จงทำสิ่งที่คุณทำได้...ด้วยสิ่งที่คุณมี...ณ จุดที่คุณยืนอยู่ - ธีโอดอร์ รูสเวลท์
Uploaded with ImageShack.us
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
14 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
เบียทริซ ฉันรักเธอ(“วรรณคดีก็เหมือนคนแก่ไง ยิ่งเก่าแก่คนก็ยิ่งลืม แล้วก็ให้ความสำคัญน้อยลง”)






เมื่อไม่นานมานี้ผมได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งแล้วรู้สึกประทับใจจึงเขียนถึงหนังสือเรื่องนี้ และเพิ่งตีพิมพ์ลงใน จุดประกายวรรณกรรม (หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจวันอาทิตย์วันที่ 14 มิถุนายนนี้)

เปิดหนังสือขึ้นมาเห็นเรื่องที่ตัวเองเขียนได้ตีพิมพ์ก็รู้สึกดีใจ เพราะนานแล้วที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องเกี่ยวกับหนังสือที่ได้อ่าน แต่ก่อนก็พอได้เขียนอยู่บ้าง เมื่อไล่สายตาดูหาชื่อผู้เขียนบทความนี้ ปรากฎว่าตกชื่อผู้เขียนไป ผมไม่ได้รู้สึกเดือดเนื้อร้อนใจอะไรอะไรนัก เพราะคงจะเป็นความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆซึ่งเกิดขึ้นได้

ถึงแม้ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความนี้คือใคร แต่ถ้าเขาได้อ่านเรื่องที่ผมเขียนก็ถือว่าสิ่งที่ผมต้องการสื่อสารสำเร็จเรียบร้อยแล้ว

ผมจึงขอยกเรื่องที่ผมเขียนมาให้อ่านที่บล็อกกันอีกครั้ง และขออนุญาตใส่ชื่อผู้เขียนเรื่องนี้เสียตรงนี้ หากใครอ่านแล้วก็ข้ามไปได้เลยครับ





เบียทริซ ฉันรักเธอ

(“วรรณคดีก็เหมือนคนแก่ไง...
ยิ่งเก่าแก่คนก็ยิ่งลืม แล้วก็ให้ความสำคัญน้อยลง”)

โดย โดม วุฒิชัย




บันทึกถึงเธอเบียทริซ โดย สิริพันธุ์ สุนทรวิจิตร




ริมฝีปากทาสีแดงเรื่อของเธอเหมือนริบบิ้นสีแดงสองสายขยับไปมาตามแรงลม ดวงตาเหมือนตากระต่าย ต่างหูใหญ่เท่าใบกุหลาบ แม้กิริยาจะเชื่องช้าแต่เธอก็เต็มไปด้วยมาดของผู้หญิงเปี่ยมเสน่ห์ วาจาคมคายร้ายกาจ การแต่งตัวของเธอบ่งบอกว่าเธอเป็นศิลปิน

ผมหลงรักเธอเข้าแล้ว...เป็นครั้งแรกที่ผมหลงรักผู้หญิงอายุรุ่นคุณยายซึ่งอีก 5 ปีเธอจะมีอายุครบร้อยปี โอ้...เบียทริซ...ฉันรักเธอ

ผมปิดหน้าสุดท้ายของหนังสือขณะที่ผมยังนอนอยู่บนเตียง พลิกดูปกซึ่งเป็นภาพต้นไม้ยืนคู่กันในที่โล่งซึ่งตอนแรกผมรู้สึกว่าปกนี้เป็นรูปสวยงามธรรมดา ๆ ทว่าไม่ได้สื่อถึงอะไร แต่เมื่ออ่านจบผมกลับไปมองรูปปกอย่างพินิจพิจารณาอีกครั้ง จึงเห็นว่าภาพต้นไม้ต่างวัยสองต้นดูงดงามและมีความหมายมากขึ้น

ผมวางหนังสือเล่มเล็ก ๆ ไว้บนอกด้านซ้าย เอื้อมมือไปปิดสวิทซ์ไฟที่หัวเตียง ปิดเปลือกตาลงแต่ผมยังไม่หลับ ความรู้สึกเป็นสุขเล็ก ๆ อวลอยู่ในหัวใจ

หลายต่อหลายตอนทำให้ผมรู้สึกตื้นตันและขมปร่าในลำคอด้วยความปีติ และบางตอนผมถึงกับเผลอยิ้มออกมา แน่นอนว่าทั้งสองความรู้สึกนี้เกิดจากผู้หญิงสองคนคือเบียทริซตัวเอกของเรื่อง และสิริพันธุ์ผู้เขียนซึ่งจะบอกว่าเธอเป็นตัวรองก็ไม่ใช่ แต่เธอทั้งสองคือนางเอกของกันและกันนั่นเอง

เรื่องราวในหนังสือเล็ก ๆ เล่มนี้ เป็นบันทึกเหตุการณ์สัมพันธภาพระหว่างหญิงสาวชาวไทยวัย 27 ปี (ขณะนั้น) นักเรียนต่างชาติที่ประเทศออสเตรเลีย กับคุณยายชาวออสซี่อายุ 95 ปี เธอทั้งสองร่วมกันขับเคลื่อนเรื่องราวไปด้วยกัน

สัมพันธภาพเริ่มต้นขึ้นที่เช้าวันหนึ่ง หญิงสาวได้ยื่นมือเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าของหญิงชราซึ่งกำลังประสบปัญหายุ่งยากขณะอยู่เพียงลำพังที่ม้านั่งยาวตัวหนึ่ง ปัญหานั้นคือการแกะพลาสติกที่ห่อแพ็คยาคูลท์ห้าขวดไม่ได้ จากนั้นจึงนำไปสู่มิตรภาพและความรักระหว่างกันในเวลาต่อมา

ผมเชื่อว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเพียงเพราะความเหงาของหญิงสาวที่ไปเรียนหนังสือไกลบ้าน และไม่ใช่เป็นเพราะความเดียวดายของหญิงชราที่อยู่ในห้องพักเพียงลำพังแล้วได้โคจรมาพบกันในเช้าวันหนึ่งเท่านั้น

แต่ทุกอย่างที่เกิดขึ้นขณะพบกันในช่วงเวลาหนึ่งนั้นแสดงให้เห็นว่าความรักและมิตรภาพที่มนุษย์มีต่อมนุษย์นั้นมีอยู่จริง และแอบซ่อนอยู่ในหัวใจของมนุษย์ทุกผู้ทุกนาม เพียงรอคอยสถานการณ์และวันเวลาที่จะปรากฏขึ้นระหว่างใครกับใครเท่านั้น

“บันทึกถึงเธอ เบียทริซ” เป็นหนังสือเล่มแรกของ สิริพันธุ์ สุนทรวิจิตร เธอสามารถเล่าเรื่องธรรมดา ๆ ได้อย่างน่าติดตาม แม้รายละเอียดในเรื่องจะเป็นพียงเรื่องเล็ก ๆ แต่ก็ดูสวยงาม


เรื่องราวของหญิงชรา แทนที่จะน่าเบื่อหน่าย แต่เธอกลับบอกเล่าได้อย่างมีชีวิตชีวา หากเบียทริซคนนี้เป็นคุณยายของเธอจริง ๆ เรื่องนี้อาจไม่ประทับใจเท่านี้ก็เป็นได้ แต่นี่เป็นเพราะเธอทั้งสองมีความแตกต่างกัน ทั้งต่างเชื้อชาติ ต่างภาษา และต่างวัยกัน

ประการสำคัญเรื่องนี้ไม่ใช่นิยายที่แต่งขึ้นมาเพื่อจงใจสร้างเรื่องให้ประทับใจผู้อ่าน หากแต่เป็นเรื่องจริง จึงทำให้ผมรู้สึกเชื่อมั่นในเรื่องความรักที่มนุษย์พึงมีต่อมนุษย์ด้วยกัน

