All Blog
ยุคห้าชนเผ่า พ.ศ. 847 – 982
ยุคห้าชนเผ่า พ.ศ. 847 – 982
 
            ประเทศจีน มหาอำนาจอันยิ่งใหญ่ จักรวรรดิยิ่งใหญ่คับฟ้า ถึงกาลแบ่งแยกแตกเป็นห้าส่วน
            ก่อนที่จะเกิดราชวงศ์จิ้นนั้นเป็นยุคที่ประเทศจีนแบ่งเป็นสามก๊ก และเมื่อราชวงศ์จิ้นตะวันตกล่มสลายทำให้แผ่นดินจีนแตกแยกเป็น 16 แคว้น 5 ชนเผ่า ซึ่งดูแล้วยิ่งแตกแยกมากกว่าเดิมเสียอีก
ราชวงศ์จิ้นตะวันตกได้ย้ายเมืองหลวงลงไปทางใต้ ตั้งราชวงศ์จิ้นตะวันออก พ.ศ. 860 – 963
ทางตอนเหนือยังคงวุ่นวายด้วยชนเผ่าต่าง ๆ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะมานานพอสมควร
5 ชนเผ่า ได้แก่ ซงหนู เซียนเปย เจี๋ย ตี เชียง 
16 แคว้น ที่ชนเผ่าทั้งห้าปกครองได้แก่
ชนเผ่าซงหนูปกครอง แคว้นฮั่นเจ้า แคว้นเซี่ย แคว้นเป่ยเหลียง  
ชนเผ่าเซียนเปยปกครอง แคว้นเฉียนเอี้ยน แคว้นโฮ่วเอี้ยน แคว้นซีเอี้ยน แคว้นซีฉิน  แคว้นหนันเหลียง แคว้นหนันเอี้ยน แคว้นไต้
ชนเผ่าเจี๋ยปกครอง แคว้น สือเจ้า
ชนเผ่าตีปกครอง แคว้นเฉิงฮั่น แคว้นเฉียนฉิน   แคว้น.โฮ่วเหลียง     
ชนเผ่าเชียงปกครอง แคว้นโฮ่วฉิน   
ชาวฮั่นปกครองแคว้นเฉียนเหลียง แคว้นหรั่นวุ่ย แคว้นซีเหลียง แคว้นซีสู แคว้นเป่ย แคว้นเอี้ยน   
            ในยุคนี้ถึงแม้จะเกิดสงครามระหว่างชนเผ่าต่าง ๆ ถึง 5 ชนเผ่าก็ตามดูเหมือนกับจะไม่ดี แต่ผลในทางดีมีเช่นกัน เพราะทำให้เกิดการหลอมรวมทางวัฒนธรรมระหว่างชนเผ่าต่าง ๆ ไปในตัว
โดยธรรมชาติจะไม่มีสิ่งดีงามทุกเรื่องหรือมีแต่สิ่งเลวร้ายทุกเรื่องราว เพราะสิ่งดีงามอาจเกิดขึ้นภายใต้สิ่งเลวร้าย ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะเลวร้ายทุกเรื่อง และสิ่งเลวร้ายอาจเกิดขึ้นภายใต้สิ่งดีงาม ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะดีงามทุกเรื่อง
 
           สิ่งดีงามอาจซ่อนในสิ่งเลวร้าย
           สิ่งเลวร้ายอาจซ่อนในสิ่งดีงาม
           ไม่มีสิ่งใดดีงามเต็มร้อย
           ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายเต็มร้อย
           ดีเลวย่อมปะปนคละเคล้ากันไป
 



Create Date : 05 มีนาคม 2567
Last Update : 5 มีนาคม 2567 4:14:11 น.
Counter : 467 Pageviews.

0 comment
ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก1

ยึดอำนาจกลับมาได้
#พรรณีเกษกมล
หลังจากที่ราชวงศ์ฮั่นสูญสิ้นอำนาจ
เจ้านายบางส่วน คิดว่า ไม่น่าเลย ถ้าพวกเราเข้มแข็งและรวมตัวกันน่าจะยึดอำนาจกลับคืนมาได้ ประจวบกับชาวบ้านเบื่อราชวงศ์ซินเอามาก ๆ จึงมีกำลังหนุน ที่พร้อมจะทวงคืนสมบัติกลับคืน
 
ฮั่นกวงตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์แรกของราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
เหตุที่เรียกฮั่นตะวันออก จะได้รู้ว่า แยกจากกัน แต่มีเชื้อสายเดียวกัน
 
อยากมีอำนาจใหม่ ต้องโค่นอำนาจเดิมเสียก่อน
ต้องมีฝีมือมากพอตัวนะ จึงจะจัดการจนสำเร็จ
ถ้าพลาดท่าเสียที คนท้ารบน่ะ อาจตายหยังเขียด
 
ช่วงบ้านเมืองระส่ำ ใคร ๆ คงอยากก้าวไปยืนแถวหน้า มีหลายกลุ่มก้อน
ที่มองเห็นหนทางจะขึ้นสู่อำนาจได้ แต่มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ กองกำลังคิ้วแดงนำโดยฝานฉงจากซานตง และกองกำลังลี่ว์หลินนำโดยหลิวซิ่วจากหูเป่ย
หลิวซิ่วเชื้อสายเจ้านายฮั่นตะวันตกที่โดนปลดเป็นสามัญชน ในสมัยที่หวังหมั่งเป็นฮ่องเต้ มีชัยชนะเหนือกบฏอื่น ใช้เวลานาน 2 ปี แต่ครองราชย์ได้ยาวนานถึง 32 ปี เมื่อพระชนม์ 62 พรรษา จึงสิ้นบุญ
สิ่งที่ฮั่นกวงตี้ฮ่องเต้ทำคือย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่นครลั่วหยาง ด้วยเหตุผล เมืองทรุดโทรมจากภาวะสงครามและคำทำนายของซินแส
ไม่รู้การเชื่อคำทำนายดีไหม แต่ทำให้ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกเจริญรุ่งเรืองได้ก็แล้วกัน บางทีไม่เชื่อ อย่าลบหลู่ คงเป็นจริง
            ฮั่นกวงตี้ฮ่องเต้ใช้หลักขงจื๊อ ให้ปัญญาชนวิพากษ์วิจารณ์การปกครองบ้านเมืองได้
            บางคนสงสัยว่า เชื้อสายเจ้านายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ทำไมไม่ลุกมาต่อกรกับหวังหมั่งและตระกูลหวังล่ะ ก่อนจะสิ้นราชวงศ์
 
            การเลือกจังหวะการต่อสู้กับผู้มีอิทธิพล
คงไม่ดุ่ย ๆ เสยหมัดเข้าคางได้ทันที
ขืนสู้แบบ ตายเป็นตาย อาจตายได้สมใจ
 
            เมื่อตั้งราชวงศ์ใหม่ได้ จึงทำเรื่องใหม่ ๆ เพื่อล้มล้างฐานอำนาจเก่า
เรียกว่ารื้อนั่งร้านเดิม คนหนุนเจ้านายเก่าสมควรตกกระป๋อง แล้วเลือกพรรคพวกของตนมากุมอำนาจแทน
 
           เลือกเจ้านายคุ้มกะลาหัว
           สำคัญมากพอกับโชว์ฝีมือ
           เลือกผิด ชีวิตมืดมนได้นะ
 
            ผลงานดี ๆ ได้เกิดขึ้น พัฒนาบ้านเมืองจนเห็นชัดเจน จัดการระบบชลประทาน การผลิตกระดาษโดยไช่หลุน การบันทึกอักษรบนกระดาษแทนไม้ไผ่ ด้านวิทยาศาสตร์สร้างเครื่องหุนเทียนอี๋ซึ่งเป็นเครื่องตรวจวัดดาราศาสตร์และเครื่องตี้ต้งอี๋ไว้สำหรับทำนายหรือพยากรณ์แผ่นดินไหว ด้านการแพทย์หัวถัวเป็นศัลยแพทย์ที่ผ่าตัดร่างกายโดยใช้ยาชา ด้านการคมนาคมเกิดเส้นทางสายไหม
            ใช้ระบบการสอบจอหงวนเพื่อเอาคนเก่งมาทำงาน แทนการเลือกจากเด็กเส้น
 



Create Date : 03 มีนาคม 2567
Last Update : 3 มีนาคม 2567 3:06:50 น.
Counter : 303 Pageviews.

0 comment
ราชวงศ์ฮั่น 9-14
ราชวงศ์ฮั่น 9-14 #พรรณีเกษกมล
            เปลี่ยนขั้วอีกแล้ว       
ฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์ฮั่น
คงจำได้ว่า เมื่อพระอัยกาและพระบิดาปลงพระชนม์ชีพเองหลังจากก่อการจลาจลแล้วไม่เป็นผลสำเร็จ
องค์ชายหลิวปิงอี้พระนัดดาองค์ชายหลิวจินซึ่งเป็นโอรสในองค์ชายหลิวจูหรือองค์รัชทายาท
รัชกาลที่ 9 ครองราชย์เมื่อพระชนม์ 17 พรรษา ทรงเป็นฮ่องเต้ที่เปิดโอกาสให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินวิพากษ์วิจารณ์การปกครอง
นี่เป็นอีกวิธีที่จะเด็ดขั้วฝ่ายตรงข้าม
สมัยนี้ คงใช้สื่อช่วยโจมตี โหมกระหน่ำ ให้อีกฝ่ายเละเป็นโจ๊ก
เป้าหมายที่แท้จริงคือจัดการหัวกวง ที่โดนโจมตีอย่างรุนแรง
เมื่อหัวกวงตาย ตระกูลหัวจะเหลือรอดรึ
อำนาจเปลี่ยนจากหัวกวงมาอยู่ที่ฮ่องเต้
ง่าย ๆ แค่นี้ ยืมมือประชาชนมาจัดการเปลี่ยนขั้วอำนาจ
 
เมื่อมีอำนาจ ย่อมเสื่อมอำนาจได้
ทำใจเถอะ อำนาจเป็นสิ่งหอมหวาน
ใคร ๆ ย่อมอยากได้มาครอบครอง
จะชนะได้ ถ้าฝ่ายเรามีพละกำลังมากกว่า
ไม่มีเสือ 2 ตัวในถ้ำเดียวกัน จำไว้
 
ฮั่นหยวนตี้ฮ่องเต้ รัชกาลที่ 10 แห่งราชวงศ์ฮั่น เดิมคือองค์ชายหลิวซีเป็นพระโอรสในฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้และซูไทเฮา ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 26 พรรษา สวรรคตเมื่อพระชนม์ 42 พรรษา มีความสามารถทางการรบเอาชนะชนเผ่าซงหนู
ทว่าในประเทศ กลับก่อตัวเค้ารางความยุ่งยาก เมื่อกลุ่มขุนนางต่างขั้ว ขัดแย้งกัน พร้อมกับกบฏชาวนา
 
งานเมืองยุ่งยากแล้ว มาเจอฮ่องเต้แย่ ๆ บ้านเมืองจะเหลือรอดรึ
ฮั่นเฉิงตี้ฮ่องเต้ รัชกาลที่ 11 แห่งราชวงศ์ฮั่น ไม่ได้มีคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่ดีเยี่ยงบรรพบุรุษ พระชนม์ 18 พรรษา แต่หมกมุ่นกับเรื่องฉาวคาวโลกีย์และอิสตรี ทรงหลงใหลในสนม 2 คนที่เป็นพี่น้องนางรำทั้งคู่ คนพี่ชื่อเจ้าเฟยเอี๋ยนและคนน้องชื่อเจ้าเหอเต๋อ
อำนาจแท้จริงอยู่ที่หวังไทเฮา
แต่ก่อนตระกูลหัวกุมอำนาจ
เปลี่ยนมือมาเป็นตระกูลหวังแทน
หวังหมั่งคือผู้กุมอำนาจที่แท้จริง
ตระกูลหวังจัดว่าเป็นตระกูลของเศรษฐีที่มีเงินทองสูงสุดในขณะนั้น
ไม่รู้ว่ารู้สึกนึกคิดเช่นไร เป็นเพียงหุ่นเชิด เลยทำตัวสำมะเลเทเมาเสียเลย หรือแย่เอามาก ๆ ปล่อยให้ไทเฮามาชุบมือเปิบ แต่คงไม่ใช่แค่นี้ นี่เป็นจุดเริ่มต้น
 
ฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้ รัชกาลที่ 12 เป็นพระโอรสขององค์ชายหลิวคังและเป็นพระนัดดาในฮั่นเฉิงตี้ฮ่องเต้ ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 18 พรรษา
ตระกูลหวังยังกุมอำนาจสูงสุด ครองราชย์ได้ 9 ปี
กบฏชาวนารุนแรงมากขึ้น หวังหมั่งคิดจะปราบกบฏชาวนาให้ราบคาบได้ใช้แนวคิดเรื่อง “สืบทอดบัญชาสวรรค์” มาใช้แต่ยังไม่สำเร็จผล
 
ฮั่นผิงตี้ฮ่องเต้ รัชกาลที่ 13 เป็นพระโอรสของฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้และเป็นพระอนุชาของฮั่นเฉิงตี้ฮ่องเต้ ได้นั่งบัลลังก์เมื่อมีอายุเพียง 9 ชันษา
หวังหมั่งจึงได้ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยมีหวังไทเฮากุมอำนาจในราชสำนักดังเดิม ฮั่นผิงตี้ฮ่องเต้ครองราชย์ได้ 6 ปี สวรรคต
ราชวงศ์ฮั่นเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ เมื่อฮ่องเต้มีอายุน้อย ครองราชย์ไม่นาน อำนาจแท้จริงยังอยู่ที่ไทเฮาและหวังหมั่ง
ไม่รู้มีความนัย ในการคิดฮุบอำนาจอันใด
           
ฮั่นหยูจื่ออิงฮ่องเต้ รัชกาลที่ 14 เป็นฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ขณะนั้นยังเป็นเด็กเล็กอยู่มาก ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 1 พรรษา
โถ ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดเลย
นี่ก็แค่อีกเกมที่จะยึดอำนาจมาเป็นของตัวจริง ๆ เสียที
ตั้งแต่รัชกาลที่ 11 ถึง 14 อำนาจแฝงผงาดมาคุมเหนือบัลลังก์
 
หวังหมั่งยึดอำนาจ ที่ได้ตั้งใจและวางแผนไว้ โดยการคัดเลือกฮ่องเต้ที่ไม่มีฝีมือ ไม่มีบารมี คนสุดท้ายนี่ ง่ายต่อการพลิกขั้วอำนาจเสียจริง ๆ
อยากเป็นฮ่องเต้ แค่มีอำนาจในราชสำนัก แล้วเลือกฮ่องเต้ที่ไร้น้ำยา
ง่าย ๆ จริงเลย ได้ด้วยเล่ห์เพทุบายล้วน ๆ
หวังหมั่งปลดฮั่นหยูจื่ออิงฮ่องเต้ออกจากตำแหน่ง แต่ไม่ได้ปลงพระชนม์ ฮั่นหยูจื่ออิงฮ่องเต้ยังคงมีพระชนม์ชีพต่อมา สวรรคตเมื่อพระชนม์ 20 พรรษา
 
จังหวะชีวิตของคนไม่พร้อม
ย่อมยากจะดำรงรักษาอำนาจ
ใครล่ะ ควรได้ครองแผ่นดิน
ระหว่างผู้มีสิทธิ์ตามสายเลือด
กับผู้ที่มีฝีมือและมักใหญ่ใฝ่สูง
 



Create Date : 03 มีนาคม 2567
Last Update : 3 มีนาคม 2567 2:56:30 น.
Counter : 265 Pageviews.

0 comment
ราชวงศ์ซิน พ.ศ. 552 – 566

ราชวงศ์ซิน พ.ศ. 552 – 566
 
อำนาจเปลี่ยนขั้ว เปลี่ยนราชวงศ์
เพราะอยู่ในอำนาจที่เทียบเท่าฮ่องเต้มายาวนาน
หวังหมั่งจึงคิดว่าถึงเวลาที่ตนจะเป็นฮ่องเต้ตัวจริงเสียที
 

บางคนบอก ไม่ใช่แค่สิทธิ์ตามสายเลือด แต่ต้องมีบุญบารมีแต่เก่าก่อนด้วย จึงจะมีโอกาส
ราชวงศ์ซินโดยหวังหมั่ง ผู้ซึ่งรอคอยมานาน รัชกาลที่ 11 ถึง 14 นับว่ามีความอดทนสูงมาก ที่ไม่อาจเอื้อม แต่วางแผนชั่วร้ายปล่อยให้มีฮ่องเต้หุ่นเชิด
อำนาจที่รอคอย แต่ครองอำนาจไม่นานเพียง 15 ปี
ทำไม ไม่อาจสืบต่อได้ยาวนานเท่าราชวงศ์ฮั่นล่ะ
เมื่อซินเกาจู่ฮ่องเต้สวรรคตในปี พ.ศ. 566 นั้น องค์ชายหลิวเสวียนขึ้นครองราชย์ต่อ พระนามซินเกิงสือตี้ฮ่องเต้ แต่ว่าโดนปลดและสวรรคตในอีก 2 ปีต่อมา
 
อำนาจในมือมากล้น
หลงระเริงลืมสัจธรรม
ไม่มีอำนาจใดอยู่ยั่งยืน
 
เหตุด้วยหวังหมั่งหลงระเริงในอำนาจมากเกิน ใช้กฎระเบียบที่เข้มงวดและโหดเหี้ยมต่อชาวนาผู้ยากไร้
 
เมื่อประชาชีตกเป็นเหยื่อแห่งอยุติธรรม
จะนิ่งเฉย ทนให้กดขี่ข่มเหงอย่างอดทน
หรือจะผนึกกำลังรวมตัวกันลุกมาต่อสู้
ขึ้นกับมีผู้นำที่เก่งกาจพร้อมนำทัพต่อกร
กับถึงจุดเดือดที่สุดจะทานทนยอมไม่ไหว
 
ชาวบ้านลุกฮือต่อต้าน เพราะมีข่าวมาว่า เจ้านายเชื้อสายราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ขอกลับมาทวงบัลลังก์คืน
มันธรรมดามั้ย ชาวบ้านส่วนหนึ่งยังคงจงรักและภักดีต่อผู้นำเดิม คิดว่าฮ่องเต้คือเจ้าชีวิต คือสมมติเทพที่จุติมาเพื่อปกครองบ้านเมือง เมื่อมีประกาศว่าราชวงศ์ฮั่นจะมากอบกู้จึงพร้อมใจกันช่วยเหลือ
 
เหมือนกบเลือกนาย ไม่พอใจคนปัจจุบัน หวังว่าคนใหม่อาจจะดีกว่า
กบฏชาวนาอีกแล้ว เกิดขึ้นหลายกลุ่มก้อน เช่น
กองกำลังคิ้วแดงที่นำโดยฝานฉงจากชาวบ้านแถบซานตง
กองกำลังลี่ว์หลินนำโดยหลิวซิ่วจากหูเป่ย ที่ได้รับชัยชนะที่จีน
ประเทศที่กว้างใหญ่ไพศาล จำนวนประชากรมากมาย
            ชาวนามีจำนวนมาก เป็นอาชีพที่ยากจนและถูกรีดนาทาเร้นมากที่สุด
 
มีอำนาจแล้ว ไม่รู้จักสร้างบารมี
ไม่สร้างความจงรักภักดีให้เกิด
อำนาจนั้น ย่อมหมดสลายหายสิ้น
 



Create Date : 03 มีนาคม 2567
Last Update : 3 มีนาคม 2567 2:53:26 น.
Counter : 509 Pageviews.

0 comment
ผู้นำสามก๊กที่โดดเด่นที่สุด คือ โจโฉ
#พรรณีเกษกมล
ผู้นำสามก๊กที่โดดเด่นที่สุด คือ โจโฉ เพราะเหตุใด
รบไป แก้ปัญหาไป ไม่ใช่ตั้งหน้าตั้งตา เอาแต่รบพุ่งให้ชนะ
เสบียงขาดแคลนรึ เอาแรงงานจากทหารมาเพาะปลูก
มองจุดอ่อนรากเหง้า ปัญหาเดิม จำกัดอำนาจเจ้าของที่ดิน กวาดล้างขุนนางและเชื้อพระวงศ์
ให้ทุกคนมีความหวังที่จะก้าวหน้า แบ่งระดับขุนนางที่ปกครองส่วนท้องถิ่นให้เป็น 9 ระดับ
ด้านสุขภาพ มีหมอฮัวโต๋มีฝีมือในการผ่าตัดและใช้ยาชา
ด้านศาสนา ให้ศาสนาพุทธเข้ามามีบทบาทแทนลัทธิเต๋า
ความรู้เพื่อพัฒนาการรบ จัดทำตำราพิชัยสงคราม



Create Date : 02 มิถุนายน 2566
Last Update : 2 มิถุนายน 2566 5:01:07 น.
Counter : 558 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments