Little Children : เมื่อไหร่หนอจะรู้เดียงสา



หนังเปิดฉากกับภาพตุ๊กตาเด็กเซรามิคซึ่งข้างๆ มีนาฬิกาหลายเรือนวางอยู่รายรอบ งานชิ้นนี้ของ ทอดด์ ฟิลล์ ยังคงวนเวียนอยู่กับเรื่องราวในครอบครัว ครั้งก่อนคือเรื่อง In the bedroom ที่เคยทะยานพาตัวเองเข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมมาแล้ว การมาครั้งนี้ของ ทอดด์ ฟิลล์ เปลี่ยนจากการเน้นเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายในห้องต่างๆ ของบ้านซึ่งมักเป็นมุมปิดมาเป็นกลางแจ้ง บ้างเป็นสนามเด็กเล่น สระว่ายน้ำชุมชน ลานสเก็ตส์บอร์ดและสนามฟุตบอล

หนังว่าด้วยความไม่รู้จักโตของผู้ใหญ่ที่มักทำอะไรแบบเด็กๆ ขาดสติยั้งคิดและอ่อนวิจารณญาณอย่างไม่น่าเอ็นดู เรื่องราวของหนังแบ่งออกเป็นสามส่วนหลักๆ ว่าด้วยรายละเอียดในสามครอบครัวที่มีปัญหาแตกต่างกัน





ครอบครัวของซาร่า (เคท วินสเล็ต) เธอเป็นแม่บ้านยังสาวที่เบื่อหน่ายพฤติกรรมของเพื่อนแม่บ้านในชุมชน ทั้งความจู้จี้พิรี้พิไรและชอบคุยจ้อนินทาแต่เรื่องไร้สาระ ที่สำคัญแม่บ้านเหล่านั้นคลั่งความเป็นระเบียบเรียบร้อย เลี้ยงลูกไม่ต่างไปจากโปรแกรมเครื่องจักร แม้แต่การกินขนมหรือการเล่นสนุกก็ต้องตรงต่อเวลาเป๊ะตามเข็มนาฬิกา สิ่งที่พวกเธอเหล่านี้ยึดมั่นถูกเรียกว่าความดีงามถูกต้อง แต่กลับไม่ใช่สำหรับซาร่า ผู้มีความคิดเป็นของตัวเองและนิยมยกย่องความเป็นอิสระอย่างเห็นได้ชัด

แต่ใช่จะมีแต่ข้อดี ในอีกแง่มุมหนึ่ง ซาร่าไม่มีสัญชาตญาณความเป็นแม่อยู่ในกมลสันดานเลยแม้แต่น้อยนิด จิตใจที่หลงใหลบูชาเสรีของเธอพาลคิดฝันเลยเถิดให้ชายชู้พาหนีเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นไร้สมอง เธอขาดความรับผิดชอบและรักสนุก บ่อยครั้งที่ลูกสาวผู้เยาว์วัยของเธอกลับดูมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเสียด้วยซ้ำ






ต่อมาคือครอบครัวของแบรด ชายหนุ่มผู้หล่อเหลาเปี่ยมเสน่ห์จนพวกแม่บ้านพร้อมใจกันตั้งสมญานามให้ว่า “พ่อเทพบุตรรูปงาม” แบรดเป็นผู้ชายที่หากเรียกว่าเกาะเมียกินก็คงไม่ผิดนัก เขามีสถานะเป็นช้างเท้าหลังซึ่งต้องคอยเลี้ยงลูกและทำอาหาร ( ภาษาภาพยนตร์ฉากหนึ่งแสดงให้เห็นรูปถ่ายของแบรดกับเมีย ที่ตัวแบรดเองไปยืนหลบอยู่ข้างหลังและเมียยืนตระหง่านบังอยู่ข้างหน้า ) หนังสื่อให้เห็นว่าเมียของแบรดมีลักษณะเหมือนแม่มากกว่าคู่ชีวิต แม่ที่คอยบัญชาเขาได้ตลอด ควบคุมการใช้เงินและคอยเคี่ยวเข็ญให้อ่านหนังสือ