ถึงแม้รูปแบบการเขียนจะดูเหมือนง่าย ๆ ด้วยการใช้ “ฉัน” เป็นผู้เล่าเรื่อง แต่ถึงกระนั้นผู้เขียนก็มีชั้นเชิงในการเล่าเรื่องและใช้ภาษาราวกับเป็นมืออาชีพ โดยส่วนตัวผมเชื่อว่าความจริงคือความงามชนิดหนึ่ง เมื่อได้รับการถ่ายทอดออกมาอย่างมีศิลปะและด้วยความรู้สึกที่แท้จริงแล้ว ความจริงนั้นก็ยิ่งสวยงามมากขึ้น

ถึงแม้หนังสือเล่มนี้จะมอบแด่เบียทริซ แต่ผมก็เชื่อว่าหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เขียนขึ้นมาเพื่อให้เบียทริซอ่านเพียงคนเดียวเท่านั้น เพราะนอกจากการได้เห็นถึงมิตรภาพและความผูกพันอย่างลึกซึ้งของหญิงต่างวัยทั้งสองคนแล้ว ผมยังได้เห็นสัจธรรมของชีวิตและได้ข้อคิดมากมายจากเบียทริซด้วย

คำพูดหลายต่อหลายประโยคของเบียทริซแสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนที่ผ่านชีวิตและเข้าใจชีวิต เช่น

“วรรรณคดีก็เหมือนคนแก่ไง ยิ่งเก่าแก่คนยิ่งลืม แล้วก็ให้ความสำคัญน้อยลง” ,

“ถ้ารู้สึกเหงาก็ให้ไปงีบเสีย อย่าลืมว่าตอนนี้ครึ่งหนึ่งของประชากรโลกกำลังจะเข้านอน พอเธอนอนหลับ เธอก็จะลืมไปว่ากำลังเหงา และเมื่อตื่นขึ้นมา อะไรต่ออะไรก็จะดีขึ้น”,

“คนเราน่ะ ถ้าไม่ดูแลตัวเองให้ดี ก็อย่าหวังจะไปดูแลคนอื่นเขาได้,

“ถ้าเธออายุเท่าฉัน เธอจะรู้ว่าการร้องไห้มันแสนจะน่าเบื่อ แล้วเธอจะรู้สึกขันกับตัวเองว่าน้ำตามันหายไปไหนหมด”,


มีอยู่ประโยคหนึ่งที่เบียทริซพูดว่า...“พอเราแก่ตัวลง คนอื่น ๆ จะไม่ใส่ใจคำพูดของเราสักเท่าไร เขาคงคิดว่าเราเอาแต่พูดพล่ามไป ทั้งที่จริง ๆ แล้วคนแก่ก็มีหัวใจนะ”



ฟังดูก็เหมือนถ้อยคำธรรมดา ๆ ที่เคยได้ยินมา ทว่าเมื่อรับฟังจากปากของเบียทริซทำให้ผมคิดถึงแม่ที่จากไปแล้วและอดถามตัวเองไม่ได้ว่า มีบ้างไหมในช่วงปัจฉิมวัยของแม่ ขณะที่ผมอยู่ใกล้ชิดแม่ แล้วผมปล่อยให้แม่พูดไปโดยที่ไม่ได้ใส่ใจคำพูดของแม่เลย

คำพูดประโยคนี้ของเบียทริซทำให้ผมตั้งใจว่าต่อไปนี้จะเอาใจใส่กับคำพูดของคนชรามากขึ้น




-------------------------------





ม้านั่งยาวจุดเริ่มต้นมิตรภาพของคนทั้งสอง





เพลงจากในหนังสือเล่มนี้
แต่งและขับร้องโดยผู้เขียน



Create Date : 14 มิถุนายน 2552
Last Update : 16 มิถุนายน 2552 11:44:16 น. 20 comments
Counter : 2581 Pageviews.

 
ยินดี(ล่วงหน้า) กับรางวัล รักลูกอะวอร์ดนะคะ


โดย: สายลมอิสระ วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:21:54:35 น.  

 
สวัสดีดึกๆ อีกแล้ว ...

เคยเห็นหนังสือเล่มนี้บ่อยมากๆๆๆ
ในร้านหนังสือ แต่ไม่เคยคิดจะอ่าน ...

