All Blog
ยุคก่อนสามก๊ก
เปิดเล่ม ต้นเรื่อง
           
หนังสือชุดบัลลังก์มังกรหรือฮ่องเต้ เล่มที่ 1 กล่าวถึง ฮ่องเต้ราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์แรกของจักรวรรดิจีน ฉินจิ๋นซีฮ่องเต้ ผู้อาจหาญรวบรวมแคว้นทั้งหกเข้าเป็นหนึ่งเดียว สร้างความยิ่งใหญ่ ตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ที่มีอำนาจเหนืออ๋องทั้งปวง ราชวงศ์ฉิน ครองอำนาจได้เพียงช่วงสั้น ๆ อีกรัชกาลเดียว สิ้นราชวงศ์ฉินเพราลูกคนเล็กใช้วิธีเลวทราม หลอกฆ่าพี่ชายคนโตที่เหมาะสมจะครองบัลลังก์ รวม พ.ศ. 322 – 337 ที่ราชวงศ์ฉินครองอำนาจแบบเผด็จการ ถึงจะสร้างความเจริญแบบมาตรฐานเดียว แต่ชาวนาทั่วไปกลับแร้นแค้นแสนสาหัส
อำนาจอันยิ่งใหญ่ที่ได้มา ไม่ว่าด้วยวิธีใด จากบรรพบุรุษที่แย่งชิงความเป็นใหญ่เหนือแคว้นต่าง ๆ จนรวมเป็นอาณาจักรเดียวที่ยิ่งใหญ่ และส่งต่อให้ลูก ทว่าลูกคนโตที่เก่งกาจกลับพ่ายแพ้ต่อคมดาบของผู้น้องที่ใช้วิธีต่ำทรามช่วงชิงอำนาจไป สุดท้าย ไม่อาจรักษาแผ่นดินในอำนาจของตนได้
ผู้ที่บังอาจเก่งกาจกอบกู้อำนาจใหม่ขึ้นมา หาใช่ใครไม่ กลับกลายเป็นเพียงชาวนาที่แสนจะยากจนข้นแค้นมากถึงมากที่สุดคนหนึ่ง
            หลิวปังชาวนาที่ชีวิตรันทดสุดแสน ได้สถาปนาราชวงศ์ฮั่น ทรงพระนาม ฮั่นเกาจู่ฮ่องเต้ สืบอำนาจต่อให้ลูกหลานครองอำนาจล้นฟ้าได้ 215 ปี พ.ศ. 337 – 552 ถึงรัชกาลของฮั่นหยูจื่ออิง แล้วโดนแทรกคั่นกลางด้วยราชวงศ์ซิน แต่ราชวงศ์ฮั่นสามารถกอบกู้อำนาจกลับคืนดังเดิมได้ สถาปนาราชวงศ์ฮั่นใหม่อีกครั้ง และเรียกชื่อราชวงศ์ฮั่นเดิมว่า ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ส่วนราชวงศ์ฮั่นใหม่ให้ชื่อว่า ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก พ.ศ. 568 – 763 สิ้นสุดที่ฮั่นเสี้ยนตี้ฮ่องเต้
            ความเป็นฮ่องเต้ที่ครองอำนาจเหนือจักรวรรดิจีน ไม่ได้สิ้นสุดที่ราชวงศ์ฮั่นแน่นอน เรื่องราวต่อมา คงถึงยุคที่จักรวรรดิที่ยิ่งใหญ่แตกเป็นเสี่ยง ๆ เป็นตำนานและภาพยนตร์ที่คนไทยรู้จักอย่างดี คือ สามก๊ก
            เล่มที่ 2 ยุคสามก๊ก เมื่อราชวงศ์ฮั่นเสื่อมถอย ไม่มีใครยอมใคร ต่างหวังเป็นใหญ่และเสวยสุขบนบัลลังก์เฉพาะตระกูลของตน  การสืบทอดต่ออำนาจเฉพาะลูกหลาน กลับไม่ได้ฮ่องเต้ที่มีฝีมือ ถึงจะกอบกู้ราชวงศ์ได้อีกครั้ง แต่เมื่อมีเกิด เฟื่องฟู ย่อมล่มสลายในที่สุด
จักรวรรดิจีนที่ยิ่งใหญ่ อาณาจักรกว้างใหญ่ไพศาล โดนแบ่งเป็นสามส่วน เกิดตำนานสามก๊ก สู้รบแย่งชิงอำนานนานหลายปี สิ้นสุดแผ่นดินสามส่วน รวมตัวเป็นหนึ่งได้อีกครั้ง จนราชวงศ์จิ้นผงาดขึ้นมาตั้งราชวงศ์จิ้น
ต่อจากยุคสามก๊ก มาถึงราชวงศ์จิ้น แล้วมาถึงยุคห้าชนเผ่า  ราชวงศ์เหนือใต้ ยุคราชวงศ์สุย และกลับมายิ่งใหญ่ด้วยฮ่องเต้ราชวงศ์ถังอีกครั้ง ราชวงศ์อู่โจว ยุคห้าราชวงศ์ สิบอาณาจักร ราชวงศ์เหลียว ราชวงศ์ซ่ง ราชวงศ์จิน แล้วชนต่างเผ่าชาวมองโกลมาครองอำนาจเหนือแผ่นดินจีน ราชวงศ์หยวน กลับมาอีกครั้งในอำนาจของชาวฮั่นราชวงศ์หมิง สุดท้ายและท้ายสุดชาวแมนจูเรียมาครองอำนาจในราชวงศ์ชิง
การเรียนรู้ประวัติของฮ่องเต้ เท่ากับได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของมหาอำนาจในอดีต และอนาคต รู้วิธีคิด การบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ และพลาดพลั้งเสียทีแก่มหาอำนาจ ด้วยเหตุผลกลใด ทุกเรื่องราวนับเป็นบทเรียนให้แก่คนรุ่นหลัง
การรู้วิธีคิดและบริบททางสังคมที่เปลี่ยนไปในแต่ละยุคแต่ละสมัย
การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเจริญมั่งคั่งรุ่งเรืองหรือถดถอยลงล้วนแล้วแต่เกิดจากผู้นำสูงสุด
ความเป็นจีนก่อตัวมานานมากและคงจะเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ซึ่งปัจจัยหนึ่งน่าจะมาจากระบอบการปกครองที่มีฮ่องเต้เป็นผู้มีอำนาจสูงสุดที่สามารถปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่ไพศาลและสร้างความเจริญรุ่งเรืองได้
 
