All Blog
|
มาอีกรอบกับโครงการลดอ้วน ลดโรค กับรพ.เลิดสิน และเมนู 3 วันที่ผ่านมาจ้า มีโอกาสได้เข้าอบรมกับโรงพยาบาลเลิดสิน เป็นครั้งแรกจากคำแนะนำของพี่หมี หลักใหญ่ใจความในการเข้าอบรมครั้งนี้ โดยมีเป้าหมายของโครงการคือ 1. สามารถประเมินตนเองเรื่องพลังงาน ค่าแคลอรี่ ที่รับประทานไปในแต่ละมื้อได้ถูกต้อง 2.สามารถแบ่งประเภทของสารอาหารได้ถูกต้อง ตามสัดส่วนที่ร่างกายต้องการคือ คาร์โบไฮเดรต(55):ไขมัน(30):โปรตีน(15) 3.สามารถจักการแลกเปลี่ยนอาหาร จัดอาหารเสริมได้ โดยยังมีค่า แคลอรี่ หรือสารอาหารเพียงพอคงเดิม 4. สามารถควบคุมจิตใจตนเอง ในการเลือกรับประมาณอาหารต่อสภาพแวดล้อมที่เลี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกิน 5. ลดความอ้วนและมีค่าน้ำหนักที่เป็นมาตรฐาน BMI<23 รอบเอวหญิง<32" รอบเอวชาย<36" 6. ออกกำลังกายอาทิตย์ละ 5 ครั้งละ 30 นาทีขึ้นไป 7. สามารถเลือกออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องเหมาะสม 8. สามารถบริหารเวลาในการออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม โดยไม่เสียเวลาการทำงานหรือการใช้ชีวิตประจำวัน 9. ลดภาวะแทรกซ้อน/โรคแทรกซ้อน - ไขมัน Chotesterol อยู่ในระดับมาตรฐาน - ระดับน้ำตาลในเลือด อยู่ในระดับมาตรฐาน - ความดันโลหิตอยู่ในระดับมาตรฐาน คุณหมอบรรยายให้ความรู้เกี่ยวกับโรคอ้วนว่ามีอันตรายต่อสุขภาพเราแค่ไหน เพราะในคนที่เป็นโรคอ้วนจะมีภาวะเสี่ยงต่อสุขภาพเป็นบ่อเกิดของหลายๆ โรค เช่น ความดันโลหิตสูง,โรคหัวใจ,โรคไขมันสูง,โรคเบาหวาน,โรคข้อเสื่อม,โรคมะเร็ง ฯลฯ ซึ่งเราสามารถป้องกันโรคหลายต่างๆ ที่ก้าวมานี้ได้โดยการเปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหารและหันมาออกกำลังกายควบคู่กันไป โดยในเรื่องอาหารการกินคุณหมอก็ได้บรรยาย ห้วข้อ อาหารและโภชนาการโดยแบ่ง สารอาหารที่จำเป็น 6 หมวดดังนี้ 1. คาร์โบไฮเดรต -แป้ง น้ำตาล และไฟเบอร์ 2. โปรตีน - เนื้อสัตว์ ไข่ นม และพืชตะกูลถั่ว 3. ไขมัน - น้ำมันพืช น้ำมันสัตว์ น้ำมันเมล็ดพืช ไม่ควรเลิกทาน เพราะวิตามินบางชนิด ต้องอาศัยไขมันเป็นตัวทำละลายและดูดซึม 4. วิตามิน -พบในอาหาร 3 หมวดแรก และผัก ผลไม้ 5. เกลือแร่ -กากใยอาหาร 3 หมวดแรกและผัก ผลไม้ 6.น้ำ น้ำบริสุทธิ์วันละ 8 แก้ว (คนที่ลดน้ำหนักต้องดื่มให้มากกว่าปกติ ดื่มเรื่อยๆ น้ำจำเป็นต่อการเผาผลาญพลังงาน) วิตามินแบ่งออกเป็น 2 ชนิด 1.ชนิดละลายได้ในน้ำได้แก่ วิตามิน บี ต่างๆ ดูดซึมโดยใช้น้ำเป็นตัวทำละลายดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย 2.