อืม ... คราวหน้าหากเจออีกจะลองอ่านดูค่ะ

ว่าแต่ .. โต๊ะตัวนี้ กับดอกไม้ ดูงามดีนะคะ ทั้งดอกไม้สีชมพูในโปสการ์ด ทั้งดอกไม้สีขาวกับหนังสือ คราวหน้าลองดอกคูณดูนะคะ สีเหลืองสดกับโต๊ะตัวนี้ น่าจะดูสดใส ...

ฝันดีค่ะ


โดย: แค่เพียงสายลม วันที่: 14 มิถุนายน 2552 เวลา:22:08:12 น.  

 
สวัสดีครับ โดม,

คุณเขียนเล่าแล้วทำให้อยากอ่านหนังสือเล่มนี้...

คุณถ่ายภาพปกหนังสือบนพื้นไม้สีฟ้า, ดอกไม้สีขาว ทำให้ปกเรียบเหงานั้น ดูน่าเปิดอ่านทันที...

ชอบเพลงที่ผู้เขียนแต่งและร้อง ยอดเยี่ยมมากครับ! อยากทราบว่าเธอเล่นด้วยเครื่องดนตรีอะไรครับ แบนโจ หรือฮาร์พ ครับ?


โดย: ปะการัง IP: 72.197.60.18 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:4:03:16 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่โดม










โดย: กะว่าก๋า วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:7:26:13 น.  

 
สวัสดีครับปะการัง


หนังสือเล่มนี้พร้อมกับเล่มอื่นๆที่พิมพ์พร้อมชุดเดียวกันกับ "เดินทางข้างใน" และ "กระท่อมดินทุ่งดาว"ของพี่ปอนและคนอื่นๆอีก

ผมอ่านแล้วก็รู้สึกอย่างที่เขียนออกมานั่นแหละครับ

แค่นึกว่าอยากอ่านเดี๋ยวก็ได้อ่าน เพราะจะมีนางฟ้าประจำบล็อกของคุณส่งไปให้อ่านแน่นอน เพราะมีนางฟ้านางหนึ่งเธอได้อ่านหนังสือเล่มนี้ซึ่งเธอก็รู้สึกคล้ายๆกับผมนี่แหละครับ

แต่ตอนนี้นางฟ้าเป็นโรคขี้ลืมชั่วคราว เพราะงานเยอะ หรือว่าตั้งใจมากเกินไปก็ไม่รู้

วันก่อนเธอก็ไปดูคอนเสิร์ทคุณจุ้ยมา



โดย: พ่อพเยีย วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:7:59:27 น.  

 
ขั้นตอนโปสการ์ดทำมืออย่างง่ายๆ



















สวัสดีครับทุกๆท่าน


เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาตั้งแต่ก่อนเที่ยงเล็กน้อย
ผมกับภรรยาลุยทำโปสการ์ดทำมือ
ซึ่งผมอัดรูปไว้รอและตัดกระดาษปะหลังไว้เรียบร้อยแล้ว



ขั้นตอนคือ...

หนึ่ง - ใช้กาวสเปรย์ฉีดหลังรูป(ขนาด 4 คูณ 6 )

สอง - ใช้กระดาษหลังโปสการ์ดที่เตรียมไว้ติดกับรูป

สาม - ตัดขอบทั้งสี่ด้าน เป็นอันว่าโปสการ์ดเรียบร้อย


เราสองคนช่วยกันทำตั้งแต่ก่อนเที่ยง (พักกินข้าวช่วงบ่ายโมง)

กว่าจะเสร็จ 5 โมงเย็นกว่าๆ

ได้โปสการ์ด 390 แผ่น (เสีย 2 แผ่น เพราะปิดกลับหัวและตัดขอบพลาด)

นับว่าเป็นการเริ่มต้นทำที่บ้านนทบุรีเป็นครั้งแรก
โดยที่มีภรรยาเป็นคนช่วย (อันที่จริงผมเป็นผู้ช่วยเธอมากกว่า)

