในวันที่เราเจอกันที่วาวีได้เรื่องของคนที่อยู่ข้างหลังเราที่จะเป็นพลังคอยพลักดันประคับประคองกันไป ส่วนนกทุกตัวมีฟ้าให้บินก็ได้จุดประกายอะไรบางอย่างให้ผมเหมือนกันครับ อ่านดูแล้วก็แอบรู้สึกตามไปด้วย อย่างตอนที่ลุงไปอยู่บ้านที่ ตะกั่วป่าแล้วไม่สบายจึงคิดว่าทำฝันในเรื่องนี้ไม่ไหว แล้วจึงกลับมาที่บ้านที่ นนทบุรี หรือจะเป็นจดหมายฉบับสุดท้ายที่ลุงบอกจะเลิกเขียนติดต่อคุณปะการัง.....

วันนี้รู้สึกผมจะพิมพ์ยาวไปมั่งครับเนี่ย ไว้แค่นี้ก่อนดีกว่าครับ ยังไงก็รักษาสุขภาพด้วยนะครับ

ปล.แล้วตกลงลุงยังอยากไปอยู่บ้านที่ตะกั่วป่าอยู่หรือป่าวครับ


โดย: อั้ม IP: 10.0.3.7, 203.144.144.165 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:00:23 น.  

 
สวัสดีครับทุกๆท่าน

เมื่อกี้นี้ผมตอบคอมเม้นท์ของทุกท่านอย่างมีความสุข

จู่ๆเน็ตผมก็มีปัญหาทำให้ทุกตัวอักษรที่ผมบรรจงเขียนหายวับไปกับตา

เพราะผมตอบคอมเม้นท์ด้วยวิธีเขียนลงบนในกล่องคอมเม้นท์เลย

ครั้งนี้คงจะเป็นเพราะตอบยาวมาก
จากคุณปรายไล่ลงมาถึงหลานอั้ม

ทุกอย่างสูญสลายไปกับอากาศ

ผมขี้เกียจเขียนใหม่
ให้อภัยผมนะครับ

ผมขอตัวไปทำงานดีกว่า
แล้วค่อยคุยกันใหม่


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:11:58:09 น.  

 
เผอิญแวะมาเจอคำตอบที่สูญสลายไปกับอากาศ...

สัมผัสความรู้สึกนั้นได้เลย หึ หึ..

บางอย่างมันเกิดขึ้นได้ครั้งเดียวนะคะ ไม่ว่าจะเป็นตัวหนังสือ อารมณ์ เวลา และความประจวบเหมาะหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิต

ในหลายจังหวะก้าว ชีวิตต้องการ "ส่วนผสมที่ลงตัว" อย่างนั้นจริง ๆ หาไม่แล้ว สิ่งที่จะเกิดอาจสูญสลายไปกับอากาศ :)

เหมือนกับคอมเม้นท์สั้น ๆ นี้
คงต้องรีบส่งแล้วล่ะ
ไม่งัน มันอาจหายไปได้เช่นกัน

ปล. ยังไม่ได้ขอบคุณเรื่องบล็อกบ้านในฝันที่กลายเป็นจริง ซึ่งคุณโดมตอบทำนองว่าแล้วก็ทำให้ความฝันหายไป (เพราะกลายเป็นความจริงแล้วนี่) ความหมายที่สื่อออกมาตรงนี้ ทำให้เห็นภาพเชื่อมต่อระหว่างความฝันกับความจริงและความจริงกับความฝันได้อย่างดี สำหรับตัวเองแล้ว เป็นการรับรู้ที่ลึกซึ้งมากค่ะ
:)






โดย: กังสดาล IP: 125.25.35.212 วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:13:16:49 น.  

 
สายัณห์สวัสดีค่ะพี่โดม โดม
+-----------------------------+

"หลวงพระบาง" ฉบับ "ปิดบันทึกเดินทาง" Up แล้วค่ะ
ขอเชิญชม "ดินแดนแห่งความทรงจำ"ร่วมกันค่ะ


โดย: สาวบ้านนอก ณ ขอนแก่น วันที่: 26 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:19:26:15 น.  

 
ปูส่งหนังสือให้พี่ไปตามที่อยู่ที่วิ่งอยู่หัวบล็อกไม่รู้ว่าถึงมือพี่ดมหรือยังค่ะ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:8:06:18 น.  

 
แวะมาเยี่ยม
สบายๆ
ใช้ชีวิตนะ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:27:10 น.  

 
ชื่อบ้านเท่มากค่ะ "บ้านชีวาโดม"
ส่วนเรื่องราวของคุณประมวล น่าสนใจมากเช่นกัน


โดย: บินหลาแสนสวย IP: 118.173.183.202 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:0:26:35 น.  

 
นกทุกตัวมีฟ้าให้บิน
เห็นบินอยู่ในกรุงเทพฯวันอาทิตย์ ต๊กกะใจ อิอิ

อ่านภูเพยียวิจารณ์นี่ ก็คุ้มแล้วเนอะ
แต่ต้องได้อ่านจริงๆ จะอินมากขึ้น

ปล๋++++ขอให้งานหนังสือนี้ฯ นกบินเยอะๆๆพี่โดม เพี้ยงๆ



โดย: ยิปซี IP: 203.144.144.165 วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:18:57:46 น.  

 
สวัสดีลุงโดม

หนูทดลองเข้าบล็อกของลุงโดมแล้วค่ะ แล้วหนูจะเข้ามาดูอีก


โดย: หญิง IP: 119.31.126.141 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:18:42:07 น.  

