|
การตื่นขึ้นมาแล้วตามองไม่เห็นเป็นโรคที่พบได้หลายกรณีจากอาการร่วมของโรคความดันโลหิตสูง จากโรคเบาหวาน โรคไขมันสูง atherosclerosis เส้นเลือดแข็งตัวภาวะที่มีความดันโลหิตต่ำขณะนอนหลับสนิทจากยา บางชนิดทางเส้นเลือดแดงของตามีภาวะอักเสบเป็นโรค AAION โดยมีสาเหตุจาก giant cell (temporal) arteritis โรคต่าง ๆ มีโอกาสทำให้เกิดการอุดตันของ เส้นเลือดเล็ก ๆ ที่ไปเลี้ยงเส้นประสาทตา ชายอีดีก็มี โอกาสเกิดอาการตามองไม่เห็นปัจจุบันทันด่วนได้ โดยไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงเรียกว่าโรค NAION non arteritic ischemic optic neuropathy ชื่อยาวแต่ถูกกล่าวอ้างว่ากินยาเฉพาะกิจแล้วน่าจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรคนี้ได้ที่ต้อง บอกว่าถูกกล่าวหาก็เพราะจำนวนคนไข้ที่เกิดเหตุมีน้อยมากเมื่อเปรียบกับจำนวนครั้งที่กินยาเฉพาะกิจ จากคนไข้ 40-50 ล้านคนทั่วโลกที่ใช้ยาเฉพาะกิจมา 10 ปีแล้วพบว่า มีอาการโรคตามองไม่เห็นกะทันหัน แค่จำนวน 50 คน เท่านั้น ทางสหรัฐหน่วยอาหารและยาจึงรายงานว่าโรค NAION นี้น่าจะเป็นเหตุบังเอิญเกี่ยวข้องกันของอาการโรคอื่นที่ทราบสาเหตุและไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ชายอีดี ทั่วโลกถอนหายใจโล่งอกว่าโอกาสเสี่ยงต่อโรคตามองไม่เห็นนี้มีโอกาสน้อยมาก คือ จำนวนคนใช้ยา 50 ล้านคนกี่ครั้งต่ออาทิตย์ต่อเดือนต่อปีคือต้องคูณด้วย 2 ครั้งต่ออาทิตย์คูณด้วย 4 อาทิตย์ต่อเดือน คูณด้วย 12 เดือนต่อปีแล้วคูณด้วย 10 ต่อปีที่เริ่มใช้ยาเฉพาะกิจ โอกาสเกิดโรคตามองไม่เห็นกะทันหันจึงมีโอกาสน้อยอาจบอกได้ว่าน้อยกว่าอุบัติเหตุโดยสารเครื่องบินตก น้อยกว่ารถไฟชนกัน น้อยกว่ารถยนต์ชนกันแต่อย่างไรก็ตามหากทุกอย่างไม่ประมาทก็ไม่เห็นจะเสียหายอะไรวิธีการคือ ควรพบจักษุแพทย์ตรวจดูอาการเสี่ยงของจอภาพตาได้คือหาอัตราเสี่ยงของ anatomic risk Factors ที่เรียกว่า disk at risk ถ้าเสี่ยงมากก็ค่อยพิจารณาด้วยตนเองว่าจะยอมเสี่ยงที่จะใช้ยาเฉพาะกิจไหม เช่น มีอุบัติเหตุทางรถแล้วก็ต้องยอมรับว่าระมัดระวังอย่างที่สุดแล้วแต่ถูกอีกฝ่าย กลับรถตัดหน้า หรือคนวิ่งตัดหน้า การยอมเสี่ยงย่อมได้ประโยชน์กว่าการไม่ยอมขับรถหรือการกลัวมากจนไม่ยอมโดยสารเครื่องบิน แล้วเก็บเนื้อเก็บตัวอยู่แต่ในประเทศหรืออยู่แต่ในบ้านเรียกว่ากลัวเกินเหตุ ภาวะอีดีเป็นภาวะที่ลดบุคลิกภาพลดภาวะความเป็นผู้นำของชายต่อหญิงแล้วสะท้อนผลลบต่อครอบครัว อย่างแน่นอน จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมต้องรักษาฟื้นฟูอีดี ที่ อาจจะต้องเสี่ยงต่ออาการต่าง ๆ โดยคำนวณความเสี่ยงแล้ว มีโอกาสน้อยมาก โรคต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดอาการมองไม่เห็น ที่ทราบมานานแล้วก็คือโรคเบาหวานฉะนั้นคนไข้อีดีที่มีตัวร่วมจากเบาหวาน ไขมันสูง จำเป็นต้องให้จักษุแพทย์ตรวจโดย กล้องส่องดูจอประสาทตา แยกอาการน้ำตาลขึ้นตาหรือยังเป็นการบอกเส้นเลือดตามีอาการอุดตันหรือไม่ หรือเส้นเลือดเล็ก ๆ ที่จอประสาทตามีการแตกหรือไม่ล้วนแต่ต้องตรวจ ทุกปีเพื่อลดอาการเสี่ยงโดยไม่ต้องไปโทษยาเฉพาะกิจอาการ 2 ชนิดที่แพทย์จะช่วยแยกโรคและช่วยป้องกันการเกิดอาการไม่พึงประสงค์คือให้แพทย์แยก disk at risk และ Vascular Risk Factors จากเบาหวาน ไขมันสูง กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เป็นต้น อาการปวดหัวมากก็ควรวัดความดันบ่อย ๆ เพราะหลายคนมีความดันโลหิตสูงกะทันหันแล้วแสดงออกด้วยอาการปวดหัวได้หรือมีอาการเส้นเลือดฝอยที่ไปเลี้ยงประสาทตาอักเสบที่เรียกว่า AAION แพทย์หลายแขนงแพทย์เฉพาะทางจึงมีส่วนร่วมช่วยฟื้นฟูรักษาป้องกันอาการอีดีให้ปลอดภัยบทความ นี้คลุมถึงจักษุแพทย์หทัยแพทย์อายุกรรมแพทย์ต่างคนต่างมีความสำคัญที่จะช่วยรักษาอีดีให้ปลอดภัยที่สุด ปัจจุบัน มีแพทย์หญิงหลายท่านได้เริ่มรักษาอีดีปรากฏว่าคนไข้พอใจการรักษาเช่นกันแพทย์หญิงหรือแพทย์ชายต่างก็มีความสามารถรักษาอีดีได้เช่นกันเพศจึงไม่ใช่อุปสรรคที่จะรักษา อาการอีดี
ขอขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์ออนไลน์
| |