ชนิดละลายได้ในไขมัน ได้แก่ วิตามิน เอ,ดี,เค ดูดซึมโดยใช้ไขมันเป็นตัวทำละลายดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย (เพราะไขมันยังจำเป็นต่อร่างกาย ห้ามงด แต่ให้บริโภคในสัดส่วนที่เหมาะสม) ซึ่งทุกคนต้องรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 6 หมวด แต่ในปริมาณที่เหมาะสม สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักควรทานอาหารให้พลังงานใน 1 วัน ระหว่าง 1,000 - 1,200 Kcl ซึ่งทางโรงพยาบาลได้สอน อาหารแลกเปลี่ยน(การแปลงอาหารทั่วไปเป็นปริมาณคาร์โบไฮเดรต,โปรตีน,ไขมันและพลังงานรวม) ในอาหารแต่ประเภทที่เรารับประมาณเข้าไป เป็นการคำนวนหาพลังงานอาหารที่เราทานเข้าไปเป็น Kcl จะทำให้เราสามารถคำนวนหาค่าพลังงานอาหารที่เราทานไปในแต่ละมื้อ ว่าให้พลังงานเท่าไหร่ สามารถเอาหารอาหารแต่ละประเภทมาแลกเปลี่ยนกันในหมวด ซึ่งทั้งหมดมี 6 หมวด ดังนี้ หมวดที่ 1 นม แบ่งเป็น นมขาดมันเนย , นมพร่องมันเนย , นมครบส่วน หมวดที่ 2 ผัก ประเภท ก (ผักใบ,ผักที่มีเส้นใย) และ ประเภท ข (ผักที่เป็นหัว) หมวดที่ 3 ผลไม้ หมวดที่ 4 แป้ง/ข้าว/ธัญพืช/ขนมปัง หมวดที่ 5 เนื้อสัตว์ แบ่งเป็นกลุ่ม ไขมันต่ำมาก,ไขมันต่ำ,ไขมันปานกลาง,ไขมันสูง หมวดที่ 6 ไขมัน การเผาผลาญอาหาร(Matabolism) การเผาผลาญสารอาหาร คือ การที่ร่างกายนำอาหารที่ย่อยแล้วไปเปลี่ยนเป็นพลังงานเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน โดยต้องใช้วิตามินและเกลือแร่ร่วมด้วยและการให้พลังงานของสารอาหารจะแตกต่างกันดังนี้ - คาร์โบไฮเดรต 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ - โปรตีน 1 กรัม ให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ - ไขมัน 1 กรัม ให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรี่ หลักการลดน้ำหนักต้องอาศัย 3 อ 1. อาหาร กินให้ทุกหมวด ในปริมาณที่เหมาะสม 2. ออกกำลังกาย คนทั่วไปออกกำลังกายอย่างน้อย 3 วัน/สัปดาห์ แต่สำหรับคนที่ลดน้ำหนัก 5 วัน/สัปดาห์ และต้องออกต่อเนื่องการอย่างน้อย 30 นาทีขึ้นไป 3. อารมณ์ ไม่ควรเครียดกับการลดน้ำหนักเพราะจะทำให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพทำให้ลดน้ำหนักไม่ได้อย่างที่ตั้งใจ และการลดน้ำหนักต้องใช้เวลา อย่าใจร้อน ต้องอาศัยความพยายาม อดทน การที่จะลดน้ำหนักให้ได้ผลดีนั้น ต้องอาศัยหลักการทั้ง 3 อย่างข้างต้นนี้และจะขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ ที่สำคัญต้องกินอาหารเข้าไปตามร่างกายแต่ละคนต้องการ แต่ต้องมีการเผาผลาญออกโดยการออกกำลังกาย ถึงจะเห็นผลในการลด ข้อมูล ได้จากเอกสารประกอบการเข้าอบรมโครงการลดอ้วน ลดโรคกับโรงพยาบาลเลิดสิน ซึ่งข้อมูลบ้างส่วนเท่านั้น ไม่รู้ว่าเพื่อนๆ อ่านมาถึงตรงนี้แล้วจะเข้าใจสิ่งที่บิ๋มต้องการสื่อสารให้เพื่อนๆ หรือป่าว หรือถ้าข้อมูลบ้างอย่างที่เป็นความคิดเห็นส่วนตัว อาจไม่ถูกต้อง ก็อย่าว่ากันนะคะ รายละเอียดสามารถดูได้จากบล๊อกพี่หมี(หมีสีชมพู) ได้คะ น่าจะได้ความรู้เยอะกว่านี้ งั้นมาดูเมนูใน 3 วันที่ได้รับจากโรงพยาบาลกันดีกว่าคะ วันที่ 31 ก.ค. 53 อบรมวันที่ 1 เช้า โยเกิร์ต 0 % 1 ถ้วย +งาดำ 1 ชต.+ข้าวโอ๊ต 3 ชต. (215) , นมจืด 0 % 1 ขวด (80) (มื้อนี้กินเองจากบ้าน) ว่างเช้า นม 1 แก้ว+กล้วยหอม 1 ลูก (200) เที่ยง ข้าวกล้อง,จับฉ่ายใส่หมู,ยำแตงกว่าใส่ใข่ 1 ฟอง (202) ว่างบ่าย นม 1 แก้ว+ลองกอง 6 ลูก (160) เย็น กะท้อน 1 ลูก,ลองกอง 6 ลูก,สับปะรด1 ชิ้น(10 บาท) (180) , ปลาจิงจั้งกรอบ 1 ถ้วยเล็ก (140) รวมพลังงานที่กินเข้าไปทั้งวัน 1,177 Kcl วันที่ 1 ส.ค. 53 อบรมวันที่ 2 วันสุดท้าย พร้อมรับประกาศนียบัตร เช้า โยเกิร์ต 0 % 1 ถ้วย +งาดำ 1 ชต.+ข้าวโอ๊ต 3 ชต. (215) , นมจืด 0 % 1 ขวด (80) (มื้อนี้กินเองจากบ้าน) ว่างเช้า นม 1 แก้ว+กล้วยหอม 1 ลูก (200) เที่ยง ข้าวกล้อง,ปลาเจี๋ยน,แกงส้ม (209.50) , ลองกอง 6 ลูก (60) ว่างบ่าย นม 1 แก้ว (60) + มังคุด 2 ลูก (60) เย็น แซนวิสโฮลวีตทูน่าแฮมน้ำสลัด (200) รวมพลังงานที่กินเข้าไปทั้งวัน 1,084.50 Kcl วันที่ 2 ส.ค. 53 อาหารวันแรกที่ต้องไปรับที่โรงพยาบาล เช้า โยเกิร์ต 0 % 1 ถ้วย +งาดำ 1 ชต.+ข้าวโอ๊ต 3 ชต. (215) , นมจืด 0 % 1 ขวด (80) (มื้อนี้กินเองจากบ้าน) ว่างเช้า ฝรั่งลูกใหญ่ (120) เที่ยง ข้าวกล้อง 1 ทัพพี,แกงจืดฟักเขียวไก่,ผัดกะเพราหมู,ผลไม้แตงโม 1 ชิ้น (358.50) ว่างบ่าย นม (100) ,มังคุด 2 ลูก (60) เย็น ข้าวกล้อง 1 ทัพพี,แกงส้มผักบุ้ง,เต้าหู้พะโล้,ลองกอง 6 ลูก (277.50) รวมพลังงานที่กินเข้าไปทั้งวัน 1,211 Kcl ปอลอ.เมนูมื้อเช้าทางโรงพยาบาลจัดให้คือ เบอเกอร์ไก่ สลัด(น้ำข้น) ผลไม้ (450) เอาไว้กินพรุ่งนี้เช้าคะ วันนี้ขออัพเมนู 3 วันให้ก่อน วันต่อไปจะมาอัพเมนูให้ใหม่จ้า ต้องรีบกลับบ้านแล้ว ไว้เจอกันพรุ่งนี้คะ อิอิขอเจิมก่อนนะค่ะ
โดย: lovelydear วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:19:54:11 น.
สู้ ๆ นะค่ะ ลดไปกี่ขีดค่ะ มีกลุ่มของเดียร์คนนึง ลดไป 1 โล เดียร์ลดแค่ 3 ขีดเองค่ะ แต่ก็ดีกว่าไม่ลดเนอะ
โดย: lovelydear วันที่: 2 สิงหาคม 2553 เวลา:19:59:03 น.
สู้จ้ะ อาหารดีจังไม่เกิน 1,000-1,200
จะได้มาปรับกับการกินกล้วยมื้อเช้า สู้ๆๆค่ะ โดย: pa_jeab วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:10:29:51 น.
สวัสดีค่ะ น้องบิ๋ม^^
วันนี้พี่หมียังไม่เห็นน้องเลย หวัดเล่นงานหนักรึเปล่าคะเนี่ย ลดน้ำหนักก็ต้องดูแลสุขภาพด้วยนะคะ สู้ สู้จ้า โดย: หมีสีชมพู วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:12:34:16 น.
หุหุหุ... เอาไงดีล่ะ???? (ลังเล ๆ ) สูตรนั้นก็ดี สูตรนี้ก็เกรงใจ... เดี๋ยวปัดฟาดให้หมดทู้กกสูตรเลยยย...
โดย: ครัวคุณยาย วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:13:01:25 น.
ได้ประโยชน์มากมายเลย ขอบคุณจ้า ที่เอาความรู้มาแบ่งปัน
โดย: palomaw วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:13:02:27 น.
เหอะ ๆ รอบเอวหญิง <32" แต่ของเรา ยัง 34" อยู่เลยอ่ะ...
โดย: palomaw วันที่: 3 สิงหาคม 2553 เวลา:13:05:36 น.
|
เช้าวันใหม่กับใจดวงเดิม
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?] Friends Blog
Link |