พระพุทธเจ้าเคารพอะไร?
ทรงแสดงว่า ทรงพิจราณาแล้วไม่เห็นใครยิ่งกว่าพระองค์ โดยกองศีล, สมาธิ, ปัญญา, วิมุติ, จึงทรงตกลงเคารพธรรมที่ทรงตรัสรู้. ทันใดนั้น ท้าวสหัมบดีพรหมก็มากราบทูลว่า พระ พุทธเจ้าในอดีตอนาคต และพระองค์เองในปัจจุบันก็เคารพธรรมทั้งสิ้น. ตรัสบอกภิกษุทั้งหลายต่อไปว่า.
ทรงเคารพธรรมแล้วเมื่อสงฆ์ถึงความเป็นใหญ่? ก็ทรงเคารพ ในสงฆ์ด้วย. ทรงเล่าเรื่องพราหมณ์ผู้เฒ่าสูงอายุหลายคน ผู้พากันกล่าวหาพระองค์ เมื่อ ตรัสรู้ใหม่ ๆ ณ ริมฝั่งน้ำเนรัญชราว่า ไม่กราบไหว้ ต้อนรับพราหมณ์ผู้เฒ่า ผู้สูงอายุ. พระองค์ทรงดำริว่า แม้ จะเจริญโดยชาติ มีอายุสูง ถ้าไม่มีคุณธรรมก็นับว่าเป็นผู้ใหญ่ ( เถระ ) ที่เป็นพาลต่อมีคุณธรรม แม้จะอยู่ในปฐมวัยก็นับได้ว่าผู้ใหญ่ ( เถระ ) ผู้เป็นบัณฑิต แล้วทรงแสดงธรรมที่ทำให้เป็นผู้ใหญ่ ๔ ประเภท คือ ๑. มีศีล ๒. สดับตรับรับฟังมาก ๓. ได้ฌานตามปรารภนาโดยง่าย ๔. บรรลุเจโตวิมุติปัญญาวิมุติ อัน ไม่มีอาสวะ.
ทรงแสดงว่า พระตถาคต ตรัสรู้โลก, เหตุเกิดแห่ง โลก, ความดับโลก, ข้อปฏิบัติให้ถึงความดับโลก. แล้วแสดงคุณธรรมของพระตถาคต.
ทรงแสดงว่า พระตถาคตเป็นผู้คงที่ ในสิ่งที่เห็นได้, ฟังได้, ทราบได้, รู้ได้ (คำว่า ทราบได้ หมายความถึงดมกลิ่น, ลิ้มรส, ถูกต้องสัมผัส ส่วนรู้ได้ หมายถึงรู้ได้ ด้วยใจ ).
ทรงแสดงว่า ทรงประพฤติพรหมจรรย์ มิใช่เพื่อ หลอกลวงคน. มิใช่เพื่อเรียกร้องคนให้มานับถือ, มิใช่เพื่อประโยชน์แก่ลาภ, สักการะและชื่อเสียง, ที่แท้เพื่อ สำรวม,เพื่อละกิเลส, เพื่อคลายกำหนัดยินดี, เพื่อดับทุกข์.
ทรงแสดงว่า ภิกษุผู้พูดปด, กระด้าง, พูดพล่าม, มี กิเลสหลายทาง เหมือนทางสี่แพร่ง, ถือตัว, มีจิตไม่ตั้งมั่นชื่อว่าไม่นับถือพระองค์, เป็นผู้ห่างจากพระธรรมวิ นัยนี้,ไม่เจริญงอกงามในพระธรรมวินัยนี้.
ทรงแสดงถึงของน้อยที่หาได้ง่ายและไม่มีโทษ คือ ๑. ผ้าบังสุกุล ( ผ้าเปื้อนฝุ่น คือเศษผ้าที่เขาทิ้งในที่ต่าง ๆ ) ๒. อาหารที่เดินหาด้วยลำแข้ง ( บิณฑบาต ) ๓. ที่นอนที่นั่งคือโคนไม้๔. ยาดองด้วยน้ำมูตรเน่า.
ทรงแสดงวงศ์ของพระอริยะ ที่เป็นของเก่า ไม่เป็นที่ รังเกียจใน ๓ กาล คือ ๑. สัญโดษด้วยจีวรตามมีตามได้ ๒. สันโดษด้วยบิณฑบาตตามมีตามได้ ๓. สันโดษ ด้วยเสนาสนะตามมีตามได้ ไม่ทำการแสวงหาอันไม่สมควร เพราะสิ่งทั้งสามนั้นไม่ได้ก็ไม่เดือดร้อน ได้ก็ไม่ติด ไม่ยกตนข่มผู้อื่น เพราะความสันโดษทั้งสามข้อนั้น ๔. ยินดีในการเจริญกุศลธรรม ในการละอกุศลธรรม.เธอก็ จะครอบงำความไม่ยินดีเสียได้.
ทรงแสดงบทธรรม ๔ ประการ คือ ความไม่โลภ, ความไม่พยาบาท, ความระลึกชอบ, ความตั้งใจมั่นชอบ ว่าเป็นของเก่า ไม่มีใครรังเกียจทั้งสามกาล.
ทรงแสดงธรรมแก่ปริพพาชกที่มีชื่อเสียง หลายคน ณ ฝั่งแม่น้ำสัปปินี ถึงบทแห่งธรรม ๔ ดังกล่าวแล้วเป็นแต่มีคำอธิบายละเอียดมากขึ้น โดยทำนองว่า ถ้าใคร คัดค้าน ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนโลภ, คนพยาบาท, คนหลงลืมสติ, คนมีจิตไม่ตั้งมั่น
Create Date : 07 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 3 มกราคม 2564 19:01:51 น. |
|
1 comments
|
Counter : 979 Pageviews. |
|
|
|
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
..........................................................
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.