All Blog
หมิงซือจง ตอนที่ 3
 ในรัชสมัยของหมิงซือจงฮ่องเต้คงมีแต่ความวุ่นวายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การที่ซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้ยึดครองกรุงปักกิ่งได้ด้วยกำลังพล 60,000 นายนั้น ได้เผชิญหน้ากับอู๋ซานกุ้ยนายทหารหมิงผู้ซึ่งคุมกองกำลังทหารถึง 100,000 นาย ณ ป้อมซานไฮ่กวานทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง
ป้อมนี้จะป้องกันชาวแมนจูไม่ให้เข้าเมือง อู๋ซานกุ้ยพ่ายแพ้ต่อหลี่จื้อเฉิง
กลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิงและชาวแมนจูต่างคิดว่าองค์ชายซุ่นจื่ออายุ 6 ปี น่าจะเหมาะเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป จึงหันไปสวามิภักดิ์ต่อ โดยให้องค์ชายทอร์กุนเป็นผู้สำเร็จราชการขององค์ชายซุ่นจื่อ
ส่วนหมิงซือจงฮ่องเต้ผู้แพ้ภัยสงครามกลางเมือง โดนกบฏที่นำโดยหลี่จื้อเฉิงยกทัพเข้าเมืองหลวงและบุกเข้าพระราชวัง ได้หลบหนีขึ้นยอดเขาเจียงซานทางด้านเหนือของพระราชวังและผูกคอตายใต้ต้นไม้ด้วยพระองค์เองหนีความอัปยศที่ไม่สามารถปกครองประเทศในตำแหน่งฮ่องเต้ที่ดีได้ในขณะที่มีพระชนม์34 พรรษา
พระองค์ทรงละอายต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วว่า ไม่สามารถรักษาราชวงศ์ให้คงอยู่ต่อไป ตำแหน่งของต้นไม้นั้นสามารถมองเห็นพระราชวังได้อย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดสำนึกว่าพระองค์คือฮ่องเต้แต่ไม่สามารถดูแลอาณาประชาราษฎร์ได้สมที่ตั้งใจไว้
ปัญหาใหญ่ทับถมมานาน ยิ่งกว่าดินพอกหางหมู
ยากนักที่จะแกะดินนั้นให้หลุดออกไปได้ในเร็ววัน
วาระสุดท้ายของชีวิตฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง
หนึ่งชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจผูกคอตายด้วยความอับอาย ความคับแค้นใจและอีกหลายความรู้สึกที่พรั่งพรูตามมาเพราะพ่ายแพ้ต่อกลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิง หมดสิ้นในอำนาจ
ผู้ที่ยังคงติดตามพระองค์แม้ว่าจะไม่หลงเหลืออำนาจใด ๆ แล้วก็ตาม ยังคงมี และติดตามไปในปรโลกอีกต่างหาก สมัยนี้จะหาเช่นนี้ได้อีกหรือไม่ ถ้าไม่โดนบังคับ
ขันทีหวังเฉิงเอิน ขุนนางเจ้าหน้าที่กว่า 700 ชีวิต ฆ่าตัวตายตามพระองค์ และขันทีอีกกว่าพันคนตายในวังขณะต่อสู้กับกบฏ
สาวใช้อีก 300 ชีวิต ฆ่าตัวตายตามเช่นกันหลังการสวรรคตของฮ่องเต้ ก็ใช่ว่าจะไปตามลำพัง อย่างน้อยยังพอมีผู้จงรักภักดีพร้อมที่จะติดตามและปกป้องพระองค์อยู่บ้าง
            คงไม่มีฮ่องเต้องค์ใดยอมปลิดชีพพระองค์เองด้วยการแขวนคอนอกพระราชวัง ณ จุดที่เฝ้ามองพระราชวัง ในห้วงสุดท้ายที่ลมหายใจจะออกจากร่าง หมดสิ้นไปในบัดดล
ความรู้สึกผิดของสามัญชน หัวหน้ากบฏที่เป็นแค่ชาวนาได้เอ่ยถึงฮ่องเต้ว่า
พระองค์ไม่ใช่คนที่เลวร้าย แต่อาจมีหลายเหตุที่มารุมเร้า ทำให้บ้านเมืองย่ำแย่เช่นนี้
มหาอำมาตย์เอาแต่ยุ่งเรื่องส่วนตัวไม่สนใจกิจการบ้านเมือง แล้วหลี่จื้อเฉิงสั่งให้ฝังพระศพฮ่องเต้และฮองเฮาไว้ในสุสานราชวงศ์หมิงเพื่อเป็นการให้เกียรติครั้งสุดท้าย
อู๋ซานกุ้ยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าประตูเมืองฝั่งแมนจูต้องสู้รบทั้งแมนจูและกบฏหลี่จื้อเฉิงคงจะหมดแรงไปแล้วจึงยอมแพ้ทั้งสองฝ่าย
ส่วนกบฏหลี่จื้อเฉิงสู้กองกำลังของแมนจูไม่ได้ต้องตีฝ่าวงล้อมออกนอกเมือง อู๋ซานกุ้ยยอมให้ผ่านแต่โดยดี
กองทัพแมนจูเข้าโจมตีกรุงปักกิ่งสำเร็จในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2187 แต่ต้องใช้เวลาอีก 17 ปี จึงปราบกบฏสำเร็จรวมทั้งพวกภักดีต่อราชวงศ์หมิง องค์ชายกุยเป็นเชื้อพระวงศ์คนสุดท้ายของราชวงศ์หมิงที่อู๋ซานกุ้ยไปตามจับที่เมืองพม่าแล้วประหารชีวิตที่มณฑลยูนนานในปี พ.ศ. 2205
            ในช่วงนี้คงต้องเอ่ยถึงหลี่จื้อเฉิงให้มากสักหน่อยเนื่องจากหลี่จื้อเฉิงได้ประกาศตนเป็น
ซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซุ่นเช่นกัน
หลี่จื้อเฉิงพระนามเดิมหลี่หงจื้อ เกิดวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2149 ณ มณฑลฉ่านซี มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ ชำนาญในการขี่ม้าและยิงธนูตั้งแต่อายุ 20 ปี
            ช่วงนั้นมณฑลฉ่านซีเกิดภัยพิบัติรุนแรงแต่ทางการยังไม่ละเว้นการเก็บภาษีอากรสร้างความเดือดร้อนยุ่งยากใจให้แก่ชาวบ้านทุกหย่อมหญ้า
ชาวบ้านคงทนไม่ไหวลุกขึ้นมาต่อต้านและก่อการกบฏ 2 กลุ่มใหญ่
ผู้นำได้แก่หลี่จื้อเฉิงและจางเซี่ยงจง
แน่นอนว่าหลี่จื้อเฉิงคงจะมีฝีมือสูงส่งกว่าจางเซี่ยงจงเป็นแน่แท้
ยิ่งกว่านั้นหลี่จื้อเฉิงยังชนะใจชาวบ้านด้วยการนำอาหารที่ได้จากชัยชนะทุกครั้งมาแจกจ่าย และประกาศว่าถ้าตนชนะ จะให้ที่ดินทำกินแก่ชาวบ้านโดยไม่ต้องเสียภาษีให้แก่ทางการ ทำให้มีชาวบ้านมาร่วมก่อการมากยิ่งขึ้นหลายหมื่นคน
            พ.ศ. 2186 หลี่จื้อเฉิงบุกยึดเมืองเซียงหยางและตั้งตนเป็นซินซุ่นหวัง ต่อจากนั้นบุกยึดมณฑลฉ่านซีได้ทั้งหมดตั้งตนเป็นฮ่องเต้ สถาปนาอาณาจักรต้าซุ่น มีที่ปรึกษาชื่อกู้จวินเอินใช้เมืองฉ่านซีเป็นฐานที่มั่นบุกเข้าเมืองซีอานแล้วบุกต่อไปยังกรุงปักกิ่ง โดยนำทัพบุกข้ามแม่น้ำฮวงโห ไท่หยวน ต้าถง เซวียนฝู่ ผ่านด่านยงกวน การบุกเข้ากรุงปักกิ่งได้รับการต่อต้านจากทหารหมิง กองกำลังของอู๋ซานกุ้ยที่ด่านซันไห่กวน รวมทั้งกองทัพแมนจูทางตะวันออกเฉียงเหนือ
            การรับมือกับกองกำลังของอู๋ซานกุ้ยนั้น
หลี่จื้อเฉิงได้ใช้กลวิธีเกลี้ยกล่อมพ่อของอู๋ซานกุ้ยที่ชื่ออู่เซียงให้มาเป็นพวกเดียวกันและให้เกลี้ยกล่อมอู๋ซานกุ้ยอีกต่อหนึ่งโดยสัญญาว่าจะให้ตำแหน่ง ลาภยศเงินทองตามแต่อู๋ซานกุ้ยจะพึงพอใจ
อู๋ซานกุ้ยตกลงตามนั้นแต่ทว่าบังเอิญระหว่างทางได้พบเห็นคนรับใช้ที่บ้านพ่อหนีออกมาจากกรุงปักกิ่ง ได้รายงานว่าแท้ที่จริงแล้วอู่เซียงโดนจับเป็นตัวประกันและถูกริบทรัพย์สมบัติทั้งหมดจนหมดเกลี้ยง และแม่ทัพหลิวจงหมิ่นชิงได้จับตัวเฉินหยวนหยวนภรรยาของอู๋ซานกุ้ยไปด้วย
ทั้งหมดเป็นเพียงแผนหลอกล่อยืมมืออู๋ซานกุ้ยมาใช้
เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้มีหรือที่อู๋ซานกุ้ยจะยอมตกหลุมพรางที่หลี่จื้อเฉิงได้วางไว้
อู๋ซานกุ้ยกลับไปจับมือกับตัวเอ่อกุ่นแม่ทัพชาวแมนจูในขณะเดียวกันได้ส่งข่าวหลอกหลี่จื้อเฉิงว่า ยอมสวามิภักดิ์ด้วย 
เมื่อหลี่จื้อเฉิงได้รู้ความจริงว่า อู๋ซานกุ้ยทรยศจึงนำทหาร 60,000 คนเข้าปราบ หารู้ไม่ว่าอู๋ซานกุ้ยแก้เกมด้วยการปล่อยให้ทหารแมนจูเข้ามาสู้รบกับทหารของหลี่จื้อเฉิง
