ก็แค่Weblogดองๆทำเล่นไปเรื่อยแหละน่าของกรรมกรกระทู้ลงชื่อและเมล์ที่Blogนี้สำหรับผู้ที่ต้องการGmailครับ
เข้ามาแล้วกรุณาตอบแบบสอบถามว่าคุณตั้งหน้าตั้งตาเก็บเนื้อหาในBlogไหนของผมบ้างนะครับ
รับRequestรูปCGการ์ตูนไรท์ลงแผ่นแจกจ่ายครับ
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter

เข้ามาเยี่ยมแล้วรบกวนลงชื่อทักทายในBlogไหนก็ได้Blogหนึ่งพอให้ทราบว่าคุณมาเยี่ยมแล้วลงสักหน่อยนะอย่าอายครับถ้าคุณไม่ได้เป็นหัวขโมยเนื้อหาBlog(Pirate)โจทก์หรือStalker

ความเป็นกลางไม่มีในโลก มีแต่ความเป็นธรรมเท่านั้นเราจะไม่ยอมให้คนที่มีตรรกะการมองความชั่วของ มนุษย์บกพร่อง ดีใส่ตัวชั่วใส่คนอื่น กระทำสองมาตรฐานและเลือกปฏิบัติได้ครองบ้านเมือง ใครก็ตามที่บังอาจทำรัฐประหารถ้าไม่กลัวเศรษฐกิจจะถอยหลังหรือประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ได้เจอกับมวลมหาประชาชนที่ท้องสนามหลวงแน่นอน

มีรัฐประหารเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ขอให้มวลมหาประชาชนผู้รักประชาธิปไตยทุกท่าน จงไปชุมนุมพร้อมกันที่ท้องสนามหลวงทันที

พรรคการเมืองนะอยากยุบก็ยุบไปเลย แต่ึอำมาตย์ทั้งหลายเอ็งไม่มีวันยุบพรรคในหัวใจรากหญ้ามวลมหาประชาชนได้หรอก เสียงนี้ของเราจะไม่มีวันให้พรรคแมลงสาปเน่าๆไปตลอดชาติ
เขตอภัยทาน ที่นี่ไม่มีการตบ,ฆ่าตัดตอนหรือรังแกเกรียนในBlogแต่อย่างใดทั้งสิ้น
อยากจะป่วนโดยไม่มีสาระมรรคผลปัญญาอะไรก็เชิญตามสบาย(ยกเว้นSpamไวรัสโฆษณา มาเมื่อไหร่ฆ่าตัดตอนสถานเดียว)
รณรงค์ไม่ใช้ภาษาวิบัติในโลกinternetทั้งในWeblog,Webboard,กระทู้,ChatหรือMSN ถ้าเจออาจมีลบขึ้นอยู่กับอารมณ์ของBlogger
ยกเว้นถ้าอยากจะโชว์โง่หรือโชว์เกรียน เรายินดีคงข้อความนั้นเพื่อประจานตัวตนของโพสต์นั้นๆ ฮา...

ถึงอีแอบที่มาเนียนโพสต์โดยอ้างสถาบันทุกท่าน
อยากด่าใครกรุณาว่ากันมาตรงๆและอย่าได้ใช้เหตุผลวิบัติประเภทอ้างเจตนาหรือความเห็นใจ
ไปจนถึงเบี่ยงเบนประเด็นไปในเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันฯเป็นอันขาด

เพราะการทำเช่นนี้รังแต่จะทำให้สถาบันฯเกิดความเสียหายซะเอง ผมขอร้องในฐานะที่เป็นRotational Royalistคนหนึ่งนะครับ
มิใช่Ultra Royalistเหมือนกับอีแอบทั้งหลายทุกท่าน

หยุดทำร้ายประเทศไทย หยุดใช้ตรรกะวิบัติ รณรงค์ต่อต้านการใช้ตรรกะวิบัติทุกชนิด แน่นอนความรุนแรงก็ต้องห้ามด้วยและหยุดส่งเสริมความรุนแรงทุกชนิดไม่ว่าทางตรงทางอ้อมทุกคนทุกฝ่ายโดยเฉพาะพวกสีขี้,สื่อเน่าๆ,พรรคกะจั๊ว,และอำมาตย์ที่หากินกับคนที่รู้ว่าใครต้องหยุดปากพล่อยสุมไฟ ไม่ใช่มาทำเฉพาะเสื้อแดงเท่านั้นและห้ามดัดจริต


ใครมีอะไรอยากบ่น ก่นด่า ทักทาย เชลียร์ เยินยอ ไล่เบี๊ย เอาเรื่อง คิดบัญชี กรรมกรกระทู้(ยกเว้นSpamโฆษณาตัดแปะรำพึงรำพัน) เชิญได้ที่ My BoardในMy-IDของกรรมกรที่เว็ปเด็กดีดอทคอมนะครับ


Weblogแห่งนี้อัพแบบรายสะดวกเน้นหนักในเรื่องข้อมูลสาระใช้ประโยชน์ได้ในระยะยาว ไม่ตามกระแส ไม่หวังปั่นยอดผู้เข้าชม
สำหรับขาจรที่นานๆเข้ามาเยี่ยมสักที Blogที่อัพเดตบ่อยสุดคือBlogในกลุ่มการเมือง
กลุ่มหิ้งชั้นการ์ตูนหัวข้อรายชื่อการ์ตูนออกใหม่รายเดือนในไทย
และรายชื่อการ์ตูนออกใหม่ที่ญี่ปุ่นในตอนนี้

