ม้าอาชาไนยที่ดี ๔ ประเภท
ตรัสถามนายเกสี สารถีฝึกม้า ว่า ฝึกอย่างไรบ้าง เขาตอบว่า ฝึกโดยวิธีหยาบบ้าง ละเอียดบ้าง ทั้งหยาบทั้งละเอียดบ้าง ถ้าฝึกไม่ได้ก็ฆ่าเสีย เพื่อมิให้เสียชื่อสกุล อาจารย์. เมื่อเขาถามว่า ทรงฝึกคนอย่างไร ก็ตรัสตอบอย่างที่เขาตอบ โดยอธิบายว่า ฝึกโดยวิธีหยาบ คือชี้ความ ชั่วและผลของความชั่ว, วิธีละเอียด คือชี้ความดีและผลของความดี, วิธีทั้งหยาบทั้งละเอียด คือชี้ทั้งสองอย่าง. ฆ่าเสีย คือทั้งตถาคตและเพื่อนพรหมจารีไม่ว่ากล่าวสั่งสอนผู้นั้น.
ทรงแสดงม้าอาชาไนย ที่ดีของพระราชาประกอบด้วย องค์ ๔ คือความซื่อตรง, ฝีเท้า, ความอดทน, ความเสงี่ยม เปรียบด้วยภิกษุประกอบด้วยคุณธรรมทั้งสี่นี้ ก็เป็นเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก.
ทรงแสดงม้าอาชาไนยที่ดี ๔ ประเภท คือ ๑. เห็น เงาปฏักก็สำนึกตน ๒. ถูกปฏักแทงถึงขุมขนจึงสำนึกตน ๓. ถูกปฏักแทงถึงหนังจึงสำนึกตน ๔. ถูกปฏักแทง ถึงกระดูกจึงสำนึกตน. เทียบด้วยบุรุษอาชาไนย ๔ ประเภท คือ ๑. เพียงได้ฟังข่าวว่าคนอื่นทุกข์หรือตาย ก็เกิด สังเวช ตั้งความเพียร ทำให้แจ้งสัจจธรรมอันยิ่ง ๒. ต้องเห็นเองจึงเกิดความสังเวช แล้วตั้งความเพียร เป็นต้น ๓. ต้องเป็นญาติสายโลหิตของตน มีทุกข์หรือตายจึงเกิดสังเวช แล้วตั้งความเพียร เป็นต้น ๔. ต้องตัวเองได้รับ ทุกขเวทนากล้าแข็งเจ็บปวดจึงเกิดความสังเวช แล้วตั้งความเพียร เป็นต้น.
ทรงแสดงช้างของพระราชาประกอบด้วยองค์ ๔ จึงนับว่าควรแก่พระราชา คือรู้จักฟัง, รู้จักฆ่า, รู้จักอดทน, รู้จักไป เทียบด้วยภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๔ เช่น เดียวกัน ชื่อว่าเนื้อนาบุญอันยอดเยี่ยมของโลก ( รู้จักฟัง คือฟังธรรม, รู้จักฆ่า คือฆ่าความคิดที่ชั่ว, รู้จักอดทน คืออดทนหนาว ร้อน, สัมผัสเหลือบ ยุง เป็นต้น, รู้จักไป คือไปในทิศที่ไม่เคยไป คือไปพระนิพพาน ).
ทรงแสดงฐานะ ๔ คือ ๑. ฐานะที่ไม่น่าพอใจ ทำเข้า ก็เป็นไปเพื่อไม่เป็นประโยชน์ ๒. ฐานะที่ไม่น่าพอใจ แต่ทำเข้าเป็นไปเพื่อประโยชน์ ๓. ฐานะที่น่าพอใจ แต่ทำ เข้าเป็นไปเพื่อไม่เป็นประโยชน์ ๔. ฐานะที่น่าพอใจ ทั้งทำเข้าก็เป็นไปเพื่อประโยชน์.
ทรงแสดงว่า ควรทำความไม่ประมาทในฐานะ ๔ คือในการละทุจจริต ๓ และมิจฉาทิฏฐิ ในการเจริญสุจริต ๓ และสัมมาทิฏฐิ. เมื่อทำเช่นนั้นได้ ย่อมไม่กลัวความ ตายในอนาคต.
และควรทำความไม่ประมาทในฐานะ ๔ คือไม่ กำหนัดในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด, ไม่คิดประทุษร้ายในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความคิดประทุษร้าย, ไม่ หลงในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความหลง, ไม่มัวเมาในอารมณ์เป็นที่ตั้งแห่งความมัวเมา. เมื่อทำเช่นนั้นได้ ก็จะไม่ สดุ้งหวาดหวั่น ไม่ต้องไปตามถ้อยคำของสมณะ ( ไม่ถูกจูงไปตามชอบใจ ).
ทรงแสดงเรื่องสถานที่ควรสังเวช แต่ก็ควรดูของ กุลบุตรผู้มีศรัทธา ๔ แห่ง คือที่ซึ่งพระตถาคตประสูตร, ตรัสรู้, แสดงธรรมจักร ( แสดงธรรมครั้งแรก ),ปริ นิพพาน.
ทรงแสดงเรื่องภัย ( สิ่งที่น่ากลัว ) ๔ อย่าง คือความ เกิด, ความแก่, ความเจ็บไข้, ความตาย.
และภัยอีก ๔ อย่าง คือภัยอันเกิดจากไฟ, น้ำ, พระ ราชา, โจร.ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ; My blogs link 👆 https://sites.google.com/site/dhammatharn/ https://abhinop.blogspot.com https://abhinop.bloggang.com
Create Date : 07 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 3 มกราคม 2564 19:00:58 น. |
|
1 comments
|
Counter : 1298 Pageviews. |
|
|
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
..........................................................
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.