 
สำหรับฉัน อิสรภาพ เป็นสิ่งที่ฉันยังไม่เข้าใจนัก ฉันไม่เคยพบเห็นใครเลยที่มีอิสรภาพอย่างแท้จริง ฉันว่ามหาบุรุษบรมศาสดาทั้งหลายเท่านั้นเองที่ฉันเชื่อว่าท่านรู้จักคำว่าอิสรภาพอย่างแท้จริง ขอย้ำ นี่เป็นความคิดเห็นของฉันคนเดียวเท่านั้น


โดย: ฉันเอง IP: 118.172.174.210 วันที่: 1 มีนาคม 2553 เวลา:23:37:05 น.  

 
สวัสดีคอนดึก
นอนไม่หลับ


โดย: สัญจร ดาวส่องทาง วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:0:19:34 น.  

 


สวัสดีค่ะพี่โดม

ภูเพยียไม่ได้อยู่บ้านหลายวัน
แต่ยังได้อ่านหนังสืออยู่
ขอคัดลอกสิ่งดี ๆ มาฝากพี่ที่นี่ค่ะ

..

รีวิวหนังสือของพี่กับพี่ปะการังที่ Secret
ใน Serve Your Soul
เรื่อง เสาวลักษณ์ ศรีสุวรรณ
ถึง..นกทุกตัวมีฟ้าให้บิน


หนังสือเล่มนี้ว่าด้วยสัมพันธภาพของผู้ชายสองคน
ที่เขียนจดหมายติดต่อกันผ่านบล็อก คนหนึ่งอยู่เมืองไทย
แต่อีกคนอยู่สหรัฐอเมริกา
เรื่องราวของทั้งสองที่เล่าแลกเปลี่ยนกันนั้นมีทั้งเรื่องราวชีวิต
ความคิด ความฝัน ไปจนกระทั่งเรื่องแง่มุมศาสนาอย่างที่
คุณโดม วุฒิชัยคุยกับคุณปะการัง

"ปัจจุบันผมเชื่อเรื่องกรรมที่แปลว่าการกระทำอย่างไม่ลังเลสงสัย
ถึงแม้ผมไม่สามารถอธิบายเรื่องกรรมได้ลึกซึ้งเท่ากับนักอภิธรรม
หรือผู้ที่เล่าเรียนมาโดยตรง แต่ผมก็พอจะรู้ว่า
สี่ปีกว่าที่ผ่านมา เป็นเพราะผมเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
จึงทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น"

อ่านเล่มนี้แล้ว เราจะเข้าใจในมิตรภาพของผู้คน
แถมได้ประสบการณ์ชีวิตดี ๆ ไว้เตือนใจอีกด้วย


..






พี่สบายดีนะคะ :)



โดย: ภูเพยีย วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:7:29:18 น.  

 


ขออภัยค่ะ..
พิมพ์จากที่บล็อกตัวเองก่อนเอามาวาง
ตัวอีโมชั่นไม่ใช่หัวเราะขำขันแบบนี้นะคะ ฮือ ฮือ


โดย: ภูเพยีย วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:7:32:12 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่โดม
แอนได้อ่าน "เดินสู่อิสรภาพ" จบไปแล้ว 1 ครั้ง รู้สึกสนุกกับการก้าวเดิน และเป็นสิ่งที่จะนำทางให้เราได้รู้จักการละวาง การกำจัดความกลัว และความเห็นแก่ตัวลงได้ ถึงวันนี้ตัวเองจะยังทำไม่ได้แต่การพยายามก้าวเดินแต่ละก้าวน่าจะมีโอกาสได้พบกับอิสรภาพอย่างเช่น อ.ประมวล
ต้องมีสักวัน ต้องมีสักวัน สู้ สู้


โดย: สาวแอน IP: 118.173.10.184 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:13:11:31 น.  

 
ไม่ได้แวะมาทักทายพี่ซะนานเลยค่ะ
ช่วงนี้ทำงานไม่ค่อยเป็นที่เท่าไหร่
เลยไม่ค่อยมีเวลามาทักทาย
สบายดีนะค่ะ


โดย: BANK IP: 115.67.138.33 วันที่: 2 มีนาคม 2553 เวลา:21:29:49 น.  

 
ในหนังสือ นกทุกตัว...พี่โดมว่า
" เมื่อลูกโตขึ้น จะให้เค้าตัดสินใจชีวิตเค้าเองว่าจะอยู่กับพี่หรืออยากไปอยู่ที่อื่น" ค่อนข้างแปลกใจคะ
>> เพราะคนส่วนใหญ่อยากมีลูกหลานไว้เพื่ออยากให้เค้าดูแลเรายามแก่เฒ่า แต่พี่กลับมองอีกแบบ
>> พัดเองเป็นคนนึงที่มีความฝันในแบบที่ขัดใจแม่ (555) อยากใช้ชีวิตบั้นปลายที่เมืองเหนือคะ แม้จะยังอยู่ที่สุรินทร์ก้อตาม
>> ในความเป็นจริงเราก้อมีข้อจำกัดมากมายที่อาจทำตามฝันไม่ได้คะ

ปล. แต่ก้อยังไม่ละทิ้งความฝันนะคะ


โดย: องุ่นแก้ว วันที่: 6 มีนาคม 2553 เวลา:17:43:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.