ก่อนถึงยุคสามก๊ก
 
จีนยิ่งใหญ่มากในยุคราชวงศ์ฉิน และราชวงศ์ฮั่น ถึงแม้ราชวงศ์ซินจะคั่นกลางราชวงศ์ฮั่นช่วงหนึ่ง แต่ราชวงศ์ฮั่นกอบกู้อำนาจคืนมา และเรียกราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก
ราชวงศ์ฮั่นตะวันตกรุ่งเรืองมากในรัชสมัยของฮั่นอู่ตี้ฮ่องเต้มหาราช ยิ่งใหญ่จนได้ชื่อว่าเป็นมหาราช เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 7 ครองบัลลังก์ 54 ปี นานกว่าองค์อื่น ๆ ของราชวงศ์ฮั่น
ถึงจะเก่งกาจ สามารถมาก ขยายแผ่นดินจีนได้กว้างใหญ่ไพศาลที่สุด ทว่าในราชสำนักแย่สุด ๆ และอาจเป็นจุดเริ่มต้นของความเสื่อมถอย เรียกว่าเก่งการขยายฐานอำนาจครองแผ่นดินมากมาย แต่ไม่ได้เรื่องบ้านของตัวเอง ภาษาชาวบ้านบอก เก่งการเมืองแต่ไม่เก่งการบ้าน
มีฮองเฮาและสนมจำนวนมาก ตามประสาผู้มีทั้งอำนาจ ลาภยศ เงินทอง สุดท้ายผู้ที่ได้ครองบัลลังก์ต่อกลับเป็นโอรสองค์เล็กสุด ผู้ซึ่งไม่ประสีประสา ลูกเมียโดนข้อหาใช้มนต์ดำ และคิดแย่งราชสมบัติ
ปกติธรรมเนียมจีนแต่ไหนแต่ไร ลูกชายคนโตจะเป็นผู้รับสืบทอดทรัพย์สมบัติกิจการทั้งหมดของครอบครัว เหตุไฉนราชสำนักถึงได้วุ่นวายมากปานฉะนี้ แถมผู้มีสิทธิ์ทั้งหมดกลับโดนข้อหาที่ร้ายแรงเสียอีก มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
นี่เป็นจุดพลิกผันจากความเจริญสุด ๆ ไปสู่ความเสื่อมถอยถึงขั้นราชวงศ์ล่มสลาย
โอรสชื่อจงซานจิ้งอ๋องเป็นบรรพบุรุษของเล่าปี่แห่งจ๊กก๊ก เป็นคนเดียวที่พยายามกอบกู้ราชวงศ์ฮั่นภายหลังในยุคสามก๊ก
จำนวนสนมที่มากมาย พระโอรสที่มากมี ไม่มีสักคนที่เก่งกาจเชียวหรือ ฮั่นโจวตี้ฮ่องเต้ โอรสองค์เล็กสุดจากพระสนมโจว ครองราชย์ด้วยพระชนม์เพียง 7 พรรษา หัวกวงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตลอดรัชสมัย 13 ปี พอรู้ความจะปกครองบ้านเมืองด้วยองค์เอง ให้สวรรคตซะนี่
อำนาจครองเมืองอยู่ที่หัวกวง เมื่อสิ้นรัชกาล องค์ชายหลิวเหอโอรสขององค์ชายหลิวโปครองราชย์ต่อเพียง 27 วัน หัวกวงสั่งปลดองค์ชายหลิวเหอจากตำแหน่ง อำนาจของหัวกวงผู้สำเร็จราชการใหญ่แค่ไหนสั่งปลดฮ่องเต้ได้ด้วย
คนช่างสงสัยอาจแอบตั้งคำถามว่า ที่ราชสำนักและวังหลังวุ่นวายถึงปานฉะนี้ ฮ่องเต้ฆ่าลูกเมียเป็นว่าเล่น และยกเด็ก 7 ขวบครองเมือง น่าจะเป็นฝีมือใครที่หวังกอบโกยอำนาจ และวางแผนชั่วร้ายต่าง ๆ นานาให้เกิดขึ้น ฤาอาจจะเป็นเพียงดวงเมืองบันดาลดลให้เป็นเช่นนี้เอง
ฮั่นเสวียนตี้ฮ่องเต้ครองราชย์เมื่อพระชนม์ 17 พรรษา เริ่มมีพระชนม์มากพอ มีสติปัญญาคิดการณ์ไกล ทรงเป็นฮ่องเต้ที่เปิดโอกาสให้ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินวิพากษ์วิจารณ์การปกครอง มุ่งหมายจะกำจัดหัวกวง สุดท้ายสามารถกวาดล้างอำนาจของตระกูลหัวได้ และอย่างรุนแรงซะด้วย
การทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามจะชนะได้ ถ้าฝ่ายเรามีพละกำลังมากกว่า ใครอยากเป็นฝ่ายชนะต้องประเมินกำลังตนให้ดีเสียก่อนที่จะเข้าต่อกรด้วย
ฮั่นหยวนตี้ฮ่องเต้ องค์ที่ 10 รัชสมัยนี้ยุ่งยากจากปัญหาทางชนชั้นของขุนนาง ฮั่นเฉิงตี้ฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 11 พระชนม์ 18 พรรษา ทรงหมกมุ่นอยู่กับเรื่องราวทางโลกีย์และอิสตรี
สิ้นอำนาจในตระกูลหัวกวง อำนาจใหม่จากตระกูลหวังไทเฮามาแทนที่และเป็นจุดเปลี่ยนทางประวัติศาสตร์
ใช่ว่าฮ่องเต้จะยิ่งใหญ่ได้เพียงลำพัง จำต้องมีฐานอำนาจค้ำจุนบัลลังก์ ปัญหาอยู่ที่ฐานอำนาจนี้อย่าให้ใหญ่โตกว่าฮ่องเต้ก็แล้วกัน แต่นี่ไม่ใช่ซะแล้ว ฮ่องเต้เป็นเพียงหุ่นเชิด
ฮั่นอัยตี้ฮ่องเต้ครองราชย์เมื่อพระชนม์ 18 พรรษา อำนาจที่แท้จริงยังคงอยู่กับตระกูลหวัง
น่าสังเกตว่า ฮ่องเต้มีพระชนม์น้อย ๆ และครองราชย์ไม่ได้นาน แถมด้วยผู้กุมอำนาจกลับอยู่ในกำมือของตระกูลหวังที่เป็นเศรษฐี
ฮั่นผิงตี้ฮ่องเต้ มีอายุเพียง 9 ชันษา หวังหมั่งหัวหน้าทางการทหารและพลาธิการจึงได้ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ โดยมีหวังไทเฮากุมอำนาจ
ฮั่นหยูจื่ออิงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 14 แห่งราชวงศ์ฮั่น และนับเป็นฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 1 พรรษา คงจะเป็นฮ่องเต้ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์จีน ทั้งหมดเป็นแผนการของหวังหมั่ง
จังหวะชีวิตของคนที่เกิดมามีอำนาจสูงสุดในขณะที่ตนยังไม่พร้อม ย่อมยากที่จะยังคงรักษาอำนาจนั้นไว้ได้ เมื่อมีผู้แย่งชิงอำนาจวางแผนอย่างรอบคอบ ความถูกต้องว่าใครควรจะครองแผ่นดินควรอยู่ที่ใดระหว่างผู้ที่มีสิทธิ์ตามสายเลือดกับผู้ที่มีฝีมือ



