หากเวลาฉายเกินสองชั่วโมงของหนังเรื่องหนึ่งคือความน่าเบื่อสำหรับผู้ชมยุคนี้ หนังในดวงใจอย่าง Ben Hur, Titanic , The Lord of the Rings หรือแม้แต่ Forrest Gump หนังต้นแบบของ The Curious Case of Benjamin Button เรื่องนี้ก็คงจะไม่มีโอกาสได้แจ้งเกิดทั้งในเวทีล่ารางวัลและในความทรงจำอันทรงคุณค่าของผู้ชมหลายๆ คน
ผมคงนิยามได้สั้นๆ ว่า The Curious Case of Benjamin Button เป็น หนังดีที่ต้องดู เรื่องหนึ่งของปี หนังมาพร้อมความสมบูรณ์แบบในทุกด้าน ทั้งเนื้อหา วิธีการนำเสนอและงานสร้างที่หากพลาดไปไม่ได้ชมก็เรียกได้ว่าน่าเสียดายอยู่ไม่น้อย
The Curious Case of Benjamin Button เล่าเรื่องราวของเบนจามิน (แบร็ด พิตต์) เด็กชายที่เกิดมาภายใต้เงื่อนไขที่ไม่ธรรมดา นั่นคือร่างกายที่หดเล็ก ผิวหนังเหี่ยวย่นและหยาบกร้านจนทำให้ทารกน้อยผู้นี้ถูกมองเป็นผู้เฒ่าวัย 80 ซึ่งกำลังใกล้จะตาย พ่อของเบนจามินรับไม่ได้กับสภาพของลูกชายจึงนำไปทิ้งไว้ที่บ้านพักคนชราซึ่งมีควินนี่ (ทาราจิ พี เฮนสัน)แม่บ้านผิวดำเป็นคนดูแล ควินนี่ซึ่งไม่สามารถมีลูกของตัวเองได้รู้สึกเอ็นดูเบนจามินตั้งแต่แรกเห็น เธอเลี้ยงดูเบนจามินด้วยความรักมากเท่าที่แม่คนหนึ่งจะให้ได้พร้อมๆ กับเตรียมใจถึงความตายของเบนจามินซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ
ผู้กำกับเดวิด ฟินเชอร์ถ่ายทอดภาพของ The Curious Case of Benjamin Button ได้อย่างนุ่มนวลจนดูผิดตา จากหนังคัลต์สุดเซอร์เรื่องโปรดของผมอย่าง Fight Club ทำให้แทบไม่อยากเชื่อว่าเดวิด ฟินเชอร์จะสวมรอยเป็นโรเบิร์ต เซเมกคิส ผู้กำกับ Forrest Gump ได้เนียนตาขนาดนี้ อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้นว่า The Curious Case of Benjamin Button มีหนังต้นแบบเป็น Forrest Gump ด้วยฝีมือการประพันธ์บทภาพยนตร์ของเอริก รอธ หลายอย่างในชีวิตของเบนจามินละม้ายคล้ายคลึงกับฟอเรสต์ กัมพ์ ทั้งความแปลกแยกจากผู้คนรอบข้างที่ออกจะประหลาดกว่าความแปลกแยกตามปกติ คำสอนของแม่ที่มีอิทธิพลใหญ่หลวงต่อการดำเนินชีวิต ( คำสอนที่คล้ายคลึงกันจากหนังทั้งสองเรื่องทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่าแม่ของเอริก รอธ จะต้องเคยสอนเค้าแบบนี้แน่ๆ ตอนเป็นเด็ก) ผู้คนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งล้วนแต่มีความน่าสนใจ ความรักที่ยั่งยืนซึ่งมักจะเริ่มต้นตั้งแต่วัยเด็กรวมตลอดถึงเนื้อหาที่ว่าด้วยการปล่อยวางรวมถึงการมองโลกและชีวิตในแง่ดี
ช่วงหนึ่งของ The Curious Case of Benjamin Button ทำให้ผมนึกถึงหนังอังกฤษที่แสดงโดยกวินเนธ พัลโทรว์เรื่อง Sliding Door (1998) เนื่องจากเห็นว่ามีประเด็นเกี่ยวกับเหตุและผลซึ่งเป็นเงื่อนไขในชีวิตคล้ายๆ กัน
The Curious Case of Benjamin Button มอบหลายฉากประทับใจให้ผู้ชมได้กลับมาใคร่ครวญ โดยเฉพาะฉากตลกๆ ที่ชายคนหนึ่งถูกฟ้าผ่า 7 ครั้งแต่ก็ยังไม่ตาย บางคนอาจเห็นเป็นโชคร้ายซ้ำซ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า ในขณะที่บางคนอาจเห็นโอกาสครั้งแล้วครั้งเล่าในการได้มีชีวิต
หลังจาก The Curious Case of Benjamin Button จบลง ผมก้มมองนาฬิกาข้อมือเพื่อคำนวณเวลาที่หนังเรื่องนี้ใช้ไป แต่แทนที่จะมองเห็นตัวเลขบนหน้าปัด ผมกลับนึกถึงอายุของตัวเองและเริ่มสงสัยถึงเวลาที่เหลืออยู่
เป็นแฟนประจำของผู้กำกับ David Fincher ตั้งแต่ Seven,Alien 3 ,the game, Fight club สำหรับเรื่อง the curious case of Benjamin Button ค่อนข้างจะยาวหากนั่งดูในโรงหนังรวดเดียวจบ ตัวหนังก็เดินเรื่องไปเรื่อย ๆ คล้ายหนังสารคดี ซึ่งคล้ายกับเรื่อง Forest Gump มาก แต่โดยภาพรวมแล้ว ก็ถือว่าเป็นหนังดีที่คอหนังพันธ์แท้ไม่ควรพลาดอีกเรื่องหนึ่ง น่าเสียดายที่พลาดรางวัลออสการ์สำคัญ ๆ ไป
สำหรับเราหนังเรื่องนี้ ทำได้ประณีต และ สวยงามมากมาก.......... เวลาใครถามว่าหนังเรื่องนี้สนุกมั้ย....... เราจะตอบว่าไม่สนุก......................... แต่เป็นหนังที่น่าประทับใจมาก............ "For me it is the most beautiful movie"
ชอบหนังเรื่องนี้มาก และรู้สึกเศร้ามากๆ
หนังมีอะไรลึกซึ้งกว่าเรื่องอื่นอย่างเห็นได้ชัด