Group Blog All Blog
|
#หยวนหนิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1875 1875 #พรรณีเกษกมล
#หยวนหนิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1875 – 1875
#พรรณีเกษกมล หยวนหนิงจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 15 แห่งราชวงศ์หยวน หยวนหนิงจงฮ่องเต้พระนามเดิม รินชินบาล หรือ รินชินบาลข่าน เป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ของฮ่องเต้องค์ที่ 14 หยวนหมิงจงฮ่องเต้และเป็นพระนัดดาของฮ่องเต้องค์ที่ 13 หยวนเหวินจงฮ่องเต้ ประสูติ วันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 1869 ขณะขึ้นครองราชย์นั้นมีพระชนม์เพียง 6 ชันษา เมื่อได้ครองราชย์ไม่ถึงปีสวรรคต วันที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 1875 นับเป็นฮ่องเต้ที่มีช่วงเวลาการครองราชย์สั้นที่สุดแห่งราชวงศ์หยวนประมาณ 2 เดือน หรือ 53 วัน พระเชษฐาจึงได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา ขณะที่พระบิดาของกูซาราสวรรคตโดยไม่ทราบสาเหตุนั้น บางกระแสกล่าวหาว่า เอลเตมูร์คือผู้วางยาพิษ แล้วพระอนุชาของทิวช์เตมูร์ได้ขึ้นครองราชย์ รินชินบาลได้เป็นองค์ชายฟู ทิวช์เตมูร์ได้ให้พระโอรสอารัทนาดาราเป็นผู้สืบทายาทในเดือนมกราคม พ.ศ. 1874 เพื่อที่จะให้ครองราชย์ได้อย่างปลอดภัย จึงส่งต๊อกฮานเตมูร์ไปยังเกาหลี แต่พระโอรสอารัทนาดาราเสียชีวิตหนึ่งเดือนต่อมาหลังจากได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้สืบทายาท ตายกันง่ายดายเหลือเกิน ยิ่งมีอำนาจมากยิ่งตายง่าย ยิ่งอยู่ใกล้เส้นแห่งการได้ครองราชย์สืบต่อ ยิ่งเข้าใกล้เส้นแห่งความตายมากขึ้นเท่านั้น ราชวงศ์หยวนได้ชื่อว่า เป็นราชวงศ์ที่ยุ่งวุ่นวายในการสืบสันตติวงศ์เป็นอันมาก ในสายตาคนทั่วไปเหมือนกับเกิดศึกแย่งชิงบัลลังก์กันระหว่างญาติพี่น้อง ด้วยต้นราชวงศ์ไม่ได้กำหนดลำดับผู้สืบทอดอำนาจอย่างชัดเจน แต่ต้องการให้คนเก่งมีฝีมือในระหว่างเครือญาติทุกคนมีโอกาส ซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกแตกต่างจากราชวงศ์อื่น ๆ ของจีน เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่ดูว่าน่าจะดีแต่เกิดผลกระทบเสียหายตามมา ผู้ที่น่าจะอยู่ในข่ายสืบทอดอำนาจในช่วงนี้มีหลายคน เช่น เอลเตกูส รินชินบาล ต๊อกฮานเตมูร์ แต่การก้าวขึ้นสู่ที่สูงนั้นไม่ใช่ว่าจะเป็นพระโอรสของฮ่องเต้องค์ก่อน แต่อาจจะมาจากเกมการเมืองด้วย อำนาจในตระกูลทางพระมารดามีผลต่อการสืบทอดอำนาจเช่นกัน เพื่อต้องการรักษาสัญญาที่จะให้ตระกูลกูซาราได้ครองอำนาจบ้าง จึงให้รินชินบาลขึ้นเป็นฮ่องเต้ในขณะที่มีพระชนม์เพียง 6 ชันษา ส่วนพระเชษฐาตระกูลกูซารากลับให้ไปอยู่ที่เกาหลีแทน แต่แล้วรินชินบาลขึ้นเป็นฮ่องเต้ได้เพียง 53 วัน สวรรคต เอลเตมูร์ต้องการให้เอลเตกูสขึ้นครองราชย์ แต่บูดาชิรียังคงตอบปฏิเสธ ทำให้สิทธิการครองราชย์ต้องตกเป็นของต๊อกฮานเตมูร์ โอกาสเป็นฮ่องเต้มาถึงมือของต๊อกฮานเตมูร์ ผู้ซึ่งครั้งหนึ่งต้องไปไกลถึงเกาหลี แต่ทว่าการณ์ครั้งนี้กลับเป็นคนทำให้ราชวงศ์หยวนสิ้นสุดลง ถึงแม้จะพยายามหาหนทางแก้ไขด้วยการอพยพหนีขึ้นทางเหนือแล้วตั้งราชวงศ์หยวนเหนือก็ตาม #หยวนหมิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1872 1872 #พรรณีเกษกมล
#พรรณีเกษกมล
#หยวนหมิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1872 – 1872 หยวนหมิงจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์หยวน หยวนหมิงจงฮ่องเต้พระนามเดิม ทิวช์เตมูร์กูซาลา หรือคูตุกตูข่าน ประสูติวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ.1843 สวรรคตวันที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 1872 เป็นพระโอรสองค์โตของฮ่องเต้องค์ที่ 8 หยวนหวู่จงฮ่องเต้ พระมารดาเป็นชาวมองโกล และเป็นพระเชษฐาของฮ่องเต้องค์ที่ 13 หยวนเหวินจงฮ่องเต้ เมื่อพระอนุชาครองราชย์ แทนที่จะเป็นตนเองได้เพียงปีเดียว ได้ทำการยึดอำนาจ แต่ไม่สามารถครองอำนาจนั้นได้ตลอดรอดฝั่ง ที่น่าสงสัย คือ ทำไมเป็นถึงพระโอรสองค์โต แต่กลับไม่ได้รับสิทธิที่จะขึ้นครองราชย์ แล้วทำไมจึงเกิดการแก่งแย่งชิงราชสมบัติจากพระอนุชา คงจำกันได้ว่า เมื่อพระบิดาหยวนหวู่จงฮ่องเต้สวรรคตนั้น ทิวช์ กูซาลาเป็นองค์รัชทายาท แทนที่จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อจากพระบิดากลับโดนอายูบาร์ดา บูยานตูข่านแย่งบัลลังก์ไปและโดนให้ออกจากตำแหน่งในรัฐบาลกลาง ครั้นสิ้นรัชกาลของเขาคนอื่นได้ครองราชย์ต่อ โดยทิวช์ กูซาลายังไม่มีสิทธิ์อีก จนกระทั่งพระอนุชาได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 13 ด้วยความรู้สึกที่โดนแย่งชิงมาตลอด เลยฮึดสู้สิ่งที่ควรจะเป็นของตนและก็ได้มา แต่แล้วกลับไม่สามารถยึดอำนาจไว้ให้อยู่กับตนได้นาน อายูบาร์ดา บูยานตูข่านเป็นพระอนุชาของทิวช์ กูซาลา แต่ต่างพระมารดากัน ดากิพระมารดาของอายูบาร์ดา บูยานตูข่านอยู่ในตระกูลคุนกิรัทที่มีอำนาจในราชสำนักมาก เมื่อสิ้นหยวนหวู่จงฮ่องเต้ ตระกูลคุนกิรัทได้จัดการให้เชื้อสายของตนได้เป็นฮ่องเต้ โดยมีข้อแม้ว่า ต่อไปต้องยอมให้ตระกูลกูซาราขึ้นครองราชย์ต่อไปด้วย ในช่วงสั้น ๆ ที่ทิวช์เตมูร์ พระโอรสของคายิชานได้ครองราชย์คั่นรายการนั้น แสดงให้เห็นว่า เป็นผู้มีความสามารถหลายด้าน เขียนตำราว่าด้วยการปกครอง ที่มองให้เห็นภาพรวมของอดีต และแนวทางการจัดการกับปัจจุบันเพื่อให้ราชวงศ์เจริญก้าวหน้า แต่ในรูปแบบของชาวมองโกลไม่ใช่ชนชาติจีน ด้วยความสามารถทางด้านการประพันธ์ วรรณกรรม การวาดรูป การอ่านตำราคลาสิก และให้การสนับสนุนกิจกรรมทางวัฒนธรรมหลายอย่าง ได้ริเริ่มโครงการที่จะเป็นจุดเริ่มต้นในการพัฒนาบ้านเมือง ที่จริงแล้วพระองค์มีความรู้ภาษาจีนเป็นอย่างดีรวมทั้งประวัติศาสตร์ วรรณกรรม แต่ทว่ากลับนิยมชมชอบในความเป็นมองโกลมากกว่า มีความรู้ในลัทธิขงจื้อและสนับสนุนให้ผู้คนมีคุณธรรมตามลัทธิขงจื้อ คนเก่งต้องเฮงด้วยจึงจะเจริญก้าวหน้าและอยู่ในอำนาจได้นาน หยวนหมิงจงฮ่องเต้เป็นคนเก่งมีความสามารถแต่คงบุญน้อย โดนแย่งอำนาจไปหลายครั้งหลายครา เมื่อแย่งอำนาจมากลับไม่สามารถยึดอำนาจให้อยู่กับตนได้ หยวนหมิงจงฮ่องเต้ได้แย่งราชสมบัติจากพระอนุชาฮ่องเต้องค์ที่ 13 หยวนเหวินจงฮ่องเต้ เมื่อมีพระชนม์ 28 พรรษา ได้พระนามว่า คูบุกตูข่าน แต่ไม่สามารถครองอำนาจได้ เพียงปีเดียวก็สวรรคต พระอนุชาสามารถยึดอำนาจกลับคืนไปได้อีกครั้ง การสวรรคตครั้งนี้ไม่ได้ระบุสาเหตุที่แน่ชัดแต่ภาษาชาวบ้านคิดว่า คงหนีไม่พ้นจากการวางยาหรือลอบทำร้ายเป็นแน่แท้ #หยวนเหวินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 18711875 #พรรณีเกษกมล
#หยวนเหวินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1871–1875
#พรรณีเกษกมล หยวนเหวินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 13แห่งราชวงศ์หยวน หยวนเหวินจงฮ่องเต้พระนามเดิม จายาตูข่านในภาษามองโกเลียนแปลว่า เป็นข่านผู้โชคดีหรือเป็นผู้ที่มีความสุข ประสูติวันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1847 เป็นพระโอรสองค์ที่ 2 ของฮ่องเต้องค์ที่ 8 หยวนหวู่จงฮ่องเต้ สวรรคต วันที่ 2 กันยายน พ.ศ. 1875 เมื่อพระชนม์ 29 พรรษา การที่ตั้งพระนามว่า เป็นผู้โชคดีในความจริง อาจมองได้ว่า ทั้งโชคร้ายและโชคดีด้วยกัน เพราะเป็นฮ่องเต้ที่โดนแย่งชิงบัลลังก์ แต่สามารถยึดอำนาจนั้นกลับคืนมาได้อีกครั้ง หยวนเหวินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่ครองราชย์ 2 ครั้ง ได้ขึ้นครองราชย์ครั้งแรกเมื่อพระชนม์ 24 พรรษา ระหว่างวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 1871 ถึงวันที่ 3 เมษายน พ.ศ. 1872 ครองราชย์ได้เพียงปีเดียว โดนทิวช์เตมูร์พระโอรสของคายิชาน แย่งราชสมบัติไป พ.ศ. 1872 ระหว่างนี้ได้หาเหตุเอาเรื่องกับพระเชษฐาองค์โตตระกูลกูซารา ภายหลังยอมขออภัยในสิ่งที่ได้กระทำลงไป ไม่นานนักจายาตูสามารถยึดอำนาจกลับคืนมาได้ภายในปีนั้นวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 1872 ด้วยพรรคพวกของพระบิดาให้การสนับสนุน ครองราชย์จนถึงวันที่ 8 กันยายน พ.ศ. 1875 เมื่อกุบไลข่านต้นราชวงศ์หยวนต้องการให้คนเก่งที่สุดเหนือพี่น้องได้ขึ้นมาครองบ้านครองเมือง จึงไม่ได้กำหนดลำดับการขึ้นครองราชย์ทำให้ไม่มีกฎมณเฑียรบาล ที่จริงเป็นความคิดที่ดีที่จะได้ผู้ปกครองนครที่เข้มแข็งแต่อีกมุมหนึ่งเกิดผลตามมา ก่อนที่ใครจะก้าวขึ้นมาต้องมีการแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกัน ความรักในสายโลหิตระหว่างญาติพี่น้องคงแทบไม่หลงเหลือเพราะโดยธรรมชาติของมนุษย์ ย่อมอยากได้สิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ตนเองและลูกหลาน การแย่งชิงราชบัลลังก์ระหว่างลูกหลานของกุบไลข่านจึงเกิดขึ้นไม่หยุดหย่อน ผลที่เกิดขึ้นอาจส่งผลดีต่อประเทศ คือ ได้คนที่เก่งที่สุดมาปกครองประเทศ การต่อสู้เพื่อแย่งชิงบัลลังก์ ระหว่างพระโอรสของฮ่องเต้องค์เดิมกับผู้ที่ควรจะมีสิทธิ์ในการสืบสันตติวงศ์ จึงเกิดขึ้นโดยมีฐานอำนาจในแต่ละตระกูลอยู่เบื้องหลัง ระหว่างฝ่ายจายาตูกับเอลเตมูร์ฝ่ายทิวช์เตมูร์ สี่ปีแห่งการครองราชย์ หยวนเหวินจงฮ่องเต้ได้ใช้ความรู้ความสามารถด้านจิตรกรรม วรรณกรรม ภาษาจีนและประวัติศาสตร์จีนเป็นอย่างดี เอลเตมูร์และบายันของเมอร์คิดมีอำนาจเหนือราชสำนักโดยการตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาในราชการ เพื่อให้อำนาจแก่ตนเองและแก่กองทัพ ในขณะที่ทิวช์เตมูร์ผู้ซึ่งควรจะมีสิทธิ์ขึ้นครองราชย์ แต่ไม่ได้รับสิทธิ์นั้นพยายามจะแย่งชิงอำนาจมาเป็นของตนเช่นกัน อีกกลุ่มทางสายของฮ่องเต้องค์ที่ 9 หยวนเหรินจงฮ่องเต้ หรือ อายูบาร์ดา บูยานตูข่าน ผู้ซึ่งเคยวางตำแหน่งทางการปกครองที่สำคัญ ๆ เอาไว้ให้ชาวมุสลิมได้ปกครองแว่นแคว้นที่สำคัญ แต่ทว่าไม่ได้วางหมากที่การปกครองส่วนกลาง การเมืองในรัชกาลนี้จึงอึมครึมและเหมือนมีคลื่นใต้น้ำที่คอยก่อกวนความสงบสุขตลอดเวลา พ.ศ. 1873 ปลายปี หยวนเหวินจงฮ่องเต้ทำพิธีบูชาฟ้าดิน และออกกฎหมายนิรโทษกรรม พร้อมกันนั้นได้ประกาศให้บุตรชายของอารัทนาดาราเป็นทายาทในเดือนมกราคมของปีถัดไป บูดาชิรีได้แสดงความเสียใจต่อบาบูชาภรรยาม่ายของกูซารา แล้วส่งต๊อกฮานเตมูร์ไปเกาหลี เพื่อความปลอดภัยในบุตรชายของนาง ที่จะได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา แต่อารัทนาดาราตายในอีกหนึ่งเดือนต่อมา การตายอย่างกระทันหันนี้ทำให้บุตรชายของอารัทนาดาราเสียใจมากจายาตูข่านทิวช์เตมูร์ให้บุตรชายอีกคน กูนาดาราหรือกูลาตานาอยู่กับเอลเตมูร์และให้ยกย่องเอลเตมูร์เทียบเท่าพ่อและเปลี่ยนชื่อเป็นเอล เตกูส #หยวนเทียนซุนตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 1871 - 1871 #พรรณีเกษกมล
#หยวนเทียนซุนตี้ฮ่องเต้ พ.ศ. 1871 - 1871
#พรรณีเกษกมล หยวนเทียนซุนตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 12 แห่งราชวงศ์หยวน หยวนเทียนซุนตี้ฮ่องเต้พระนามเดิม ราจิบากข่าน ประสูติ พ.ศ. 1863 เป็นพระโอรสองค์โตของฮ่องเต้องค์ที่ 11 หยวนจินจงฮ่องเต้หรือหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้ กับพระมารดาบาบูคาน คาทูน ตระกูลคุนกิรัทมีอำนาจในราชสำนัก ได้ตำแหน่งองค์รัชทายาท ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็ก ๆ ใน พ.ศ. 1867 เมื่อพระบิดาสวรรคตกะทันหัน หนึ่งเดือนหลังจากนั้นจึงมีโอกาสได้ครองราชย์เมื่อพระชนม์ 8 พรรษา พ.ศ. 1871 โดยการชักนำของดอลัทชาห์ ที่ปรึกษาหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้ ซึ่งเป็นชาวมุสลิม ครองราชย์ได้ไม่ถึงปี สวรรคต วันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 1871 นับเป็นฮ่องเต้ที่ครองอำนาจสั้นมาก ประเทศจีนในช่วงนี้ตรงกับรัชสมัยของราชวงศ์หยวนที่มีฮ่องเต้เป็นคนเดียวกับข่านของชาวมองโกล ไม่ใช่คนจีนไปมีอำนาจเหนือมองโกลแต่เป็นมองโกลมีอำนาจเหนือจีน ทำไมชาวจีนจึงยินยอมให้คนต่างชาติมาเป็นฮ่องเต้และเป็นผู้ปกครองรัฐนานถึง 12 รัชกาล ทั้งที่ชาวมองโกลเป็นคนบ้านป่าเมืองเถื่อนในสายตาของคนจีน ที่ถือตัวว่า มีอารยธรรม แถมยังเป็นนักรบทะเลทรายที่ร่อนเร่ไปตามทะเลทรายอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ ไม่มีอารยธรรมที่เจริญทัดเทียมกับจีน ยิ่งชาวมุสลิมมีอำนาจในการปกครองเคียงคู่กับฮ่องเต้ในราชสำนักและรัฐบาล มีการลดทอนอำนาจของขุนนางจีนจากรัชกาลก่อน การต่อต้านโดยขบวนการใต้ดินเพื่อคิดล้มล้างอำนาจราชวงศ์หยวน ของชาวมองโกล จึงยิ่งเพิ่มความเข้มข้นทวีคูณ โดยเฉพาะในช่วงที่ฮ่องเต้เป็นเด็กเล็ก ๆ ชาวบ้านเองคงรู้สึกขมขื่นเป็นอย่างมาก ที่คิดว่าจีนตกเป็นเมืองขึ้นของมองโกล ทั้งที่เป็นประเทศมหาอำนาจมีแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล เท่ากับจีนสูญเสียเอกราชให้แก่มองโกล ข่านแห่งมองโกลแก้ไขด้วยการยอมมี 2 สถานะเป็นฮ่องเต้แห่งราชวงศ์หยวนไปพร้อมกับเป็นข่านแห่งมองโกล เพื่อไม่ให้จีนเป็นเมืองขึ้นของมองโกล ฮ่องเต้เองคงรู้สึกถึงแรงต้านจากขุนนางจีนและชาวบ้าน จึงยอมผ่อนปรนในหลายเรื่องราวเพื่อให้อำนาจของตนยังคงอยู่ต่อไปได้ หลังการสวรรคตของหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว อำนาจในการปกครองจึงตกอยู่ในกำมือของดอลัทชาห์ ทำให้เกิดการลุกฮือขึ้นต่อต้านอำนาจเผด็จการที่เกิดตั้งแต่รัชสมัยของหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้ในการผูกขาดทางการค้า ได้เกิดอย่างรวดเร็วมากขึ้น ใช่แต่ชาวจีนที่ไม่พอใจมานาน มันคุกรุ่นมานานแล้ว และยิ่งรุนแรงพัดโหมทวีมากดั่งพายุ ถูกกดขี่ข่มเหงโดยนักรบทะเลทรายยังไม่พอ มาโดนชาวมุสลิมกดขี่เพิ่มซ้ำอีก แม้แต่ชาวมองโกลเองไม่พอใจเช่นกัน ได้ก่อการรัฐประหารนำโดยชิพชัก เอลเตมูร์ ที่กุมอำนาจทางทหาร อยู่ที่เมืองต้าตูได้ยกกองทัพมา และขอให้แต่งตั้งพระโอรสของคายิชาน ทิวช์เตมูร์เป็นข่านและฮ่องเต้ ดอลัทชาห์รีบแต่งตั้งให้ราจิบากพระโอรสองค์โตของหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้ขึ้นเป็นข่านและหยวนเทียนซุนตี้ฮ่องเต้ในเดือนเดียวกัน การต่อสู้เพื่อแย่งชิงอำนาจสูงสุดระหว่างคนสองกลุ่มได้เกิดขึ้นอีกแล้ว ในช่วงแรกกองทัพฝ่ายราจิบาก สามารถมีชัยเหนือกำแพงเมืองจีนในหลายจุด และทะลวงฝ่าฟันไปยังเมืองต้าตูได้อีกด้วย แต่มาพ่ายแพ้แก่กองทัพของเอลเตมูร์ จากเดือนตุลาคมจนถึงพฤศจิกายน ฮาซาร์ลูกหลานของอารักเตมูร์เข้ามาควบคุมสถานการณ์ทางตะวันออกของมองโกลและบูคาเตมูร์ปิดล้อมเมืองฉางตู ไปอยู่เคียงข้างเอลเตมูร์ ทำให้กองทัพฝ่ายราจิบากต้องยอมจำนน ดอลัทชาห์โดนจับกุมและราจิบากหายตัวไป หลายกระแสบอกว่า โดนเก็บเสียแล้ว เอลเตมูร์คนนี้ต่อมา มีอำนาจเหนือราชสำนักจนถึงสิ้นชีวิต เขาสามารถกำหนดได้ว่า ใครควรขึ้นมาเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไปจากการกุมอำนาจในราชสำนักได้ทั้งหมด #หยวนจินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1866 - 1871 #พรรณีเกษกมล
#หยวนจินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1866 - 1871
#พรรณีเกษกมล หยวนจินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 11 แห่งราชวงศ์หยวน หยวนจินจงฮ่องเต้หรือส่วนใหญ่ขนานพระนามว่าหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้พระนามเดิมเยซูนเตมูร์ข่าน ประสูติวันที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 1836 เป็นรุ่นเหลนของกุบไลข่าน เป็นพระโอรสขององค์ชายกัมมาลา ซึ่งเป็นพระโอรสขององค์ชายเฉิงจิน ซึ่งเป็นพระโอรสของกุบไลข่านอีกที ความหมายชื่อหมายถึง เป็นข่านที่มีธาตุเหล็กเก้าอย่างในภาษามองโกเลียน ภาษาชาวบ้านอาจแปลความว่าเป็นผู้แข็งแกร่ง ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 30 พรรษา หลังจากที่หยวนอิงจงฮ่องเต้สวรรคต 1 เดือน และเป็นข่านที่ปกครองมองโกลเป็นคนที่ 10 ครองราชย์ได้นาน 5 ปี อภิเษกสมรสกับซูกาบาลาแต่ไม่มีพระโอรสสืบอำนาจต่อ สวรรคต วันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 1871 ที่น่าสังเกตคือราชวงศ์นี้มีฮ่องเต้สวรรคตโดยไร้ผู้สืบสกุล ในรัชกาลที่ 7 ของราชวงศ์หยวน หยวนเฉินจงฮ่องเต้หรือเตมูร์ข่านได้ขึ้นครองราชย์ทั้งที่เป็นพระโอรสองค์ที่ 3 ขององค์ชายเฉิงจิง พระองค์มีพระเชษฐา 2 องค์ คือ องค์ชายกัมมาลากับองค์ชายดารมาบาลา พอมาถึงรัชกาลที่ 8 ฮ่องเต้สืบเชื้อสายมาทางองค์ชายกัมมาลาซึ่งควรจะมีสิทธิในการครองราชย์ตั้งแต่แรกเริ่ม คนที่จะขึ้นครองราชย์ล้วนสืบเชื้อสายมาจากต้นตระกูลคือกุบไลข่าน แต่สลับกันไปมาระหว่างพระนัดดาและพระปนัดดา ขึ้นอยู่กับใครมีอำนาจบารมีและความสามารถสูงกว่าคนอื่น ไม่ได้กำหนดลำดับการขึ้นครองราชย์เหมือนคนจีนหรือราชวงศ์อื่น ทำให้ฮ่องเต้ไม่ได้สืบเชื้อสายตรงจากฮ่องเต้องค์เดิม หยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์ระหว่างที่ประทับในมองโกเลีย ริมฝั่งแม่น้ำเคอร์เรนวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 1866 เนื่องจากหยวนอิงจงฮ่องเต้โดนลอบสังหารขณะเดินทางจะกลับเมืองหลวงโดยเทคชีโจมตี ตอนแรกเยซูนเตมูร์คิดว่า ตนเป็นเพียงหุ่นเชิดจึงตอบปฏิเสธ แต่เมื่อองค์ชายอีกห้าองค์มาขอร้องจึงตอบรับ เมื่อได้ครองบัลลังก์ ขุนนางจีนได้เสนอให้ลงโทษเทคชีและพรรคพวก ด้วยความที่ได้อำนาจมาจากเทคชีถึงแม้จะได้มาโดยมิชอบ หยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้คงรู้สำนึกในบุญคุณบ้าง จึงไม่ได้ลงโทษและออกพระราชกฤษฎีกาอภัยโทษพร้อมทั้งคืนทรัพย์สินที่ยึดไว้ให้แก่ครอบครัวของพวกเขาดังเดิม เมื่อการก้าวขึ้นสู่บัลลังก์ไม่สวยงาม บางคนอาจคิดว่า ฮ่องเต้องค์ใหม่มีส่วนร่วมในการวางแผนลอบสังหารฮ่องเต้องค์เดิม เพราะการอภัยโทษให้แก่ผู้กระทำความผิด และการต่อต้านความไม่ชอบธรรมจากบรรดาขุนนางจีน ทำให้พระองค์ทรงคิดจะประสานรอยร้าวครั้งนี้ ด้วยการยินยอมให้เกิดการปฏิรูปวัฒนธรรมจีนผสมผสานกับมองโกเลียนมากขึ้น ทั้งที่ใจจริงของพระองค์ต้องการฟื้นฟูแต่วัฒนธรรมมองโกเลียนเท่านั้น ทั้งนี้เป็นเพราะหลังจากที่สองรัชกาลก่อนได้ส่งเสริมวัฒนธรรมจีนมากเกินไป จนชาวมองโกลรู้สึกไม่พอใจจนนำไปสู่การลอบสังหารหยวนอิงจงฮ่องเต้ ขณะเดินทางออกจากพระราชวังฤดูร้อนนานโปกลับเมืองหลวง หยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่นิยมวัฒนธรรมดั้งเดิมแบบชาวมองโกลเป็นอย่างมาก ทั้งนี้เพราะประสูติและเติบโตในมองโกล ถึงแม้จะชื่นชอบในความเป็นชาวมองโกล แต่สิ่งหนึ่งที่พระองค์ทรงคัดค้าน คือ การห้ามบูชาฟ้าดินแบบชาวมองโกล พระองค์ได้รับการบันทึกในประวัติศาสตร์จีนว่า เป็นผู้ที่มีความสามารถมากคนหนึ่ง ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะมีบาทหลวงชื่อ ฟรานซิส ออดอริคมาเยือนจีนในขณะนั้น จึงปรากฏหลักฐานทางตะวันตกชัดเจน ความสามารถที่จารึก คือ เป็นผู้ที่คิดและทำอย่างชาวตะวันตกให้ผู้อื่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ เป็นผู้ปกครองนครที่มีคุณธรรม ดอลัทชาห์ เป็นที่ปรึกษาและมีเลขาธิการฝ่ายกิจการของรัฐ 2 คนเป็นชาวมุสลิม ชื่อ อูไบดุลลาห์กับบายันชาร์ ส่วนสำนักกิจการทหารให้มาฮูหมัด ชาห์กับฮาซัน โคจาเป็นผู้จัดการ เท่ากับมุสลิมมีอำนาจในการปกครองมากขึ้น และลดทอนอำนาจของขุนนางจีนลง การค้าให้ชาวมองโกลจัดการ แต่ยังอยู่ภายใต้การดูแลของฮ่องเต้โดยตรงในการจัดเก็บภาษีของพวกมุสลิมกับคริสเตียน มีการค้าอัญมณีกับชาวต่างชาติโดยขายต่อในราคาที่สูงกว่าเดิมถึงสิบเท่า และสินค้าที่มีราคาสูง เช่น ทอง เงิน เงินสด และผ้าไหม การห้ามชาวบ้านและลามะค้าสินค้าที่มีราคาเช่นนี้ทำให้ลามะไม่ชอบใจเกิดการต่อต้าน สุดท้ายฮ่องเต้สั่งห้ามลามะเข้าประเทศจีน การปกครองได้แบ่งจักรวรรดิเป็น 18 แคว้น จากแต่เดิมที่แบ่งไว้ 12 แคว้น และมีผู้ปกครองในตำแหน่งเจ้าผู้ครองนคร การเพิ่มจำนวนแคว้นและเจ้าผู้ครองนครย่อมนำมาซึ่งความชอบใจของผู้ที่มีโอกาสก้าวสู่ตำแหน่งนี้ ผู้ที่มีอำนาจมากในรัชสมัยนี้ คือ ดอลัทชาห์ ที่ปรึกษาชาวมุสลิม เมื่อหยวนไท่ติงตี้ฮ่องเต้สวรรคตกระทันหันในวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 1871 พระโอรสได้ครองราชย์ต่อภายใต้อำนาจของดอลัทชาห์ |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |