ใต้ฟ้่าพร่างดาว เรารักกัน
หนี่งในงานอดิเรกที่รินกับบลูชอบที่จำทำมาหากอากาศและบรรยากาศเป็นใจก็คือการได้ดูดาวค่ะ ถึงแม้ท้องฟ้ายามค่ำคืนของแถวบ้านบลูออกจะมแสงรบกวนมากไปซักหน่อย แต่อย่าน้อย แสงจากดาวบางดวงก็ยังพอส่องประกายให้เห็น
บลูกับรินชอบมากกับการมองขึ้นไปดูแสงดาวระยิบระยับจากฟากฟ้า ในความรู้สึกของเราสองคนแล้วแสงดาวเปรียบเสมือนความยั่งยืน และมั่นคง แน่ละค่ะ ในทางวิทยาศาสตร์และความเป็นจริง ทุกสิ่งยาอมมีวันดับสูญ แม้แต่ดวงดาวก็ไม่เว้น ในทางจินตนาการแล้ว บลูกับรินรู้สึกมันว่ามันคือตัวแทนของความนิรันดร์
การที่เราสองคนชอบดาว อาจเป็นเพราะเวลาเราอยุ่ท่ามกลางแสงดาวกระจ่างฟ้า ความรู้สึกลึกๆในจิตใจราวกลับถูกปลดปล่อย เพราะแม้แต่การบอกรักครั้งแรกของรินให้บลูได้ยินนั้น ก็เกิดจากการนั่งมองดาวในยามค่ำคืนนี่เอง การมองดาวบนท้องฟ้า ทำให้เรารู้สึกว่าได้ย้อนกลับไปในวันเวลานั้นอีกครั้ง
แม้ในยามที่เราไกลกัน การมีดวงดาวเป็นเพื่อน ก็ช่วยคลายความเหงาในการเฝ้าคิดถึงกัน หากในยามทุกข์ท้อ แสงดาวก็ราวกับช่วยปลอบโยน ในบางครั้งที่บลูรู้สึกท้อแท้ หรือหมดกำลังจะก้าวเดิน การมองขึ้นไปผบนท้องฟ้า ดูดวงดาวต่างๆทอแสงประกาย แสงดาวนับร้อยนับพันที่ส่องแสง ราวจะบอกว่า จะต้องทุกข์ท้อไปอย่างไร ดุอย่างดวงดาวเหล่านี้ กว่าจะส่องแสงมาให้เราเห็นได้ ต้องเดินทางผ่านห้วงอวกาศที่ดำมืด และยาวนานนับร้อยนับพันปีกว่าจะมาอวดคตวามงามให้เราได้ชื่นชม
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วการรู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนแรงจะค่อยๆจางหาย ความพยาามที่จะไปให้ถึงปลายทางของความฝันนั้น แน่นอนว่าต้องยากลำบาก บางครั้งต้องผ่านคืนวันอันมืดมน แต่จุดหมายทางเมื่อไปถึงนั้น ก็เมหือนกับแสงดาวที่ได้ส่องประกายเป้นแรงใจ เป้นแรงฝันให่้กับผู้คนอีกมากมาย หากเราเลือกที่จะล้มลงเสียแต่วันนี้ โอกาสที่จะได้เปล่งประกายในวันหน้าคงจะดับลงไปด้วย
บลูกับรินพยายามหาโอกาสเสมอกับการได้ไปต่างจังหวัดพร้อมกล้องดูดาวอันโตที่เราสองคนยอมจ่ายอย่างไม่เสียดาย เพื่อที่จะได้ชมดวงดาวแสนสวย ครั้งหนึ่งเราได้ชื่นชมกับ มหานทีแห่งดวงดาวที่เรียกว่าทางช้างเผือก บนท้องฟ้าดาดาษด้วยดวงดาว อัตตาในตนหดหาย ความรู้สึกเล็กกระจ้อยเข้ามาแทนที่ จะหยิ่งทะนงตนไปใยเล่าในเมื่อเราเป็นเพียงมนุษย์กระจ้อยร่อย หากเทียบกับมวลหมู่ดารานับแสนล้านดวงเหล่านี้
ดาวดวงโปรดที่รินกับบลูมักจะมองหาอยุ่เสมอคือดาวซิริอุส อาจเป็นเพราะเราหลงไหลในความสุกสว่าง ซิริอุสจึงเป็นเป้าหมายแรกที่กล้องของเราจะส่องไปหา แม้จะดูใกล้ และสว่างแค่ไหน แต่ในความจริงแล้ว กลับอยุ่ห่างออกไปนับแสนนับล้านกิโลเมตร ฝ่าความมืดมิด และเหน็บหนาวในห้วงอวกาศ ผ่านการเดินทางนับปี กว่าจะมาให้พวกเราได้ชื่นชม
สำหรับรินและบลูแล้ว ดาวซิริอุสก็เปรียบเหมือนตัวแทนแห่งความรักของเรา ที่เปล่งประกายในใจของเราสองเสมอมา ต้องผ่านวันคืนอันแสนปวดร้าว กว่าจะมาถึงวันคืนอันน่ายินดี และแสงแห่งดาวนี้ จะเปล่งประกายตลอดไป จากอดีตอันยาวนาน จนไปถึงอนาคตอันแสนไกล ดั่งรักของเราที่จะอยู่คู่กันไปเสมอ
แม้รักของฉันจะไม่นิรันดรแบบดวงดาว แต่จะรักเสมอไปตราบจนที่ยังมีลมหายใจอยู่
ตราบ...ฟ้ายังสีฟ้า อยากบอกว่ารักเสมอ คราบ...เท่าเราพบเจอ ยังคงรักเธอเสมอมา ตราบ...นี้มีแต่รัก ก็ยากหักเสน่หา ตราบ...นั้นจนผ่านมา บอกได้ว่ารักไม่คลาย ตราบ...ธารยังรินไหล หัวใจยังคงมั่น ตราบ...ฟ้ารักตะวัน ตัวฉันนั้นยิ่งมั่นใจ ตราบ...คลื่นยังซัดสาด รักไม่คลาดคราไปไหน ตราบ...นี้จนสิ้นใจ ไม่รักใครไหนเท่าเธอ
anata wa sutto watashi no kokoro ni iruyo rin
ฝันดีราตรีสวัสค่า
Create Date : 30 สิงหาคม 2551 |
|
5 comments |
Last Update : 30 สิงหาคม 2551 23:44:09 น. |
Counter : 1085 Pageviews. |
|
|
|
เคยมีโอกาสได้นอนดูทางช้างเผื่อกจากกลางทะเล เหมือนฝันเลยจริงๆค่ะ
แต่มีคนดูด้วยข้างๆอย่างนี้คงเหมือนผันมากกว่า อิอิ