ตปุสสะ
ครั้งนั้น มาณพสกุลพราหมณ์ ๒ สหาย อุปติสส บิดาชื่อวังคันตะ มารดาชื่อสารี และโกลิตะ บิดาชื่อโกลิต มารดาชื่อโมคคัลลี บิดาของ ๒ สหาย เป็นนายบ้านตำบลนาลันทา ๒ สหายกับบริวารบวชอยู่ในสำนักสัญชัยปริพาชก ณ กรุงราชคฤห์ แต่ยังมิได้บรรลุธรรมพิเศษอันเป็นที่สุดที่พอใจ จึงนัดหมายกันว่าถ้าผู้ใดได้บรรลุธรรมพิเศษก่อน ผู้นั้นจงบอกแก่ผู้หนึ่ง วันหนึ่งอุปติสสะ ได้พบท่านพระอัสสชิ กำลังบิณฑบาตอยู่ มีอาการน่าเลื่อมใส จึงติดตามไปข้างหลัง เมื่อถึงเวลาอันควรเข้าไปถามว่า "ผู้มีอายุ อินทรีย์ของท่านผ่องใสยิ่งนัก ผิวพรรณของท่านหมดจดดีนัก ท่านบวชเฉพาะใคร ใครเป็นศาสดาของท่าน ท่านชอบใจธรรมของใคร" "ผู้มีอายุ เราบวชเฉพาะพระมหาสมณะ ผู้เป็นโอรสแห่งศากยสกุล พระองค์เป็นศาสดาของเรา เราชอบในธรรมของพระองค์" "พระศาสดาของท่านสั่งสอนอะไร" "ผู้มีอายุ เราเป็นคนใหม่ บวชใหม่ บวชยังไม่นาน เพิ่งมาสู่พระธรรมวินัยนี้ ไม่อาจแสดงธรรมโดยพิสดารได้ จักกล่าวโดยย่อพอรู้ความว่า" "ธรรมใดเกิดแต่เหตุ พระศาสดาทรงแสดงเหตุแห่งธรรมนั้น และความดับแห่งธรรมนั้น พระองค์ทรงสั่งสอนอย่างนี้" อุปติสสะได้ฟังก็ได้ดวงตาเห็นธรรม สิ่งใดสิ่งหนึ่งมีความเกิดขึ้นธรรมดา สิ่งนั้นทั้งหมดมีความดับไปเป็นธรรมดา เมื่อทราบว่าพระบรมศาสดาประทับอยู่ที่เวฬุวัน จึงกล่าวว่า ถ้าเช่นนั้นขอท่านอาจารย์จงกลับไปก่อน ผมจะกลับไปบอกสหาย และจะพากันไปเฝ้าพระบรมศาสดา เมื่อพระเถระกลับไปแล้ว จังกลับมาสู่อารามปริพาชกอันเป็นที่อยู่ บอกข่าวที่ได้ไปพบพระเถระและแสดงธรรมให้โกลิตะฟัง โกลิตะปริพาชก พอฟังจบก็ได้ดวงตาเห็นธรรม ทั้ง ๒ จึงชวนกันไปลาสัญชัยผู้เป็นอาจารย์ ถูกห้ามไว้และอ้อนวอนให้อยู่หลายครั้ง ก็ไม่ฟัง พาบริวารมาเฝ้าพระบรมศาสดาทูลขออุปสมบท พระองค์ทรงอนุญาต เมื่อบวชแล้ว ภิกษุสหธรรมิกส่วนมาก เรียกท่านอุปติสสะว่า สารีบุตร เหตุเป็นบุตรของนางสารี เรียกท่านโกลิตะว่า โมคคัลลานะ เหตุเป็นบุตรนางโคคัลลี ภิกษุผู้เป็นบริวารบวชแล้วไม่นานได้ฟังพระธรรมเทศนาแล้ว บำเพ็ญเพียรก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ก่อน ฝ่ายพระโมคคัลลานะ นับแต่อุปสมบทแล้วได้ ๗ วัน ไปทำความเพียรอยู่ที่บ้านกัลลวาลมุตตคาม แคว้นมคธ อ่อนใจนั่งโงกง่วงอยู่ พระพุทธองค์เสด็จไปที่นั้น ทรงแสดงอุบายระงับความแก้ง่วง ๘ ประการ ท่านพระโมคคัลลานะได้สดับอุบายแก้ง่วง และปฏิบัติตามพระโอวาทที่ทรงสั่งสอนก็ได้สำเร็จพระอรหันต์ในวันนั้นนั่นเอง ภายหลังได้รับการยกย่องเป็นอัครสาวกฝ่ายซ้าย เพราะเลิศทางมีอิทธิฤทธิ์ ส่วนท่านพระสารีบุตร อุปสมบทได้กึ่งเดือน นั่งถวายงานพัดอยู่เบื้องหลังพระบรมศาสดาที่ถ้ำสุกรขาตา เชิงเขาคิชฌกูฏ กรุงราชคฤห์ ได้ฟังพระธรรมเทศนาอันเป็นอุบายแห่งการละทิฏฐิ ๓ ประการ และเวทนาปริคคหสูตร (การกำหนดเวทนา) ที่พระองค์ทรงแสดงแก่ปริพาชกชื่อ ทีฆนขะ (มีเล็บยาว) อัคคิเวสสนโคตร ก็ใช้ปัญญาพิจารณาไปตามกระแสพระธรรมเทศนา จิตก็หลุดพ้นจากอาสวะ ไม่ยึดมั่นด้วยอุปาทานได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ ส่วนทีฆนขปริพาชกนั้น ได้เพียงดวงตาเห็นธรรม หมดความสงสัยในพระพุทธศาสนาทูลสรรเสริญพระธรรมเทศนา แล้วแสดงตนเป็นอุบาสกแล้วหลีกไป ส่วนพระสารีบุตรภายหลังได้รับยกย่องเป็นอัครสาวกฝ่ายขวา เพราะเลิศทางปัญญา
Create Date : 26 สิงหาคม 2560 |
Last Update : 26 สิงหาคม 2560 21:55:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 625 Pageviews. |
|
|