Eastern Promises : บันทึกแห่งรอยบาป
แม้จะมาในทางที่มืดหม่นขุ่นมัวเช่นเดียวกับ A History of Violence แต่งานชิ้นล่าสุดของเดวิด โครเนนเบิร์ก เรื่องนี้ก็ได้สร้างอัตลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมาได้อย่างสำเร็จ ภาพที่ปรากฏตลอดเรื่องแม้จะยากแก่การปฏิเสธว่านี่คือหนังแนวเจ้าพ่อมาเฟีย ทว่าเนื้อหาหลักกลับไม่ได้เน้นการเผยไต๋เพื่อแฉกระบวนการของเหล่าเจ้าพ่อเช่นหนังเรื่องอื่นๆ ในแนวเดียวกันนี้แต่อย่างใด ดังนั้นหากจะบอกต่อว่าผู้ที่เคยชื่นชอบ The Godfather ทั้งสามภาค , Road to Perdition หรือแม้แต่หนังแนวมาเฟียทั้งหลายแหล่ของผู้กำกับมาติน สกอร์เซซี่ ย่อมจะต้องหลงรักหนังเรื่องนี้ด้วย จึงเป็นคำพูดที่ฟังได้ไม่ถนัดนัก
Eastern Promises ไม่ได้มุ่งวิเคราะห์เจาะลึกลงในเรื่องราวของโลกมืดแห่งอาชญากรรมและอิทธิพลในแวดวงเจ้าพ่อเพียงประการเดียว หากแต่มองวงการนี้ด้วยจุดประสงค์ที่จะสะท้อนภาพสัมพัทธ์เพื่อเห็นถึงชีวิตธรรมดาสามัญให้คมชัดขี้น ประหนึ่งว่า ขับเน้นความมืดเพื่ออวดคุณค่าของด้านสว่างในชีวิต Eastern Promises ว่าด้วยความพร่าเลือนทางพรมแดนของมนุษย์ สำเนียงผสมชาติต่างๆที่ถูกพูดตลอดเรื่อง เส้นแบ่งอันบางเบาระหว่างการเกิดและความตาย ความไม่ชัดเจนในรสนิยมทางเพศของตัวละคร (หนังมีกลิ่นอายของรักร่วมเพศอยู่พอสมควร) โลกมืดของเหล่ามาเฟียและโลกของสุจริตชนที่เหลื่อมซ้อนกัน ความหลากหลายทางเชื้อชาติของประชากรในกรุงลอนดอนที่เส้นแบ่งความแตกต่างนั้นรางเลือนจนแทบมองไม่เห็น หนังวางเหตุการณ์ให้เรื่องราวเกิดขึ้นในช่วงคาบเกี่ยวของการสิ้นปีและการเริ่มต้นปีใหม่ แต่ทั้งนี้ประเด็นอันเป็นหลักใหญ่ใจความของทั้งเรื่อง ที่สร้างเลือดเนื้อจิตใจและความมีมิติให้กับตัวละคร นั่นคือความพร่าเลือนทางพรมแดนระหว่างความดีและความชั่ว ทุกคนล้วนถูกปรุงผสมมาจากรอยตราแห่งอดีตที่บ้างก็เป็นความดีซึ่งเคยถูกปลูกฝัง บ้างก็เป็นคราบสกปรกของความชั่วเมื่อยามที่เคยเอาตัวเข้าไปคลุกคลี ไม่มีใครที่ขาวสะอาดหรือมืดดำอำมหิตในทุกด้าน มีเพียงสีเทาที่คลุมเครือ ยากแก่การคาดเดาถึงธาตุแท้ในจิตใจ
แอนนา (นาโอมิ วัตต์) คือหมอทำคลอดประจำโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง การแท้งลูกของเธอในอดีตและคนรักผิวสีที่เลิกรากันไปคือรอยตราฝังลึกที่ไม่อาจลืมเลือน วันนึงแอนนาทำคลอดให้กับหญิงสาวท้องแก่วัยสิบสี่ และ ณ ช่วงเวลาที่ทารกคลอดออกมาสูดอากาศแรกในโลก ผู้เป็นแม่ก็สิ้นลมตายจากไป แอนนาพยายามสืบหาครอบครัวของเด็กน้อยผู้น่าสงสารคนนี้ จากการแกะรอยเรื่องราวในไดอารี่ซึ่งถูกเขียนขึ้นเป็นภาษารัสเซีย อันเป็นสมบัติเพียงชิ้นเดียวของแม่เด็กที่เหลือทิ้งไว้ จากฟากหนึ่งของการให้กำเนิดชีวิต สู่อีกฟากหนึ่งของการคร่าชีวิตในวงการมาเฟีย แอนนาถลำลึกลงสู่ด้านมืดของสังคม เมื่อสืบค้นความสัมพันธ์ของเด็กน้อยกำพร้าว่ามีส่วนเกี่ยวโยงทางสายเลือดกับผู้ทรงอิทธิพล แอนนายืนยันที่จะเสาะหาครอบครัวที่แท้จริงของเด็กน้อยต่อไป โดยไม่ได้ตระหนักถึงอันตรายที่เริ่มย่างกรายเข้ามา
นิโคไล (วิกโก้ มอร์เตนเซ่น) คือคนขับรถประจำตระกูลของเจ้าพ่อใหญ่นามว่า แซมย่อน ความเงียบขรึมดูสุขุมของเขาฉายแววรุ่งในวงการนี้อย่างเห็นได้ชัด นิโคไลเป็นเพื่อนสนิทของคิริลลูกชายที่ไม่เอาถ่านของแซมย่อน ความสัมพันธ์ของนิโคไลและคิริลเป็นไปอย่างคลุมเครือจนอาจเลยเถิดเกินคำว่าเพื่อนตามนิยามปกติ (หนังตั้งใจที่จะไม่มองให้ชัดลงไปกว่าที่เป็นอยู่ ) สองโลกระหว่างเรื่องราวของแอนนาและความขัดแย้งในวงการเจ้าพ่อมาเฟียได้มาบรรจบกัน รายละเอียดในส่วนที่ว่าเด็กน้อยจะได้กลับไปหาครอบครัวหรือไม่ และนิโคไลจะได้เป็นใหญ่ในตำแหน่งเจ้าพ่อหรือไม่ ผู้เขียนขอไม่กล่าวถึงเพื่อช่วยถนอมอรรถรส Eastern Promises เดินเรื่องด้วยความมืดหม่น ลึกลับ และไม่น่าไว้วางใจ ภาพความรุนแรงชวนหวาดเสียวถูกใช้อยู่เป็นระยะ แต่ละฉากเน้นความสมจริงจนผู้ชมขวัญอ่อนบางท่านอาจต้องเบือนหน้าหนี (หลายฉากไม่มีโอกาสได้เบือนหน้าหนีเพราะฉบับฉายโรงถูกหั่นไปแล้วด้วยคมมีดกองเซ็นเซอร์ ผู้เขียนมีโอกาสได้ชมจากดีวีดีโซนหนึ่งซ้ำอีกครั้งซึ่งคืนภาพหวาดเสียวที่หายไปจากโรงหนังได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์ )
วิกโก้ มอร์เตนเซ่น ฝากฝีมือการแสดงอันลุ่มลึกและมีมิติทั้งยังใจถึงกับฉากต่อสู้ในโรงอาบน้ำ แน่นอนว่าช่วงประกาศรางวัลดารานำชายปีนี้ เขาคือคู่แข่งคนสำคัญของทุกสถาบัน... หากถามถึงความจำเป็นของฉากโรงอาบน้ำที่พระเอกของเราต้องเปลือยกายต่อสู้นั้นว่าสำคัญเพียงใดต่อหนังเรื่องนี้ ผู้เขียนฟันธงอย่างไม่ลังเลเลยว่าสำคัญมาก นอกจากจะให้สอดคล้องกับพล็อตเรื่องที่ว่าด้วยอัตลักษณ์ของบุคคลผ่านรอยสักแต่ละประเภทแล้ว ในขณะที่หนังเดินเรื่องผ่านคำบรรยายของหญิงสาวในสมุดไดอารี่ซึ่งบันทึกความโหดร้ายต่างๆ ที่เธอต้องตกเป็นเหยื่อในโลกมืดและวันนึงเรื่องราวเหล่านี้ก็ถูกเปิดเผยให้โลกภายนอกได้รับรู้ การจารึกเรื่องราวในแบบผู้ชายผ่านรอยสักที่ปรากฏอยู่บนเรือนกายของพระเอก ก็เป็นประหนึ่งการเปลือยให้เห็นบันทึกของเรื่องราวมากมายที่ช่วงชีวิตนี้ได้เคยพานพบ ( มองในอีกแง่หนึ่งฉากนี้เผยให้เห็นสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ในการเอาตัวรอดได้อย่างหมดเปลือก ) อีกประเด็นหนึ่ง คือปัญหาทางพรมแดนในรัสเซียที่ถูกเอ่ยถึงผ่านผู้ร้ายกบฏเชเช่น (Chechens) ซึ่งประสงค์ชีวิตของคีริล ( เชเช่นคือกลุ่มคนหัวรุนแรงในรัสเซียที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนเป็นอิสระจากรัฐบาลกลางคล้ายคลึงกับปัญหาชายแดนภาคใต้ของไทย ) ปัญหาทางพรมแดนนี้ถูกสานต่อมาถึงครอบครัวของเจ้าพ่อแซมย่อนที่รับไม่ได้กับพฤติกรรมการเป็นกระเทยของลูกชาย หากเรามองความไม่ชัดเจนระหว่างเพศนี้ว่าคือปัญหาทางพรมแดนในอีกลักษณะหนึ่ง
หนังเรื่องนี้สร้างรูปแบบการประเมินคุณค่าของสองโลกได้อย่างคมชัด ในแวดวงเจ้าพ่อใช้รอยสักเป็นตัวแทนของความเลือดเย็นและร้ายลึกมาวัดประเมินเพื่อเลื่อนตำแหน่งในองค์กร (ยิ่งเลวบริสุทธิ์ยิ่งได้รับการยอมรับ) ในขณะที่โลกของสุจริตชนใช้ความดีในการประเมินค่า ฉากหนึ่งที่นิโคไลเปรยขอซื้อมอเตอร์ไซด์ของแอนนา แต่เธอกลับตอบว่า นี่คือรถของพ่อและมันคือสิ่งที่มีคุณค่าทางจิตใจ (Sentimental value) อีกฉากหนึ่งคือตอนที่คิริลกล่าวกับนิโคไลถึงไวน์เถื่อนราคาถูกที่ตนจะทำเป็นธุรกิจกำไรงาม เหล่านี้ล้วนคือฉากที่สะท้อนให้เห็นวิธีการประเมินค่าของสิ่งต่างๆ ที่ไม่ได้มีเพียงมาตรฐานเดียว ความหลากหลายของมาตรวัดนี้เองที่ทำให้หนังมีความลึก และทำให้เรามองเห็นความดีที่อาจรำไรอยู่ในเงามืดและเริ่มระวังภัยที่อาจแฝงมาในคราบของพ่อพระนักบุญ ( แอนนารังเกียจนิสัยพูดจาขวานผ่าซากของลุงสเตฟานทั้งๆ ที่เขาหวังดีและจริงใจ เธอชื่นชมความอบอุ่นที่มีอยู่ในตัวแซมย่อน เสมือนเชื้อเชิญภัยร้ายเข้ามาในชีวิตโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์) Eastern Promises มอบอุทาหรณ์ถึงผลร้ายของการทำชั่ว สิ่งที่เราเคยทำในอดีตไม่สามารถถูกลบทิ้งได้ด้วยวิธีใดๆ ฆ่าคนตายแล้วอำพรางศพด้วยการตัดนิ้วเลาะฟันเอาไปถ่วงน้ำ เอาหลักฐานทุกชิ้นที่อาจสืบไปถึงความผิดมาเผาทำลายทิ้ง หรือแม้แต่ฆ่าทุกคนที่เคยรู้เรื่องอัปยศบัดสีในอดีตให้สิ้นซาก ตราบาปที่แม้ไม่ได้ถูกเขียนเป็นอักษรอยู่ในไดอารี่หรือไม่ได้เด่นชัดเหมือนเช่นรอยสักที่ปรากฏอยู่บนเนื้อตัวร่างกาย แต่มันก็ถูกจารึกอย่างชัดเจนอยู่แล้วในจิตใจของผู้กระทำ คิริลฆ่าเพื่อนร่วมแก็งค์เพียงเพราะถูกพูดใส่หน้าว่าเขาไม่ใช่ชายแท้ วิธีนี้ไม่อาจลบล้างสิ่งที่เป็นอยู่จริงในตัวตนของเขา การฆ่าเพื่อกลบเกลื่อนความจริงจึงไม่อาจปกปิดความจริงใดๆ ได้เช่นกัน สมุดบันทึกที่เขียนถึงความชั่วในอดีตสืบหาตัวเราพบเสมอ ไม่ว่าจะหลบหนีไปอยู่ ณ ซีกใดของโลก เป็นพันธนาการที่เหนียวแน่นอันจะหวนคืนมาประหนึ่งดังการเหวี่ยงของบูมเมอแรง เป็นการกลับมาในรูปของสิ่งที่ศริสต์เรียกว่า วันพิพากษา และพุทธศาสนาเรียกว่า วิบากกรรม
Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 9 กุมภาพันธ์ 2551 15:49:54 น.
9 comments
Counter : 5099 Pageviews.
หน้าตา blog สวยดีเนอะ (เริ่มคุ้นแล้วแหละ)