ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
26 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
อำนาจของมัจจุราช

อโยฆรชาดก
ว่าด้วยอำนาจของมัจจุราช



พระศาสดาเมื่อเสด็จประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภการออกมหาภิเนษกรมณ์นั่นเอง ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีดังนี้.
แท้จริงแม้ในครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสว่า ใช่แต่ในชาตินี้เท่านั้นก็หามิได้ แม้ในชาติก่อน ตถาคตก็เคยออกมหาภิเนษกรมณ์เหมือนกัน แล้วทรงนำอดีตนิทานมาตรัสดังนี้
เมื่อพระเจ้าพรหมทัต เสวยราชสมบัติ ณ พระนครพาราณสี พระอัครมเหสีของท้าวเธอทรงพระครรภ์ ได้รับการบริหารพระครรภ์เป็นอย่างดี จนพระครรภ์แก่แล้ว ประสูติพระราชโอรส ในระหว่างเวลาปัจจุสมัยใกล้รุ่ง ในภพก่อนมีสตรีผู้หนึ่งร่วมสามีเดียวกันกับพระนางเทวีนั้น ตั้งความปรารถนาไว้ว่า ขอให้เราได้กินลูกของท่านที่คลอดแล้ว ๆ ได้ยินว่า สตรีผู้นั้นตนเองเป็นหญิงหมันทำความปรารถนาเช่นนั้น เพราะความโกรธสตรีที่มีบุตร ชาตินี้จึงได้มาเกิดเป็นนางยักษิณี สตรีที่มีบุตรนั้นได้มาเป็นพระอัครมเหสีของพระเจ้าพรหมทัต จนคลอดพระโอรสองค์นี้
คราวนั้น นางยักษิณีได้โอกาส จึงแปลงกายมา เมื่อพระเทวีทอดพระเนตรดูอยู่นั่นแล ตรงเข้าจับทารกนั้น แล้วหนีไป พระนางเทวีทรงร้องขึ้นด้วยเสียงอันดังว่า นางยักษิณีจับโอรสของเราหนีไปแล้ว ฝ่ายนางยักษิณี ก็กัดกินทารกทำเสียงมุรุ มุรุ เหมือนกินเง่าบัว แสดงท่ายกมือชี้หน้าคุกคามพระเทวี แล้วก็หลีกหนีไป พระราชาทรง สดับพระเสาวนีย์ของพระเทวีแล้วทรงดำริว่า ไฉนนางยักษิณีจึงบังอาจกระทำได้แต่ทรงนิ่งเฉยเสีย
ในกาลที่พระเทวีทรงประสูติพระโอรสอีก ท้าวเธอได้ทรงจัดการอารักขามั่นคง พระเทวีก็ประสูติพระโอรสอีกเป็นคำรบสอง นางยักษิณีก็มาเคี้ยวกินพระกุมารนั้นแล้วหนีไปอีก ในวาระที่สาม พระมหาสัตว์เจ้าทรงถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระเทวี พระราชาทรงมีพระโองการให้มหาชนมาประชุมกัน ตรัสถามว่า ยักษิณีตนหนึ่งมากินโอรสที่ประสูติจากพระเทวีของเราทุกคราว ควรจะจัดการสถานใด ?
ครั้งนั้นบุรุษคนหนึ่งกราบทูลว่า ขอเดชะ ธรรมดานางยักษิณี ย่อมกลัวใบตาล ควรที่จะผูกใบตาลไว้ที่พระหัตถ์และพระบาททั้งสองของพระเทวี
อีกคนหนึ่งทูลว่า ขอเดชะ ธรรมดานางยักษิณี ย่อมกลัวเรือนเหล็ก ควรทำเรือนเหล็กไว้ พ่ะย่ะค่ะ
พระราชาตรัสสั่งว่าดีละ แล้ว ตรัสสั่งให้ช่างเหล็กทั้งหลายในแว่นแคว้นของพระองค์มาประชุมกัน ทรงบัญชาว่า ท่านทั้งหลายจงช่วยกันทำเรือนเหล็กให้เรา แล้วโปรดให้ราชบุรุษผู้หนึ่งคอยดูแล กำกับการ ช่างเหล็กทั้งหลายจึงก่อสร้างพระตำหนักขึ้น ณ ภูมิภาคอันรื่นรมย์ภายในพระนครนั่นเอง สัมภาระแห่งพระตำหนักทุกอย่าง ตั้งแต่เสา เป็นต้น ล้วนแล้วไปด้วยเหล็กทั้งนั้น ตำหนักรูปทรงจตุรมุขหลังใหญ่ล้วนแล้วไปด้วยเหล็ก สำเร็จลงโดยเวลาเก้าเดือน พระตำหนักนั้นงามรุ่งเรืองเท่าเทียมกับแสงประทีปอันโพลงอยู่เป็นนิตย์ พระราชาทรงทราบว่า พระราชเทวีทรงพระครรภ์แก่แล้ว จึงตรัสสั่งให้ประดับตกแต่งพระตำหนักเหล็ก พาพระนางเทวี ไปประทับยังตำหนักนั้น พระนางเทวีก็ประสูติพระราชโอรส สมบูรณ์ด้วยธัญบุญลักษณะ ณ พระตำหนักเหล็กนั้น พระราชากับพระอัครมเหสี ทรงพระราชทานนามพระราชโอรสว่า "อโยฆรกุมาร" พระราชาทรงมอบพระกุมารแก่พระพี่เลี้ยงนางนมแล้ว ทรงจัดแจงอารักขาใหญ่ยิ่ง พาพระราชเทวีกระทำประทักษิณเสด็จเลียบพระนคร แล้วเสด็จสู่พื้นอลังกตปราสาท ฝ่ายนางยักษิณี ถึงเวรตักน้ำนำน้ำไปถวายท้าวเวสวัณ ถึงความสิ้นชีวิตแล้ว.
พระมหาสัตว์เจ้าทรงเจริญเติบโตในพระตำหนักเหล็กนั่นเอง จนรู้เดียงสา ทรงศึกษาศิลปวิทยาทุกอย่างในที่นั้นแหละ พระราชาตรัสถามหมู่อำมาตย์ว่า โอรสของเรามีพระชันษาได้เท่าไร ทรงสดับว่า พระโอรสมีพระ ชันษา ๑๖ แกล้วกล้า สมบูรณ์ด้วยพลานามัย สามารถต่อสู้กับยักษ์ได้แม้ตั้งพัน จึงมีพระราชโองการว่า เราจักมอบราชสมบัติแก่โอรสของเรา ท่านทั้งหลาย จงให้จัดการตกแต่งทั่วทั้งพระนคร แล้วเชิญพระโอรสออกจากตำหนักเหล็ก นำมายังพระราชฐาน อำมาตย์ทั้งหลายรับพระราชโองการว่า ดีละ พระเจ้าข้า แล้วให้พนักงานตบแต่งพระนครพาราณสี อันมีปริมณฑลได้ ๑๒ โยชน์ เสร็จแล้วนำมงคลหัตถี อันเพริศแพร้วไปด้วยสรรพาลังการ ไปยังพระตำหนักเหล็กนั้น ประดับตกแต่งพระราชกุมารแล้ว ทูลเชิญให้ประทับเหนือมงคลหัตถี แล้วทูลว่า ขอเดชะพระกุมารผู้ประเสริฐ ขอเชิญพระองค์ทรงทำประทักษิณเลียบพระนครอันอลงกต ซึ่งเป็นมรดกแห่งราชตระกูล แล้วเสด็จไปถวายบังคม พระเจ้ากาสิกราชผู้พระราชบิดา พระองค์จักได้เศวตฉัตรในวันนี้แหละ พะย่ะค่ะ
เมื่อพระมหาสัตว์ทำการประทักษิณพระนครอยู่ ทอดพระเนตรเห็นพระราชอุทยาน แนวป่า สระโบกขรณี พื้นภูมิภาคและปราสาทราชวังอันน่ารื่นรมย์ ยินดีเป็นต้นแล้ว ทรงจินตนาการว่า พระราชบิดาของเรา ให้เราอยู่ในเรือนจำตลอดเวลาที่ผ่านมาถึงเพียงนี้ ไม่ให้เราได้เห็นพระนครอันตกแต่งงดงามเห็นปานนี้เลย โทษผิดของเรามีอย่างไรหนอ ดังนี้แล้ว จึงตรัสถามพวกอำมาตย์ อำมาตย์ทั้งหลายกราบทูลว่า ขอเดชะ พระองค์ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ โทษผิดของพระองค์ไม่มีเลย พะย่ะค่ะ แต่นางยักษิณีตนหนึ่งมาเคี้ยวกินพระเชษฐาธิราชของพระองค์ถึงสองพระองค์ เพราะเหตุนั้น พระราชบิดาของพระองค์จึงโปรดให้พระองค์อยู่ในตำหนักเหล็ก พระองค์รอดพระชนมชีพมาได้ เพราะพระตำหนักเหล็กแท้ ๆ พะย่ะค่ะ
อโยฆรราชกุมารทรงสดับคำของอำมาตย์กราบทูล แล้วทรงพระดำริว่า เราอยู่ในครรภ์ของพระมารดา ๑๐ เดือน เหมือนอยู่ในโลหกุมภีนรก และคูถนรก นับแต่คลอดออกจากพระครรภ์พระมารดาแล้ว ต้องอยู่ในที่คุมขังถึง ๑๖ ปี ไม่ได้โอกาสที่จะได้ดูโลกภายนอกเลย เป็นเหมือนตกอยู่ในอุสสุทนรกฉะนั้น แม้เราจะพ้นจากเงื้อมมือของนางยักษิณีมาได้ ใช่ว่าจะไม่แก่ไม่ตายก็หามิได้ ประโยชน์อะไรด้วยราชสมบัติแก่เรา นับแต่วาระที่ได้ดำรงอยู่ในราชสมบัติแล้ว จะออกบรรพชาได้ยาก เราจักให้พระราชบิดาทรงอนุญาตการบรรพชาแก่เรา แล้วเข้าไปสู่ป่าหิมพานต์ บวชเสีย วันนี้ทีเดียว
ครั้นพระราชกุมารทรงกระทำประทักษิณพระนครแล้ว เสด็จเข้าไปสู่ราชตระกูล ถวายบังคมพระราชบิดาแล้วประทับยืนอยู่ พระเจ้าพรหมทัตทอดพระเนตรสรีรโสภาแห่งพระโอรสแล้ว ทรงเสน่หารักใคร่เป็นกำลังจึงทรงชำเลืองดูหมู่อำมาตย์ อำมาตย์ทั้งหลายทูลว่า ขอเดชะ จะโปรดให้พวกข้าพระพุทธเจ้า จัดแจงอย่างไรต่อไป
ท้าวเธอจึงตรัสสั่งว่า ท่านทั้งหลายจงเชิญโอรสของเราให้ประทับเหนือกองรัตนะ แล้วสระสรงด้วยน้ำสังข์สามอย่าง แล้วสอดสวมกาญจนมาลา และยกเศวตฉัตรขึ้น พระมหาสัตว์เจ้าจึงถวายบังคมพระราชบิดาทูลคัดค้านว่า ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความต้องการด้วยราชสมบัติ ข้าพระพุทธเจ้าจักบวช ขอพระองค์ได้โปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระ พุทธเจ้าบวชเถิด
พระเจ้าพรหมทัตจึงตรัสว่า ลูกรัก เจ้าบอกคืนราชสมบัติ แล้วจักบวช เพราะเหตุอะไร ?
พระมหาสัตว์เจ้าทูลตอบว่า ขอเดชะพระราช บิดาผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ข้าพระพุทธเจ้าอยู่ในพระครรภ์พระมารดา ๑๐ เดือน เหมือนอยู่ในคูถนรก ประสูติจากพระครรภ์แล้ว ต้องอยู่ในที่คุมขังถึง ๑๖ ปี ไม่ได้โอกาสที่จะเห็นโลกภายนอกได้ เพราะภัยอันเกิดแต่นางยักษิณี ได้เป็นเหมือนตกอยู่ในอุสสุทนรก ถึงพ้นจากเงื้อมมือนางยักษิณีแล้ว ใช่ว่าข้าพระพุทธเจ้าจะเป็นคนไม่แก่ไม่ตายก็หามิได้ ขึ้นชื่อว่ามฤตยุราชนี้ ใคร ๆ ไม่อาจชนะ ไม่อาจจะลวงได้ ข้าพระพุทธเจ้าเป็นผู้เอือมระอาในภพ ข้าพระพุทธเจ้าจักบวชประพฤติธรรมไปจนกว่า ชรา พยาธิ และมรณะ จะไม่มาถึงข้าพระพุทธเจ้า ข้าพระพุทธเจ้าไม่ปรารถนาราชสมบัติ ขอเดชะพระราชบิดา ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ โปรดทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์บวชเถิด ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงแสดงธรรมถวายพระราชบิดา จึงตรัสว่า
สัตว์ถือปฏิสนธิ กลางคืนก็ตาม กลางวันก็ตามย่อมอยู่ในครรภ์มารดาก่อน สัตว์นั้นย่อมเกิดเพราะกำลังลม ย่อมไปสู่ความเป็นกลละเป็นต้น ย่อมไม่ย้อนกลับมาสู่ความเป็นกลละเป็นต้นอีก.
นรชนทั้งหลาย จะยกพลโยธายุทธนาการกับ ชรา พยาธิ มรณะ ไม่ได้เลยเป็นอันขาด เพราะว่าชีวิตของสัตว์ทั้งมวลนี้ ถูกความเกิดและความแก่เข้าไปประทุษร้ายเบียดเบียน เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
พระราชาผู้เป็นอธิบดีในรัฐทั้งหลาย ย่อมจะข่มขี่ราชศัตรูผู้มีเสนาอันประกอบด้วยองค์ ๔ ล้วนรูปร่างน่าสะพรึงกลัว เอาชัยชนะได้ แต่ไม่สามารถจะชนะเสนาแห่งมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่าจะบวชประพฤติธรรม.
พระราชาบางพวก แวดล้อมด้วยพลม้า พลรถ และพลเดินเท้า ย่อมพ้นจากเงื้อมมือของข้าศึก แต่ก็ไม่อาจจะพ้นจากสำนักของมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้นข้าพระพุทธเจ้า จึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
พระราชาทั้งหลายผู้กล้าหาญ ย่อมหักค่ายทำลายพระนครแห่งราชศัตรูให้ย่อยยับได้ และกำจัดมหาชนได้ด้วยพลช้าง พลม้า พลรถ และพลเดินเท้า แต่ไม่สามารถจะหักรานเสนาแห่งมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
คชสารทั้งหลายที่ตกมัน มีมันเหลวแตกออกจากกระพอง ย่อมย่ำยีนครทั้งหลาย และเข่นฆ่าประชาชนได้ แต่ไม่สามารถจะย่ำยีเสนาแห่งมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้า จึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
นายขมังธนูทั้งหลาย แม้มีมืออันได้ฝึกฝนมาดีแล้ว เป็นผู้มีปัญญา สามารถยิงธนูให้ถูกได้ในที่ไกล ยิงได้แม่นยำไม่ผิดพลาด ก็ไม่สามารถจะยิงต่อต้านมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้า จึงคิดว่าจะบวชประพฤติธรรม.
สระทั้งหลาย และมหาปฐพีกับทั้งภูเขาราวไพรย่อมเสื่อมสิ้นไป สังขารทั้งปวงนั้นจะตั้งอยู่นานสักเท่าไร ก็ย่อมเสื่อมสิ้นไป เพราะสังขารทั้งปวงนั้น ครั้นถึงกาลกำหนดแล้วย่อมจะแตกทำลายไป เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
แท้จริง ชีวิตของสัตว์ทั้งมวลทั้งที่เป็นสตรี และบุรุษในโลกนี้ เป็นของหวั่นไหว เหมือนแผ่นผ้าของนักเลงสุรา และต้นไม้เกิดใกล้ฝั่ง เป็นของหวั่นไหวไม่ยั่งยืนฉะนั้น เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่าจะบวชประพฤติธรรม.
ผลไม้ที่สุกแล้ว ย่อมหล่นร่วง ฉันใด สัตว์ทั้งหลาย ทั้งหนุ่มแก่ ทั้งปานกลาง ทั้งหญิง ทั้งชายย่อมเป็นผู้มีสรีระทำลายหล่นไปฉันนั้น เพราะเหตุนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
พระจันทร์ อันเป็นราชาแห่งดวงดาวเป็นฉันใด วัยนี้หาเป็นฉันนั้นไม่ เพราะส่วนใดล่วงไปแล้ว ส่วนนั้นเป็นอันล่วงไปแล้วในบัดนี้ อนึ่ง ความยินดีในกามคุณของคนแก่ชราแล้วย่อมไม่มี ความสุขจะมีมาแต่ไหน เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
ยักษ์ก็ดี ปีศาจก็ดี หรือเปรตก็ดี โกรธเคืองแล้วย่อมเข้าสิงมนุษย์ได้ แต่ไม่สามารถจะเข้าสิงมัจจุราชได้เลย เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
มนุษย์ทั้งหลายย่อมกระทำการบวงสรวงยักษ์ปีศาจ หรือเปรตทั้งหลายผู้โกรธเคืองแล้วได้ แต่ไม่สามารถจะบวงสรวงมัจจุราชได้เลย เพราะเหตุนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
พระราชาทั้งหลายทรงทราบโทษผิดแล้ว ย่อมลงอาชญากะบุคคลผู้กระทำความผิด ผู้ประทุษร้ายต่อราชสมบัติ และผู้เบียดเบียนประชาชน ตามสมควรแต่ไม่สามารถลงอาชญามัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
ชนทั้งหลายผู้กระทำความผิดฐานประทุษร้ายต่อพระราชาก็ดี ผู้ประทุษร้ายต่อราชสมบัติก็ดี ผู้เบียดเบียนประชาชนก็ดี ย่อมจะขอพระราชทานอภัยโทษได้ แต่หาทำมัจจุราชให้ผ่อนปรน กรุณาปรานีได้ไม่ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
มัจจุราชมิได้มีความเกรงใจเลยว่า ผู้นี้เป็นกษัตริย์ ผู้นี้เป็นพราหมณ์ ผู้นี้มั่งคั่ง ผู้นี้มีกำลัง ผู้นี้มีเดชานุภาพ ย่อมย่ำยีทั่วทั้งหมด เพราะเหตุนั้นข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
ราชสีห์ก็ดี เสือโคร่งก็ดี เสือเหลืองก็ดี ย่อมข่มขี่เคี้ยวกินสัตว์ที่ดิ้นรนอยู่ได้ แต่ไม่สามารถจะเคี้ยวกินมัจจุราชได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่าจะบวชประพฤติธรรม.
นักเล่นกลทั้งหลาย เมื่อกระทำกลมายา ณท่ามกลางสนาม ย่อมลวงนัยน์ตาประชาชนในที่นั้น ๆให้หลงเชื่อได้ แต่ไม่สามารถจะลวงมัจจุราชให้หลงเชื่อได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
อสรพิษที่มีพิษร้าย โกรธขึ้นมาแล้ว ย่อมขบกัดมนุษย์ให้ถึงตายได้ แต่ไม่สามารถจะขบกัดมัจจุราชให้ตายได้ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม
อสรพิษทั้งหลายโกรธขึ้นแล้ว ขบกัดผู้ใด หมอทั้งหลายย่อมถอนพิษร้ายนั้นได้ แต่จะถอนพิษของผู้ถูกมัจจุราชประทุษร้ายหาได้ไม่ เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
แพทย์ผู้มีชื่อเสียงเหล่านี้คือ แพทย์ธรรมมนตรี แพทย์เวตตรุณะ แพทย์โภชะ อาจจะกำจัดพิษพระยานาคได้ แต่แพทย์เหล่านั้น ต้องทำกาลกิริยานอนตาย เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่าจะบวชประพฤติธรรม.
วิชาธรทั้งหลาย เมื่อร่ายอาคมชื่อ โฆรมนต์ย่อมหายตัวไปได้ด้วยโอสถทั้งหลาย แต่หายตัวไม่ให้มัจจุราชเห็นไม่ได้เลย เพราะเหตุนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงคิดว่า จะบวชประพฤติธรรม.
ธรรมแลย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม ธรรมที่บุคคลประพฤติดีแล้ว ย่อมนำความสุขมาให้ นี้เป็นอานิสงส์ในธรรมที่ประพฤติดีแล้ว ผู้มีปกติประพฤติธรรม ย่อมไม่ไปสู่ทุคติ.สภาพทั้งสองคือ ธรรมและอธรรม มีวิบากไม่เสมอกัน อธรรมย่อมนำไปสู่นรก ธรรมย่อมยังสัตว์ให้ถึงสุคติ.
ครั้นพระมหาสัตว์เจ้าแสดงธรรมถวายพระราชบิดาด้วยคาถา ๒๔ คาถา อย่างนี้แล้ว กราบทูลว่า ขอเดชะพระชนกมหาราชเจ้า ราชสมบัติของพระราชบิดา จงเป็นของพระราชบิดาผู้เดียวเถิด ข้าพระพุทธเจ้าไม่มีความต้องการด้วยราชสมบัตินี้ ชรา พยาธิ และมรณะ ย่อมรุกรานข้าพระพุทธเจ้า ซึ่งกำลังกราบทูลสนทนากับพระองค์อยู่ทีเดียว ขอพระองค์จงอยู่เป็นสุขเถิด
ดังนี้แล้ว สละกามทั้งหลายถวายบังคมลาพระชนกชนนี เสด็จออกบรรพชา อุปมาเหมือนช้างซับมัน สลัดตัดเสียซึ่งห่วงเหล็กแล่นไป หรือดุจสีหโปดกทำลายกรงทองไปได้ฉะนั้น
ลำดับนั้น พระราชบิดาของพระมหาสัตว์ทรงดำริว่า ประโยชน์อะไรด้วยราชสมบัติแม้แก่เรา จึงสละราชสมบัติเสด็จออกพร้อมกับพระราชโอรสทีเดียว เมื่อพระเจ้าพรหมทัตกำลังเสด็จออกไปนั้น ทั้งพระเทวี ทั้งหมู่อำมาตย์ราชบริพาร ตลอดจนชาวพระนครทั้งสิ้น มีพราหมณ์และ คฤหบดีเป็นต้น ต่างพากันสละเคหสถานออกตามเสด็จพระเจ้าพรหมทัต ได้เกิดเป็นมหาสมาคมใหญ่ มีบริษัทนับได้ประมาณ ๑๒ โยชน์ พระมหาสัตว์เจ้า พาบริษัทนั้นเข้าไปสู่หิมวันตประเทศ
ท้าวสักกเทวราชทรงทราบว่า พระมหาสัตว์เจ้าเสด็จออกแล้ว จึงส่งวิสสุกรรมเทพบุตร ไปเนรมิตอาศรมบทให้ ยาว ๑๒ โยชน์ กว้าง ๗ โยชน์ ทั้งให้จัดแจงบรรพชิตบริขารไว้ครบถ้วน ต่อจากนี้ไป การบรรพชาของพระมหาสัตว์เจ้าก็ดี การให้โอวาทก็ดี ความเป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้าก็ดี ความไม่ไปสู่อบายของบริษัทก็ดี พึงทราบโดยนัยที่กล่าวแล้วในหนหลังทั้งหมด.
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย แม้ในชาติก่อน ตถาคตก็ออกสู่มหาภิเนษกรมณ์อย่างนี้เหมือนกัน แล้วทรงประชุมชาดกว่า พระราชมารดาบิดาในครั้งนั้น ได้มาเป็น มหาราชสกุล บริษัทได้มาเป็นพุทธบริษัท ส่วน อโยฆรบัณฑิต ได้มาเป็น เราผู้อรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ฉะนี้เลย.


Create Date : 26 สิงหาคม 2554
Last Update : 26 สิงหาคม 2554 12:53:49 น. 0 comments
Counter : 761 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.