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2565 11:53:32 น.
Counter : 380 Pageviews.

0 comment
บัลลังลังก์มังกร 2 ยุคสามก๊ก 
บัลลังลังก์มังกร 2 ยุคสามก๊ก 
 
           ฮ่องเต้คือผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิจีน และเป็นจีนหนึ่งเดียว แต่เมื่อมีผู้หนึ่งที่บังอาจเทียบรัศมี จะปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ในราชวงศ์ใหม่ แล้วฮ่องเต้ยุคสามก๊กมีถึงสามพระองค์ จากสามราชวงศ์
ยุคนี้แผ่นดินจีนร้อนเป็นไฟ มีศึกสงครามทุกหย่อมหญ้า ก๊กเล็กก๊กน้อยเต็มไปหมด สู้กันไปมาจนเหลือสามก๊กใหญ่ แล้วปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้
ชุดบัลลังก์มังกร เล่มที่ 2 เป็นเรื่องราวของฮ่องเต้จากสามราชวงศ์ ที่แผ่นดินจีนแตกแยกเป็นสามส่วน เรื่องยุ่ง ๆ ของการเข้าสู่อำนาจ การดำรงคงอยู่ และส่งต่อลูกหลาน การแก่งแย่งชิงดีในราชสำนัก รวมถึงการล่มสลาย  สิ้นราชวงศ์และเข้าสู่ราชวงศ์จิ้น
อำนาจที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า เปลี่ยนมือคนแล้วคนเล่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจใฝ่รู้ว่าเกิดได้เยี่ยงไร ถึงการเข้าสู่อำนาจ การครองอำนาจในมือ และสิ้นสูญอำนาจ
พัทธดนย์ เกษกมล
 



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2565 11:51:18 น.
Counter : 401 Pageviews.

0 comment
สามก๊ก
บัลลังลังก์มังกร 2 ยุคสามก๊ก  
 
 
            ฮ่องเต้คือผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิจีน และเป็นจีนหนึ่งเดียว แต่เมื่อมีผู้หนึ่งที่บังอาจเทียบรัศมี จะปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ในราชวงศ์ใหม่ แล้วฮ่องเต้ยุคสามก๊กมีถึงสามพระองค์ จากสามราชวงศ์
ยุคนี้แผ่นดินจีนร้อนเป็นไฟ มีศึกสงครามทุกหย่อมหญ้า ก๊กเล็กก๊กน้อยเต็มไปหมด สู้กันไปมาจนเหลือสามก๊กใหญ่ แล้วปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้
ชุดบัลลังก์มังกร เล่มที่ 2 เป็นเรื่องราวของฮ่องเต้จากสามราชวงศ์ ที่แผ่นดินจีนแตกแยกเป็นสามส่วน เรื่องยุ่ง ๆ ของการเข้าสู่อำนาจ การดำรงคงอยู่ และส่งต่อลูกหลาน การแก่งแย่งชิงดีในราชสำนัก รวมถึงการล่มสลาย  สิ้นราชวงศ์และเข้าสู่ราชวงศ์จิ้น
อำนาจที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า เปลี่ยนมือคนแล้วคนเล่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจใฝ่รู้ว่าเกิดได้เยี่ยงไร ถึงการเข้าสู่อำนาจ การครองอำนาจในมือ และสิ้นสูญอำนาจ
พัทธดนย์ เกษกมล
 



Create Date : 05 กุมภาพันธ์ 2565
Last Update : 5 กุมภาพันธ์ 2565 11:50:01 น.
Counter : 618 Pageviews.

0 comment
บัลลังก์มังกร หมิง โดย ตามแตม
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุด ยุคจักรวรรดิที่ชาวฮั่นยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินจีน เริ่มจากชาวนาจีนผู้ไม่ยอมสยบใต้อำนาจมองโกเลีย ราชวงศ์หยวนที่กดขี่ข่มเหงรังแกชาวฮั่นชาวจีนแท้ แต่สิ้นสุดราชวงศ์หมิงให้กับชาวแมนจูเลียราชวงศ์ชิง การผลัดแผ่นดินจากอำนาจหนึ่งไปสู่อีกอำนาจหนึ่ง อาจเป็นไปอย่างเรียบง่ายหรืออุกฉกรรจ์จนเกินคาดคิด
 
Seller Link: https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NzoiMTU0MjQwMiI7czo3OiJib29rX2lkIjtzOjY6IjEzMDU3MiI7fQ



Create Date : 31 สิงหาคม 2563
Last Update : 31 สิงหาคม 2563 8:17:02 น.
Counter : 1299 Pageviews.

1 comment
หมิงอู่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 2048 – 2064


หมิงอู่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 2048 – 2064
ฮ่องเต้เจ้าสำราญต้นตำนานหงส์ร่อนมังกรรำ
เจ้าสำราญ เสพสุขมิรู้หน่าย
ด้วยเป็นลูกโทนที่มีแต่คนเอาใจ
สนใจหญิงงามเมือง สิงสาราสัตว์
ปล่อยให้อำนาจอยู่ในกำมือของขันที
อะไรจะเกิดขึ้น เมื่อไร้ซึ่งรัชทายาท
หมิงอู่จงฮ่องเต้ หรือหมิงเจิ้งเต๋อฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 10 ในราชวงศ์หมิง รัชศกเจิ้งเต๋อ
หมิงอู่จงฮ่องเต้พระนามเดิมจูโห้วจ้าว ประสูติวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2034
พระนามฮ่องเต้มีความหมายว่า มีคุณงามความดี มีศีลธรรมในทางที่ถูกต้อง เป็นพระโอรสองค์เดียวของหมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ ได้เป็นรัชทายาทตั้งแต่ยังเด็ก
ไม่มีพี่น้องเพราะพระบิดาไม่มีสนมอื่น จึงไม่ต้องมีการแย่งชิงบัลลังก์ให้วุ่นวายใจ
ครองราชย์ พ.ศ. 2048 เมื่อพระชนม์ 14 พรรษา สวรรคตวันที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2064 พระชนม์ 30 พรรษาโดยไม่มีพระโอรส ทำให้การครองราชย์ส่งต่อไปยังพระญาติสายอื่น
บางครั้งชื่อที่ตั้งให้ลูกหลานเพื่อหวังว่าพวกเขาจะเป็นเช่นนั้น แต่มันไม่แน่นอน มันอาจไม่เป็นไปตามความคาดหวัง
เมื่อเห็นพวกเขาแรกเกิดกับเมื่อพวกเขาเติบโตขึ้นและเป็นตัวของตัวเอง
การเป็นลูกคนเดียวหรือลูกโทนย่อมได้รับความรักเต็มที่ ตามมาด้วยการเอาใจโดยไม่กล้าขัดใจเพราะตำแหน่งรัชทายาท อาจสร้างหรือบ่มเพาะนิสัยที่ไม่ดีให้
พ่อดีก็ใช่ว่าลูกจะดีตาม โดยสายเลือดอาจดี แต่ถ้าการอบรมเลี้ยงดูไม่ดีอาจทำให้พลาดเป้าไปได้เหมือนกัน
 
