Shutter Island : วิวาทะระหว่างสันติวิธีและความรุนแรง (เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ)
นี่เป็นครั้งแรกที่ผมดูหนังจบแล้วมาเขียนแชร์ความรู้สึกแบบทันทีทันใด ความเห็นโดยรวมอาจโน้มไปทางฉันทาคติ รบกวนคนอ่านช่วยใช้วิจารณญาณด้วยน่ะครับ
หนังใหม่ของลุงมาติน สกอร์เซซี่เรื่องนี้ให้อารมณ์คล้ายหนังประเภท The Sixth Sense หรือ The Others ในส่วนของความพยายามในการช่วยเหลือตัวเอกให้ค้นพบความจริง ในแง่ของการหักมุม แม้จะยังไม่ช็อคอุจจาระแตกเท่าสองเรื่องก่อน แต่ก็มีจุดเด่นพอตัวสำหรับลูกเล่นในการหักมุมหลายระดับ
นอกจากบรรดาหนังผีหักมุมที่กล่าวมา Shutter Island ยังให้ความรู้สึกคล้ายกับการดูหนังคุกๆ ของลุงแฟรงค์ ดาราบอนต์อย่าง The shawshank redemption หรือ The Green mile ทั้งในส่วนของการใช้ภาพ การสร้างบรรยากาศ และความเป็นเมโลดราม่าของหนัง
กระบวนการทำงานของ Shutter Island เหมือนการปล่อยชิ้นจิ๊กซอร์ใส่ผู้ชมเป็นระยะ ให้ค่อยๆ ปะติดปะต่อจนได้ข้อสรุปในแต่ละห้วงเวลา บทหนังทำนายความคิดและกำกับผู้ชมอยู่ในที ถือเป็นการดูหนังที่เหมือนได้สนทนากับผู้สร้างยังไงยังงั้น
หลังจากดูจบ ทบทวนข้อเท็จจริงที่สอดรับกันอย่างน่าทึ่งตลอดเรื่องและประมวลผลหาเจตนาของหนังแล้ว พบว่าหลักใหญ่ใจความของ Shutter Island คือประเด็นว่าด้วยธรรมชาติของความรุนแรงและการพยายามรักษาความรุนแรงนั้นด้วยสันติวิธี
พระเอกของเราคือตัวแทนของมนุษย์ผู้นิยมความรุนแรงแต่ไม่เคยยอมรับความจริง หลายฉากในเรื่องที่เค้าตอบโต้ต่อผู้กระทำด้วยความรุนแรง เข้าทำนองตาต่อตาฟันต่อฟัน (การปล่อยให้ทหารนาซีตายอย่างทรมาน กราดยิงทหารนาซี ทำร้ายผู้ป่วยวอร์ด C รปภ. และคุณหมอ ระเบิดรถ ฆ่าภรรยา ) ส่วนคุณหมอซึ่งบริหารสถาบันแห่งนี้ก็มีความหวังอย่างยิ่งยวดว่าหากเราเข้าใจผู้ป่วยอย่างลึกซึ้ง หลีกเลี่ยงวิธีการที่รุนแรง อาศัยความร่วมมือ ความอดทนและเวลาที่นานพอ อาการความรุนแรงนั้นจะหายสิ้นไป ช่วงต้นเหมือนหนังจะให้ความหวังต่ออุดมการณ์ของคุณหมอ ก่อนจะถึงฉากจบซึ่งเป็นการตบหน้าผู้ชมฉาดใหญ่ แม้หนังจะไร้เสียงสั่งสอน แต่เนื้อสาส์นกลับชัดเจนเกินปฏิเสธ ว่ามนุษย์เรานั้นมีชีวิตและขับเคลื่อนชีวิตไปได้ก็ด้วยความรุนแรงที่ฝังอยู่ในกมลสันดาน
ผมชอบการวางตัวคุณหมอที่แสดงโดยเบน คิงส์ลี่ย์ เพราะทำให้นึกถึงบทที่เค้าเคยเล่นในเรื่อง "คานธี" Shutter Island วางลักษณะให้คุณหมอเป็นผู้นำในการรักษาความรุนแรงด้วยสันติวิธีและมีขันติธรรมที่สูงกว่าตัวละครทั่วไป
หนังแสดงข้อธรรมให้เราตระหนักอยู่เป็นระยะว่าความรุนแรงเป็นเรื่องธรรมชาติ ทั้งบทสนทนาที่เกี่ยวกับสงครามโลก การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว การเหยียดนิโกร สงครามกลางเมืองในอเมริกา ความขัดแย้งระหว่างโลกเสรีกับคอมมิวนิสต์ เป็นต้น และในส่วนของภาษาภาพยนตร์ผ่านความเกรี้ยวกราดของพายุใหญ่และเสียงฟ้าร้องที่กรีดดังไม่ต่างจากการปะทุของดินปืนในสงคราม
ผมอาจคิดลึกเกินจำเป็นและมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย ว่าคนป่วยที่สุดในเรื่องอาจเป็นคุณหมอผู้บูชาสันติวิธี จากความล้มเหลวในการรักษาความรุนแรงในเรื่อง การที่เรามองความรุนแรงเป็นเรื่องผิดปกติอาจถือเป็นความผิดปกติของผู้มองก็เป็นได้ เหมือนพระเอกที่ไม่กล้ายอมรับความจริง เลยสร้างโลกสมมติในจินตนาการขึ้นมาแทน
อีกจุดหนึ่งที่ชอบคือการเฉลยเรื่องราวทั้งหมดบนประภาคาร หนังเปรียบความจริงกับแสงสว่าง (ซึ่งพระเอกก็คงคล้ายกับเรือหลงทาง)
บทภาพยนตร์แสดงการวิวาทะถึงประเด็นความรุนแรงอย่างไม่อ้อมค้อม ความรุนแรงปรากฏอยู่ในหลายรูปแบบภายในตัวมนุษย์ อย่างอารมณ์อยากเห็นคนเลวได้รับผลกรรมที่เลวร้ายก็ถือเป็นความรุนแรงรูปแบบหนึ่ง (คือคิดอย่างมีโทสะ) ผู้ชมอาจเห็นแย้งหรือเห็นตามย่อมเป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่หนังก็ดูจะจริงใจมากๆ ในการบอกความจริงอันโหดร้ายนี้กับผู้ชม ว่าตื่นเถิด ลืมตามองความจริง เลิกวิตกกับสงครามและความรุนแรง นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ นี่ไม่ใช่เรื่องแปลก ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ มันคือธรรมชาติ คือธรรมดาหนึ่งของโลกและชีวิต
ความรุนแรงหรือสงครามก็เหมือนพฤติกรรมของพระเอกที่คุณหมออธิบายว่าอาการแบบนี้จะเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีกคล้ายการหมุนของแผ่นเสียง อย่างที่เราเห็นอยู่ สงครามไม่เคยยุติอย่างแท้จริง (เหมือนโรคที่ไม่มีวันหาย) สงครามหนึ่งจบ สงครามใหม่ก็เริ่มอีก สันติภาพกลายเป็นเพียงช่องไฟหรือช่วงพักของคำว่า "ความรุนแรง"
ก่อนหนังจะจบพระเอกของเราส่อเค้าจะสร้างปัญหาอีกครั้ง ด้วยทางเลือกที่เค้าตัดสินใจได้ไม่ยากนัก ระหว่าง "การมีชีวิตอยู่อย่างอสูรกายหรือจะยอมตายในฐานะของคนดี" ?
Create Date : 08 เมษายน 2553 |
Last Update : 29 พฤษภาคม 2553 16:39:14 น. |
|
9 comments
|
Counter : 1656 Pageviews. |
|
|
|
โดย: Swallowtail วันที่: 12 เมษายน 2553 เวลา:23:22:18 น. |
|
|
|
โดย: Swallowtail วันที่: 14 เมษายน 2553 เวลา:23:09:27 น. |
|
|
|
โดย: Aob (Swallowtail ) วันที่: 15 เมษายน 2553 เวลา:13:23:51 น. |
|
|
|
โดย: Swallowtail วันที่: 16 เมษายน 2553 เวลา:19:25:56 น. |
|
|
|
โดย: nonn IP: 183.89.69.105 วันที่: 24 เมษายน 2553 เวลา:20:49:48 น. |
|
|
|
โดย: navagan วันที่: 6 พฤษภาคม 2553 เวลา:3:05:16 น. |
|
|
|
โดย: psw2548 วันที่: 21 มิถุนายน 2553 เวลา:14:56:01 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
ช่วงนี้งานรัดตัวเหลือเกินจนไม่ค่อยจะมีเวลาดูหนังหรือเขียนบล็อคเลย
ดูแล้วจะมาอ่านนะครับ