อุบันติเหตุร่างคน จินชินจิโค 2
เข้ามาต่อก่อนที่ความจำจะเลือนลาง v(*´ω`*) v
ถ้าเป็นบ้านเราก็คงเรียกรถ"ปอเต็กตึ้ง" ไม่ใช่เรียกรถพยาบาล
หดหู่ใจฉิ เมื่อคิดว่าคนกระโดดเขาไปนอนแอ้งแม้งอยู่ใต้ท้องรถ
ก็...เขายังหายใจเป็นปกติเมื่อตะกี้นี่เอง ชั่วหลับตาหุบเดียว เขาคนนั้นก็ขาดสะบั่นทั้งร่างกายและชีวิตลมหายใจ
จบอนาคต คงเหลือแต่อดีต...
ถ้าเป็นไวยกรณ์ภาษาอังกฤษ ก็เรียกว่าเหลือแต่ Past tense ไม่มี Continuous Tense ไม่มีการผัน verbs รูป -ing อีกต่อไปอีกแล้ว ไม่ต้องพูดถึง Future Tense ร็อก
คิดได้แค่นั้น ขาก็ชักเริ่มสั่น
หดหู่ สะเร่าใจเหลือแสน
นั่งรอสักแป๊ป ดูความวุ่นวายนอกหน้าต่างไปก่อน
ไม่นานเกินรอ ไม่เกินนับถึง 20
และแล้วก็มีเสียงประกาศของเจ้าหน้าที่หญิงคนเดิม ประกาศเสียงใสราบเรียบ ว่า....
รถขบวนนี้ยังต้องจอดอยู่กับที่อีกต่อไปนี้ เพื่อการตรวจสอบและจัดการให้เข้าที่
เราจะไม่ขยับรถไปไหน จนกว่ากิจกรรมจะเสร็จสมบูรณ์
เพราะฉนั้นขอให้ผู้โดยสารทุกท่านลงจากขบวนรถ โดยขอให้เดินออกจากรถจากประตูที่เปิดให้บานเดียว คือประตูตู้หน้าสุดขบวน
(เสียงสำทับ) เราจะเปิดให้ออกแค่ประตูเดียว (ได้ยินไหม ประตูเดียวนะ)
ไฮ้โย่....อิฉันอยู่ตู้ขบวนที่สาม
คนกระโดดลงไปนอนใต้รถคนนั้น เขาก็ยังอยู่ตรงนั่น
ดูจากกลุ่มเจ้าหน้าที่จะไปยืนออๆกัน เดาได้ว่า"คนนั้น" น่าจะอยู่ที่ระหว่างตูดของตู้แรกกับหัวของตู้ที่ 2
หมายความอะไร ก็ความหมายว่า
ผู้โดยสารทุกท่านจะต้องเดินไปข้าม"ศพ" ไปที่ประตูหน้าของตู้ที่ 1
ทำไมไม่เปิดประตูท้ายละ ห่างๆ"คนนั้น" ไปหน่อยไม่ได้หรือไง
เอ เอ๊ เลยนะ เดินข้ามอะไรข้ามได้ ข้ามคนนะ ข้ามไม่ได้ คนไทยเราว่ายังงั้น
คนยุ่นไม่รู้เรื่องรึไง เออ ไม่รู้เรื่องหรอก
แมงสิ.. เขาคงทำตาม"แมนเนียว" "วิธีกรรม" ที่เขียนไว้ ในหนังสือคู่มือเจ้าหน้าที่
แมงมากเลย ไม่ให้เกียรติ"คนกระโดด" เลยนะ
มันไม่ใช่คนสองคน มันเป็นร้อยตีนพันตีน ที่กำลังจะเดินไปบนพื้นรถไฟตรงนั้น
แมงมากเลย...
คนญี่ปุ่นเขาชินนะ เยี่ยมมาก
ฟังประกาศเช่นนั้นแล้ว ทุกคนก็พากันออกเดินฉับๆๆ ไปที่ขบวนตู้ที่ 1 ไปออกที่รูประตูที่เจ้าหน้าที่รถไฟเขาเปิดไว้ให้
โห...ขาสั้นๆของอิฉันมันสั่น ตอนที่เดินผ่าน"พื้นรถไฟ" บริเวณที่คิดว่าเป็นที่ๆ "คนนั้น" ยังกำลังนอนอยู่ ...
ขาสั่น ใจรอน...
แต่ถ้าไม่เดินไป หมายความว่า อิฉันต้องอยู่ในขบวนรถไฟนั้นต่อไปนี้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เขาไล่ให้ออกไปแล้ว
ดูดลมเข้าปอดเต็มๆแล้วทำใจแข็งๆ ออกเดินฉับๆ ตามชาวบ้านเขาไป
ตอนผ่าน"จุดนั้น" ไม่รู้ทำไม รู้สึกว่าอิฉันกลั้นลมหายใจตัวเองอึดหนึ่งโดยไม่ได้ตั้งใจ ผันสายตาตัวเองออกไปดูวิวสถานีข้างออกหน้าต่าง เหมือนพยายามจะเป็น"ฉันไม่แคร์"
ตามชาวบ้านไปแล้วก็ผ่าน"ตรงนั้น" ไป รีบๆสาวเท้า ผ่านไปได้ก็... ก็กระโดดผลึบ ออกจากขบวนรถไฟไป ไปให้ห่างๆ ไปให้ไกลๆเลย
แล้วอิฉันก็เปลี่ยนไปขึ้นรถไฟอีกขบวนที่เดินเป็นปกติ
เห็นแหมะว่าอิฉันก็เคยชินเหมือนๆกับชาวเมืองนี้แค่ไหน
อย่าทำกระแดะใจอ่อน ขาอ่อนปวกเปียก แสดงสำออย อย่างคนมีหัวใจ มีความรู้สึก
ไม่ต้องคิดถึง"คนนั้น" คนที่กระโดดลงไปแล้ว และก็ยังกำลังรอให้เจ้าหน้าที่มาเก็บชิ้นส่วน
ไม่ต้องคิดถึงว่า"คนนั้น" เป็นใคร เป็นหญิง หรือเป็นชาย อายุเท่าไหร่ จะมีลูกกี่คน มีพ่อมีแม่ มีพี่มีน้อง
ไม่ต้องกังวลว่าญาติโยมครอบครัวของ"คนนั้น" จะเป็นยังไง
ป่านนี้คงได้ข่าวแล้ว และกำลังเดินทางมาดู มาพบความจริงว่า อะไรเกิดขึ้นกับคนที่รักในครอบครัว
(หรือเขาเป็นคนไม่มีครอบครัว ไม่มีเพื่อน)
แล้วก็อย่าเผลอไปเป็นห่วงอีกนะว่า...ถ้าเขามีครอบครัว และ... ครอบครัวของ"คนนั้น" จะไปเอาเงินจำนวนก้อนใหญ่ๆมาจ่าย ชดเชยเป็นค่าเสียหายให้ทางรถไฟยังไง
ไม่ต้อง ไม่ต้องทั้งนั้น
สิ่งที่"ต้อง" มีเดียวอย่าง สำหรับตัวเอง สำคัญกว่าเป็นไหนๆ
ต้องอย่างเดียวคือ
รีบๆเปลี่ยนรถไฟ แล้วไปให้ถึงที่นัดหมาย หรือที่ทำงานให้ทันเวลา เหมือนๆกับผู้โดยสารทั่วไป
ที่บังเอิญเหลือเกินว่า วันนี้เกิดโชคร้าย มานั่งรถไฟขบวนที่"คนโดด" เขาเลือก
ท่อง มโน ... หรือร้อง อาเมน กี่ครั้งๆก็เปลี่ยนความจริง ที่เกิดขึ้นแล้วไม่ได้
ชีวิตนั้นจบตรงนั้น ใตัท้องรถไฟ
เรื่องนี้ ก็จบตรงนี้
Create Date : 18 กรกฎาคม 2553 |
|
0 comments |
Last Update : 18 กรกฎาคม 2553 17:50:54 น. |
Counter : 762 Pageviews. |
|
|