บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 

เฮ้อ... งานแรกก็เจอดีเลย

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



หลังจากให้เจนศึกษา พฤติกรรมส่วนตัวของเจนแล้ว หลังจากนั้นประมาณสัปดาห์ ผมก็ได้เข้าไปในโรงงานของคุณพ่อของเจน เพื่อเข้าไปศึกษาระบบงานอีกครั้ง
“พี่จุง... สวัสดีค่ะ พี่จุงมาศึกษาระบบงานหรือว่ามาหาเจนค่ะ”
“พี่จะมาหาเจนทำไมละ ก็มาศึกษาระบบงานสิ ว่าแต่ คุณพ่อเจนอยู่ไม๊...”
“ไม่อยู่ค่ะ... แต่คุณพ่อบอกให้พี่จุงเข้าไปในโรงงานกับเจนได้เลย คุณพ่อเปิดทางให้”
“ท่าทางวันนี้เพี้ยนๆ นะเรา... พี่ขอเข้าไปดูการทำงานก่อน....”
วันนั้นผมเข้าไปเรียนรู้ระบบงานโดยคร่าวๆ ในแต่ละส่วน และพบว่า ระบบงานเป็นแบบเชื่อใจ และ ใช้ความรู้สึกเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้น การกำหนดงาน หน้าที่ และ ความรับผิดชอบต่างๆ จึงเป็นไปอย่างหลวมๆ เหมือนกับ ธุรกิจครอบครัวโดยทั่วไป
“เจน... เจนรู้ไม้ว่า วันหนึ่งทำงานออกมาได้กี่ชิ้น...”
“ประมาณ 50 กว่าชิ้นค่ะ”
“แล้วของเสียกี่ชิ้นต่อวัน”
“ประมาณ 2-3 ชิ้นมั๊งค่ะ”
“แล้วรู้ไม๊ว่าคนงานทั้งหมดในการผลิตนี่กี่คน ?”
“15 คนค่ะ”
“อืม... แล้วหัวหน้าการผลิตเขาต้องการคนเพิ่ม หรือเปล่าช่วงนี้...?”
“ก็เห็นเขาบอกว่าต้องการคนเพิ่มอยู่เหมือนกันนะค่ะ”
“พี่ว่า พี่จะลงมือเกี่ยวกับการผลิตในส่วนนี้ก่อนดีกว่า... ช่วงบ่ายพี่ขอคุยกับฝ่ายผลิตได้ไม๊...”
“ได้ค่ะ... วันนี้เจนเรียกหัวหน้างานไปทานข้าวพร้อมกับเราค่ะ”
อาหารเที่ยงที่โรงงานจัดไว้ในห้องอาหารให้เรียบร้อย ห้องที่ผมเข้าไปทานนั้นเป็นห้องกระจกติดแอร์สำหรับผู้บริหารของโรงงาน โต๊ะที่ผมนั่งเป็นโต๊ะของเจ้าของ แต่วันนี้ เจนเชิญให้หัวหน้าฝ่ายต่างๆเข้ามาทานร่วมโต๊ะกันในวันนั้นทั้งหมด เพื่อแนะนำให้ผมรู้จักกับคนในโรงงานทั้งหมด
“เจนขอแนะนำ คุณวิบูลย์ นะค่ะ พี่เขาจะเข้ามาเป็นที่ปรึกษาของโรงงานเราค่ะ” มีเสียงปรบมือเบาๆเป็นการต้อนรับ
“ขอบคุณครับ ผมขอโอกาสนี้แนะนำตัวกับทุกท่านนะครับ ผมวิบูลย์ จุง เรียกผมว่า จุง สั้นๆก็ได้ครับ บางท่านอาจจะเคยเห็นผมมาบ้างนะครับ ผมเข้ามาในฐานะผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนการทำงานของทุกท่าน อย่าคิดว่าผมเป็นที่ปรึกษานะครับ คิดว่าผมเป็นพนักงานใหม่ เพิ่งเข้ามาเริ่มงาน ซึ่งต้องเรียนรู้งานจากทุกๆท่าน ช่วยสอนงานให้ผมด้วยนะครับ...”
ผมตอบคำถามอีก 2-3 ข้อจากหัวหน้างานที่เข้ามา แล้วอาหารก็เข้ามาเสริฟ ผมก็เลยได้โอกาสเชิญให้ทุกคนทานอาหาร แล้ว ค่อยๆ ถามถึงชื่อแต่ละท่าน และ หน้าที่ความรับผิดชอบของแต่ละท่าน จนครบ อาหารก็เสริฟ เข้ามาครบ แล้วเราก็ได้ทานอาหารร่วมกัน เสียงคุยระหว่างกันมีมาก มีเพียง 2-3 คนเท่านั้นที่ชวนผมคุย ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบัญชี ลูกน้องคนสนิทของเจน เพราะเราเคยคุยกันมาบ้างแล้ว หลังทานอาหารเสร็จ เจนก็พาผมเข้าไปห้องประชุมแล้วก็ขอตัวไปเชิญหัวหน้าฝ่ายผลิตเข้ามาห้องประชุม...
“สวัสดีครับ... คุณ... คุณชัชวาล” ผมก้มลงดูสมุดชื่อ ที่ผมจดระหว่างสอบถามก่อนทานอาหารกลางวัน
“ผมไม่ใช่คุณชัช... คุณชัช เขาติดงานเข้าประชุมไม่ได้ เลยส่งผมเข้ามาแทน” เสียงห้วนๆจังเลย...
“อ๋อ ครับ ผมวิบูลย์ครับ แล้วไม่ทราบว่า คุณชื่อ...”
“วิษณุ” เสียงตอบห้วนๆ เหมือนกับจะไม่อยากรู้จัก
“คุณวิษณุ ยินดีที่ได้รู้จักครับ เรียกผมว่าจุงก็ได้ครับ...”
“คุณจุง มีธุระอะไรกับฝ่ายผลิต...” คุณวิษณุ พูดอย่างกับจะหาเรื่องยังไงไม่รู้...
“เออ... ไม่เชิงมีธุระหรอกครับ แค่อยากเรียนรู้เกี่ยวกับงานของทางฝ่ายผลิตนะครับ... ไม่ทราบว่า คุณวิษณุทำหน้าที่อะไรครับ”
“ผมเป็นรองหัวหน้าช่างซ่อมบำรุง”
“งานซ่อมบำรุง... น่าสนใจนะครับ...”
“…” เงียบไม่มีเสียงตอบ
“แล้วคุณวิษณุ ทำหน้าที่อะไรบ้างครับ”
“มีอะไรก็ทำๆไป...” ท่าทางดูไม่อยากเป็นมิตรแล้ว คำตอบนี้ทำให้อึ้งมากขึ้น...
“รอสักครู่นะครับ”
ผมก็ทนไม่ไหวกับอาการท้าทายอย่างนี้ ผมก็เลยเดินออกนอกห้อง แล้วเข้าไปขอให้เจนเข้าห้องประชุมด้วย เจนก็ตามเข้ามาห้องประชุมโดยดี
“คุณวิษณุ ผมขอให้เจนเข้ามาศึกษางานร่วมกับผมนะครับ คิดว่าคุณคงไม่มีปัญหา...”
“…” เงียบไม่มีเสียงตอบเช่นเดิม
“ผมขอเริ่มเรียนรู้งานของฝ่ายผลิตก่อนนะครับ ไม่ทราบว่าคุณวิษณุช่วยเล่าเกี่ยวกับฝ่ายผลิตคร่าวๆให้ผมรับทราบหน่อยครับ”
“ก็ไม่มีอะไร... อยากรู้อะไรหละ...” นี่ขนาดต่อหน้าเจนซึ่งเป็นลูกสาวเจ้าของนะเนี่ย ยังตอบอย่างนี้เลย...
“ฝ่ายผลิตเขาก็แบ่งออกเป็นส่วนๆ การผลิตค่ะพี่จุง... คุณวิษณุเขาอยู่ฝ่ายซ่อมบำรุงค่ะ” เจนตอบแทนคุณวิษณุ สีหน้ารู้สึกเป็นห่วงผมกับการคุยกับคุณวิษณุ แล้วหันไปถามคุณวิษณุ...
“คุณวิษณุ... คุณชัช ติดธุระหรือ?”
“ครับ”
“อย่างนั้น คุณวิษณุ ช่วยเล่างานของคุณวิษณุให้ฟังหน่อยนะครับว่ามีหน้าที่รับผิดชอบอะไรบ้าง...” ผมถามย้ำอีกครั้ง...
“ผมก็ตรวจสอบเครื่องเวลาพนักงานพัก และ ถ้าเครื่องเสียผมก็ซ่อม” คำตอบดีกว่าครั้งแรกหน่อย...
“เวลาพักนี่ตรวจสอบได้กี่เครื่องครับ”
“เครื่องเดียว”
“ตรวจสอบอะไรบ้างครับ”
“ก็เข้าไปตรวจสอบว่ามันทำงานได้หรือเปล่า มีปัญหาอะไรหรือเปล่า”
“คุณวิษณุ มีทีมงานกี่คนครับ”
“คนเดียว”
“ท่าทางงานหนักนะครับ... ขอบคุณมากครับ วันหลังผมคงต้องขอเข้าไปคุยในส่วนของคุณวิษณอีกครั้งนะครับ...”
“หมดเรื่องแล้วใช่ไม๊... ผมกลับไปทำงานต่อนะ”
“ครับเชิญครับ ขอบคุณครับ” ผมกำลังสงสัยในการกระทำของผมว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า...
“พี่จุง อย่าไปถือคุณวิษณุ เลย แกเป็นอย่างนี้แหละ ทำงานเป็นอย่างเดียว พี่จุงอยากรู้อะไรเกี่ยวกับฝ่ายการผลิต เจนจะบอกให้ค่ะ...”
“จริงๆแล้วพี่อยากสอบถามสายการทำงาน และ งานต่างๆอย่างละเอียด พอเจออย่างนี้ เลยไม่รู้ว่าจะถามอะไรคุณวิษณุดี”
“พี่ต้องคุยกับคุณชัช เขาจะอธิบายได้ดี ไว้สัปดาห์หน้าเจนจะให้คุณชัชเข้าประชุมกับพี่จุงนะ...”
“ครับ ขอบคุณครับ... พี่ถามเรื่องคุณวิษณุหน่อยได้ไม๊ ปกติแล้ว เขามีเพื่อนบ้างหรือเปล่า...”
“ก็มีค่ะ ส่วนใหญ่คุณวิษณุแกจะคุยกับเพื่อนผู้ชายในแผนกของแกเอง หรือ ไม่ก็ก๊วนเตะบอลของเขาค่ะ”
“แล้วเขาคุยแบบมะนาวไม่มีน้ำอย่างนี้เสมอเลยหรือ”
“ไม่ค่ะพี่ ปกติเวลาเจนถาม เขาก็จะคุยดีนะ”
“แล้วกับคนอื่นหละ...”
“เขาเป็นคนไม่ค่อยชอบคุย แต่เวลาคุยก็คุยดีนะค่ะ... ”
“แสดงว่าพี่ไม่เป็นที่ถูกชะตาของเขามั๊ง...”
“สัปดาห์หน้าพี่ขอประชุมกับคุณชัช ตอนเช้านะ ไม่รู้ว่าว่างหรือเปล่า”
“ค่ะ เจนจะนัดให้ค่ะ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา”
“ขอบใจจ๊ะ วันนี้ไม่มีอารมณ์คุยกับใครแล้ว... เจนพาพี่ไปดูโรงงานในส่วนผลิตได้หรือเปล่า...”
“ได้ค่ะ...”
เจนกับผมเดินเข้าไปโรงงานด้วยกัน เราเห็นคุณชัชกำลังคุยกับเลขาฯ อย่างสนุกสนาน ก่อนที่เจนจะทักขึ้นมา...
“คุณชัช งานมีปัญหาอะไรไม๊ค่ะ” เจนทักคุณชัช ทำให้คุณชัชตกใจเล็กน้อย แล้วหันมาทางเจน...
“ไม่มีปัญหาอะไรครับ”
“อ้าวแล้วเมื่อกี้ทำไมไม่เข้าประชุมกับพี่จุงหละ...”
“เออ... คือ...ผมให้คุณวิษณุ ไปประชุมแทนผมแล้วนี่ครับ”
“คุณจุงเขาอยากคุณกับคุณนะค่ะ... ” แล้วเจนก็หันหน้ามาถามผม
“พี่จุงจะประชุมกับคุณชัชเลยไม๊ค่ะ”
“ผมยังติดงานต้องไปดูแลงานในโรงงานครับไม่ว่าง” คุณชัชพูดสวนออกมาทันที
“เอาเป็นสัปดาห์หน้าช่วงเช้าดีกว่าครับ” ผมก็เลยต้องตอบเลี่ยงๆไป
“อย่างนั้น คุณชัช สัปดาห์หน้าประมาณ 10 โมงเช้า เข้าประชุมกับพี่จุงนะค่ะ”
“เออ... ครับ...”
ผมไม่รู้ว่าผมรู้สึกไปเอง หรือว่า คุณชัชแสดงให้ผมรู้สึกว่า เขาไม่อยากเข้าประชุมกับผมก็ไม่ทราบ แต่สีหน้า หรือ อาการที่แสดงออกดูเหมือนว่าไม่อยากจะให้ผมเข้าไปยุ่งย่ามกับเขาเลย...

ผมกับเจนเดินจากคุณชัชมา... แล้วเราก็ได้ยินเสียงคุ้นๆของคุณวิษณุ กำลังคุยกับเพื่อนๆ... ผมกับเจนมองหน้ากัน สีหน้าเจนดูไม่ค่อยดี ผมว่า สีหน้าผมก็ดูไม่ค่อยดีเหมือนกับเจนแหละ... แล้วเสียงที่ลอดออกมาก็ดังขึ้น และ ดูเหมือนว่า ผู้พูดกำลังสนุกกับการเล่าให้เพื่อนๆฟังอย่างมาก
“คุณชัชให้กูแกล้งไอ้หน้าจืด... สนุกดีหวะ... แกล้งมันจนหน้ามันจืดสมชื่อเลยหวะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...”

(อ่านต่อฉบับหน้า…)

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)




 

Create Date : 24 เมษายน 2550    
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:06:24 น.
Counter : 1861 Pageviews.  

ตอนที่ 16 : หาลูกน้อง มาสนับสนุน หรือ เลื่อยขาเก้าอี้...

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



ในที่ทำงานเราไม่สามารถเลือกคนจะคบได้มากมายเท่าใดนัก ซึ่งคนที่เราคบด้วยนั้น บางคนก็ช่วยเหลือเราเป็นอย่างดี บางคนก็มีทั้งดีและไม่ดี บางคนก็ไม่ชอบขี้หน้ากันเลยก็มี ไม่อยากจะคบด้วยก็มี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ ก็เกิดขึ้นกับชีวิตผมเช่นกันผมเลยเอาความรู้ที่ได้ถ่ายทอดมาทางด้าน ดูดวงจีน เข้ามาเกี่ยวโยงกับการรับสมัครคนเพื่อจะได้ทีมงานที่เข้ากันได้มากที่สุด เพื่อนๆ หรือ น้องๆที่ทำงาน ก็ยังบอกว่าผมนะแปลกที่ผู้บริหารสมัยใหม่ แต่ใช้การดูดวงมาเป็นองค์ประกอบ

เรื่องดวงชะตานั้น เป็นสถิติที่ได้ทำการตรวจวัดมาอย่างยาวนาน บางคนก็เชื่อ บางคนก็ไม่เชื่อ บางคนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่สำหรับผมนั้น จากประสบการณ์ตรง ผมพบว่า สิ่งที่ผมได้รับจากการดูคนคร่าวๆ จากเดือนปีเกิด มันมีผลกับความสัมพันธ์ ระหว่าง ผมกับเพื่อนร่วมงานเสมอๆ ผมเคยรับพนักงานที่เกิดปีที่ขัดกัน (ชง) กับปีของผมพบว่า แรกๆเขาอาจจะยอมรับได้อาจจะเป็นเพราะต้องการทำงาน และ ยังไม่รู้จักนิสัยใจคอกันดีพอ แต่พอนานๆเข้า กลับไม่สามารถทำงานร่วมกันอันเนื่องจากแนวความคิด และ วิธีปฏิบัติที่ขัดแย้งกัน ท้ายสุดก็ไม่สามารถอยู่ร่วมทางกันได้ เป็นสิ่งที่ผมไม่อยากให้เกิดขึ้นมากที่สุด ทั้งๆที่ผมพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วก็ตาม แต่สำหรับท่านผู้อ่านก็ลองพิจารณาและวิจารณญาณกันดูเองนะครับว่า คนรอบข้างของคุณจะมีลักษณะอย่างไร ผมได้สรุปวิธีการดูคนว่าจะถูกกับเรา สนับสนุนเรา หรือ ขัดแย้งกับเรา ออกมาเป็นตารางง่ายๆให้สามารถเอาไปใช้งานได้เลยโดยใช้หลักการของการดูดวงแบบจีนพื้นฐานที่ผมได้เล่าให้ฟังไป ตอนก่อนหน้านี้

ตารางค่าความสัมพันธ์ของปีเกิด กับ ปี เดือน และ ปีพ.ศ. หลักสุดท้าย

ตารางเปรียบเทียบน้ำหนัก ระหว่างปีเกิดของคุณด้านบนกับปีเกิดของคนที่จะเปรียบเทียบด้วยแต่ละบรรทัด













ชวด

ฉลู

ขาล

เถาะ

มะโรง

มะเส็ง

มะเมีย

มะแม

วอก

ระกา

จอ

กุล

ชวด

+4

+5

+2

+1

+4

-1

-5

0

+4

0

1

0

ฉลู

+4

+4

0

+1

0

+4

0

-4

+1

+5

0

0

ขาล

+1

-1

+4

0

0

+1

+5

-1

-4

0

+3

+5

เถาะ

0

0

0

+4

-1

+2

+1

+3

0

-4

+4

+4

มะโรง

+3

0

+1

0

+4

0

+1

0

+5

+6

-4

-1

มะเส็ง

0

+5

0

+1

+1

+4

0

+2

+4

+3

+1

-4

มะเมีย

-4

+1

+4

0

+2

0

+4

+6

0

-1

+5

0

มะแม

-1

-4

0

+4

0

+1

+5

+4

+1

+2

0

+3

วอก

+5

0

-5

-1

+4

+5

+1

0

+4

0

+1

+1

ระกา

+1

+4

-1

-5

+5

+4

0

+1

0

+4

0

+2

จอ

0

0

+4

+5

-4

0

+4

0

+2

+1

+4

-1

กุล

0

+1

+6

+5

0

-5

-1

+4

0

+1

0

+4


ตารางเปรียบเทียบน้ำหนัก ระหว่างปีเกิดของคุณด้านบนกับ เดือนเกิดของคนที่จะเปรียบเทียบด้วยแต่ละบรรทัด













ชวด

ฉลู

ขาล

เถาะ

มะโรง

มะเส็ง

มะเมีย

มะแม

วอก

ระกา

จอ

กุล

ม.ค.

-2

+1

0

+1

0

+1

0

0

+2

+3

0

-1

ก.พ.

+1

-2

+1

0

-1

+2

+3

-2

+1

0

-1

0

มี.ค.

0

-1

0

+1

-2

+3

+2

-1

0

+1

-2

+1

เม.ย.

-1

0

+1

0

+1

0

+1

0

+3

+2

+1

-2

พ.ค.

0

+3

0

+1

+2

+1

0

+3

-2

-1

+2

+1

มิ.ย.

+1

+2

+1

0

+3

0

+1

+2

-1

-2

+3

0

ก.ค.

-2

+1

0

+1

0

+1

0

+1

+2

+3

0

-1

ส.ค.

+3

0

-1

-2

+1

0

+1

0

0

0

+1

+2

ก.ย.

+2

+1

-2

-1

0

+1

0

+1

0

+1

0

+3

ต.ค.

-1

0

+1

0

+1

0

+1

0

+3

+2

+1

-2

พ.ย.

0

+1

+2

+3

0

-1

-2

+1

0

+1

0

+1

ธ.ค.

+1

0

+3

+2

+1

-2

-1

0

+1

0

+1

0


ตารางเปรียบเทียบน้ำหนัก ระหว่างปีเกิดของคุณด้านบนกับ เลขท้ายของปี พ.ศ.ของคนที่จะเปรียบเทียบด้วยแต่ละบรรทัด











ชวด

ฉลู

ขาล

เถาะ

มะโรง

มะเส็ง

มะเมีย

มะแม

วอก

ระกา

จอ

กุล

1

-1

0

0

0

0

0

0

0

+1

+1

0

-1

2

-1

0

0

0

0

0

0

0

+1

+1

0

-1

3

+1

0

-1

-1

0

0

0

0

0

0

0

+1

4

+1

0

-1

-1

0

0

0

0

0

0

0

+1

5

0

0

+1

+1

0

-1

-1

0

0

0

0

0

6

0

0

+1

+1

0

-1

-1

0

0

0

0

0

7

0

-1

0

0

-1

+1

+1

-1

0

0

-1

0

8

0

-1

0

0

-1

+1

+1

-1

0

0

-1

0

9

0

+1

0

0

+1

0

0

+1

-1

-1

+1

0

0

0

+1

0

0

+1

0

0

+1

-1

-1

+1

0



ตารางนี้เป็นตารางที่ผมใช้เพื่อตรวจวัดแบบง่ายๆ วิธีการดูตารางนี้ ทำได้ง่ายๆครับ โดย ยึดเอาปี เกิดของคุณเป็นหลัก แล้ว เอา ปี เดือน และ ปีพ.ศหลักสุดท้าย มาเทียบกับตาราง แล้วดูว่า ค่า เป็น บวก หรือ เป็นลบ หรือ เท่ากับ ศูนย์ ซึ่งนั่นหมายถึงน้ำหนักที่คุณจะได้รับจากอีกบุคคล โดยให้เทียบปีนักษัตย์ เดือนที่เขาเกิด และ ปีพ.ศ หลักสุดท้าย ว่าตรงกับค่าใดในตาราง แล้ว เอามารวมกัน ก็จะกลายเป็นน้ำหนักของคนๆนั้นที่มีต่อคุณ และ คุณต้องเข้าใจว่า น้ำหนักต่างๆที่ได้นั้นมันมีค่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มันเป็นเพียงสถิติที่อาจจะเกิดขึ้นได้ มันไม่ได้แยกหรือบ่งได้เด่นชัดหรอกว่า เขาจะขัดหรือ สนับสนุนคุณจริงๆ

ตัวอย่าง
ผมเกิดปี มะแม ลูกน้องคนสนิทของผมเกิดปีเถาะ แล้วผมกำลังจะตัดสินใจเลือก คนเข้าทำงาน 3 คนที่ผ่านการทดสอบมาทั้งหมดแล้วว่า มีคุณสมบัติ เหมาะกับงานที่จะรับ แต่ผมต้องตัดสินใจเลือกพนักงานเข้าทำงานกับบริษัทฯได้เพียงคนเดียว ผมก็จะใช้ตารางนี้ มาเทียบปี เดือน เกิดของเขา เพื่อจะได้ดูว่า บุคคลใด มีดวงส่งเสริมให้ผมมากที่สุด สมมติว่า ทั้ง 3 คนมีวันเดือนปีเกิดดังนี้


คนที่ 1 เกิด เดือน ธันวาคม 2511 ปีวอก
คนที่ 2 เกิด เดือน มิถุนายน 2514 ปีกุล
คนที่ 3 เกิด เดือน มีนาคม 2516 ปีฉลู


เมื่อเทียบค่าในตารางแถวของปี มะแม กับ ปีเถาะ แล้ว พบว่า

คนที่ 1
เทียบกับปีมะแม จะได้ ธันวาคม = 0, ปีพศ. ลงท้ายด้วย 1 = 0 , ปีวอก = 0 รวมแล้วได้ 0
เทียบกับปีเถาะ จะได้ ธันวาคม = -2, ปีพศ. ลงท้ายด้วย 1 = +1 , ปีวอก = 0 รวมแล้วได้ -1

คนที่ 2
เทียบกับปีมะแม จะได้ มิถุนายน = +2, ปีพศ. ลงท้ายด้วย 4 = 0 , ปีกุล = +4 รวมแล้วได้ +7
เทียบกับปีเถาะ จะได้ มิถุนายน = 0, ปีพศ. ลงท้ายด้วย 4 = -1 , ปีกุล = +5 รวมแล้วได้ +4

คนที่ 3
เทียบกับปีมะแม จะได้ มีนาคม = -1, ปีพศ. ลงท้ายด้วย 6 = 0 , ปีฉลู = -4 รวมแล้วได้ -5
เทียบกับปีเถาะ จะได้ มีนาคม = +1, ปีพศ. ลงท้ายด้วย 6 = +1 , ปีฉลู = +1 รวมแล้วได้ +3


ถ้าให้ผมเลือก คนเดียว ผมจะเลือก คนที่ 2 แต่ถ้าคนทีรับเข้าใหม่ จะต้องอยู่ภายใต้สายงานของลูกน้องคนสนิทของผม ถ้าให้ผมเลือก ผมก็ควรจะเลือก คนที่ 3 เพราะว่า เขาจะสนับสนุนการทำงานให้กับลูกน้องผมมากกว่าแต่ถ้าคนนี้ต้องทำงานทั้งกับผม และ ลูกน้องคนสนิท ผมจะเลือกคนที่ 2 เพราะเขาจะเข้ามาสนับสนุนเราทั้งคู่ครับ

เรื่องเหล่านี้เป็นเพียงวิธีการสุดท้ายของผมที่จะคัดเลือกคนที่ถูกทดสอบผ่านมา แล้วต้องเลือกคนเพื่อเข้ามาทำงานเพียงคนเดียวจากหลายๆคน และเรื่องดวงที่กล่าวมานี้ ผมอยากให้คุณพิจารณาเองว่า มันเป็นสิ่งที่น่าเชื่อถือ หรือ เป็นเพียง ความเชื่อลมๆแล้งๆ คุณต้องใช้วิจารณญาณ ของตัวท่านเพื่อตัดสินเองนะครับ ถ้าคุณเชื่อเรื่องนี้ ก็อย่าเชื่ออย่างสนิทใจ โดยเอาแต่ดวงมาเป็นที่ตั้ง หาคนที่เหมะกับคุณก่อนความสามารถ อาจจะทำให้คุณได้คนที่ไม่เหมาะกับการทำงาน เรื่องของดวงเอามาเป็นเพียงองค์ประกอบย่อย ผมคิดว่าน่าจะเพียงพอแล้ว แต่ถ้าคุณไม่เชื่อ หรือ เชื่อบ้างไม่เชื่อบ้าง ก็อยากให้ลองตรวจกับคนรอบข้าง กับ ตารางค่านี้ดูสิครับ ไม่ว่าคนรอบข้างคุณ นั้น คนที่คุณสนิทมาก คนที่สนับสนุนคุณ คนที่คุณไม่ค่อยถูกชะตาด้วย ได้ผลอย่างไร ตรงหรือไม่ตรงอย่างไร เขียนเมล์มาคุยกับผมได้นะครับ



[บทความใน At Office] - [บทความใน JobsDB.com]

[บทความทั้งหมด] - [บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน
]

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)




 

Create Date : 13 ตุลาคม 2548    
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:07:11 น.
Counter : 13347 Pageviews.  

ตอนที่ 15 : ธาตุ กับ เดือนเกิด ปีเกิด

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



“เอาเดือนปีเกิดของลูกน้องมาประยุกต์กับงานไม่ใช่เรื่องง่ายๆนะ ยังจะเรียนอีกหรือ?”

“ไม่เป็นไรพี่ หนูอยากเอาไปประยุกต์กับชีวิตหนูด้วย ยากยังไงก็จะเรียน…”

“เหนื่อยใจวุ๊ย… กาแฟแก้วนึงนี่จะเอาให้คุ้มเลยนะ…”

“เอาน่าพี่… จะสอนหรือไม่สอน… ว่ามาเลย…”

“คร๊าบ… สอนครับสอน ดุจัง… เอ๊า.. เกิดปี พ.ศ. อะไร”

“2522 ค่ะ”

“อ้าว ธาตุดินหรอ…”

“พี่จุงง่ะ บอกว่าให้สอนไม่ใช่ดูให้เลย…”

“ลืมไป อะ อย่างนี้ท่องไปเลยนะว่า ดิน-ทอง-น้ำ-ไม้-ไฟ”

“แล้วรู้อย่างไรว่าหนูธาตุดิน”

“ดูตัวหลังของพ.ศ ครับ ว่า ถ้าเป็น 1-2 เป็นธาตุดิน 3-4 ธาตุทอง 5-6 ธาตุน้ำ 7-8 ธาตุไม้ 9-0 ธาตุไฟ ง่ายไม๊”



“ทำไมง่ายจังละพี่จุง… ดิน-ทอง-น้ำ-ไม้-ไฟ” เสียงเจนบ่นไปก็จดไป…

“ดินสร้างทอง ทองสร้างน้ำ น้ำสร้างไม้ ไม้สร้างไฟ แล้วไฟสร้างดิน… มันเป็นวงจรการเสริมของธาตุด้วยนะ…”

“แล้วธาตุที่สร้างกันมันดียังไงพี่จุง…”



“ธาตุที่เป็นตัวสร้าง ก็จะสนับสนุน ธาตุที่ถูกสร้างไง ก็อย่างเจน ปีเป็นดิน ปีที่ส่งเสริมเจน ก็จะเป็นคนเกิดปีไฟ หรือ คนเกิด ปีพ.ศ ที่ลงท้ายด้วย 9 หรือ 0 ไง…”

“มิน่าหละ พี่ถึงช่วยเจนซะทุกเรื่อง… พี่เกิด 10 ใช่ไม๊ เจนจำได้…”

“เอาเข้าไป… วกกลับมาที่พี่ได้ยังไงวุ๊ย... นอกจากธาตุจะเสริมกันแล้ว ธาตุทั้ง 5 ก็ยังมีธาตุที่ทำลายล้างกันด้วยนะ”

“ประเภทไม่ถูกกันหรือ ค่ะ ไม่เหมือน 6 คู่พิฆาต หรือค่ะ พี่จุง”

“ไม่เหมือน อันนั้นเป็นปีเกิด แต่อันนี้เป็นธาตุที่ทำลายกัน”

“อ้าวหรือค่ะ แล้ว อะไรเป็นอย่างไรหละค่ะ”



“จำไปเลยก็ได้ว่า ดินอุ้มน้ำ น้ำดับไฟ ไฟหลอมเหล็ก เหล็กตัดไม้ ไม้ดูดดิน ง่ายหรือยาก?”

“ยากจัง”

“ไม่ยากหรอก จำง่ายจะตาย น้ำดับไฟ ไฟหลอมเหล็ก เป็นเหตุผลซึ่งกันและกัน เหล็กตัดไม้ ก็เลื่อยไง ส่วนต้นไม้ ก็ต้องกินสารอาหารในดิน”

“แล้ว ดินดูดน้ำหละพี่จุง... มันคืออะไร...”

“ก็ดินมันมีช่องว่างระหว่างดิน เวลาเทน้ำลงดิน มันก็ดูดน้ำเก็บกักไว้ในดินหมด...”

“แล้วมันไม่ดีตรงไหน เจนว่ามันก็ดีนะค่ะ”

“ดีนะดี ในมุมมองของเกษตร แต่ถ้าเราต้องการให้น้ำอยู่บนผิวดิน ก็ต้องเสียน้ำเยอะมากกว่าปกติ เพื่อให้ดินอุ้มน้ำให้เพียงพอก่อน มันทำให้สิ้นเปลืองนะ...” งวดนี้ผมตอบกำปั้นทุบดินเลยเพราะว่า ผมก็จำมา และก็ไม่มีเหตุผลสำหรับเรื่องดินอุ้มน้ำด้วย ก็เลยไม่สามารถอธิบายให้เจนเข้าใจได้...
...
“ แล้วเจนเกิดเดือนอะไรนะ”

“สิงหาคม ค่ะ”

“ปีสนับสนุนเดือนอย่างนี้ มิน่าไม่ลำบากเท่าไหร่ เขียนเสร็จหรือยัง จะได้อธิบายให้ฟัง…”

“เสร็จแล้วพี่…”

คราวนี้ผมเอา แผนที่ฮวงจุ้ย หรือ ปากัว ขึ้นมา เจนหัวเราะกลิ้งเลย…

“พี่ๆ เจนเอาแค่สรุปง่ายๆพี่ ให้เจนอ่านไอ้นี่ เจนคงไม่รู้เรื่องหรอก”

“อ้าว อย่างนั้นพี่อ่านให้ฟังแล้วจดนะ… ดิน ไม้ ไม้ ดิน ไฟ ไฟ ดิน ทอง ทอง ดิน น้ำ น้ำ… มันเป็นสูตร 12 เดือน ตั้งแต่มกราคม ไปถึงธันวาคมจ๊ะ”

“พี่จุง ช่วยสรุปแบบคนเข้าใจได้หน่อยสิ...”
...
ผมเขียนตารางของเดือน เวลาเกิด ปีเกิด ที่อยู่ตารางเดียวกับธาตุให้กับเจน... รวมทั้ง ขั้วหยิน และ หยาง ด้วย เพื่อจะได้ให้เจนเข้าใจ ใช้ตารางเดียวดูคนได้เลย...
...


“อืมดูง่ายขึ้นพี่… ดินไม้ไม้ ดินไฟไฟ ดินทองทอง ดินน้ำน้ำ แล้วเอาไปใช้ยังไงค่ะ”

“ตารางนี้ เอาไว้เทียบ ปีเกิด เวลาเกิด เดือนเกิด ได้หมด”

“อืม แล้ว เอาทั้งหมดมาดูยังไงค่ะพี่จุง...”

“เวลาดูดวงคนว่าดีหรือเปล่า ก็ต้องเอาธาตุของปี กับ เดือนว่า มันเสริมกัน หรือ ทำลายกัน ด้วย หรือ หากต้องการดูว่าคนนั้น เข้ากับเราได้หรือไม่ ก็ต้องเอาธาตุของปี กับเดือน มาดูว่า เขาเสริมกับเรา หรือ เราเสริมให้เขา หรือว่า เขามาทำร้ายเรา หรือ เราไปทำร้ายเขา หรือ ว่าไม่เกี่ยวข้องกันเลย มันลึกซึ้งมากเหมือนกันนะ…”

“โอ้โห... อย่างนี้ มันก็เอาเรื่องตั้งแต่ต้นมารวมกันหมดเลยหรือพี่...”

“ใช่จ๊ะ... มันก็เกี่ยวเนื่องกันไปหมดจ๊ะ... ”

“พี่แล้วอย่างเจนเป็นยังไงบ้าง”

“ก็ปีพ.ศ 2 เป็นธาตุ ดิน เดือนสิงหา เป็นธาตุ ทอง ดินสร้างทอง ทำให้มีการสนับสนุนซึ่งกันและกัน พอปีนักษัตร เป็นปี มะแม ซึ่งเป็นธาตุ ดิน ด้วย ก็ยิ่งส่งเสริมเดือนเข้าไปอีก... แสดงว่า ชีวิตนี้มีแต่คนสนับสนุน พอมาดูปีนักษัตร เป็นหยิน เดือน เป็น หยัง ซึ่งมีทั้งหยิน หยัง แสดงว่า ชีวิตสมบูรณ์ ในตัวเองครับ”

“ชมมากไปแล้วพี่... แต่พี่... ช่วยดูเพื่อนของหนูหน่อยว่าเป็นยังไง... เริ่มจาก....”

ผมต้องอธิบายวันเดือนปีเกิดอีกหลายคนที่เป็นเพื่อนชายของเจน กว่าเขาจะเข้าใจก็ดูจนครบทุกคนว่าเข้ากับน้องเจนได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ ก็หมดเวลาไปหลายชั่วโมง... แต่ก็ได้โกโก้เย็นอีกแก้วมาแก้คอแห้ง...
...

ฉบับหน้าผมจะมาอธิบายวิธีการดูคน โดยใช้หลักการณ์ทั้งหมดที่ผมกล่าวมาครับว่า ใครจะจับคู่ใคร หรือ ใครถูกกับเราไม่ถูกกับเรามากน้อยเพียงใด จากการดูเพียงเท่านี้ หลักการดูที่ผมกล่าวนี้ ยังไม่ได้รวมถึงการดูวันเกิด และ เวลาเกิดเลย ซึ่งการดูทั้งหมด จะทำให้มองภาพของคนที่เราดูได้ชัดขึ้น ผมคิดว่าผมคงข้ามเรื่องการดูวันเกิด และ เวลาเกิดไป เพื่อจะได้ไม่ลงลึกมากนัก แค่เดือนปี ก็สามารถจำแนกคน เพื่อใช้ในการบริหารจัดการได้พอสมควรแล้ว... ติดตามการดูคน และ การจับคู่ในฉบับหน้านะครับ...

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)





[บทความใน At Office] - [บทความใน JobsDB.com]

[บทความทั้งหมด] - [บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน
]




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2548    
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:10:13 น.
Counter : 53461 Pageviews.  

ตอนที่ 14 : รู้ได้อย่างไรว่าคู่ของเราจะเข้ากับเราได้หรือไม่

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



“พี่จุง แล้วพี่จุงดูอย่างไรค่ะว่า แฟนเจน คนปีเถาะ ดีกว่า ปีมะโรง”

“ตกลงว่า ตัด คนปีมะเมียทิ้งเลยหรือ... ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า... พี่ก็บอกแล้วไง พี่ดูแบบจีน และก็ดูแบบคร่าวๆเท่านั้น”

“สอนวิธีดูให้หน่อยสิ...”

“ได้... แต่มันยากกว่าการดูว่า เราขัดแย้งกับใครนะ มันต้องเขียนให้ดูนะ จะได้จำได้... เลี้ยงกาแฟพี่สิ... แล้วจะอธิบายให้ฟัง...”

“ก็ได้... ที่เดิมนะพี่ วันเสาร์นี้...”

“จ๊ะ...”

ผมเป็นคนที่ขี้ลืมมากที่สุดก็ว่าได้ ส่วนใหญ่ภรรยาของผมจะเป็นคนคอยเตือน เรื่องการนัดของผมเสมอๆ แต่เรื่องการสอนดูดวงผมคิดว่าเจนล้อเล่น ก็เลยไม่ได้บอกภรรยาไว้ ไม่นึกว่าเจนจะเอาจริงๆ


“สวัสดีค่ะพี่จุง... วันนี้เรามีนัดกันที่ร้านกาแฟนะพี่...”

“อะไรจ๊ะ... นัดเรื่องอะไร การบ้านเสร็จหรือยัง...”

“นึกแล้วว่าพี่จุง ต้องลืม... นัดกันว่าให้เจนเลี้ยงกาแฟ แล้วพี่จะสอนดูดวงให้ไง...”

“เอาจริงเหรอ คิดว่าล้อเล่น... ไป...ไป... บ่ายโมงเจอกันนะ... เอากระดาษกับปากกามาด้วยนะ...”
…
สรุปแล้วผมก็ต้องไปสอนให้ เจน ดูดวงแบบง่ายๆ ว่าเป็นอย่างไร มาลองดูกันครับว่า วิธีการดูว่าปีเกิดของเรา กับของคนที่เราเกี่ยวข้องด้วยนั้น จะเข้ากันได้ดีขนาดไหน จาก การดู 6 คู่สร้าง และ 3 ปีประสาน ชื่อทั้ง 2 นี้ผมคิดขึ้นเอง เพราะ ผมว่ามันสื่อความหมายได้ดีเลยทีเดียว

…
“เจนน้องรัก... พี่ยังไม่เข้าใจว่า เราอยากดูดวงไปทำไม...”

“โธ่พี่จุง... ผู้หญิงกับดวงนะ ของคู่กัน...”

“คิดว่าจะเอาไปใช้กับลูกน้องเสียอีก..”

“ใครจะบ้างานแบบพี่หละ...”

“เออๆ บ้างานก็ได้ว๊ะ...”

“คาปูชิโน ใส่ วิปครีม 1 ที่ กับ โกโก้เย็น 1 ที่ค่ะ... พี่ไปหาโต๊ะได้เลย เดี๋ยวเจนบริการให้...”

“ดีจัง มีคนเลี้ยงกาแฟ แล้วยังมีคนบริการให้อีก... อย่างนั้นเอากระดาษมา พี่ไปเขียนโครงคร่าวๆก่อน...”
...
ผมกับเจนสนิทกันมาก จนเหมือนพี่น้องคลานตามกันมา ก็เลยไม่ค่อยถือเรื่องเล็กๆน้อยๆ น้องสาวคนนี้คุยเก่ง เล่าเก่ง ถามเก่ง มิน่ามีแฟนเยอะจริงๆ แต่น้องสาวก็หัวไวมากๆ สอนเที่ยวเดียวเข้าใจเลยว่าดูอย่างไร แต่เวลาเรียนเอาไปเปรียบเทียบกับตัวเองเสียหมด โดยเฉพาะกับ ว่าที่แฟน และ แฟนที่คบกันอยู่... ผมก็เลยสอนไปดูไปกับเหล่าบรรดา แฟนๆ ของเจน ผมสรุปสิ่งที่ผมสอนให้กับเจน ไว้ละกันครับ ถ้าให้เขียนว่าผมคุยกับเจนอย่างไร คุณอาจจะไม่ได้รับวิธีการจริงๆ ก็ได้...
สิ่งที่ผมสอนเริ่มแรก คือ 6 คู่พิฆาต ซึ่งก็คือปีที่ชงกัน 6 คู่ โดยสามารถหาง่ายๆ โดยนับ 6 ปีที่ห่างกัน คือปีที่ชงกัน ซึ่งมี 6 คู่ ซึ่งผมอธิบายไว้แล้วเมื่อฉบับที่แล้ว คือ

ปี ชวด ไม่ถูกกับ ปี มะเมีย
ปี ฉลู ไม่ถูกกับ ปี มะแม
ปี ขาล ไม่ถูกกับ ปี วอก
ปี เถาะ ไม่ถูกกับ ปี ระกา
ปี มะโรง ไม่ถูกกับ ปี จอ
ปีมะเส็ง ไม่ถูกกับ ปี กุล

ส่วนเพิ่มเติมในฉบับนี้ คงเป็นสิ่งที่ดีๆ ของแต่ละปีที่มีให้กับกันเสียมากกว่า ซึ่งผมใช้ชื่อว่า 6 คู่สร้าง และ 3 ปีประสาน

6 คู่สร้าง

วิทยาศาสตร์ก้าวหน้าจนรู้ว่า โลกเราไม่ได้หมุนตรงๆ แต่หมุนเอียงๆ คู่สร้างที่เกิดกับชะตาชีวิตของคนก็เหมือนกัน มันก็จับคู่แบบเอียงๆ ตามแนวแกนโลกครับ ซึ่งจับคู่ได้ 6 คู่ คนจีนรู้จักกันดีในชื่อที่เรียกว่า “หลักฮัก” “ลุกฮับ”ดังนี้



ปี ชวด ถูกโฉลกกับ ปี ฉลู
ปี ขาล ถูกโฉลกกับ ปี กุล
ปี เถาะ ถูกโฉลกกับ ปี จอ
ปี มะโรง ถูกโฉลกกับ ปี ระกา
ปี มะเส็ง ถูกโฉลกกับ ปี วอก
ปี มะเมีย ถูกโฉลกกับ ปีมะแม

มันอาจจะจำยากกว่าการจำ 6 คู่ทำลาย ซึ่งเพียงแค่อยู่ตรงข้ามกันมีหลักการจำง่ายๆ แต่ 6 คู่สร้างนี้ ก็มีวิธีจำได้ง่ายๆเช่นกัน อย่างเช่น คนจีนจะมีคำกล่าวถึง “หงส์ คู่ มังกร” นั่นหมายถึง ปีมะโรง จะคู่กับ ปีระกา ด้วยเช่นกัน ซึ่งปีระกา คนจีนถือว่าเป็นปีของหงส์ หรืออาจจะจำจาก ชวดคู่ฉลู แล้วไล่ปีไป ก็ได้ แต่ผมนะ จำเพียงปีที่ผมไม่ถูกโฉลกด้วยเท่านั้น เพราะผมต้องใช้บ่อย แล้วผมก็จะสามารถวาดโครงร่างคร่าวๆ ได้ครับ

ชีวิตคนเรา ต้องยุ่งเกี่ยวกับคนที่หลากหลาย คนเราไม่สามารถระบุได้หรอกว่า คู่ครอง หรือ ลูกน้อง ของเรานั้น จะต้องเป็นคนที่อยู่ในปีที่ถูกโฉลก ความเป็นจริง เราต้องทำงาน และติดต่อกับคนที่หลากหลาย แต่คนไหนหละที่จะส่งเสริมให้เราดียิ่งขึ้น นี่เป็นสิ่งที่น่าคิด การดูดวงของจีน จึงมีเรื่องธาตุมาเกี่ยวข้อง มีสูตรของจีนอีกแบบหนึ่งคือ

3 ปีประสาน

คนไทยมีคำพังเพยที่ผมจำได้คร่าวๆว่า “1 คนหัวหาย 2 คนเพื่อนตาม 3 คนสบาย” เห็นไม๊ครับว่า 3 คนสบาย ดังนั้น 3ปี ประสาน คือการรวมกันของคนที่เกิด 3 ปีที่ต่างกัน
มีวิธีการจำของคน 3 ปีประสานแบบง่ายๆ คือ นับ 4 คือ คนที่มีอายุ ต่างกัน 4 ปี และ 8 ปี จะเป็นคนที่เข้ากันได้ครับ อาจจะไม่แนบแน่นเหมือน 6คู่สร้าง แต่ก็จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน

3 ปี ประสาน แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่ส่งเสริมกัน แต่จะส่งเสริมกันอย่างไรนั้น ต้องศึกษาให้ลึกซึ้งถึงธาตุของแต่ละปี แต่จำง่ายๆก่อนครับว่า หากมี 3ปีประสานอยู่ใน บ้านเดียวกัน หรือ ที่ทำงานเดียวกัน ส่วนใหญ่แล้ว จะส่งเสริมให้การทำงานดีขึ้นเสมอครับ ทั้ง 4 กลุ่มมีดังนี้



ชวด + มะโรง + วอก – กลุ่มนี้ คนจีนให้ความสำคัญของปีนี้ว่าจะทำให้เกิดโชคลาภ
ฉลู + มะเส็ง + ระกา – กลุ่มนี้ จะโดดเด่นในเรื่อง อดทน รู้จักปรับตัว
ขาล + มะเมีย + จอ – กลุ่มนี้ ทำอะไรรวดเร็ว กล้าหาญ และ มุ่งมั่น
เถาะ + มะแม + กุล – กลุ่มนี้ เป็นกลุ่มของความนุ่มนวล ละเอียดอ่อน

...
“เข้าใจไม๊...”

“เข้าใจแล้วค่ะ แล้ว ปีมะแม จะคู่กับ ปีมะโรง คิดยังไงพี่...”

“อันนี้ก็ต้องจำเรื่อง ธาตุแล้วหละว่า ธาตุอะไร จะส่งเสริม กับธาตุอะไร อันนี้ยากกว่านะ”

“เอาน่าพี่ สอนก็สอนให้หมด อย่ากั๊ก...”

“เฮ้ย พี่ไม่เคยกั๊กความรู้นะ...”

“อย่างนั้นก็อธิบายเรื่องธาตุมาเร็วๆ”

“เรียนแล้วก็เอาไปใช้ด้วยนะ... พี่อยากให้ใช้กับงาน ไม่ใช่ใช้กับคุ่อย่างนี้เลย...”

“เอาน่าพี่... พอดูได้แล้วก็เจนก็จะประยุกต์ใช้กับงานได้แหละรับรอง...”

“ไม่ค่อยเชื่อขี้หน้าเลยว๊ะ...”

“จริงๆ รับรอง...”

(อ่านต่อฉบับหน้า...)

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)





[ บทความใน At Office ] - [ บทความใน JobsDB.com ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]




 

Create Date : 07 กันยายน 2548    
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:09:00 น.
Counter : 5576 Pageviews.  

ใครว่าเราทำงานที่ไม่ได้สร้างผลกำไรให้บริษัทฯ...

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



คนทำงาน ก็ทำงานทุ่มเทให้กับงาน มีงานมาก็ทำให้เต็มความสามารถ ทำให้งานมีคุณภาพดีที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ มีงานเข้ามา ก็ทำ ทำ ทำ ให้มันเสร็จ แต่เนื่องจากบางหน่วยงาน เป็นหน่วยงานที่ไม่ได้ทำกำไรให้กับบริษัทฯ ดังนั้น จะให้ไป ชูคอ เสนอหน้าอย่างไร ก็ไม่มีผล... มีคนอีกมากมายที่คิดอย่างนี้.. แต่ผมกลับคิดต่างออกไป

ขอยกตัวอย่าง แผนกจัดซื้อ เมื่อมีใบสั่งซื้อ เข้ามา ก็เริ่มจัดแจงให้ Supplier ส่งใบเสนอราคามา หาซื้อเข้ามา ไปเดินที่นั่นที่นี่บ้างเพื่อดูว่าราคาเท่าใด กว่าจะได้ของมาสักอย่างที่ทำให้ถูกใจคนสั่ง หรือ ทำให้คนสั่งพึงพอใจได้นั้น รวมทั้งราคาต้องไม่แพงมากนักมันยากแสนยาก คนสั่งบางคนก็ประเภทระบุสเป๊คมาเลยว่า ต้องเป็น IBM + Intel + … ที่ระบุมาก็คือรุ่นที่ใหญ่ที่สุด เร็วที่สุด ดีที่สุด แพงสุด ระบุมาอย่างไร หากจัดซื้อจัดหาให้อย่างนั้น ดูแล้วง่ายจะตายไป แต่หากจัดซื้อที่มีคุณภาพ จะต้องเลือกสรร พร้อมทั้ง จำกัดการใช้จ่ายให้น้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำได้ เบื้องหลังการทำงานต่างๆเหล่านี้นั้น ประเด็นสำคัญจริงๆของบริษัทฯ คือต้องการฝ่ายจัดซื้อทำตามความต้องการของคนสั่งซื้อ หรือ เพื่อประหยัดให้กับบริษัทฯ

พื้นฐานของบริษัทฯ ทุกๆบริษัทฯ คือต้องการได้กำไรมากที่สุดจากธุรกิจ ซึ่งเมื่อมองถึงคำว่ากำไรแล้ว จะเห็นสูตรตายตัวคุ้นหูคุ้นตากัน คือ

กำไร หรือ ขาดทุน = รายได้ – ค่าใช้จ่าย


จากกำไรของบริษัทฯ ก็จะส่งผลให้ ความเป็นอยู่ของบริษัทฯดีขึ้น พนักงานก็จะมีเงินเดือน และ สวัสดิการดีขึ้น ความมั่นคงในหน้าที่การงานของพนักงานก็มีมากขึ้น มันเป็นผลย้อนกลับมาถึงพนักงานทุกคนในบริษัทฯ และเจ้าตัว “กำไร” นี่ ในความเป็นจริงแล้ว มาจากทุกๆส่วน ทุกๆแผนก ไม่ใช่ได้มาจาก ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย หรือ พนักงานตัวแทนขาย เพราะคนกลุ่มนี้ เป็นเพียงคนที่หา “รายได้” ให้กับบริษัทฯ ซึ่งเป็นหนทางแรกที่จะเห็นว่า จะมี “กำไร” เพิ่มเท่านั้น แต่จากสูตรพื้นฐาน จะเห็นว่า “ค่าใช้จ่าย” ก็มีผลถึงกำไรด้วยเช่นกัน หาก การขายหรือการตลาดทำยอดขายและรายได้มากมาย แต่รายจ่ายก็โตเกินกว่ารายได้ขึ้นมาหละ คำว่า “กำไร” ก็จะกลายเป็น “ขาดทุน” ในทันทีเช่นกัน และนี่ก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยเช่นกัน...

การลดค่าใช้จ่าย หรือ “Save Cost” ก็เลยกลายเป็นสิ่งที่เราจำเป็นต้องได้ยินอยู่บ่อยๆ ไม่ว่าจะเป็นแผนกใด หรือ ส่วนใดๆก็ตาม มันเป็นผลสืบเนื่องมากจากสูตรสมการสั้นๆด้านบนเช่นกัน และ ค่าใช้จ่ายก็เป็นสิ่งเดียวที่ทุกแผนกทุกส่วน มีเหมือนกัน

บางคนอาจจะแย้งว่า จำเป็นต้องใช้ไม่สามารถลดได้... ผมก็เห็นด้วยว่าต้องใช้ แต่การใช้อย่างมีเหตุมีผล หรือ ใช้เท่าที่จำเป็นนั้น หลักการใช้จ่ายที่น่าจะดีที่สุดในความคิดเห็นของผมมีดังนี้


ใช้จ่ายแล้วสามารถมีรายได้เข้ามา หรือ เพิ่มมากขึ้น การได้รายได้เพิ่มจะมาจาก การทำสินค้าได้มากขึ้น การบริการได้มากขึ้น ดีขึ้น ซึ่งจะมีผลทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งการใช้จ่ายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้นี้เป็นหลักการเดียวที่สำคัญที่สุด ในการใช้จ่ายเงินโดยทั่วไปของธุรกิจ ไม่มีใครที่ต้องการลงทุนไปแล้วไม่มีผลกำไรออกมา อาจจะไม่ได้มาทางด้านตัวเงิน แต่อาจจะกลับมาทางด้านชื่อเสียง หรือ เกรียติยศ ก็ได้ อย่างเช่น แผนกการตลาด ทำโฆษณาออกไปเพื่อทำให้บริษัทฯมีตำแหน่งทางการตลาดที่ดีขึ้น หลักใหญ่จะไม่ได้อยู่ที่การขายสินค้าหรือบริการ แต่เป็นการสร้างให้บริษัทฯเป็นที่รู้จักโดยทั่วไป มีชื่อเสียงที่ดีขึ้น เป็นต้น

ใช้จ่ายแล้ว สามารถลดค่าใช้จ่ายทางด้านอื่นได้มากขึ้น เมื่อคำนวนขึ้นมาแล้วคุ้มค่าต่อการจ่ายไป เช่น การซื้อเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อมาจัดเก็บข้อมูล ทำบัญชี หรือ ประมวลผลข้อมูลต่างๆ แทนการใช้คน ซึ่งจะทุ่นแรงงานได้มาก และ ลดค่าใช้จ่ายทางด้านบุคคลากรลงด้วย ซึ่งจะเห็นว่า บริษัทฯ ที่มีมุมมองที่กว้างไกล จะมุ่งเน้นทางด้านระบบคอมพิวเตอร์ หรือ ระบบการจัดการที่มีคุณภาพ เป็นการลงทุนเพื่อลดค่าใช้จ่ายในอนาคตทั้งสิ้น..

ใช้จ่ายเพื่อสร้างให้เกิดคุณค่าทางจิตใจ สามารถผูกมัดจิตใจได้ ค่าใช้จ่ายเหล่านี้ได้แก่ การจัดพาพนักงานไปพักผ่อน การให้ค่าทำศพ หรือ การกุศลต่างๆ การเลี้ยงพระประจำปี การจัดงานปีใหม่ การแจกทองให้กับผู้ทำงานครบ 5 ปี 10 ปี เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่ต้องจ่ายเพื่อให้เกิดความผูกพันธ์ทางใจ ทำให้พนักงานมีกำลังใจ หรือ อยากอยู่กับบริษัทฯไปนานๆ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มีผลให้กับคุณภาพของสินค้าและบริการด้วยเช่นกัน

แต่นั่นแหละ หลักการใช้จ่ายข้างต้นนั้น ก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจว่าหากเห็นสมควรที่ต้องจ่ายก็จ่าย หากไม่ได้ส่งผล หรือ ส่งผลทางตรงข้ามจากข้างต้นแล้ว ก็ให้งดการจ่ายนั้นไป หากทุกส่วนทำได้ ก็จะทำให้บริษัทฯได้กำไรมากขึ้น แต่บางท่านอาจจะเห็นว่า มันก็ไม่มีค่า ไม่มีผลงานอะไรเพิ่มขึ้นมา ในสายตาหัวหน้างาน หรือ เจ้าของ แล้วจะให้ทำอย่างไรดี...

เรื่องทั้งหมดอยู่ที่ การสื่อสารให้เจ้านาย หรือ เจ้าของให้รับทราบถึงแนวทางการตัดสินใจว่าทำสิ่งใดไป ในปัจจุบัน คุณอาจจะ e-Mail หรือ คุณชี้แจงให้เจ้านายหรือเจ้าของโดยตรง ถึงแผนงานไปให้เพื่อให้เขารับทราบถึงผลที่ได้อย่างเป็นรูปธรรมได้ มีการเปรียบเทียบ การใช้จ่ายแบบเก่าๆ กับการใช้จ่ายลักษณะใหม่ที่เราจะทำนั้น มีค่าใช้จ่ายแตกต่างกันเท่าใด มีผลดี ผลเสียอย่างไรบ้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสนับสนุน และ จะทำให้คุณได้คิดอีกรอบถึงผลกระทบต่างๆได้เป็นอย่างดี และการทำอย่างนี้ ก็จะส่งผลให้เป็นผลงานของคุณได้เช่นกัน

เห็นไม๊ครับว่า ไม่จำเป็นว่าคุณต้องอยู่ฝ่ายการตลาด หรือ การขาย คุณก็จะสามารถทำกำไรให้กับบริษัทฯ ได้ โดยเพียงหาวิธี และ แนวทาง ในการใช้จ่ายอย่างคุ้มค่า แจ้งให้เจ้านายรับทราบถึงวิธีการทำ วิธีการคิดเพื่อให้บริษัทฯ ลดค่าใช้จ่าย ซึ่ง ผมคิดว่า อย่างน้อยก็ต้องมีผลดีอะไรบางอย่างจะเกิดกับคุณเช่นกัน ขอให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกันทุกๆคนนะครับ...

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)





[ บทความใน At Office ] - [ บทความใน JobsDB.com ]

[ บทความทั้งหมด ] - [ บทความล่าสุด / สมุดเยี่ยมเยือน ]




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2548    
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:11:35 น.
Counter : 2044 Pageviews.  

1  2  3  4  5  

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.