หมิงอู่จงฮ่องเต้อภิเษกสมรสกับฮองเฮาเมื่ออายุเพียง 14 ไม่สนใจการบริหารบ้านเมืองและฮองเฮา ไม่คิดว่า ควรจะต้องมีทายาทสืบต่อวงศ์ตระกูล
ที่น่าเศร้า ไม่สนใจฮองเฮา เพราะยังไม่เป็นหนุ่มเต็มตัวหรือไม่ คงไม่ใช่ เพราะมีข่าวลือว่า แอบไปมีหญิงอื่นนอกวังต้องห้าม และสร้างวังบัวฝางเพื่ออยู่กับสาว ๆ
 
การเป็นลูกโทน เป็นรัชทายาทเพียงหนึ่ง ได้รับสิทธิพิเศษมากล้นแต่เยาว์วัย ได้รับการตามใจ จนทำทุกสิ่งตามใจเสมอมา
ความเพลิดเพลินของพระองค์คือการอยู่กับผู้หญิงและเลี้ยงสัตว์
ในประวัติศาสตร์บันทึกไว้ว่า หมิงอู่จงฮ่องเต้ได้ชื่อว่าเป็นบุรุษเสเพล ชมชอบเรื่องสนุกสนาน การท่องเที่ยวล่าสัตว์เป็นสิ่งที่โปรดปราน บางครั้งไปเที่ยวซ่องโสเภณี ชอบเลี้ยงสัตว์เช่นเสือดาวกับเสือ ที่น่าแปลกชอบเที่ยวผู้หญิงแต่ทำไมไม่มีใครสักคนที่ให้พระโอรส
ฮ่องเต้ไม่ชอบประทับในพระราชวังจื่อจิ้งเฉิง เหมือนฮ่องเต้องค์อื่น ๆ จึงทรงรับสั่งให้สร้างตำหนักขึ้นแยกต่างหากหลังหนึ่งอยู่ บริเวณภายนอกที่ประตู ซีหัวเหมิน
เดิมทีที่นี่เป็นสวนสำหรับเลี้ยงสัตว์ป่า พระตำหนักนี้ภายในมีห้องพัก 200 กว่าห้อง ใช้เวลาก่อสร้างถึง 5 ปีจึงแล้วเสร็จ ใช้ค่าก่อสร้างจากเงินท้องพระคลัง ถึง 240,000 กว่าตำลึงเงิน มีห้องอยู่ห้องหนึ่ง ที่ว่าชื่อห้องเสือดาวเป้าฝาง
ต่อมามีชื่อเรียกว่า ตำหนักเสือดาวอู่จง หรือห้องเสือดาวสวนสัตว์ตะวันตก
วังเป้าฝาง ที่ผู้หญิงของฮ่องเต้ได้พำนักอยู่นั้นได้เกิดเพลิงไหม้ระหว่างเทศกาล ทำให้ผู้หญิงเสียชีวิต โดนไฟคลอกตาย
 
ตำหนักเสือดาวอู่จงเป็นสถานบันเทิงเริงรมย์โลกีย์ ที่พวก 8 พยัคฆ์ขันที กลุ่มแปดธง มีหลิวจินเป็นหัวหน้าได้จัดให้มีมโหรีขับกล่อม พร้อมนางบำเรอ หลายเชื้อชาติทั้งหญิงสาวชาวมองโกล ชาวเกาหลี ชาวธิเบต ไว้ปรนเปรอความสุขให้แก่หมิงอู่จงฮ่องเต้ จนละทิ้งราชกิจบริหารราชการแผ่นดิน หลงเชื่อแต่คำแนะนำของฝ่ายขันที
การปรนเปรอให้สนุกสนานเพลิดเพลินกับโลกีย์วิสัยนี้ ช่วยเพิ่มโอกาสการฉ้อราษฎร์บังหลวงให้แก่พรรคพวกของหลิวจินมากยิ่งขึ้น
ผู้หญิงของฮ่องเต้ที่เที่ยวเตร่และมีสัมพันธ์นั้นบางครั้งเป็นพวกฝรั่ง มุสลิมและตุรกี นิยมของแปลกใหม่ ว่าอย่างนั้นเถอะ
คนที่ชื่อ”มาดามมา” ดูจะสนิทสนมด้วยกันมากที่สุด เป็นผู้หญิงเก่ง สามารถพูดได้หลายภาษา ชอบเที่ยวเล่น ทำงานศิลปะ ชอบขี่ม้า ร้องเพลง และเคยฝึกระเบียบทหารในกองทัพ
ช่วงเวลาที่อยู่นอกวังต้องห้าม ได้ใช้จ่ายเงินเกินตัว หลายครั้งเดินทางท่องเที่ยวทั่วประเทศ ไม่ชอบทำงานบริหารบ้านเมืองและต่อต้านการแทรกแซงของขันทีที่เข้ามายุ่มย่ามเกินเหตุ
บรรดาขันทีต่างเป็นห่วงกังวลถึงพฤติกรรมนอกรีตของฮ่องเต้ คงได้แค่บ่นตักเตือน แต่หาทำให้ฮ่องเต้สำนึกรู้ผิดชอบชั่วดี ว่าสิ่งใดควรทำและไม่ควรทำ หน้าที่ของฮ่องเต้คือสืบทอดอำนาจผ่านทางลูกหลานสายตรง
การเข้ามายุ่งเกี่ยวของขันที แสดงให้เห็นว่าขันทีมีอำนาจเหนือฮ่องเต้ เข้ามายุ่งเกี่ยว เพื่อแสดงอำนาจบาตรใหญ่ ว่าฮ่องเต้เป็นพวกของใคร แต่ฮ่องเต้กำลังแสดงตนว่า ข้าใหญ่กว่า ไม่จำเป็นต้องฟัง การต่อต้านว่าใครกันแน่ที่มีอำนาจที่แท้จริง
ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่า เหตุใดฮ่องเต้จึงไม่มีพระโอรสสืบต่อ บางแหล่งบอกว่า เคยมีและเสียชีวิต
สมัยนั้นไม่รู้ว่า เกิดจากสมรรถภาพทางเพศ รสนิยมทางเพศ เป็นหมัน หรืออะไรไม่รู้
เมื่อฮ่องเต้ไม่มีพระโอรสสักที พระญาติใกล้ชิดย่อมมีความหวังขึ้นมา
เมื่อหมดเชื้อสายตรงจากฮ่องเต้ ย่อมทำให้ญาติใกล้ชิดกระดี๊กระด๊าขึ้นมาได้บ้างแหละน่า
 
เรื่องหนึ่งที่พูดกันว่าหมิงอู่จงฮ่องเต้เคยมีพระโอรสลับจากสาวชาวบ้าน ด้วยฮ่องเต้เป็นบุรุษเจ้าสำราญมักจะปลอมตัวเป็นสามัญชนออกท่องเที่ยวนอกพระราชวังบ่อย ๆ
ครั้งหนึ่งเสด็จไปที่บ้านสกุลหลี่ เมืองต้าถง มณฑลซานซี ไปติดพันสาวงามนามว่า หลี่ฟ่ง ขณะพานางกลับพระราชวัง ระหว่างทางมาถึงด่านจี้หย่งกวนของกำแพงหมื่นลี้ อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือใกล้เมืองหลวงเป่ยจิง ได้พบสาวงามอีกนางหนึ่ง จึงทอดทิ้งหลี่ฟ่งไว้ที่ด่านจี้หย่งกวน
เวลาผ่านไป 1 ปี ภายหลังจาก หลี่ฟ่งได้คลอดบุตรชายซึ่งเป็นรัชทายาท ก็ตรอมใจตายด้วยความเสียใจ ไม่รู้ว่ารัชทายาทเป็นตายร้ายดีเช่นไร เพราะไม่ปรากฏว่ามีพระโอรสที่เป็นรัชทายาทสืบต่ออำนาจ
ชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นได้สร้างสุสานฝังศพหลี่ฟ่งไว้ ที่เชิงเขาด้านทิศใต้ มีชื่อเรียกว่าสุสานไป่ฟ่ง เนื่องจากบริเวณสุสานมักจะปกคลุมไปด้วยหญ้าสีขาว ปัจจุบันสถานที่นี้ กลายเป็น 1 ใน 72 จุดสำคัญสำหรับท่องเที่ยวเมืองเป่ยจิง ที่เรียกว่า ทิวทัศน์ ด่านและลำน้ำ 72 แห่ง
 
เรื่องราวเจ้าสำราญเสเพลของหมิงอู่จงฮ่องเต้ ทำให้เกิดวรรณกรรมและการแสดงมหรสพพื้นบ้าน ต่อมาเป็นอุปรากรเป่ยจิง งิ้วปักกิ่ง ที่ชื่อว่า เหมยหลงเจิ้น
เค้าเรื่อง หงส์ร่อนมังกรรำ มีอยู่ว่า หมิงอู่จงฮ่องเต้ปลอมตัวไปดื่มกินกับชาวบ้าน เจ้าของร้านพี่ชายเจ๊หงส์ไม่อยู่ ฮ่องเต้ออกลวดลายเกี้ยวพาราสี เจ๊หงส์จึงใช้ลีลาหลอกล่อเอาตัวรอด
เรื่องนี้โด่งดังมาก จนเป็นภาพยนตร์ชื่อ เจียนซานเหม่ยเหริน หรือจอมใจจักรพรรดิ
 
ยุคนี้ ฮ่องเต้ไม่ได้ใส่ใจในงานบ้านงานเมืองในสายตาของคนทั่วไป
ใครล่ะจะขึ้นมามีอำนาจ กุมบังเหียนชะตาบ้านเมือง ขุนนางหรือขันที
เริ่มต้นราชวงศ์หมิง หมิงไท่จู่ฮ่องเต้ได้ลดบทบาทของบรรดาขันที ด้วยการเรียนรู้ว่า ราชวงศ์หยวนล่มสลาย เพราะขันทีมีอำนาจล้นฟ้า และเพิ่มอำนาจให้กับพระญาติ ลูกหลาน แต่ให้ไปครองเมืองต่าง ๆ ผ่านมาถึงรุ่นลูก รัชกาลที่ 3
หมิงเฉิงจู่ฮ่องเต้คิดตรงข้ามกับพระบิดา ทรงลดบทบาทพระญาติและขุนนาง กลับเพิ่มอำนาจให้ขันที ทำให้ขันทีเริ่มแผ่ขยายอำนาจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงรัชกาลที่ 8 หมิงอู่จงฮ่องเต้
ที่ผ่านมา ขันทีมีบทบาทในราชสำนักสูงส่ง มีส่วนผลักดันในฮองเฮา นางสนม รวมทั้งการแต่งตั้งรัชทายาท ทำให้พรรคพวกฝ่ายตนมีอำนาจมากขึ้น
 
ขันทีมีอำนาจเหนือขุนนาง ด้วยการแต่งตั้งซื้อขายตำแหน่งจ่ายเงินผ่านขันที รวมทั้งฎีกาที่ชาวบ้านร้องเรียน ถ้าไม่จ่ายเงินพิเศษ อย่าหวังเลยว่า จะถึงมือฮ่องเต้
พวกขันทีพากันฉ้อราษฎร์บังหลวงมากขึ้นในรัชกาลนี้ โดยเบื้องหลังอยู่ที่องค์ชายอันฮัว
กับองค์ชายหนิงซึ่งเป็นพระญาติผู้ใหญ่คอยให้ท้าย
 
หลิวจินเป็นขันทีที่หวังจะให้องค์ชายจูจื้อฝานได้เป็นฮ่องเต้สืบแทน เพราะเป็นพระนัดดาที่ฮ่องเต้โปรดปราน เคยมีการคาดการณ์ว่าหลิวจินน่าจะวางแผนแอบฆ่าฮ่องเต้เสีย องค์ชายจูจื้อฝาน จะได้ขึ้นครองราชย์แทน
กองธงทั้งแปด หม่าหย่งเฉิง เกาฟ่ง หลัวเสียง เว่ยปิน ชิวจวี้ กู่ต้าย่ง จางหย่งและ หลิวจิน
โดนหลิวจินจัดการโค่นอำนาจลงได้สำเร็จ และจัดตั้งหน่วยงาน เน่ยหังฉ่าง สำนักผู้ชำนาญพิเศษ เป็นกองบัญชาการตำรวจลับ ทำให้หลิวจินมีอำนาจเหนือขันทีทั้งปวง
หลิวจินออกกฤษฏีกากล่าวโทษศัตรูทางการเมือง ที่เป็นบุคคลสำคัญในวงราชการ ถึง 300 กว่าคน มีทั้งแม่ทัพขุนนาง ราชบัณฑิตขงจื๊อ นักปรัชญา ขุนนางสามพี่น้องสกุลหยาง และ หวังหยาง
หมิง นักปกครองที่มีชื่อเสียง
 
การกระทำเช่นนี้เพื่อสร้างบารมีฝ่ายตนให้มากขึ้น แต่สร้างความเกลียดชังให้แก่ผู้คนที่รายล้อมและเกี่ยวข้องให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
แรงกดเท่ากับแรงต้าน จะมีสักวันไหม ที่มีการเอาคืน
ตรงนี้ไม่รู้อีกเช่นกันว่า เป็นเรื่องจริง หรือใส่ไฟให้หลิวจินเป็นผู้ร้าย ด้วยมีคนหวังกำจัดคู่แข่งให้พ้นเส้นทาง ด้วยหลิวจินมีอำนาจมากเกินและรังแกฝ่ายตรงข้าม ย่อมมีบางคนที่ต้องการโค่นอำนาจ
แผนการลับที่ว่า หลิวจินหวังในบัลลังก์ให้องค์ชายจูจื้อฝาน และมุ่งมาดหมายเก็บฮ่องเต้นี้รั่วไหลออกมาเสียก่อน  แผนหลุดออกมาได้เยี่ยงไร ไม่รู้ว่า การปล่อยข่าวนี้เป็นแผนใครกันแน่
ถ้าแผนลับนี้หลุดมาจริง ด้วยความเผลอเรอพลั้งพลาด ให้สมควรอยู่หรอก
ไม่นานต่อจากนั้น หลิวจินโดนเก็บเองก่อนที่ความฝันจะเป็นจริง
ฮ่องเต้อาจล่วงรู้ ระแคะระคายว่า หลิวจินเป็นขันทีที่มีอำนาจมากล้น และคิดเปลี่ยนตัวฮ่องเต้ ด้วยฮ่องเต้ไม่ได้อยู่ใต้อาณัติสักเท่าใด การออกนอกวัง และไปนอกเมือง อาจเพื่อหลบให้พ้นจากอำนาจขันที ถือโอกาสรู้จักแผ่นดินอันกว้างใหญ่ที่ตนได้ครอบครอง
การมีสายสนกลในสืบรู้ทุกเรื่องราว คงเป็นสิ่งจำเป็น เมื่อรู้ว่าภัยจะมาถึงตัว จำต้องหาพรรคพวกร่วมกันกำจัดหลิวจินเสียให้พ้นเส้นทางแห่งอำนาจ
เมื่อหลิวจินมีอำนาจล้นฟ้า รองเพียงหนึ่งคือฮ่องเต้ แถมชอบแสดงอำนาตรบาตรใหญ่ กร่างไปทั่ว ทำร้ายผู้คนที่อยู่ฝ่ายตรงข้าม
หลิวจินพบจุดจบเมื่อไปร่วมมือกับองค์ชายจูจื้อฝาน วางแผนการก่อกบฎชิงราชสมบัติ
แผนรั่วไหลด้วยขันทีที่เป็นศัตรูคู่แค้นกัน
แม่ทัพหยางอี๋ชิงกับขันทีจางหย่ง หนึ่งในแปดพยัคฆ์ ฟ้องร้องต่อฮ่องเต้ ในข้อหาความผิดหลายกระทง หนึ่งในนั้นคือข้อหากบฏ จะมีอะไรเหลือ ฮ่องเต้สั่งประหารด้วยวิธีที่ทรมานสุด ๆ ให้แล่เนื้อเถือหนังในที่สาธารณะถึง 3 วัน 3 คืน ให้ได้ 3,375 ครั้ง
ชาวบ้านบางคนมาขอซื้อเนื้อสด ด้วยความเชื่อว่า มันคือยาบำรุงกำลังอย่างดี
หลิวจินโดนจับกุมพร้อมบริวารและญาติ ค้นบ้านที่อาศัย พบทรัพย์สินมีค่ามากมายมหาศาล ไม่รู้จะงกมากไปทำไม เมื่อตนเองเป็นแค่ขันที ไม่มีครอบครัว
สิ่งที่พบ ทองคำแท่งมากถึง 240,000 แท่ง ทองคำก้อนอีก 57,000ก้อน ทองคำ 1แท่งเท่ากับ 10 ก้อน เงิน 5,000,000 แท่ง แหวนทองคำ 3,000 วง เสื้อเกราะทองคำ 2 ชุด อัญมณีอีกจำนวนมาก ทรัพย์สินเหล่านี้ถูกริบเป็นของหลวง ขันทีหลิวจินถูกคำสั่งให้ประหารด้วยวิธีทรมานแล่เนื้อทีละชิ้น
 

ภาพการลงโทษ ความเป็นจริงมีภาพที่น่าเกลียดน่ากลัวกว่านี้เยอะ
 
นิสัยอย่างหนึ่งที่ผู้คนสงสัยคือการบังคับให้ขุนนาง ขันที สาวใช้ และทุกคนในวังแต่งตัวเหมือนพ่อค้าและทำการค้าภายในวัง
การสั่งการเช่นนี้ทำให้บางคนว่าร้ายว่าพระองค์ยังคงเป็นเด็ก ชอบเล่นแบบเด็ก ๆ แล้วถ้าใครไม่ทำตาม อาจโดนลงโทษหรือให้ออกจากตำแหน่งได้
มองอีกมุม อาจให้ทุกคนรู้จักโลกภายนอก ที่จำต้องรู้จักการหาเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเอง
เพราะคำสั่งของฮ่องเต้ย่อมถือเป็นเด็ดขาดถึงแม้จะไม่เห็นด้วยก็ตามที
ถึงแม้จะดูไร้ความสามารถในการบริหารและขาดความรับผิดชอบในหน้าที่ แต่พระองค์มีความสามารถทางการรบ สามารถนำทัพรบชนะชาวมองโกลทางตอนเหนือได้ และปราบกบฏทางตอนใต้ได้เช่นกัน
รัชสมัยของหมิงอู่จงฮ่องเต้ บ้านเมืองมีความสงบสุขร่มรื่นและเจริญก้าวหน้า ชาวยุโรปเริ่มเข้ามาทำการค้า ชาวมุสลิมมาเป็นที่ปรึกษา และทำงานในศาลจำนวนมาก
ยิ่งกว่านั้นฮ่องเต้ยังนิยมทรงเครื่องด้วยชุดมุสลิมบ่อยครั้ง ขนาดฮ่องเต้ไม่ใส่ใจในงานบ้านเมืองเท่าที่ควรบ้านเมืองยังก้าวไปได้ 
 
ถึงแม้พระองค์จะทรงศึกษาในสำนักของกลุ่มขงจื้อ ทรงเก่งในวรรณกรรมขงจื้อ แต่สิ่งที่เรียนรู้ไม่ทำให้พระองค์ฉลาดในการบริหารและมีคุณธรรมเทียบเท่าพระบิดาแม้แต่น้อย
บางคนกล่าวว่า หมิงอู่จงฮ่องเต้หมกมุ่นในไสยศาสตร์ นิยมสิ่งศักดิ์สิทธิ์
 
รัชสมัยของหมิงอู่จงฮ่องเต้สิ้นสุดในวันหนึ่ง หลังจากที่ทรงดื่มหนักและตกจากเรือ จมน้ำ ต่อจากนั้นสวรรคตจากการเจ็บป่วยที่จมน้ำในคลองใหญ่
 



Create Date : 23 สิงหาคม 2563
Last Update : 23 สิงหาคม 2563 7:29:45 น.
Counter : 2819 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments