Group Blog All Blog
|
กงฟ้าลี้ มาลา คำจันทร์ เขียน กงฟ้าลี้ มาลา คำจันทร์ เขียน สำนักพิมพ์ แพรว ในเครืออมรินทร์ 395 บาท 517 หน้า คุยกันหลังอ่าน กงฟ้าลี้เป็นนิยายแนวผจญภัยในป่าลึกลับทางภาคเหนือ เปิดเรื่องด้วยเหล่ากลุ่มคนที่ต้องการเข้าไปยังถ้ำหลวง ซึ่งการจะเข้าไปก็ยากมาก มีเพียงไม่กี่คนที่เคยเข้าไปถึงจริง จึงต้องมีการจ้างวานกลุ่มพรานและผู้มีวิชาคาถาอาคมเพื่อช่วยเหลือ เพชรพระอุมาลอยมาเลยตอนนี้ แต่จะบอกว่านั่นแค่ตอนแรกเท่านั้นค่ะ แน่นอนว่านี่คือนิยายแนวผจญภัยเหนือจินตนาการเหมือนกัน แต่จุดมุ่งหมายของเรื่องต่างกัน ทิศทางในการดำเนินเรื่องก็ต่างกัน เรื่องนี้ค่อนข้างเน้นด้านมืดของจิตใจคน และมีการอิงเอาหลักของพระพุทธศาสนาเข้ามาช่วยเสริมในเรื่อง ส่วนรองคือการผจญภัย โอค่อนข้างใช้เวลาปรับตัวเองเข้ากับเรื่องพอสมควร เพราะเปิดมา หนึ่งคือ ตัวละครเยอะมาก ฝ่ายนายจ้าง ลูกจ้าง พราน สองคือการใช้ภาษาถิ่น (ภาษาเหนือ) โอไม่ใช่คนเหนือ ก็มีเบลอ ๆ บ้างเหมือนกัน สามคือภาษาในการเล่าเรื่อง ลีลาภาษาในเรื่องค่อนข้างมีความเฉพาะตัวอยู่ มีการใช้คำซ้ำ คำซ้อน ประดิษฐ์เป็นคำใหม่ มีภาษาเก่า ที่เราจะไม่เห็นในงานของนักเขียนรุ่นใหม่นัก ความตื่นเต้นแรกที่รู้สึกหลังจากเปิดตัวตัวละครคือ แต่ละคนมีจุดประสงค์แอบแฝงในการเดินทางครั้งนี้ และเราไม่รู้ว่าเบื้องลึกเบื้องหลังของคนกลุ่มนี้คืออะไร ตรงนี้โอว่าทำได้ดี ชวนติดตามมาก ความรู้สึกหลังอ่านจบคือเรื่องนี้ไปในทิศทางคนละแบบกับที่โอคาดไว้ตอนต้น โออาจจะคาดหวังความลึกลับ หรือการผจญภัยที่มากกว่านี้ แต่โดยรวมก็ไม่ใช่ไม่ดี สิ่งที่โอคิดว่าเรื่องนี้ขาดคือ ความรู้สึกร่วมของเรากับตัวละคร และจุดพีคอารมณ์ เช่น ตัวละครสองคนนี้รักกัน อ้าว รักกันตอนไหน โอไม่สงสัยว่าทำไมถึงให้รักกัน โอมองเห็นแนวทางของเรื่อง ทิศทางที่อยากจะให้เป็นไป แต่โอไม่รู็สึกร่วมถึงความรัก มันไม่มีลำดับการสร้างความสัมพันธ์เลย มาอยู่ ๆ หนึ่งแล้วเป็นห้า ตู้ม อ้าวเขารักกันแล้ว หรือ เหตุการณ์กำลังน่าตื่นเต้น ชวนระทึก แล้วตู้ม เหตุการณ์จบ คลี่คลาย อ้าว เรายังไม่กลัว หรือผวาเลย กำลังจะอยากกรี๊ดแล้ว ตัดฉับ อารมณ์ตรงกลางนี้มันหายไป เรื่องเลยจะมีการเปลี่ยนฉับของอารมณ์ค่อนข้างมาก อีกอย่างคือเรื่องของการใช้ตัวละครไม่ค่อยคุ้ม อย่างตอนเปิดเรื่องมามีตัวละครเยอะมาก ใช้เวลาจำพอสมควร แต่มีตัวเด่นจริง ๆ ไม่กี่คน ถ้าคิดว่าจะไม่ใช้ หรือตัวละครนั้นไม่สำคัญนัก โอว่าไม่ต้องใช้เวลาปูพื้นขนาดนี้ก็ได้ แล้วช่วงกลางถึงท้ายเรื่อง ตัวละครหลายตัวบทหาย เกลี่ยบทยังไม่ค่อยดีนัก อีกเรื่องคือการให้น้ำหนักการเล่าผิดประเด็น บางทีเล่าซ้ำในประเด็นเดิมที่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ แต่ประเด็นสำคัญ ที่มีผลต่อทิศทางการดำเนินเรื่อง กลับเล่าครั้งเดียวแล้วปล่อย ตรงนี้น่าจะสามารถขยี้ สร้างปม อธิบายเพิ่มเติม หรือใช้เวลากับมันได้มากกว่านี้ จุดเด่นของเรื่องคือภาษา ใช้คำนี้ได้ไหมนะ มีคุณค่าทางวรรณศิลป์ ใครชอบเรื่องของภาษา สนใจเก็บคลัง หรือศึกษาเพิ่มเติม เรื่องนี้ให้ได้ดีเลย ส่วนโครงเรื่องและการผูกเรื่องก็ใช้ได้ อ่านแล้วเห็นลำดับขั้นตอน เห็นทิศทางของเรื่อง ไม่หลงทาง แกนหลักของเรื่องก็ยังให้น้ำหนักได้ดี ไม่ทิ้งไป 4 ดาว ตกลง 'แมวเม่ย' นี่คืออะไรโอยังไม่ทราบเลย ลองกูเกิ้ลคร่าว ๆ ใกล้เคียงสุดน่าจะ แมวป่วย หรือเปล่าคะ . . . "เฮ้อ..." "ถอนใจอีกแล้วพี่น้อย" ไอ้หน้าใสทักขึ้น "วัน ๆ ข้าได้ยินแต่เสียงพี่น้อยถอนหายใจ" "เรื่องของกู มึงอย่ายุ่ง" "ข้ารู้น่า..." ลาดลุ่มลงไป เสียงน้ำไหลเลาะห้วยคล้ายคนคุยกันด้วยภาษาลึกลับ เล่าลือกันว่าในห้วยบางแห่งมีผีเส้วห้วย บางแห่งเป็นหญิง บางแห่งเป็นชาย ผีเส้วห้วยชายมักหมายตาเอาสาวไปเสพ ผีเส้วห้วยหญิงก็มักหมายตาเอาชายไปเสพ แล้วทำไมผีเส้วห้วยกับผีเส้วห้วยไม่เสพกันเอง ไม่เห็นมีใครให้เหตุผลไว้ "เฮ้อ..." "อีกแล้ว พี่น้อย" "ไปไกลตีนกูหน่อย รำคาญ" แสงเดือนดูหม่น แสงส่องลอดหลืบไม้ ไม่สดใส ออกขุ่นมัวหม่นหมองเหมือนหัวอกหัวใจไก่รองบ่อนยามนี้ ข้ารู้ว่าข้าต้องแพ้ แต่ทำไมข้าไม่หนี... ลำห้วยกว้าง แต่ตอนนี้น้ำห้วยลดลง ฝั่งห้วยจึงกลายเป็นหาดยื่นยาว แสงเดือนยังส่องอยู่ บางช่วงของสายน้ำสะท้อนแสงเดือนดูวับ ๆ แวม ๆ ดั่งงูเกล็ดเงินเลื้อยล่อง เดินเลาะริมน้ำขึ้นไปทางเหนือน้ำ พ้นไปจากกลุ่มกระโจมนายจ้าง ไม่อยากอาบทางปลายน้ำ เพราะรังเกียจว่านายจ้างอาจถ่ายเทคราบไคลสกปรกในตัวลงสู่สายน้ำ "พี่น้อยเลิง" ไอ้ซ้อยแหย่ปลายเท้าลงน้ำแล้วหดกลับ "ดาบของพี่ พี่เคยลองละยัง" "ลองว่าจะใช่ดาบฟ้าฟีกหรือไม่อย่างนั้นหรือ ลองทำไม" "ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าใช่หรือไม่ใช่" "ครูบาเองไม่เคยพูดสักคำว่าเป็นดาบฟ้าฟีก แล้วจะลองไปทำไม" หน้า 35-36 บทที่ 3 . . . อากาศอบอ้าว ฟ้าแดงอยู่ทางด้านเหนือตรงที่สายน้ำอ้อมโค้งขึ้นไป ดงดอยด้านนั้นต่ำ เป็นที่ลาดเอียงเทแผ่ไปทางตะวันออก ส่วนทิศใต้เหยียดขึ้นไปทางตะวันตกเป็นแนวเขา ฟ้าแดงปนดำก่ำแก่ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่สบายใจ เหมือนจะมีเภทภัยใหญ่หลวงบางอย่างเฟี้ยมแฝงแปลงแปลก อยู่ในความลับลี้ อยู่ในความลึกลับ อยู่ในความอึดอัดอึมครึม หน้า 180 บทที่ 16 . . . ใกล้เที่ยงวันแดดร้อนขึ้น หนุ่มสาวชอบหนีตามกันเข้าเขตป่าหินเย็นชื้น พื้นหินไม่เก็บรอยเท้าเหมือนพื้นดินพื้นทราย หากเขาตามมาถึงที่นี่ การแกะรอยก็คงยุ่งยากขึ้น ป่าหินมีหินเป็นส่วนประกอบหลัก หินผาก้อนเท่าช้างผุดโผล่เกลื่อนกลาด หน่อหินแซมสอดยอดแหลมเหมือนหน่อไม้โคนกอไผ่ บางแท่งสูงแหลมเหมือนพระเจดีย์ มีหมอกควันลับลี้รำไรอันเนื่องแต่หมอกแดด ทำเลดูคับขัน มีเหลี่ยมมุมบังตา มีรูร่องปล่องเหว พลาดพลั้งหากตกลงไป อย่าหวังเลยว่าจะได้เป็นคน มือต่อมือเข้าเกาะเกี่ยวกุมกัน หิวโหยท้องร้อง ได้กินแต่กล้วยป่าหาได้ข้างทางพอปะทะปะทัง ปันเผื่อเยื่อใยใจรักต่อกัน สิ้นสุดแล้วหรือสวรรค์บนเส้นทางไปสู่นรก ช่างสั้นเหลือเกินความชื่นหวาน เหมือนจะสิ้นสุดลงแล้ว มือต่อมือกุมมั่น ระแวดระวังทุกฝีก้าว ไม่อาจแน่ใจได้เลยว่าพื้นหินที่เหยียบอยู่จะแน่นหนาหรือเปราะบางแค่ไหน หมอกแดดบดบังตา เรี่ยลอยอ้อยอิ่งเหมือนใครเอาผ้าขาวบางปูแผ่คลุมพื้น กว้าก ๆ เสียงนกร้องเศร้า ลมเลาะราวไพรเหมือนเสียงปี่แนแอ้อ่อยบรรเลงงานศพ ใจไม่เต้นแรง แต่มือต่อมือต่างกระชับยึดกุมกัน เหมือนว่าถ้าตกก็จะตกลงไปด้วยกัน หน้า 250 บทที่ 22 . . . ผืนฟ้าและแผ่นดินนิ่งสนิท ดาวดื่นดวงช่วงโชติ แต่ดาวดูคล้ายนิ่งไม่กะพริบวิบแวมส่งข่าวสื่อสารกัน เดือนก็ยังไม่ขึ้น ยังไม่ดึกนัก แต่ดาวบางดวงก็ร่วงลับ น้ำห้วยที่มีแพดอกไม้ไหลล่องยังท่องเอื่อย สายน้ำหน้าแล้งไหลเลาะฝั่งห้วยคล้ายเพลงบรรเลงบอกเล่า บอกผ่านเสียง ไม่ได้ผ่านถ้อยคำ ลำนำลำน้ำบอกกล่าวเรื่องราวมากมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับว่าใครจะแปรความหมายออกมาได้หรือไม่ ในบางครั้ง สายน้ำคล้ายคร่ำครวญหวนไห้ แต่ในบางหน เสียงสายน้ำกระซิบกับก้อนหินคล้ายหนุ่มสาวบอกรักต่อกัน ความรักดีกว่าความชัง ความรักงดงามเสมอ แต่ความรักมักมีความหลงเจือปน หากแยกไม่ถูก สกัดไม่ออก บางครั้งความหลงก็เข้าไปทำลายความรัก หน้า 395-396 บทที่ 35 . . . ใต้หล้าฟ้ากว้าง ดวงตะวันส่องแสงสว่างไสว กลางเดือนมีนาคมเมฆยังไม่ก่อตัวหนาทึบ ฝนต้นฤดูยังไม่ตกต้อง แต่ฝนหัวปีตกลงมาห่าหนึ่งก่อนหน้านี้ ไม้เหมือด ไม้ไค้ ไม้ฮี้ ไม้เฮือดเป็นพวกไม้ตื่นตัวเร็ว เพียงฝนแรกมาปลุก ไม้ฉับไวพวกนี้ก็แตกตุ่มตาติดใบอ่อน ๆ มะกอกเก่าแก่เปลือยกิ่งก้านมาเนิ่นนาน นับแต่ลมหนาวเริ่มล่อง มะกอกก็เตรียมเปลื้องเสื้อ ลูกโต ๆ ติดเต็มต้น เริ่มสุก ลูกหล่น ใบก็เริ่มหล่น ลูกยังไม่ทันหมดต้นแต่ใบร่วงลงหมดแล้ว ฝนหัวปีแวะมาทักทาย ไม้ตื่นเร็วแตกใบอ่อน แต่มะกอกอาจเตรียมตัวนาน จึงเสียเวลาเสาะหาเสื้อใหม่ใส่ตัวนานกว่าเพื่อน หน้า 453 บทที่ 40 . . .
จากพล็อตคร่าวๆออกจะคล้ายๆนางถ้ำที่แม่ไก่เพิ่งอ่านและบอกเล่าไปบล็อกก่อนหน้านั้นเลยค่ะ
อ่านงานของอ.มาลาต้องอาศัยสมาธิระดับนึงทีเดียวค่ะ เล่มนี้เห็นแว่บๆยังไม่ได้สอย แต่เล็งๆสร้อยหงส์แสงไว้ อ่าน 2-3 ออนไลน์ก็ชวนให้ติดตามอยู่ไม่น้อยนะคะ อ้อ...แมวเม่ย หรือแมวเมื่อยก็คือแมวป่วยตามที่คุณโอเข้าใจนั่นแหละค่ะ ปกติเราจะใช้เปรียบเทียบคนที่ทำท่าเหงาๆเฉาๆ ขาดชีวิตชีวาว่า แมวเมื่อย ประมาณนี้ค่ะ แหะๆ โดย: แม่ไก่ วันที่: 18 ตุลาคม 2561 เวลา:12:44:05 น.
คุณJim-793009 ขอบคุณที่แวะมาทักทายนะคะ เรื่องนี้เคยลงนิตยสารเป็นตอน ๆ พอนิตยสารปิดตัว ก็ได้มาออกเป็นเล่มกับแพรวค่ะ
คุณแม่ไก่ ขอบคุณมากค่ะ โห นึกภาพออก เข้าใจเลย น้องโดนล้อว่าแมวเม่ยทั้งเรื่อง โอก็ไม่ค่อยจะเก็ตสักกะที โดย: ออโอ วันที่: 26 ตุลาคม 2561 เวลา:17:00:17 น.
|
โอเป็นคนชอบอ่านหนังสือมาก อ่านได้ทุกแนว เสาะแสวงหาเรื่องสนุกๆ แนวใหม่ๆ ตลอด หลายเรื่องไม่มั่นใจก็ค้นหารีวิว ถ้าชอบถ้าใช่ก็ลอง ลองแล้วชอบแล้วประทับใจก็อยากบอกต่อ บางครั้ง อ่านครั้งแรกรู้สึกอย่างนี้ อยากเก็บไว้เพื่อเป็นเรื่องราว บันทึกไว้กันลืม กลับมาย้อนอ่านก็จะได้รู้ว่า ครั้งหนึ่งที่เราเคยอ่าน เรารู้สึกอย่างนี้ เวลาผ่านไป เมื่อกลับมาอ่านอีกครั้ง ก็อาจจะได้มุมมองใหม่ๆ มากยิ่งขึ้น "ขอให้ทุกคนสนุกกับการอ่าน" รู้สึกดีที่โลกนี้มีหนังสือ-โอ
Friends Blog |
ขอบคุณสำหรับรีวิวครับ