แบรดเรียนจบกฎหมายแต่ยังสอบใบอนุญาตว่าความไม่ผ่าน มองจากลักษณะนิสัยแล้วเขาไม่น่าจะเป็นคนที่ชอบเรียนกฎหมายหรืออะไรพรรค์นี้ ทุกคืนที่หลอกเมียว่าไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุด ผู้ชมจะเห็นแบรดไปนั่งเฝ้าดูการเล่นสเก็ตส์ของพวกเด็กๆ ที่ลานกีฬาเอ็กซ์ตรีม แววตาที่เปี่ยมสุขและเต็มไปด้วยความปรารถนาอะไรบางอย่างของแบรดถูกบดบังอยู่ด้วยตาข่ายเหล็กข้างสนามที่กางกั้นผู้ใหญ่ซึ่งมีอายุอานามอย่างเขากับกลุ่มวัยรุ่นคะนองพวกนั้นให้ต้องห่างจากกัน ลึกๆ แล้วในใจของแบรดคงอยากกลับไปใช้ชีวิตแรกรุ่นของตนใหม่อีกครั้งหนึ่ง (ผู้เขียนคิดเอาเองว่าแบรดคงเรียนกฎหมายเพราะถูกแม่บังคับ)





สุดท้ายคือครอบครัวของรอนนี่กับแม่ผู้ชรา รอนนี่คือตัวแปรสำคัญทำให้ชุมชนที่เคยสงบสุขแห่งนี้ต้องปั่นป่วนไปด้วยความหวาดระแวง รอนนี่เป็นนักโทษคดีอนาจารเด็กที่เพิ่งถูกปล่อยตัวออกมาจากคุก (สำหรับผู้เขียนแล้วรู้สึกสงสารตัวละครตัวนี้มากที่สุดแม้ว่าจะดูน่ากลัวอยู่บ้างก็ตาม) รอนนี่อยู่กับแม่เหมือนว่าตัวเองยังเป็นเด็กเล็กๆ แม่ของเขาก็คงมองรอนนี่ไม่ต่างจากนั้น แม่จัดการชีวิตให้รอนนี่ทุกอย่างและทุกเรื่องไม่เว้นแม้กระทั่งการหาคู่รักทางหนังสือพิมพ์หรือการนัดเดทกับสาวให้ลูกชาย แม่ผู้คอยเช็ดล้างในทุกปัญหาของครอบครัวตั้งแต่จานเปื้อนคราบอาหารไปจนถึงรอยเปื้อนราคีในตัวลูกชายสุดรัก รอนนี่เป็นผู้ใหญ่ที่เรียกได้ว่าเฒ่าทารก เขาเติบโตแต่เพียงตัว ดูแลตัวเองไม่ได้ ควบคุมจิตใจและอารมณ์ทางเพศของตัวเองก็ไม่ได้เช่นกัน

ความสัมพันธ์ยุ่งเหยิงของตัวละครในเรื่องผู้เขียนไม่ขอกล่าวถึง แต่อยากนำเสนอใจความสำคัญที่ถือเป็นหัวใจของหนังเรื่องนี้ ส่วนใหญ่ล้วนปรากฏอยู่ในรูปของภาษาภาพยนตร์ นั่นคือประเด็นอันว่าด้วยการยับยั้งชั่งใจ

ผู้กำกับใช้สัญลักษณ์ของการเตือน (Warnning) ในหลายรูปแบบเพื่อให้มนุษย์เราได้ตระหนักรู้ถึงภยันตรายที่ย่างกรายเข้ามาในชีวิต อาทิเช่นการบอกเตือนของเพื่อนบ้านถึงภัยร้ายที่อาจมาจากตัวรอนนี่ การพยากรณ์อากาศเพื่อบอกเตือนถึงสภาพฝนฟ้า เครื่องเตือนภัยสระว่ายน้ำที่ดังไล่คนซึ่งกำลังเล่นสนุกให้ขึ้นจากน้ำเวลามีฝนตกฟ้าคะนอง เสียงเบรคที่ดังเอี๊ยดเวลาหยุดรถกะทันหันซึ่งปรากฏอยู่ในหนังบ่อยครั้ง เสียงหวูดรถไฟรวมทั้งเสียงลั่นระฆังเพื่อส่งสัญญาณให้ผู้คนละแวกนั้นใช้ความระมัดระวังให้มากขึ้น แต่ที่โดดเด่นงดงามเป็นพิเศษคือเสียงเตือนของเครื่องอบผ้าที่หวีดดังขึ้นเมื่อครั้งที่ซาร่าและแบรดกำลังเล่นชู้กันอย่างเมามันในห้องซักรีด เสียงเตือนให้หยุด...นั้นแม้จะแผดดังและน่ารำคาญสักเพียงใด แต่ก็ยังไม่ดังพอที่จะปลุกสติซึ่งหลับใหลอยู่ของคนทั้งคู่ให้ฟื้นตื่นขึ้นมาได้ ทั้งคู่ทำผิดซ้ำแล้วซ้ำอีกจนกว่าการเตือนครั้งสุดท้ายจะมาถึง...





นอกจากเรื่องราวปัญหาในครอบครัวแล้ว ทอดด์ ฟิลล์ ยังสอดแทรกประเด็นการเมืองเข้าไปในหนัง สื่อผ่านตำรวจสติแตกซึ่งเป็นเพื่อนของแบรด เค้ามีพฤติกรรมอันเป็นสัญลักษณ์แทนอเมริกา นั่นคือระแวงภัยเกินกว่าเหตุ (จากการกลับมาของรอนนี่) วิตกจริตจนเข้าขั้นประสาท ทั้งยังเรียกตัวเองว่าเป็นผู้พิทักษ์สันติภาพแห่งมาตุภูมิ เค้าขาดความละเอียดสุขุมแห่งวัยจนทำให้เรื่องเล็กน้อยต้องกลายเป็นปัญหาบานปลาย (ประเด็นนี้ยังสื่อผ่านภาพโฆษณาชวนเชื่อให้อาสาเข้าร่วมเป็นทหารกองหนุนของกองทัพสหรัฐและสารคดีที่สัมภาษณ์เด็กชายผู้ต้องสูญเสียพ่อซึ่งเป็นทหารในสงครามที่อิรัก ) แน่นอนว่าข้อความในหนังเหล่านี้ล้วนบอกผู้ชมว่ามหาอำนาจอย่างอเมริกาก็มักโวยวายไร้เหตุผลและทำอะไรผลีผลามเหมือนเด็กเล็กๆ อยู่เหมือนกัน





หนังในช่วงท้ายเฉลยให้ผู้ชมเห็นว่าตุ๊กตาเด็กเซรามิคซึ่งข้างๆ มีนาฬิกาวางอยู่นั้นเป็นข้าวของในบ้านของรอนนี่ ฉากที่นาฬิกานับสิบๆ เรือนดังบอกเวลาพร้อมกันด้วยเสียงที่ก้องระงมอยู่เป็นเวลานานนั้น น่าจะเป็นเสียงที่ดังพอให้ผู้ชมได้ระลึกถึงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวตนภายใน เรายังคงทำตัวเป็นเด็กเซรามิคที่ไม่เคยโตหรือเปล่า ยังคงดำรงตนตามแต่อารมณ์จะพาไปหรือไม่ ยังคงไร้สติและขาดการยับยั้งชั่งใจอยู่หรือเปล่า เสียงเตือนของนาฬิกาอันเป็นสัญลักษณ์แห่งเวลานั้น น่าจะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดให้เราได้สำเหนียกถึงวัยวุฒิที่ควรจะมีของผู้ที่เรียกตัวเองว่าบรรลุนิติภาวะแล้ว


Little Children หรือเด็กเล็กๆ ก็ยังคงมีอยู่ได้ในตัวมนุษย์เรา เพียงแต่ต้องสร้างสติเป็นรั้วกั้นขอบเขตให้สนามวิ่งเล่นของเจ้าตัวน้อยในตัวเรานั้นอยู่ในจุดที่ถูกที่ควรและเหมาะสม มิใช่ปลดปล่อยความเป็นเด็กออกมาอยู่ตลอดเวลาอันจะพาลทำให้ชีวิตนี้เหลวไหลและล้มเหลวในที่สุด





เข็มนาฬิกาคอยเตือนเราอยู่ทุกวินาทีว่าเวลาแห่งช่วงวัยของเรานั้นอยู่ ณ จุดใดแล้วของหน้าปัดแห่งชีวิต ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องรู้เดียงสากันได้สักที เพื่อเข้าสู่การถึงพร้อมแห่งวุฒิภาวะของผู้ที่โตแล้วทั้งร่างกาย อารมณ์และจิตใจ






Create Date : 12 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 20 มีนาคม 2552 21:14:57 น. 6 comments
Counter : 1134 Pageviews.