งานละเอียดแบบนี้เธอทำได้ดีกว่าผมแน่นอน


จะว่าไปแล้วดูเหมือนไม่ยากเลย
เมื่อมาถึงขั้นตอนตรงนี้เพราะเรารู้วิธีทำมาหมดแล้ว

แต่เมื่อนึกถึงตอนที่วีดวาดทำตะกั่วป่าโปสการ์ดใหม่ๆ
กว่าจะลงตัวต้องทดลองเรื่องกาวหลายชนิด
ตั้งแต่กาวลาเท็กซ์ กาวยางพารา กาวน้ำ ฯลฯ

จนกระทั่งมาลงตัวที่สุดที่กาวสเปรย์

ผมยังเอ่ยชมวีดวาดกับภรรยาว่า
ถ้าเธอไม่มีใจรักจริงก็คงเลิกทำโปสการ์ดทำมือไปแล้ว

เพราะในช่วงแรกว่าจะติดกาวได้ 1 ใบนั้นใช้เวลา
และไม่เรียบร้อยเหมือนใช้กาวสเปรย์เหมือนตอนนี้

เมื่อมาถึงตอนที่เรากำลังทำอยู่นี้ไม่มีอะไรยากแล้ว
เหลือแต่เคล็ดลับทำอย่างไรจึงจะรวดเร็วและเรียบร้อยกว่าที่ทดลองทำมา


ผมกับภรรยาใช้เวลาจัดการทำรูปถ่ายธรรมดาๆกลายเป็นโปสการ์ดทำมือ
สามารถใช้ส่งความรักความคิดถึงถึงกันได้

ใช้เวลาไปเพียง 5 ชั่วโมงเท่านั้น

แต่ผมพลิกโปสการ์ดแต่ละใบคือรูปถ่ายที่ผมถ่ายมาจากระหว่างการเดินทาง

รูปโน้นที่เกาะปันหยี รูปนี้จากดอยวาวี นั่นรูปจากตะกั่วป่า

รูปนั้นจากที่โน่นที่นี่ ฯลฯ

บนโปสการ์ดประดับด้วยถ้อยคำคมของปราชญ์หรือนักเขียนที่เดินทางผ่านกาลเวลา

จากยุคก่อนมาจนถึงสมัยนี้ ซึ่งส่งต่อๆกันมาผ่านหนังสือ จนถึงนักอ่านและเลือกสรรมาเพื่อส่งผ่านกันต่อไป

ผมหยิบโปสการ์ดที่ผมทำกับมือขึ้นมาดูทีละใบอย่างมีความสุข

ลืมความเหนื่อยล้าที่นั่งบ้างยืนบ้างขณะทำโปสการ์ดในวันนี้เสียหมดสิ้น



----------------------------




ป.ล. เมื่อวันอาทิตย์เมื่อวานนี้

ผมนำโปสการ็ดไปฝากวางที่ร้าน ลมหวน

ชั้นใต้ดิน ที่ห้างสรรพสินค้าพันธุ์ทิพย์ สาขางามวงศ์วาน

เช้าวันจันทร์วันนี้ ผมได้จัดส่งไปที่คุณบัวทะเลภูเก็ต
และร้านน้องจิ๊ปที่พังงาเรียบร้อยแล้ว




โดย: พ่อพเยีย วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:10:04:04 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่โดม

ได้รับของแล้วจะส่งข่าวนะคะ

อย่างนี้ต้องจ่ายค่า "แรงงาน" คุณภรรยาเยอะๆ หน่อยนะคะพี่ อิ อิ


โดย: BUATALAY IP: 203.156.38.115 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:10:50:27 น.  

 
เมื่อวานซื้อหนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ มาอ่าน
พี่สะใภ้(พี่หนุ้ย)แฟนพี่ชาย เปิดเจอหน้านี้
บอกว่ามันคล้ายโต๊ะร้านเราเลยนะ
...ก็บอกอื่อ..พี่โดมเขียนไง แต่ไม่มีชื่อเขาน่ะ พี่ชายก็บอก ไม่มีที่มาที่ไป..
นึกอยากช่วยทำเสียงแว่วๆเวลาคนอ่านจังว่า โดม วุฒิชัยเขียน ค่ะ อิอิ

เวลาเห็นหนังสือ เล่มนี้ คิดถึงคุณยายเบียทริซนั่งตรงม้ายาวนั่นทุกทีเลย
เธอมีมิตรภาพที่น่ารักในขณะที่เธอแก่มากๆแล้ว น่าอิ่มใจกับเธอนะ

เฮ่อ..โปสการ์ดที่อยู่กับหยก 160 ใบค่ะ เธอฝากบอกว่า ขายได้เรื่อยๆนะ


โดย: วีดวาด IP: 222.123.98.217 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:12:35:15 น.  

 
สวัสดีค่ะ

ได้ยินใครพาดพิงถึง
ก็เลยต้องมาแสดงตน

เฮ้อ...ยังไม่ทันแก่เลย
ก็เป็นโรคหลง ๆ ลืม ๆ ซะแล้ว
(ก็ชั่วขณะ...แต่นานหน่อย)

ตั้งใจจะส่ง "เบียทริซ" ไปให้พี่ปะการังอยู่แล้วค่ะ เผื่อเป็นแรงบันดาลใจให้พี่ปะการังนึกอยากเขียนอะไร ๆ มากกว่าที่เขียนอยู่ คิดเพลิน ๆ ไปว่า ถ้าพี่ปะการังลงมือเขียนอะไรจริง ๆ จัง ๆ ก็คงได้เรื่องที่น่าอ่านไม่น้อย ก็ฝันหวานแทนพี่เขาไปอย่างนั้นแหละ ความเป็นจริงยังไง ๆ ก็ต้องขึ้นอยู่กับตัวพี่เขาเองแหละ

คอนเสิร์ตคุณจุ้ยที่ไปดูมา งวดนี้ก็เป็นงานของเด็ก ๆ เสียมากกว่า เพราะคอนเส็ปต์งานเป็นเรื่องของการรณรงค์ต่อต้านการใช้แรงงานเด็กโลก (แต่งานนี้ใช้แรงงานเด็กไทยเยอะ...แต่เป็นงานดี ๆ ที่สร้างสรรค์ ก็คงไม่เป็นไร - - พี่แกว่างั้นค่ะ)

คอนเสิร์ตเล็ก ๆ บัตรราคาถูกมาก ๆ แต่สาระและคุณภาพเต็มเปี่ยมค่ะ

ดีใจก็ตรงที่ได้พบปะพูดคุยกับคุณจุ้ย แลกเปลี่ยนคำถามคำตอบกันพอสมควร ด้วยความเกรงใจ เพราะเขามีแฟนคลับห้อมล้อมเยอะ ดูแกมีความสุขกับงานและวิถีชีวิตที่เลือกแล้ว เดี๋ยวนี้มีลูกศิษย์ลูกหาช่วยแต่งเพลงด้วย เจอะหนนี้ดูแกหนุ่มกว่าเมื่อเคยพบกันเมื่อครั้งกระโน้นอีก (ก็คงเหมือนเจ้าของบล็อกนี้แหละ...ยิ่งทำงานที่รักที่ชอบแล้วยิ่งมีความสุข...ความสุขเกิดจากภายใน...ทำให้หน้าตาแจ่มใสเบิกบาน...) เจอะที...ก็ปลื้มที...อย่างงี้แหละจ้ะ อย่าถือสา...


โดย: หนอนฯ IP: 10.20.3.30, 202.28.180.202 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:12:54:02 น.  

 
เห็นบรรยากาศทำโปสการ์ด ภาษาเศรษฐศาสตร์เรียกว่า อุตสาหกรรมในครัวเรือน


ใจไม่เย็นไม่ละเอียดอ่อน ทำอุตสาหกรรมแบบนี้ไม่ได้


โดย: J IP: 58.137.145.222 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:14:46:37 น.  

 
จริงสินะคะ

เมื่อก่อน ยายพูดอะไร ก็ไม่ค่อยสนใจแก

แต่พอยายเสียไปแล้ว รู้สึกว่า น่าจะสนใจสิ่งที่ยายพูดมากกว่านี้นะ

ตอนนี้...เอาอีกแล้ว

ชีวิตนี้ไม่เคยจดจำอะไร เริ่มไม่ใส่ใจกับสิ่งที่แม่พูดซักเท่าไหร่อีกแล้ว

บางทีคุยโทรศัพท์กัน ก็เออออไปตามเรื่อง

โทรไปหาแม่ทุกวัน แต่ไม่ได้ฟังทุกคำที่แม่พูด

ขอบคุณที่เอาเบียทริซ มาเตือนสติค่ะพี่โดม


โดย: นักล่าน้ำตก วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:16:56:07 น.  

 
สวัสดีครับคุณบัวทะเล

จะรอฟังข่าวโปสการ์ดเดินทางไปถึงภูเก็ต
ขึ้นรถที่นนทบุรีวันนี้ ตีตั๋วลงทะเบียนธรรมดา

ถ้าได้ไปตะกั่วป่าคราวหน้าถ้ามีเวลาจะไปถ่ายรูปที่ภูเก็ตมาทำโปสการ์ดบ้าง


สวัสดีจ้ะหนอนฯ

เมื่อวานนี้เดินห้างพันธุ์ทิพย์ เจอหนังสือเก่าคุณจุ้ยเล่มหนึ่ง ด้วยรักแกมรำคาญ (สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก) ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 สภาพดีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

หนอนมีไว้ในคอลเลคชั่นหรือยัง ถ้าต้องการส่งข่าวมาจะส่งไปให้
เพราะไม่ได้เป็นแฟนคลับคุณจุ้ย

แต่เห็นหนังสือคุณจุ้ยแล้วนึกถึงแฟนคลับคุณจุ้ย เลยซื้อมาราคา 20 บาท

สวัสดีครับคุณ j

ยินดีเสมอเมื่อเห็นคุณแวะเวียนเข้ามาอ่าน และทิ้งถ้อยคำเล้กน้อยเอาไว้

เดี๋ยวผมค่อยๆทยอยลง "เพลงฝนบนใบไม้" ให้ครบทุกชิ่นก่อน จะนำเสนอสำนักพิมพ์ใดสำนักพิมพ์หนึ่งที่เห็นว่าเรื่องนี้มีค่าควรแก่การพิมพ์ซ้ำอีกสักครั้ง

ว่ากันว่าภาษาอังกฤษแปลดีมาก
จนบางคนแทบหัวใจหยุดเต้นเมื่อได้อ่านภาคภาษาอังกฤษ


โดย: พ่อพเยีย วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:19:10:11 น.  

 
ขออนุญาตเอาอีเมล์จากคุณ J มาลง

เผื่อมีใครเก่งกลอนช่วยซ่อมให้หน่อย


เห็นพี่โดมและพี่กล้วยทำโปสการ์ด ส่งโปสการ์ด เลยเขียนกลอนมาให้

Post your card
To deliver your art
How mind's path
Captures the essence
Of your living chart

ยังแปลงเป็นกลอนไทยที่สัมผัสถูกต้องไม่ได้ แต่พอมีเนื้อความว่า

ส่งโปส์การ์ด
ไว้สื่อสารศิลป์
บอกเส้นทางแห่งใจ
กุมเกาะสาระแห่งเส้นทางชีวิตไว้อย่างไร

ไม่ทราบว่าพอมีสาระที่เข้าใจได้ไหม

ขอให้สนุกกับการ์ดครับ



โดย: พ่อพเยีย วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:19:33:01 น.  

 
กรี๊ดๆๆ น้องหนูก็อ่านแล้วก็ถึงว่าๆ
ทำไมไม่ใส่ชื่อคนเขียนหว่า มองหาๆๆ
มองข้างบนมุมบนโน่น ก็ไม่มี
เลยเข้าใจว่ากองบก เขียนเอง
ใจหนึ่งแวบถึงพี่โดม ว่าเคยบอกว่าชอบหนังสือเล่มนี้
ที่แท้ก็.....เฮ้อ พลาดมากเลยนะคะจุดประกาย


โดย: ยิปซี IP: 124.122.228.92 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:20:40:29 น.  

 
ปล ----เพลงเพราะมากๆๆๆๆค่ะ


โดย: ยิปซี IP: 124.122.228.92 วันที่: 15 มิถุนายน 2552 เวลา:20:41:50 น.  

 
ขอบคุณพี่โดมที่เขียนเรื่องราวบอกเล่าความรู้สึกถึงหนังสือเบียทริซ

แปลกใจและเขินเล็กน้อยที่พี่เอาเพลงที่หนูแต่งและร้องมาลงบลอกด้วย บอกแล้วว่าตอนอัดเสียงนั้น เสียงแหบ แถมอัดเสียงแบบลูกทุ่งๆ ไม่ได้แต่งเสียงเลย แต่ก็ขอบคุณพี่โดมมากค่ะ ที่ให้เกียรติแนะนำหนังสือ และเอาเพลงมาประดับบลอกชื่อดังของพี่

คุณปะการังคะ - - เครื่องดนตรีที่คุณถาม ดิฉันเล่นด้วยกีตาร์ อูคูเลเล ( Ukulele) เป็นกีตาร์แบบฮาวายตัวเล็กๆค่ะ ฝีมือก็ยังอนุบาลอยู่แค่นี้แหละค่ะ

คุณยิปซี -- ขอบคุณมากค่ะ

สิริพันธุ์ สุนทรวิจิตร


โดย: Love At First Click วันที่: 16 มิถุนายน 2552 เวลา:7:50:44 น.  

 
ผมอ่านจนจบ รู้สึกดี ผมหาหนังสือเล่มนี้มาไว้ในมือแล้ว ๑ เล่ม แต่ยังไม่ได้อ่าน เนื่องจากรอโอกาสที่จะมีจิตใจสงบนิ่งโล่งสบาย และจะค่อยละเลียดจิบสิ่งดีดีในหนังสือเล่มชี้ เช่นที่คุณโดมทำ


โดย: สิขเรศ (HyPeR MonKeY ) วันที่: 19 มิถุนายน 2552 เวลา:23:41:35 น.  

 
แหะแหะ ซื้อมากองๆ ไว้ รอ รอ รอ ว่าจะพร้อมอ่านเมื่อไร อ่านบล๊อคนี้แล้วจะจัดคิวด่วนให้เลยค่ะ อิอิ


โดย: ริมตลิ่ง วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:20:21:36 น.  

 
เพิ่งอ่านจบเมื่อคืนนี้อ่าคุณลุง
ร้องไห้ทั้งคืนเลย
อ่านจบปิดไฟนอนก็ยังร้องไห้อยู่
รู้สึกว่ารักใครโดยที่ไม่มีโอกาสพบเจอ...ไม่รู้ว่าหน้าตาเป็นยังไง..แต่รู้ว่ารักเข้าไปแล้ว...เฮอ...เช้านี้ก่อนกินข้าวก็ยังคิดถึงคุณยายเบียทริซอยู่...ป่านนี้ไม่รู้ว่าอากาศบนสวรรค์เป็นยังไง...ไม่รู้ว่าจะไม่สบายอีกหรือปล่าว..เป็นห่วงคุณยายจริงๆ...


โดย: บังเอิญผ่านมา IP: 202.29.60.211 วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:8:51:26 น.  

 
รบกวนคุณลุงหน่อย
เพลงมันฟังไม่ได้อ่า...ทำไงดี..


โดย: บังเอิญลืมถาม IP: 202.29.60.211 วันที่: 22 ตุลาคม 2552 เวลา:8:55:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พ่อพเยีย
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]







ด้วยความยินดี...
หากมีผู้ใดละเมิด
โดยนำภาพถ่าย,บทความ
หรือข้อเขียนต่างๆ
ใน Blog นี้ไปใช้
ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใด
สามารถทำได้เลยทันที
โดยไม่ต้องขออนุญาต
เป็นลายลักษณ์อักษร

เว้นเสียแต่ว่า…
ถ้านำไปพิมพ์จำหน่าย
กรุณาจ่ายค่าลิขสิทธิ์ด้วย

อ่านเรื่องของ "ปะการัง" ที่นี่



โหลดเพลง คลิปวีดีโอ นิยาย การ์ตูน


www.buzzidea.tv
Friends' blogs
[Add พ่อพเยีย's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.