ช่วงที่มีงานมหกรรมและสัปดาห์หนังสือแห่งชาติประจำครึ่งปี(ทวิมาส)จะมีการอัพเดตBlogในกลุ่มห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญา
และหิ้งชั้นการ์ตูนของกรรมกรกระทู้


Hall of Shame กรรมกรมีความภูมิใจที่ต้องขอประกาศหน้าหัวนี่ว่า บุคคลผู้มีนามว่า ปากกาสีน้ำ......เงิน หรือ กลอน เป็นขาประจำWeblogแห่งนี้ที่เสพติดBlogการเมืองและใช้เหตุวิบัติอ้างเจตนาในความเกลียดชังแม้วเหลี่ยมและความเห็นใจในสถาบัน เบี่ยงประเด็นในการแสดงความเห็นเป็นนิจ ขยันขันแข็งแบบนี้เราจึงขอขึ้นทะเบียนเขาคนนี้ในหอเกรียนติคุณมา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

Group Blog
นิยายดองแต่งแล่นบันทึกการเดินทางของกรรมกรกระทู้คำทักทายกับสมุดเยี่ยมพงศาวดารมหาอาณาจักรบอร์ดพันทิพย์สาระ(แนว)วงการการ์ตูนมารยาทในสังคมออนไลน์ที่ควรรู้แจกCDพระไตรปิฎกฟรีรวมเนื้อเพลงดีๆจากดีเจกรรมกรกระทู้รวมแบบแผนชีวิตของกรรมกรกระทู้ชั้นหิ้งการ์ตูนของกรรมกรกระทู้ภัยมืดของโลกออนไลน์เรื่องเล่าในโอกาสพิเศษห้องสมุดรวมสาระอุดมปัญญาของกรรมกรกระทู้กิจกรรมของกรรมกรกระทู้กับInternetคุ้ยลึกวงการบันเทิงโทรทัศน์ตำราพิชัยสงครามซุนวูแฟนพันธ์กูเกิ้ลหน้าสารบัญคลังเก็บรูปกล่องปีศาจ(ขอPasswordได้ที่หลังไมค์)ลูกเล่นเก็บตกจากเน็ตสาระเบ็ดเตล็ดรู้จักกับงานเทคนิคการแพทย์ของกรรมกรรวมภาพถ่ายโดยช่างภาพกรรมกรรวมกระทู้ดีๆการเมือง1กรรมกรกับโรคAspergerรวมกระทู้ดีๆการเมือง2ความเลวของสื่อความเลวของพรรคประชาธิปัตย์ความเลวของอำมาตย์ศักดินาข้อมูลลับส่วนตัวกรรมกรที่ไม่สามารถเผยได้ในการทั่วไปข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายรวมบทความเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเงินเจาะฐานการเมืองท้องถิ่น

ถึงผู้ที่ต้องการขอpasswordกล่ิองปีศาจหรือFollowing Userใต้ดินเพื่อติดตามข่าวการอัพเดตกล่องปีศาจและดูpasswordมีเงื่อนไขว่ากรุณาแจ้งอายุ ระดับการศึกษาหรืออาชีพการงาน และอำเภอกับจังหวัดของภูมิลำเนาที่คุณอยู่ เป็นการแนะนำตัวท่านเองตอบแทนที่ผมก็แนะนำตัวเองในBlogไปแล้วมากมายกว่าเยอะ อีกทั้งยังเก็บรายชื่อผู้เข้ามาเยี่ยมGroup Blogนี้ไปด้วย
ถ้าอยากให้คำร้องขอpasswordหรือการFollowing Userใต้ดินผ่านการอนุมัติขอให้อ่านBlogข้างล่างนี่นะครับ
ข้อแนะนำการเขียนProfileส่วนตัว

อยากติดตั้งแถบโฆษณาแนวนอน ณ ที่ตรงนี้จังเลยพับผ่าสิเมื่อไหร่มันจะยอมให้ใช้Script Codeได้นะเนี่ย เพราะคลิกโฆษณาที่ได้มาตอนนี้ได้มาจากWeblogของผมที่Exteen.comซึ่งทำได้2-4คลิกมากกว่าที่นี่ซึ่งทำได้แค่0-1คลิกซะอีก ทั้งๆที่ยอดUIPที่นี่เฉลี่ยที่400กว่าแต่ของExteenทำได้ที่200UIP ไม่ยุติธรรมเลยวุ้ยน่าย้ายฐานจริงๆพับผ่า
เนื่องจากพี่ชายของกรรมกรแนะนำW​eb Ensogoซึ่งเป็นWebขายDeal Promotion Onlineสุดพิเศษ ซึ่งมีอาหารและของน่าสนใจราคาถูกสุดพิเศษให้ได้เลือกกัน ใครสนใจก็เชิญเข้ามาลองชมดูได้ม​ีของแบบไหนที่คุณสนใจบ้าง

ยักยอกเงินบริจาควัด ปาราชิก แต่ ไม่ยอมสึก???

สังคมโต๊ะศาสนาเมื่อศิษย์วัดพระธรรมกายพยายามละเมิดสิทธิ์และนี่คือความจริงจากชาวศาสนา
ข้อเท็จจริงกรณีวัดพระธรรมกาย เพื่อเป็นการป้องกันผู้มาใหม่และผู้ยังไม่ทราบ จึงขอนำข้อเท็จจริงมาลงไว้เพื่อเป็นประโยชน์ในปัจจุบันและอนาคตต่อไป

ยักยอกเงินบริจาควัด ปาราชิก แต่ ไม่ยอมสึก???

ศาล สั่งจำหน่ายคดีวัดพระธรรมกาย หลัง อสส.ยื่นคำร้อง ขอถอนฟ้อง“พระธัมมชโย” กับศิษย์ ฐานยักยอกเงินบริจาควัดกว่า 35 ล้าน ยกเหตุจำเลยคืนเงินวัดกว่า 950 ล้าน ทั้งยังเผยแผ่ศาสนาตามพระไตรปิฎก ตามพระลิขิตพระสังฆราชแล้ว ขณะที่คดีธรรมกายอีก 3 สำนวน อัยการพร้อมยุติคดีสั่งไม่ฟ้อง

เมื่อ วันที่ 22 สิงหาคม ศาลโดยนายสุนพ กีรติยุติ ผู้พิพากษาอาวุโส และองค์คณะ ออกนั่งบัลลังก์ มีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องในคดีดำหมายเลขที่11651/2542 และคดีดำหมายเลข 14735/2542 ที่ พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระไชยบูลย์ ธัมมชโย หรือนายไชยบูลย์ สิทธิพล อายุ 62 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และนายถาวร พรหมถาวร อายุ 57 ปี ลูกศิษย์คนสนิท เป็นจำเลยที่ 1-2

ทั้ง นี้ เป็นความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังเอาทรัพย์นั้นเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยทุจริต และโดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น

โดย ร่วมกันยักยอกทรัพย์ และเงินบริจาคของวัดพระธรรมกาย จำนวน 6.8 ล้านบาท ไปซื้อที่ดินเขาพนมพา ต.หนองพระ อ.วังทรายมูล จ.พิจิตร โดยโอนกรรมสิทธิ์ใส่ชื่อนายถาวร จำเลยที่ 2
และเงินจำนวน 29,877,000 บาท ไปซื้อที่ดินเนื้อที่ 902 ไร่เศษ ต.หนองพระ อ.วังทรายพูน จ.พิจิตร และ ต.ท่าข้าม อ.ชนแดน จ. เพชรบูรณ์ โอนกรรมสิทธิ์ให้จำเลยที่ 2

คดีนี้ เรืออากาศโทวิญญู วิญญกุล อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 5 ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาล เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2549 สรุปว่า ตามที่โจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2542 และวันที่ 16 ธันวาคม 2542 ตามลำดับ โดยกล่าวหาว่า จำเลยทั้งสองกับพวกที่ยังไม่ได้ตัวมาฟ้องร่วมกันกระทำผิด

โจทก์ขอ เรียนว่า การดำเนินคดีนี้สืบเนื่องจากจำเลยที่ 1 กับพวก ไม่ปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ที่มีว่า ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสั่งสอน โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือนแตกแยกออกไปกลายเป็นสองฝ่าย มีความเข้าใจความเชื่อถือ พระพุทธศาสนาตรงกันข้าม เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำให้สงฆ์แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการทำที่ถูกต้องคือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที ไม่ได้คิดให้มีโทษเพราะคิดในแง่ยกประโยชน์ให้ว่า ในชั้นต้นหากมิใช่มีเจตนาถือเอาสมบัติของวัดเป็นของตนจริงๆ แต่ เมื่อถึงอย่างไรก็ไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะที่เป็นพระคืน ให้แก่วัด ก็แสดงชัดแจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะโดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอม เป็นพระด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสียให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา

บัดนี้ข้อ เท็จจริงในการเผยแผ่คำสอน ปรากฏจาก อธิบดีกรมการศาสนา ผู้อำนวยการสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เลขาธิการมหาเถรสมาคม และ เจ้าคณะภาค 1 ว่า ในปัจจุบันจำเลยที่ 1 กับพวก ได้เผยแผ่พระพุทธศาสนา ตรงตามพระไตรปิฎก และนโยบายของคณะสงฆ์??? ด้วยการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ทำให้เป็นที่ยอมรับทั่วไป ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งได้ให้ความร่วมมือช่วยเหลือกิจการของศาสนา ทั้งของคณะสงฆ์ ภาครัฐ และเอกชนจำนวนมาก

สำหรับในด้านทรัพย์สินนั้น ปรากฏว่า จำเลยที่ 1 กับพวก ได้มอบทรัพย์สินทั้งหมด ซึ่งมีทั้งที่ดินและเงินจำนวน 959,300,000 บาท คืนให้แก่วัดพระธรรมกาย การกระทำดังกล่าวของจำเลยที่ 1 กับพวก จึง เป็นการปฏิบัติตามพระลิขิตของสมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ครบถ้วนทุกประการแล้ว???

ขณะเดียวกัน ขณะนี้บ้านเมืองต้องร่วมกันสร้างความสามัคคีของคนในชาติทุกหมู่เหล่า เห็นว่าหากดำเนินคดีกับจำเลยทั้งสองต่อไป อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในศาสนจักร โดยเฉพาะพระภิกษุ สามเณร และประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ที่นับถือศาสนาพุทธ และไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณะ

อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้องคดี นี้ ดังนั้น โจทก์จึงขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองในคดีนี้ทุกข้อกล่าวหา ขอศาลโปรดอนุญาต เมื่อศาลได้สอบถามว่าจำเลยทั้งสองจะคัดค้านหรือไม่ ซึ่งจำเลยทั้งสองแถลงว่า ไม่คัดค้าน พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ก่อนศาลมีคำพิพากษา โดยอ้างเหตุดังข้างต้น เมื่อจำเลยทั้งสองไม่คัดค้านที่โจทก์ถอนฟ้อง จึงมีเหตุสมควรที่ศาลจะอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยทั้งสอง ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 35 ศาลจึงอนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยทั้งสองและจำหน่ายคดีของโจทก์ออกจากสารบบความ ของศาลอาญา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้ได้มีการสืบพยานโจทก์เสร็จสิ้นแล้ว อยู่ระหว่างการสืบพยานจำเลย ซึ่งที่ผ่านมามีการสืบพยานไปแล้วเกือบ 100 ครั้ง เหลือการสืบพยานอีกเพียง 2 ครั้ง ในวันที่ 23-24 สิงหาคม นี้ นายอรรถพล ใหญ่สว่าง อธิบดีอัยการคณะกรรมการอัยการ ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด กล่าวว่า การถอนฟ้องคดีก่อนศาลจะมีคำพิพากษา สามารถทำได้ ซึ่งในอดีตอัยการสูงสุด เคยยื่นคำร้องขอถอนฟ้องแล้วเช่น ความผิด พ.ร.บ.ป่าสงวนแห่งชาติ คดีกบฏ ผู้ก่อการร้าย

สำหรับคดียักยอกทรัพย์วัดพระธรรมกาย ที่อัยการยื่นฟ้องต่อศาลอาญามีเพียง 2 คดีเท่านั้น คงเหลือสำนวนคดียักยอกทรัพย์ที่รอการสั่งคดีในชั้นอัยการอีก 3 สำนวน ได้แก่
- 1.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ นางกมลศิริ คลี่สุวรรณ และนายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา ซึ่งถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันเบียดบังนำเงินวัดจำนวน 95 ล้านบาทเศษไปซื้อที่ดิน
- 2.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ นางสงบ ปัญญาตรง นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และนายชาญวิทย์ ชาวงษ์ ลูกศิษย์คนสนิท เป็นผู้ต้องหา เบียดบังเงินจำนวน 845 ล้านบาทเศษ และ
-3.คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ร่วมกับนายเทิดชาติ ศรีนพรัตน์ นายมัยฤทธิ์ ปิตะวนิค และนางอมรรัตน์ สุวิพัฒน์ หรือสีกาตุ้ย ลูกศิษย์คนสนิท ผู้ต้องหา ร่วมกันปลอมแปลงเอกสารและสนับสนุนเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติ หน้าที่โดยมิชอบ

โดยเมื่ออัยการสูงสุดมีนโยบายให้ถอนฟ้อง การสั่งคดีของพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 5 ก็จะต้องมีความเห็นให้ยุติการสั่งคดีไว้ เนื่องจากการดำเนินคดีจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ ทั้งนี้เป็นไปตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ.2547 ข้อ 78 และ 128 โดยเมื่อยุติการสั่งคดีก็ต้องถือว่าคดีนี้สิ้นสุดลงตามกระบวนการทางกฎหมาย ทันที ซึ่งจำเลยทั้งสองได้คืนที่ดินและเงินที่ก่อความเสียหายรวมมูลค่า 959,300,000 บาท ให้แก่วัดพระธรรมกายแล้ว


พระอักษร สมเด็จพระสังฆราช

ฉบับที่ ๑
๑. หากพระรูปใด บิดเบือนพระธรรม กล่าวหาพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำ สงฆ์ให้แตกแยกเป็น 2 ฝ่ายถือเป็นกรรมหนักสุด ทางศาสนาเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้ง ปัจจุบันและอนาคตที่หนัก
๒. พระรูปใด ได้ทรัพย์สิน ระหว่างที่บวชเพื่อความถูกต้อง ก็ต้องโอน สมบัติทั้งหมดเป็นของวัด

ฉบับที่ ๒
" ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสอน โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไปกลายเป็นสอง มีความเข้าใจความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้ามเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา ทำสงฆ์ให้แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก ส่วนที่มิใช่เป็นการลงโทษ แต่เป็นการกระทำที่ถูกต้อง คือ ต้องมอบสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดทันที การไม่ยอมคืนสมบัติให้วัด ในขั้นต้นอาจมิใช่มีเจตนาถือเอาเป็นของตน แต่เมื่อถึงอย่างไร ก็ยังไม่ยอมมอบคืนสมบัติทั้งหมดที่เกิดขึ้นในขณะเป็นพระให้แก่วัดก็แสดงชัด แจ้งว่าต้องอาบัติปาราชิก ต้องพ้นจากความเป็นสมณะ โดยอัตโนมัติ ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เช่นเดียวกับผู้ไม่ใช่พระปลอมเป็นพระ ด้วยการนำผ้ากาสาวพัสตร์ไปครอง ทำความเศร้าหมองเสื่อมเสีย ให้เกิดแก่สงฆ์ในพระพุทธศาสนา "

ฉบับที่ ๓
"การโกงสมบัติผู้อื่น ตั้งแต่ 5 มาสกขึ้นไปคือประมาณไม่ถึง 300 บาทในปัจจุบัน ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิกฐานผิดพระธรรมวินัยพ้นจากความเป็นพระทันที ในกรณีนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้รู้เห็นหรือไม่ ไม่ว่าจะมีการสั่งให้สึก ไม่ว่าจะมีการจับสึกหรือไม่ก็ตาม ภิกษุผู้ละเมิดพระธรรมวินัยข้อนี้ต้องอาบัติปาราชิก พ้นจากความเป็นพระโดยอัตโนมัติ ที่ประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรก็เพื่อเตือนให้รู้ทั่วกันว่า ผู้ต้องอาบัติปาราชิกนั้นไม่ใช่พระในพุทธศาสนา เป็นเพียงผู้นำผ้ากาสาวพัตร์ไปครอง เป็นพระปลอม ต่อจากนั้นย่อมเป็นหน้าที่โดยตรงของผู้รักษากฎหมาย หรือของผู้มีหน้าที่ในการพุทธศาสนา จะต้องรักษาพระพุทธศาสนาไม่ให้มีพระปลอมมาทำลาย ทำให้เสื่อมเสีย เช่นที่ผู้รักษากฎหมายเคยทำมาแล้ว เคยบังคับให้เป็นผู้ปลอมเป็นพระ ถอดผ้ากาสาวพัตร์ออกจากตัว การปฏิบัติต่อพระปลอมต้องไม่มีแตกต่างกัน ต้องไม่มียกเว้นว่า คนนั้นปลอมได้คนนี้ปลอมไม่ได้ เป็นพระปลอมมีอยู่ในพุทธศาสนาไม่ได้ทั้งนั้น ประกาศนั้นเป็นคำบอกเล่าเป็นคำเตือนให้รู้ เป็นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยวข้องกับมหาเถรฯไม่บังคับให้เชื่อ ไม่บังคับใครให้ทำอะไร แสดงความถูกผิดให้ปรากฏอยู่เท่านั้น ในฐานะที่เป็นประมุขแห่งสงฆ์ในพระพุทธศาสนา จึงต้องทำหน้าที่ส่วนตนให้เรียบร้อยถูกต้อง บอกความจริงด้วยความหวังดีมิได้บังคับ จงเข้าใจทั่วกัน"

ฉบับที่ ๔
" ในกรณีเกี่ยวกับ เรื่องวัดพระธรรมกาย เราได้ทำหน้าที่ของสมเด็จพระสังฆราชสมบูรณ์ตามอำนาจแล้ว จึงไม่มีอะไรจะพูดอีกขณะนี้ ขออนุโมทนาทุกท่านที่สนใจห่วงใยพระพุทธศาสนา แสดงความเป็นคนดี ด้วยมีกตัญญูกตเวทิตาธรรม "

ฉบับที่ ๕
" ได้แจ้งให้เป็นที่เข้าชัดเจนดีทั่วกันแล้วก่อนหน้านี้ ว่าในตำแหน่งผู้เป็นสมเด็จพระสังฆราช สกลสังฆปริณายก ได้ทำหน้าที่เกี่ยวกับเรื่องอดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย เพื่อเทิดทูนรักษาพระพุทธศาสนาให้พ้นถูกทำลาย สมบูรณ์ดีที่สุดแล้วตามอำนาจท่านกรรมการมหาเถรสมาคมทั้งหลายจะทำอะไรต่อไป ตามความต้องการ จะไม่มานั่งฟังรับรู้ในที่ประชุมวันนี้ ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2542 "

สะเก็ดข่าวศาสนาตลอดปี 2549 โดย...ปี้ส่าง

อัยการสูงสุดถอนฟ้องธัมมชโย

เป็น ข่าวใหญ่โตสุดท้ายก่อนอวสานรัฐบาลทักษิณ ถูกจัดเรตติ้งเป็นข่าวดังอันดับ 2 ของประเทศไทย ในปี 49 ความดังที่ว่านี้มีหลายสาเหตุ ทั้งจากเหตุที่ท่านธัมมชโยเป็นเจ้าอาวาสวัดที่ทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศไทย มีทรัพย์สินมากที่สุดถึงหลายหมื่นล้าน กิ่งก้านสาขาก็มากมายทั้งในและต่างประเทศ มีการออกนิตยสาร สื่อสาร เว๊บไซต์ แม้กระทั่งมีดาวเทียมเป็นของตนเอง พระธัมมชโยไม่ต้องอาศัยใครช่วยโฆษณาก็สามารถออกอากาศได้ตามใจปรารถนา ศาสนิกหรือก็ล้นวัด ขนาดว่าที่ดินนับพันๆ ไร่ที่ซื้อไว้นั้น เชื่อไหมว่าจัดงานใหญ่เข้าจริงๆ ปรากฏว่า "ไม่พอจอดรถ" ถ้าไม่มีชนักติดหลังเรื่อง สร้างสัทธรรมปฏิรูปเมื่อปี 2542 แล้วละก็ ธัมมชโยคงลอยไกลไปจนถึงระดับสันตะปาปาแห่งนครรัฐวาติกันนั่นทีเดียว แต่โบราณว่า ถ้าบุญญาวาสนาไม่ถึงก็อย่าเขย่งเท้าเดินเลย ปวดเสียเปล่า ประเดี๋ยวเขาก็รู้ว่าหมู่หรือจ่า ดังนั้น เรื่องนี้ต้องขยาย...

กล่าว กันตามที่เห็นและเป็นไป ปี้ส่างมิได้มีอคติกับท่านธัมมชโยเป็นการเฉพาะ ผลงานการสร้างวัดก็ดี สำนักเรียนก็ดี หนังสือหนังหาก็ดี ที่วัดพระธรรมกายทำออกมานั้น ยอมรับว่าดูดีกว่าผลงานของวัดในประเทศไทยหลายหมื่นวัด อาจจะรวมทั้งวัดบวรนิเวศวิหาร วัดมหาธาตุ วัดสระเกศ พวกนี้ด้วย แต่ที่ต้องออกมาตราหน้าอย่างรุนแรง ก็เพราะพฤติกรรมของคณะวัดพระธรรมกาย ต่อกรณี ที่พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) วัดญาณเวศกวัน นครปฐม ท่านได้ออกเอกสารชี้แจงกรณีที่วัดพระธรรมกายได้ออกเอกสารระบุว่า "พระนิพพานเป็นอัตตา" นั่นแหละ

ในฐานะที่พระธัมมชโยเป็นถึงพระราชา คณะเจ้าอาวาสมีพระมากที่สุดในประเทศไทย ได้รับการยอมรับในระดับสากลว่า "เป็นนักปราชญ์" ในทางพระศาสนาด้วยผู้หนึ่ง ซึ่งคุณสมบัติดังว่ามานี้ เมื่อมีหนังสือท้วงติงจาก พระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์ ซึ่งท่านได้เขียนอย่างสุภาพ ยกหลักฐานต่างๆ ทั้งในพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา เป็นต้น มาเทียบเคียงเพื่อให้สาธุชนได้ใช้ตรวจสอบลัทธิธรรมกาย ตอนนั้น เราคาดหวังว่าจะได้เห็น "การชี้แจงอย่างสุภาพเหมาะสมกับภูมินักปราชญ์เจ้าสำนักใหญ่ระดับโลกของ
พระธัมมชโย"

แต่ เปล่าเลย ธัมมชโยนอกจากจะมุดหัวอยู่แต่ในกุฏิ ไม่ยอมชี้แจงแถลงไขในเรื่องที่ตัวเองกระทำลงไปแล้ว ยังให้สมุนบริวารออกเอกสารโจมตีพระเดชพระคุณพระพรหมคุณาภรณ์อย่างข้างๆ คูๆ ใช้นามแฝงว่า "ชมรมสามเหล่าทัพ" บ้าง ว่า "ดร.เบญจ์ บาระกุล" บ้าง ส่วนตัวเองนั้นก็ใส่แว่นตาดำนั่งรถเข็นไปขึ้นศาล อ้างว่าป่วย ! แสดงความอ่อนแอให้คนเห็นในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติเกี่ยวกับตัวเองและสำนัก เรียน ไม่มีความองอาจ ขาดความเป็นนักปราชญ์หรือผู้ดี ไม่มีการกระทำอย่างลูกผู้ชาย นี่แหละคือตัวจริงเสียงจริงของธัมมชโย ซึ่งต้องกับโบราณภาษิตที่ว่า "สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ" แต่สถานการณ์สำหรับธัมมชโยนั้นกลับกลายเป็นสร้าง "โมฆบุรุษ" ไปอย่างที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึก

หลังจากตะลอนขึ้นศาลสงฆ์และศาล อาญามาตั้งแต่ปี 2542นั้น ธัมมชโยก็ให้เหล่ากัลยาณมิตรวัดพระธรรมกายออกมาส่งเสียง "ขอความเป็นธรรม" เป็นระยะๆ อ้างว่าทำคุณงามความดีเพื่อประเทศชาติศาสนามามากมาย ควรจะนิรโทษกรรมท่านธัมมชโยเสีย แต่กระพรวนบนคอแมวนั้น นอกจากจะหาหนูใจกล้านำไปผูกได้ยากแล้ว หนูตัวที่จะนำกระพรวนออกก็ยิ่งหาได้ยากกว่า ดังนั้นคดีดัง "ธรรมกาย" เมื่อเข้าสู่ศาลอาญาแล้ว ตามหลักก็จำเป็นต้องดำเนินการไปจนสิ้นสุดกระบวนการ ซึ่งประมาณว่า คดีนี้จะสิ้นสุดในประมาณปลายปี 2549 แต่จะออกลูกผีหรือลูกคนก็ไม่มีใครทายใจศาลอาญาได้

การที่คดีอาญาของ พระธัมมชโยจะเดินไปสุดทางนั้น แปลได้ 2 ความหมาย คือ 1.ถ้ารอด ก็เท่ากับว่าธัมมชโยเสมอตัว แต่ที่ต้องขึ้นโรงขึ้นศาลมานานถึง 7 ปีนั้น ก็นับว่าเป็นเคราะห์กรรมมหันต์ และ 2.ถ้าศาลพิพากษาว่าธัมมชโยผิด ก็หมายถึงว่าต้องติดคุก ซึ่งพระที่ต้องคดีอาญาถึงติดคุกนั้นตามกฎหมายไม่สามารถจะเอาเข้าคุกทั้งผ้า เหลืองได้ ต้องเปลื้องผ้าเหลืองออกเสียก่อน หมายถึงว่า พระธัมมชโยต้องสึกสถานเดียว !

แต่ปัญหามันมิได้มีเพียงเท่านั้น เพราะท่านธัมมชโยนั้นเป็นถึงระดับปรมาจารย์ เป็นผู้ก่อตั้งวัดจนเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก วัดพระธรรมกายตั้งแต่เกิดจนโตขึ้นมาได้ทุกวันนี้นั้นก็เพราะท่านธัมมชโย การจับพระธัมมชโยสึกจึงเป็นการทำลายวัดพระธรรมกายจนถึงรากถึงโคน เพราะถ้าไม่มีพระธัมมชโย รับรองว่ากัลยาณมิตรคุมกันไม่ติดแน่ แต่ในฐานะที่วัดพระธรรมกายนั้นใหญ่โตรโหฐาน มีสาวกนับแสน การจะจับเจ้าสำนักสึกจึงมิใช่เรื่องง่าย รับรองว่าจลาจลแน่ แต่เหนือนิติศาสตร์ก็ยังมีรัฐศาสตร์ ซึ่งตรงนี้อัยการสูงสุดได้นำมาทำเป็นลูกกุญแจดอกที่สอง สำรองไว้ไขความสำหรับการไว้ชีวิตพระธัมมชโยและคณะวัดพระธรรมกายในครั้งนี้

ความ เก่งกาจระดับซูเปอร์เซียนของทีมกฎหมายวัดพระธรรมกายนั้น ต้องขอยกนิ้วให้ว่า "ยอดเยี่ยมระดับโลก" ขอโฆษณาไว้ ณ ที่นี้เลยว่า ถ้าใครไหนต้องคดีอะไร ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ก็ขอให้ไปติดต่อท่านธัมมชโยเพื่อขอให้ทีมทนายมาช่วยว่าความให้ เพราะไม่น่าเชื่อว่า เรื่องใหญ่ระดับประเทศนั้น ทนายความทีมนี้สามารถปลดชนวนระเบิดปรมาณูลูกใหญ่ ขนาดสามารถทำลายอาณาจักรธรรมกายหลายหมื่นล้าน ให้หมดฤทธิ์ลงได้อย่างง่าย โดยใช้กุญแจดอกที่ชื่อว่า "สมานฉันท์" ผ่านมือนักปลดชนวนคดีทางการเมืองชื่อก้องโลก "ทักษิณ ชินวัตร"

ทีม กฎหมายวัดพระธรรมกาย ใช้ตรรกวิทยาที่ว่า ในเมื่อไม่มีหนูตัวไหนเป็นใจอยากไปปลดกระพรวนบนคอแมวออก ก็เห็นจำเป็นต้องใช้หนูตัวเดิมที่เอากระพรวนผูกคอแมวไว้นั่นแหละ ซึ่งในการฟ้องร้องต่อศาลอาญานั้นเป็นอำนาจหน้าที่ของอัยการสูงสุด อัยการสูงสุดจึงถูกกำหนดให้เป็นหนูตัวที่ต้องไปดึงเอากระพรวนบนคอแมวคือศาล อาญาออกมา เพราะผู้ผูกย่อมรู้ทางแก้ และสมการนี้แหละที่ทำให้วงการนักกฎหมายไทยต้องตะลึงเป็นคำรบสอง รองมาจากคดีซุกหุ้นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งผ่านมาด้วยวาทะว่า "บกพร่องโดยสุจริต" นั่นเอง

ลำดับเหตุการณ์ระทึกใจในการ "ปลดชะนวนระเบิดวัดพระธรรมกาย" นั้นมีดังนี้

1. วันที่ 18 กรกฎาคม 2549 กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดจัดงาน “รวมใจทุกศาสนา พัฒนาท้องถิ่นไทย ถวายองค์ราชา ครองราชย์ 60 ปี” ที่วัดพระธรรมกาย จ.ปทุมธานี มีการเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคไทยรักไทย ไปเป็นองค์ปาฐก

2. วันที่ 22 สิงหาคม พ.ศ.2549 ศาลอาญารัชดา โดยนายสุนพ กีรติยุติ ผู้พิพากษาอาวุโส และองค์คณะ ออกนั่งบัลลังก์ อ่านคำสั่งอนุญาตให้ "ถอนฟ้อง" คดีที่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ หรือ พระไชยบูลย์ ธัมมชโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย และลูกน้องคนสนิท ตกเป็นจำเลยในข้อหายักยอกทรัพย์ เงินบริจาควัดมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท

โดยศาลอ้างเหตุผลว่า

1. เพราะว่าจำเลยได้คืนทรัพย์สนที่ฉ้อโกงมาจากวัดพระธรรมกาย จำนวน 1,000 ล้านบาท คืนให้แก่วัดหมดแล้ว2. ถ้าหากดำเนินคดีนี้ให้สิ้นสุด อาจจะเกิดความแตกแยกระหว่างพุทธศาสนิกชน ที่สังคมตั้งคำถามก็คือว่า การที่อัยการออกหน้าดึงเรื่องกลับมาจากศาลในครั้งนี้ ถ้าไม่มีคนที่ชื่อ "ทักษิณ ชินวัตร" ส่งสัญญาณให้แล้ว ลำพังอัยการจะกล้าหาญกระทำการเองหรือ หรือ ถ้าคิดจะทำ ทำไมไม่ทำตั้งแต่ก่อนหน้านี้ ปล่อยให้คดีค้างคาศาลมานานถึง 7 ปีได้อย่างไร และทำไม พอทักษิณกลับจากวัดพระธรรมกายได้ เพียง 35 วัน ศาลก็ออกนั่งบัลลังก์สั่งถอนคดีตามคำขอของอัยการ ?????

ปิดท้าย รายการด้วย นายถวิล สมัครรัฐกิจ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้ออกมาประกาศว่า "เมื่อศาลสั่งจำหน่ายคดีอาญาแล้ว คดีทางสงฆ์ก็ถือว่าสิ้นสุดไปด้วย" แปลว่า สำเร็จ พระธัมมชโยพ้นบ่วงกรรมแล้ว บริสุทธิ์ผุดผ่องเป็นยองใย โดยไม่ต้องผ่านศาลไหนให้ตัดสินทั้งสิ้น ใช้ระบบ "ลอบบี้" หรือวิ่งเต้นมันจนวินาทีสุดท้ายนี่แหละ ตำราจีบของแม๊กอินทอชเขาว่า "ตื๊อเท่านั้นที่จะครองโลก" และมันก็เป็นทฤษฎีที่ยังเวิร์คอยู่ ใครไม่เชื่อก็ดูเอาเองเถิด

เรื่องนี้ในแวดวงพุทธศาสนิกชนคนไทยที่ สนใจเรื่องหวยเรื่องเบอร์มากกว่าเรื่องพระธรรมวินัย ก็คงไม่มีใครคิดว่า "มันสลักสำคัญอะไร" เรื่องหลวงพี่น้ำฝนศิษย์หลวงพ่อพูลวัดไผ่ล้อม โดนห้ามให้หวยนั้นยังใหญ่กว่าเสียอีก เรื่องสำคัญระดับ "นักปราชญ์ทะเลาะกัน" นี้ จึงมีเพียงนักปราชญ์ไม่กี่คนเท่านั้นที่สนใจให้ความสำคัญ เชื่อไหมว่าถ้าปี้ส่างไม่นำเรื่องนี้มาฉายซ้ำ หลายคนดูเหมือนจะลืมเลือนไปแล้ว ที่ต้องบันทึกร่วมไว้ในหน้าเดียวกันก็คือว่า ผลงานการหลุดคดีนี้ของพระธัมมชโยนั้น นักปราชญ์ทางศาสนาเขาจัดให้เป็นผลงาน "โบว์ดำ" ชิ้นสุดท้ายของรัฐบาลทักษิณก่อนจะสิ้นอำนาจด้วย




 

Create Date : 07 ตุลาคม 2551    
Last Update : 7 ตุลาคม 2551 13:27:57 น.
Counter : 443 Pageviews.  

1  2  

ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]









ผม ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร
สามัญชนคนเหมือนกัน(All normal Human)
คนจรOnline(ได้แค่ฝัน)แห่งห้วงสมุทรสีทันดร
(Online Dreaming Traveler of Sitandon Ocean)
กรรมกรกระทู้สาระ(แนว)อิสระผู้ถูกลืมแห่งโลกออนไลน์(Forgotten Free Comment Worker of Online World)
หนุ่มสันโดษ(ผู้มีชีวิตที่พอเพียง) นิสัยและความสนใจแปลกแยกในหมู่ญาติพี่น้องและคนรู้จัก (Forrest Gump of the family)
หนุ่มตาเล็กผมสั้นกระเซิงรูปไม่หล่อพ่อไม่รวย แถมโสดสนิทและอาจจะตลอดชีวิตเพราะไม่เคยสนใจผู้หญิงกะเขาเลย
บ้าในสิ่งที่เป็นแก่นสารและสาระมากกว่าบันเทิงเริงรมย์
พร้อมแบ่งปันประสบการณ์ดีๆกับบันทึกในโลกออนไลน์แล้วครับ
กรุณาปรับหน้าจอเป็นขนาด1024*768เพื่อการรับชมBlog
ติดตามการเคลื่อนไหวของกรรมกรผ่านTwitter
และติดตามพูดคุยนำเสนอด้านมืดของกรรมกรผ่านTwitterอีกภาคหนึ่ง
Google


ท่องไปทั่วโลกหาแค่ในพันทิบก็พอ
ติชมแนะนำหรือขอให้เพิ่มเติมเนื้อหาWeblog กรุณาส่งข้อความส่วนตัวถึงผมโดยตรงได้ที่หลังไมค์ช่องข้างล่างนี้


รับติดต่อเฉพาะผู้ที่มีอมยิ้มเป็นตัวเป็นตนเท่านั้น ไม่รับติดต่อทางE-Mailเพื่อสวัสดิภาพการใช้Mailให้ปลอดจากSpam Mailครับ
Addชื่อผมลงในContact listของหลังไมค์
free counters



Follow me on Twitter
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ไทยวรรษ สีทันดรสมุทร's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.