บริหาร การจัดการ การตลาด พัฒนาตนเอง พัฒนาความคิด กลยุทธ์ ธรรมะ จักรราศี ฯลฯ
จัดตั้งธุรกิจ ปรับปรุงกิจการ | ไขความลับสมองเงินล้าน | การเขียนแผนธุรกิจ | บริหารคน บริหารงาน | พัฒนาความคิด
พระไตรปิฎกฉบับหลวง | แด่องค์กรที่แสนรัก | สุขใจกับเด็กสมาธิสั้น
Group Blog
 
All Blogs
 
ตอนที่ 2 : “ไม่มีผลงานก็จะไล่ออก... เลยหรือ???”

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)



“พี่.. ผมจะให้พนักงานใหม่ออกจากงาน เพราะเขาทำงานได้ไม่ได้เรื่องเลย พี่มีอะไรแนะนำผมบ้างหรือเปล่าครับ....”

วุธ เป็น ลูกน้องเก่าเคยทำงานกันมา เข้ามาปรึกษา ตอนกินเลี้ยงกับลูกค้าซึ่งเขาก็เป็นลูกค้าคนหนึ่ง ...


“เขาเพิ่งเข้ามาทำงานไม่ใช่หรือ..?” ผมพูดให้เขาคิดอีกสักนิดก่อน...

“2 เดือนกว่าแล้วครับ ตั้งแต่เขาเข้ามาทำงาน ผมยังไม่เห็นเขาทำงานคุ้มเงินเดือนเลย...” หน้าตาของวุธแสดงออกถึงความรู้สึกไม่ชื่นชอบนายคนนี้ และ ดูเหมือนย้ำเรื่องปัญหาที่วุธเคยน้อยใจเรื่องเงินเดือนเท่ากันอีกด้วย... แสดงว่าในใจเขาต้องคิดอะไรมากกว่านี้แน่

“ยังไม่ถึง 3 เดือนก็แสดงว่ายังไม่พ้นโปรฯ... จะให้ออกไม่ต้องไล่ออกหรอก แค่ ไม่ผ่านโปรฯ ก็ได้แล้ว แต่เราเอาอะไรมาตัดสินว่าเขาทำงานไม่เต็มที่ ไม่คุ้มเงินเดือน เวลาแค่นี้ ไม่มีผลงานก็จะไล่ออก เลยหรือ?” ผมอยากให้วุธย้อนคิดให้มากๆ เพื่อให้เขาลดอคติในใจออกก่อน

“ก็... ” วุธหยุดคิดเล็กน้อย ก่อนจะตอบว่า “ผมดูจากเขาทำงานไม่ทุ่มเทเหมือนผมแต่ก่อนเลย ทำงานตรงเวลามาก 5 โมงออกเลย...”

“ถ้าเข้าตรงเวลา ออกตรงเวลา พี่ว่าเขาก็ทำถูกต้องนะ... แล้วอะไรที่เขาไม่ทุ่มเทหละ...”

“พี่.. สมัยผมได้เงินเดือนเท่าเขานะ ผมทำงานทุกอย่างที่เจ้านายสั่ง ทำงานจนดึกจนดื่น รายงานต่างๆจะเสร็จให้เจ้านายก่อนทุกครั้ง แต่เขากลับทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม ไปเรื่อยๆ...”
....

หัวหน้างานที่เพิ่งรับตำแหน่ง ส่วนใหญ่ มักจะตัดสินลูกน้องของตนโดยใช้ตนเองเป็นบรรทัดฐาน ต้องทุ่มเท ต้องทำงานได้งานมากๆ ต้องอยู่ดึกๆ หรือ อะไรก็ตามที่หัวหน้างานใหม่เคยทำมาแล้วประสบความสำเร็จ ปัญหาของหัวหน้างานใหม่ส่วนใหญ่มาจากการยึดเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานมากเกินไป ขาดการสอนงาน และ การบอกกล่าวถึงสิ่งที่คาดหวังกับลูกน้อง ทำให้เกิดความไม่เข้าใจกันระหว่างหัวหน้ากับลูกน้องบ่อยครั้ง


“แล้วเขาทำงานตามที่เราสั่งหรือเปล่าหละ..?” ผมถามเพราะดูเหมือนว่าวุธเริ่มจะแตกประเด็นไปเรื่อยๆ...

“ทำครับพี่.. แต่...” วุธเริ่มหาข้อกล่าวหากับพนักงานใหม่..

“พี่จำได้ว่า ตอนที่เราอยู่กับพี่หญิง พี่เขาพร่ำสอนเราเรื่องการให้โอกาส... ซึ่งพี่เขาก็ให้เราได้มีโอกาสเหล่านั้นมาด้วยไม่ใช่หรือ..”

เมื่อเอ่ยถึง พี่หญิง ซึ่งเป็นหัวหน้างานที่รับเราทั้ง 2 คนเข้าทำงานเป็นคนที่ให้โอกาสกับคนใหม่ไฟแรงเสมอๆ ก็จะนึกถึงเหตุการณ์ต่างๆในอดีต สมัยที่ผมเริ่มเป็นผู้จัดการใหม่ๆ


“พี่อยากให้เธอให้โอกาสกับพนักงานใหม่ เหมือนพี่หญิงเคยให้โอกาสเธอ...” วุธเพิ่งจบตอนสมัคงงานกับพี่หญิง แต่พี่หญิงก็รับไว้ทั้งๆที่งานที่วุธทำ ควรจะรับพนักงานที่มีประสบการณ์มากกว่า...

บริษัทฯใหญ่ๆ หรือ บริษัทฯส่วนใหญ่ มักจะรับพนักงานที่มีประสบการณ์ผ่านการทำงานมาแล้ว เพราะหวังว่า ประสบการณ์จากการทำงานที่อื่นมาแล้วนั้น จะช่วยให้งานสามารถทำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ ช่วยลดการสอนงานของบริษัทฯ ซึ่งบางครั้งอาจจะเป็นปัญหามากกว่าการมาสอนงานด้วยตนเอง เพราะ ประสบการณ์แต่ละที่นั้น แตกต่างกัน อีกอย่าง หากไม่มีบริษัทฯใดเลย รับนักศึกษาที่เพิ่งจบการศึกษามาใหม่ๆเข้าทำงาน เขาเหล่านั้นจะมีประสบการณ์ได้อย่างไร การสอนงานพนักงานใหม่ที่เพิ่งจบการศึกษานั้น ดูเหมือนจะต้องเสียเวลา เสียเงินทอง มากกว่าก็จริงอยู่ แต่บริษัทฯ จะได้คนที่มีบุคคลิกและลักษณะการทำงานตามที่ต้องการ มากกว่า คนที่มีประสบการณ์ อีกอย่าง คนเปลี่ยนงานมีหลายลักษณะหลายสาเหตุที่แตกต่างกัน แล้วคุณจะรู้ได้อย่างไรว่า เขาเปลี่ยนงานมาอยู่กับเรานั้นมีสาเหตุที่แท้จริงเป็นเช่นใด? การสอบสัมภาษณ์ไม่ได้ตอบคำถามนี้ได้หมดแน่นอน...


“พี่จำได้ว่า พี่หญิงสั่งให้พี่สอนงานเธอ ดูแล และให้คำแนะนำเธอแบบตัวต่อตัวเลยทีเดียว..”

“ผมจำได้ครับพี่..ไม่มีพี่หญิงกับพี่ก็ไม่มีผมในวันนี้...”

“รู้ไม๊ว่า ทำไม พี่หญิงต้องให้พี่ดูแลเธอเป็นพิเศษ..?” ผมถามโดยอยากทราบว่าเขาวิเคราะห์หาเหตุผลได้หรือยัง

“ก็เพราะพี่รู้เรื่องต่างๆดีกว่าคนอื่นไงครับ” วุธตอบอย่างมั่นใจ..

“พี่ว่าถ้าคนที่รู้เรื่องดีที่สุดน่าจะเป็นพี่หญิง นะ... แต่สาเหตุที่แท้จริง ที่พี่หญิงต้องการจากพี่ คือ พี่เขาต้องการฝึกให้พี่สอนงาน และ ดูแลพนักงานใหม่ให้เป็น ให้เข้าใจจิตใจพนักงานใหม่ ว่า เป็นอย่างไร และ สิ่งที่พี่หญิงต้องการจากเธอ คืออะไรรู้ไม๊...”

“ก็ให้ผมเรียนรู้งาน...จะได้สามารถทำงานให้ได้”

“มันมากกว่านั้น...”

การสอนงานพนักงาน โดยปกติทั่วไปจะเป็นการสอนเพื่อให้ผู้เรียนนั้น ได้เข้าใจและทำตามระบบที่เคยมีมา หากเป็นการสอนเพื่อตนเองจะออกจากงานแล้ว ก็จะสอนเพื่อให้สามารถทำงานต่อได้เท่านั้น แต่หากการสอนงานพนักงานใหม่โดยเจ้านาย หัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงานนั้น นอกจากจะเป็นการถ่ายทอดความรู้และวิธีในการทำงานแล้ว ยังมีการถ่ายทอด พฤติกรรม แนวความคิด รวมทั้ง การถ่ายทอดวัฒนธรรมองค์กร ให้กับพนักงานใหม่ด้วย เพราะผู้สอนหรือผู้ถ่ายทอดนั้น จะพยายามให้ผู้เรียนเข้าใจความเป็นไปของแต่ละขั้นตอน เข้าใจหัวหน้างาน เข้าใจระบบงาน เข้าใจสิ่งที่เจ้านายต้องการ สิ่งเหล่านั้น เมื่อสอดแทรกเข้าไปจะสามารถทำนายอนาคตของพนักงานที่เรียนงานได้เลยว่า เขาจะมีอนาคตเช่นใด ไม่ใช่เพียงคนรับการสอนที่สำคัญ ผู้ให้การฝึกสอนอบรมก็เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งเช่นกันที่จะปูพื้นฐานอนาคต และ ทัศนคติให้กับพนักงานใหม่ หากผู้ให้การฝึกอบรม มีทัศนคติที่ดีกับงาน ก็จะทำให้พนักงานที่ฝีกออกมามีทัศนคติที่ดีกับงาน ทุ่มเทให้กับงาน แต่หากผู้ให้การฝีกอบรมเพียงต้องการปัดงานให้พ้นตัวแล้ว งานก็จะได้การถ่ายทอดจริง แต่คนเรียนจะไม่ลึกซึ้งกับงานที่ได้รับ กว่าจะเข้าใจ กว่าจะสามารถพลิกแพลงระบบงานได้ ก็ต้องใช้เวลานาน หากอยู่ไม่ทนก็จะต้องสอนคนใหม่ไปเรื่อยๆ ความรู้ที่ถ่ายทอดก็จะน้อยลงเรื่อยๆ.. นี่อาจจะทำให้องค์กรเกิดปัญหาต่อเนื่องในระยะยาวได้เช่นกัน... เป็นสิ่งที่ต้องระวังอย่างมาก...


“อย่างนี้ผมก็ผิดเหมือนกันนะครับ ผมลืมคิดเรื่องพวกนี้ไปเลย มัวแต่ให้คนที่จะออกจากงานเป็นคนอบรมพนักงานคนนี้... ตัวผมไม่มีเวลาสอนเขา...”

“พี่ว่า พนักงานใหม่ทุกคน ก็ตั้งใจทำงาน เพียงแต่เขามีความรู้ความเข้าใจในงานมากน้อยเพียงใด การอบรมพนักงานใหม่นั้น สำคัญอย่างยิ่ง พอๆกับ การตรวจวัดคุณภาพและปริมาณของงานที่เขาทำ”

“แล้วอย่างนี้ พี่ว่าผมจะทำอย่างไรดีครับ...”

“ใช้เวลาที่เหลืออีกเดือนนึง ในการสอนงาน และ ปรับปรุงงานของเขา ให้เขาเข้าใจทุกอย่างที่เขาทำ ทุ่มเวลาให้เขามากกว่านี้ แล้วมาดูว่าเขาสามารถทำงานได้ดีขึ้น มีแนวโน้มเป็นพนักงานที่ดีสำหรับองค์กรหรือไม่อย่างไร แล้วค่อยมาตัดสินกันในช่วงโค้งสุดท้ายของการทดลองงาน ว่าจะอยู่หรือจะไปดีไม๊...”

“เอาอย่างนี้หรอพี่ แต่..” วุธทิ้งหางเสียง.. เหมือนกับว่ากำลังมีคำถามในใจ...

“พี่ว่าเธอเป็นห่วงเรื่องเวลาที่จะให้เขา ใช่ไม๊...”

“ใช่ครับพี่... ผมเป็นห่วงเรื่องนี้จริงๆ.. งานตอนนี้มันเยอะมาก และ ยุ่งมากๆ ด้วยสิครับ...”

“อันนี้มันขึ้นกับตัวเธอเองแล้ว ว่าจะจัดสรรเวลาในการทำงานกับการสอนงานอย่างไร”

“แล้วตอนที่พี่สอนงานผม พี่เจอปัญหาเรื่องการจัดเวลาการทำงานกับการสอนผมหรือเปล่าครับ...” เจ้าวุธมันย้อนถามผม ซึ่งผมกำลังต้อนให้วุธจนมุม แต่มันโยนกลับมาให้ผมตอบ.. ดูมันทำ...

“นั่นเป็นแบบทดสอบที่พี่หญิงให้พี่จัดการเรื่องเวลาของตนเอง... ตอนนั้นบอกตรงๆว่า เหนื่อย.. ไม่ค่อยอยากสอนสักเท่าไหร่” วุธมองหน้าผมเหมือนคาดคั้น..จะให้ผมบอกเรื่องการบริหารเวลาในตอนนั้นให้ได้...

“ไปคุยกับพี่หญิง ก็โดนนั่งแช่เย็นในห้องพี่หญิงเกือบ 2 ชั่วโมง... ”

“พี่หญิง เทศน์ เรื่องอะไรหรือครับ....”

โดย วิบูลย์ จุง : Wiboon Joong (wbj)





Create Date : 28 ธันวาคม 2547
Last Update : 24 สิงหาคม 2551 13:19:43 น. 0 comments
Counter : 1662 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

wbj
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 210 คน [?]




ต้องการสอบถาม กรุณาติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com หรือ 062 641 5992, 062 826 1544

วิทยากรเชิงกิจกรรม

วิทยากรกระบวนการ

ที่ปรึกษาธุรกิจ

ด้านการบริหารจัดการ

การตลาดและการประชาสัมพันธ์

การบริหารทรัพยากรมนุษย์

การวางแผนกลยุทธ์

วิจัยธุรกิจ

IT Dashboard



ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้...
ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย
และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด



<< Main Menu >>



ดวงถาวร


ดวงตามวันเกิด



ดวงตามปีเกิด






;b[^]pN 06' ไรินนื ่นนืเ "รินนื ๋นนืเ c:j06'

ต้องการสอบถาม โทร 062-641-5992, 062-826-1544
ติดต่อทางเมล์ที่ wbjoong@gmail.com
Line ID : wbjoong

ที่ปรึกษาธุรกิจ ด้านการบริหารจัดการ การตลาดและการประชาสัมพันธ์ การบริหารทรัพยากรมนุษย์ และ การวางแผนกลยุทธ์ วิทยากรเชิงกิจกรรม, วิทยากรกระบวนการ นักวิจัยการดำเนินงานธุรกิจ Executive & Management Coach

ไม่ได้ ไม่มี ไม่ดี ไม่ได้... ต้องได้ ต้องดี ต้องมี ต้องง่าย และ ทำให้ดีกว่าดีที่สุด
<< Main Menu >>
Friends' blogs
[Add wbj's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friends


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.