 
กำลังอ่านหนังหนูพื้นความหลังจนจบ กดวกไปอ่านเรื่องสั้นของแว่นจนหมด กดกลับมาอีกที

คุณเบียร์อัพบล็อกสดๆร้อนต่อหน้าต่อตาเลย

รู้สึกดีที่ในที่สุดคุณเบียร์ก็มีบล็อกหรือพื้นที่สำหรับรวบรวมผลงาน
เพราะของระดับที่คุณเขียนไม่ควรจางหายไปเฉยๆด้วยเว็บบอร์ดพัง
เก็บใส่ตู้กระจกวาวโชว์แต่กันฝุ่นไว้แบบนี้ แฟนงานเขียนอย่างผมก็เลยชอบใจเป็นการใหญ่

ขออภัยที่เล่นมุขแปลกๆไม่เหมาะกับกาลเทศะ แต่ผมสูญเสียลมหายใจไปกับพื้นที่นั้นแล้วจริงๆ

แล้วพบกันใหม่ในพื้นที่อื่นที่ผมหายใจได้คล่องปอด
หรือไม่ก็อัพบล็อกบ่อยๆ แล้วผมจะเข้ามาหาเอง


ปล. การระวังการกดคำสั่งให้ภาพประกอบอยู่ตรงกลาง
ปกติคำสั่งจะต้องเป็น
โค้ดของภาพ

ถ้าตัวคำสั่งตัวหลังเขียนผิดเป็น
เฉยๆแบบตัวหน้า หรือเป็น

ภาพจะดึงตัวหนังสืออยู่กลางหน้าไปหมด


โดย: ข้าวหวาน IP: 124.121.201.42 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:51:38 น.  

 
กรรม…ผมใส่โค้ดลงไปให้ดูตัวหนังสือเลยโดนโยกไปกลางหมดเลย

ปกติคำสั่งให้ประโยคอยู่กลางหน้าตัวหลังของโค้ดต้องใส่เป็น
ถ้าเราตก / หรือใส่ / ผิดที่ มันจะดึงตัวหนังสือไปตามภาพด้วย
ขอภัยอีกครั้งที่เม้นต์เลอะเทอะหน้าบล็อก โปรดลบเม้นต์เหล่านี้ออกเมื่อได้ทำการแก้ไขแล้ว


โดย: ข้าวหวาน IP: 124.121.201.42 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:55:34 น.  

 
งะ...ไม่ได้อีกแล้ว คำสั่งไม่ขึ้น /center <<<ประมาณนี้ แต่ต้องมีวงเล็บ<>

ไปกันใหญ่แล้ว อ่านแล้วลบออกซะนะครับ
แต่ก็อย่างว่าผมตายไปแล้ว พื้นมาเขียนเม้นต์มันก็มั่วๆแบบนี้แหละ ^^


โดย: ข้าวหวาน IP: 124.121.201.42 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:05:20 น.  

 
ว่าแล้ว ตายหลอก ผมเขียน Paprika ใกล้เสร็จแล้วนะ รอให้คุณมาเข้าฝันทวงอยู่นี่

ขอบคุณ สำหรับคำแนะนำ มือใหม่หัดขับก็แบบนี้แหละ


โดย: beerled วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:19:38:35 น.  

 
หากผมจะตายไปจริงๆ ก็คงจะด้วย 2 เงื่อนไข
คือหนึ่ง ถ้าเมื่อโลกนี้ไม่มีอะไรให้เขียนถึง
และ สอง คือในโลกช่างไม่มีอะไรที่ชวนอ่าน

ตอนนี้เงื่อนแรกมาถึงแล้วครับ
ผมไม่รู้สึกอยากจะเขียนถึงอะไร
(นั่นเป็นเหลุผลให้ผมเสียชีวิตที่บล็อกและหายไปจาก Sp)
แต่ยังดี...ที่โลกนี้ยังมีอะไรที่ชวนอ่าน...และหนึ่งในอะไรที่ชวนอ่านที่ว่า

คือ ตัวหนังสือของคุณ beerled

ว่าแต่ว่าท่าทางผมจะตายไม่ค่อยแนบเนียนสินะ...ต้องไปหัดมาใหม่ซะแล้ว


โดย: ข้าวหวาน IP: 124.121.201.42 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:37:59 น.  

 
รู้สึกมันยังไงๆบอกไม่ถูก


โดย: ใบชา IP: 202.28.180.202 วันที่: 3 ตุลาคม 2551 เวลา:15:19:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

beerled
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
12 พฤศจิกายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add beerled's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.