อู๋ซานกุ้ยฉลาดไม่เบาต่อการแก้เกมครั้งนี้ แต่ผลที่ตามมากลับทำให้ประเทศจีนโดนปกครองโดยชาวต่างชาติหรือชาวแมนจูแทนที่จะเป็นชาวฮั่น
            การศึกระหว่างสามเหล่าทัพคือหลี่จื้อเฉิง ทหารแมนจู และอู๋ซานกุ้ยคงอีรุงตุงนังกันน่าดู
พอทัพของหลี่จื้อเฉิงสู้กับทหารแมนจู ทหารของอู๋ซานกุ้ยเข้ามาตีโอบทหารของหลี่จื้อเฉิงด้วย
ความแค้นที่หลี่จื้อเฉิงหลอกลวงแถมยังจับพ่อและเมียของอู๋ซานกุ้ยซะอีก ถ้าแผนไม่รั่วไหลโดยคนรับใช้ เหตุการณ์อาจพลิกผันไปในอีกรูปแบบหนึ่งเรียกว่าทำการใหญ่แต่ลืมมองจุดย่อย
หลี่จื้อเฉิงคงแค้นหนักตัดศีรษะของอู่เซียงพ่อของอู๋ซานกุ้ยเสียบประจานที่กำแพงเมืองปักกิ่ง คนจีนกับคนจีนทำกันเองลืมความเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าการล้างแค้นเรื่องส่วนตัว สุดท้ายทั้งคู่ต้องเสียแผ่นดินถิ่นเกิดให้กับชาวแมนจูไป  พ.ศ. 2188 หลี่จื้อเฉิงหรือซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้ต้องพ่ายแพ้และโดนสังหารเช่นกัน
            ถ้าเพียงแต่หลี่จื้อเฉิงมีความจริงใจให้แก่อู๋ซานกุ้ย
เขาคงมีโอกาสได้เป็นซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้จริง ๆ เพราะการโกหกหลอกลวง เพราะความไม่ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญา ทำให้เกมครั้งนี้กลับตาละปัตรโดยสิ้นเชิง ความซื่อตรงและซื่อสัตย์น่าจะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ ซึ่งน่าแปลกที่ผู้นำน้อยคนนักจะมี
            หลี่จื้อเฉิงเป็นผู้นำกบฏชาวนาที่ยิ่งใหญ่ จนบางคนยังนับว่าเป็นฮ่องเต้
ในช่วงรอยต่อที่จะสิ้นสุดราชวงศ์หมิงนั้นบ้านเมืองคงจะวุ่นวายสับสนเป็นอันมาก
ปัจจุบันชาวบ้านยกย่องให้หลี่จื้อเฉิงเป็นฮ่องเต้ผู้กล้าหาญและสร้างอนุสาวรีย์ให้ที่ทางเข้าสุสานฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ณ กรุงปักกิ่ง
ถ้าวันนั้นซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้สามารถเอาชนะใจอู๋ซานกุ้ยได้ แผ่นดินจีนคงไม่เป็นเช่นนี้และถ้าอู๋ซานกุ้ยไม่เข้าข้างทหารแมนจูเพราะความแค้นส่วนตัว ชาวฮั่นคงได้ปกครองชาวฮั่นสืบต่อมา
            กลวิธีของหลี่จื้อเฉิงในขณะนำทหารบุกเข้าเมืองไคเฟิงนั้น
หลี่จื้อเฉิงได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าข้าวลอบเข้าเมืองล่วงหน้าเพื่อสืบข่าวคราวความเคลื่อนไหวด้วยตัวเองและรับรู้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับตัวเองไม่ดีโดนหาว่าเป็นคนใจร้ายชอบฆ่าคนตายไปที่ไหนที่นั่นจะมีแต่ศพเกลื่อนกลาด
หลี่จื้อเฉิงได้วางแผนเปลี่ยนใจชาวเมืองไคเฟิงและบอกแผนการให้แขวนโคมแดงหน้าบ้านจะได้ไม่โดนทหารของหลี่จื้อเฉิงทำร้าย
การแก้เกมทหารเมืองไคเฟิงที่ปล่อยให้น้ำท่วมเมืองนั้นหลี่จื้อเฉิงได้ใช้เรือแพแก้ไข สำหรับการแขวนโคมแดงหน้าบ้านได้กลายมาเป็นประเพณีของคนจีนตราบจนถึงทุกวันนี้เพื่อแสดงความเป็นสิริมงคล งานพิธีที่เป็นมงคลเช่นงานแต่งงานรวมทั้งวันตรุษจีนฉลองเทศกาลปีใหม่
 



Create Date : 18 สิงหาคม 2563
Last Update : 18 สิงหาคม 2563 16:31:11 น.
Counter : 751 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments