Group Blog All Blog
|
ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1628 1643
ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1628 – 1643
#พรรณีเกษกมล ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 7 ของราชวงศ์ซ่ง ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ พระนามเดิมเจ้าสู เป็นพระโอรสของฮ่องเต้องค์ที่ 6 ซ่งเฉินจงฮ่องเต้กับเกาฮองเฮา ประสูติวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 1619 ได้ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เก้าชันษา ความหมายพระนามฮ่องเต้ หมายถึง ความฉลาด อำนาจเหนือผู้คนทั้งแผ่นดินด้วยวัยเท่านี้จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพระมารดาหรือเกาไทเฮา เกาฮองเฮากับเกาไทเฮา คือ คนเดียวกัน ฮองเฮาคือพระมเหสีของฮ่องเต้ แต่ไทเฮาคือพระมารดาของฮ่องเต้ เมื่อเกาไทเฮาขึ้นมามีอำนาจกลับมีความคิดทางเดิม คือ คัดค้านการปฏิรูปประเทศของหวังอันสือ และมอบหมายให้ซือหม่ากวงเป็นแกนนำการบริหารประเทศ อำมาตย์ซือหม่ากวง คือ คนที่สนใจหนังสือประวัติศาสตร์ ดังนั้นเกาไทเฮาจึงคิดว่าอำมาตย์ซือหม่ากวงเป็นผู้รอบรู้ที่จะแก้วิกฤติการณ์ของประเทศได้ เมื่อสิ้นเกาไทเฮา พ.ศ. 1636 ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้หันมาให้ความสำคัญต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศของหวังอันสือ ทำให้เกิดการแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงอีกครั้ง การแย่งชิงอำนาจเพื่อการคานอำนาจซึ่งกันและกันเป็นไปตลอดสมัยของซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ ไม่รู้ว่า คนคิดต่างขั้ว มาร่วมกันปกครอง จะดีหรือไม่ ยิ่งหัวอนุรักษ์กับหัวก้าวหน้า ที่อยู่คนละฟากฟ้า คงยากจะโคจรมาบรรจบพบกันได้ ในวงโคจรที่กว้างใหญ่ ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ครองราชย์จนถึงพระชนม์ 25 พรรษา เสด็จสวรรคต วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1643ที่เมืองไคเฟิงพระอนุชาได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1565 - 1606
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1565 - 1606
#พรรณีเกษกมล ซ่งเหรินจงฮ่องเต้หรือซ่งเหยินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 4 ของราชวงศ์ซ่ง ซ่งเหรินจงฮ่องเต้เป็นพระโอรสของซ่งเจินจงฮ่องเต้ ประสูติ พ.ศ. 1553 พระนามเดิมเจ้าโชวอี้ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าเจิน ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 12 พรรษา ขณะนั้นยังไม่สามารถว่าการด้วยพระองค์เองได้ จึงอยู่ภายใต้การดูแลของหลิวไทเฮา ดังนั้นอำนาจในราชสำนักจึงตกเป็นของหลิวไทเฮา อันที่จริงอำนาจในการครองเมืองตกเป็นของผู้หญิงหลายครั้งไม่ว่าจะในตำแหน่งของฮองเฮาหรือไทเฮา ทั้งที่สังคมจีนมักจะคิดว่าผู้ชายควรมีอำนาจมากกว่า เพราะผู้ชายเก่งกว่า แม้แต่ชาวบ้านถ้าได้ลูกชายหัวปีจะดีใจมากที่ได้ทายาทสืบตระกูล หรือถ้ามีลูกหลานเป็นชายจะยินดีมากกว่าได้ลูกสาว แผ่นดินจีนภายใต้ราชสำนักได้อยู่ในอำนาจการปกครองของผู้หญิงหลายครั้งทั้งที่เปิดเผยหรืออยู่เบื้องหลังบัลลังก์ หลิวไทเฮาเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 1576 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้จึงได้มีอำนาจเต็มตัว ไม่นานต่อมาราชวงศ์ซ่งเหนือปะทะศึกกับพวกซีเซี่ยแต่ต้องพ่ายแพ้เพราะความอ่อนแอของกองทัพ ซ่งเหรินจงฮ่องเต้คงอ่านประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ซ่งเหนือและคิดว่ากองทัพมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าความเจริญภายในประเทศ เมื่อคิดได้เช่นนี้การเร่งปรับปรุงกองทัพจึงเกิดขึ้นทันที พ.ศ. 1581 หลี่หยวนเฮ่า ผู้นำคนใหม่ของแคว้นซี่เซี่ยได้ฉีกสัญญาพันธมิตรที่มีมากว่า 30 ปี เข้ารุกรานดินแดนภาคตะวันตกของซ่งเหนือ ขณะที่กองทัพซ่งเหนือพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามที่จะเจรจาทำสัญญาสงบศึกแต่ไม่สำเร็จ การศึกหารู้ไม่ ใครจะแพ้ใครจะชนะในตอนจบ ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ครั้งแล้วครั้งเล่า การศึกที่ซีเซี่ยได้ชัยชนะ หาได้เป็นผลดีต่อซีเซี่ยไม่ เพราะนานวันเข้าการค้าต้องหยุดชะงักลง ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี ในที่สุดทางฝ่ายซีเซี่ยต้องขอยุติศึก ศึกครั้งนี้กลับตาลปัตร ชนะหลายครั้งหลายครา กลับพ่ายแพ้ในที่สุด ยอมสงบศึกน่าจะดีกว่านะ ชาวบ้านจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ค้าขายมั่งคั่งร่ำรวย สัญญาสงบศึกครั้งนี้ ซีเซี่ยยอมสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ซ่งเหนือและราชวงศ์ซ่งเหนือได้มอบผ้าไหมแพรพรรณเงินทองและชาให้ซีเซี่ย เพื่อสานสัมพันธ์ให้ดีดังเดิม พ.ศ. 1586 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้ฟ่านจ้งเยียนปฏิรูปการปกครองภายในประเทศ การปฏิรูปใด ๆ ย่อมเกิดกลุ่มผู้ได้ประโยชน์และกลุ่มผู้เสียประโยชน์ ถ้าบังเอิญกลุ่มผู้เสียประโยชน์เป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มผู้มีอำนาจในขณะนั้น การปฏิรูปคงจะยากเย็นแสนเข็ญหรือไม่ก็ไม่มีทางสำเร็จ ฟ่านจ้งเยียนทำไม่สำเร็จ ผ่านไปปีเดียวต้องยกเลิกการปฏิรูปครั้งนี้เพราะเกิดการคัดค้านอย่างรุนแรงจากบรรดาขุนนางและตระกูลใหญ่ เมื่อซ่งเหรินจงฮ่องเต้คิดว่ากองทัพมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าความเจริญภายในประเทศ การเร่งปรับปรุงกองทัพได้เกิดขึ้น พอมาถึงปลายสมัยของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ หวังอันสือได้เสนอแนวทางการปฏิรูปทางการทหาร ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกทหารเกณฑ์ นายทหารระเบียบข้อบังคับ การคลังทางการทหารปรับระบบเกือบทั้งหมด ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยอาจจะไม่อยากเห็นการหักด้ามพร้าด้วยเข่า หรือเมื่อเจริญวัยสูงขึ้นการตัดสินใจเลือกรับสิ่งใหม่ ๆ ย่อมลดน้อยลง การเป็นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในการตัดสินใจย่อมยุ่งยากลำบากใจกับการตัดสินใจและผลที่จะตามมา ไม่ว่าจะคิดและตัดสินใจเช่นไรย่อมส่งผลกระทบต่อคนบางกลุ่มเสมอ ในสมัยของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ได้มอบอำนาจการปกครองผ่านเจ้าเมืองแต่ละเมือง และอำนาจนี้ได้รวมถึงการตัดสินว่าความคดีต่าง ๆ ด้วย พระองค์จะไม่เข้ามาก้าวก่ายราชกิจที่ได้มอบหมายไปแล้วเป็นอันขาด ไม่ว่าจะส่งผลเสียหายร้ายแรงหรือกระทบต่อพระองค์ เปาบุ้นจิ้นเป็นเจ้าเมืองไคเฟิงมีหน้าที่ตัดสินคดีความใหญ่ ๆ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเจ้านายในราชสำนักหรือผู้มีอิทธิพล ได้ยึดความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง ในเมืองไทยรู้จักเปาบุ้นจิ้นกันแทบทุกคน และรู้ว่าเป็นคนที่รักษาความยุติธรรมยิ่งชีวิต หลายครั้งที่ผลการตัดสินคดี ส่งตรงต่อเจ้านายในราชสำนัก ซึ่งซ่งเหรินจงฮ่องเต้จะให้ทุกคนยอมรับผลที่เกิดขึ้น โดยไม่ขอใช้อำนาจก้าวล่วงเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน อันที่จริงมีคนกล่าวหาว่า ซ่งเหรินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่อ่อนแอ ไม่กล้าตัดสินใจใด ๆ จึงไม่กล้าที่จะคัดค้านผู้มีอำนาจคนใด รวมทั้งไม่กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองเดิม เรียกว่าไม่ใช่เป็นนักปฏิวัตินักปฏิรูปรวมทั้งไม่มีวิสัยทัศน์ และไม่คิดจะพัฒนานวตกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น การยอมปล่อยให้เปาบุ้นจิ้นเจ้าเมืองไคเฟิงที่เป็นเมืองหลวงในขณะนั้นตัดสินว่าความโดยไม่ทักท้วง เป็นเพราะบุคลิกส่วนตัวของซ่งเหรินจงฮ่องเต้อยู่แล้ว ทำให้เปาบุ้นจิ้นกลายเป็นเทพแห่งความยุติธรรมในสายตาชาวบ้านนับตั้งแต่ในครั้งนั้นจนถึงปัจจุบัน เปาบุ้นจิ้นเทพแห่งความยุติธรรม ด้วยมีอำนาจเต็มที่จะตัดสินคดีความ หากโดนแทรกแซงคงยากจะทำได้ ที่จะตัดสินด้วยความเที่ยงธรรมจริง ๆ เปาบุ้นจิ้นมีตำแหน่งสูงในวงราชการ แต่ใช้ชีวิตเรียบง่ายจนเป็นที่เลื่องลือ มีชื่อเสียงในการตรวจสอบการทุจริต กับทั้งอุปนิสัยที่เข้มงวดกวดขัน และไม่อดทนหรือรอมชอมต่อความอยุติธรรมและการฉ้อฉล บุคลิกภาพวางตัวเคร่งครัดเคร่งขรึม ถึงขนาดพูดกันทั่วไปว่า รอยยิ้มของเขาหาดูยากยิ่งกว่าแม่น้ำฮวงโหที่มีสีใสสะอาด เปาบุ้นจิ้นหรือเปาเจิ่ง ได้ชื่อเสียงว่า เป็นผู้รักความยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ได้รับประทานสมัญญาว่า "เซี่ยวซู่" แปลว่า กตัญญูปูชนีย์ ก่อนเสียชีวิต เปาเจิ่ง สั่งเสียไว้ว่า ลูกหลานคนใดเป็นข้าราชการแล้วกินสินบาตรคาดสินบน ห้ามกลับคืนมายังบ้าน และห้ามเผาผีร่วมสกุลกันอีก ใครไม่นับถือคุณงามความดี เราไม่นับเป็นลูกเป็นหลาน เป็นไงล่ะ แม้ตายยังห่วงเรื่องคุณธรรมอีก เชื่อแล้ว พ.ศ. 1606 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้สวรรคตขณะมีพระชนม์ 53 พรรษา ครองราชย์นาน 41 ปี ช่วงระยะเวลาครองราชย์ที่ยาวนานกว่ารัชกาลอื่นทำให้จีนเริ่มเป็นปึกแผ่นมากขึ้น บุคลิกของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ในสายตาของผู้มีอำนาจสูงสุด ที่ไม่ใช้อำนาจเผด็จการ กระทำการรุนแรงนั้น แต่ให้คนที่ทำงานสุจริตได้ทำงานเต็มที่ นับว่าสุดยอดอย่างยิ่ง ให้แต่ละฟันเฟืองได้เดินหน้า นโยบายด้านต่างประเทศจะเน้นที่สันตินิยม ทำให้การทหารลดความเข้มแข็งลง ประเทศราชบางประเทศตีตัวออกห่าง ราชวงศ์เซี่ยตะวันตกรุกรานชายแดนจีน ส่งผลให้เกิดการปฏิรูประบบการทหารและฟื้นฟูสัมพันธภาพกับราชวงศ์เหลียว ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมหาศาล ยุคนี้จึงกลายเป็นยุคข้าวยากหมากแพงเนื่องด้วยรัฐต้องนำเงินท้องพระคลังมาใช้จ่าย คนยากไร้ถูกขูดรีดภาษีอากร จากยุคนี้ทำให้ราชวงศ์ซ่งเริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ การครองราชย์เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเกิดได้ทั้งผลดีและผลร้าย ถ้าฮ่องเต้เก่งกาจจะมีเวลาในการพัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าฮ่องเต้ไร้สมรรถภาพบ้านเมืองจะค่อย ๆ อ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ ซ่งเฉินจงฮ่องเต้พ.ศ. 1610 - 1628
#พรรณีเกษกมล
ซ่งเฉินจงฮ่องเต้พ.ศ. 1610 - 1628 ซ่งเฉินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 6 ของราชวงศ์ซ่ง ซ่งเฉินจงฮ่องเต้เป็นพระโอรสของซ่งอิงจงฮ่องเต้ ประสูติ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 1591 ได้ขึ้นครองราชย์ขณะที่มีพระชนม์ 19 พรรษาครองราชย์ได้นาน 18 ปี พระนามฮ่องเต้ หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ รัชศกซิหนิง หมายถึง สันติสุข พ.ศ. 1611 และรัชศกหยวนเฟิง พ.ศ. 1611 – 1628 หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ สวรรคตวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 1628 ความหวังของหวังอันสือแกนนำการปฏิรูปทางการทหารได้สมหวังในสมัยของซ่งเฉินจงฮ่องเต้ แนวทางการปฏิรูปของหวังอันสือนอกจากเน้นด้านการทหารแล้วยังรวมถึงการปฏิรูปสังคม การคลัง การบริหารราชการแผ่นดินภายในประเทศ ราชวงศ์ซ่งเหนือได้สะสมปัญหา ตั้งแต่ฮ่องเต้องค์แรกที่ไม่ทำให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาบ้านเมืองกับการพัฒนากองทัพ เมื่อมาถึงสมัยของซ่งเฉินจงฮ่องเต้ วิกฤตการณ์ทางการเงินการคลังไปไกลเกือบจะถึงจุดสุดยอดยากแก่การเยียวยาแล้ว หน่วยงานราชการขยายตัวเป็นสิบเท่าเมื่อเทียบกับตอนเริ่มตั้งหน่วยงาน ค่าใช้จ่ายของกองทัพมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ประเทศทั้งที่ไม่มีประสิทธิภาพ ซ่งเฉินจงฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้หวังอันสือเป็นแกนนำการปฏิรูปประเทศ สิ่งแรกที่หวังอันสือทำ คือ การจัดเก็บรายได้เข้าท้องพระคลังเพิ่มเติม ผู้เดือดร้อนแน่นอน คือ กลุ่มพ่อค้า ข้าราชการ ตระกูลใหญ่ ส่วนชาวบ้านราษฎรทั่วไปได้ลดหย่อนการเก็บภาษีและการเกณฑ์แรงงาน เร่งการปรับปรุงชลประทาน ทั้งหมดที่ทำได้เพิ่มยอดเงินเข้าท้องพระคลังแน่นอน แต่ความขัดแย้งย่อมเกิดตามมาเป็นเงาตามตัวเช่นกัน อย่าลืมว่าใครคือผู้มีอิทธิพลของประเทศ ถ้าไม่ใช่กลุ่มที่ต้องเสียภาษีให้แก่รัฐเพิ่มขึ้นจากเดิม ในสมัยนี้การคัดค้านหวังอันสือ ในการปฏิรูปประเทศรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การหมดอำนาจของหวังอันสือเป็นอันยุติไปพร้อมกับการสวรรคตของซ่งเฉินจงฮ่องเต้ เมื่อผู้หนุนหลังไม่มีผู้ก่อการย่อมหมดอำนาจตามไปด้วย ต้องนับว่าซ่งเฉินจงฮ่องเต้เป็นผู้กล้าคนหนึ่งที่คิดทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ประเทศแม้ตนต้องสูญเสียฐานเสียงจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย รัชกาลนี้อำมาตย์ซือหม่ากวงสนใจหนังสือประวัติศาสตร์ 1,000 ปี ล่วงมาแล้วของราชวงศ์โจวที่เขียนเกี่ยวกับการปกครองที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ต้องการ รวมทั้งวรรณกรรมการทหาร 7 เล่ม บรรยายการทหารในสมัยถังไท่จงฮ่องเต้เป็นการถามตอบระหว่างถังไท่จงฮ่องเต้กับหลี่เหวยกง ซ่งอิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1606 1610
ซ่งอิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1606 – 1610
#พรรณีเกษกมล ซ่งอิงจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 5 ของราชวงศ์ซ่ง ซ่งอิงจงฮ่องเต้ พระนามเดิมเจ้าจงชิ เป็นพระโอรสบุญธรรมของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ เป็นพระนัดดาในฮ่องเต้องค์ที่ 3 ซ่งเจินจงฮ่องเต้ ประสูติ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1575 ครองราชย์เมื่อพระชนม์ 31 พรรษา ความหมายพระนามฮ่องเต้หมายถึงผู้ปกครองที่ฉลาดเฉลียว แต่ครองราชย์ได้เพียง 4 ปี สวรรคตเมื่อพระชนม์ 35 พรรษา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 1610 พระอัยกาของซ่งอิงจงฮ่องเต้ คือ เจ้าหยวนเฟินหรือองค์ชายชางกงยิงและเป็นพระอนุชาของซ่งเจินจงฮ่องเต้ สายตรงไม่มี ญาติสนิทมีโอกาสได้ ไล่เรียงลำดับกันเป็นพระญาติสนิทของฮ่องเต้ การพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า ด้วยนโยบายเน้นความเจริญภายในประเทศมากกว่าการส่งเสริมกำลังทหารของราชวงศ์ซ่งเหนือตั้งแต่ฮ่องเต้องค์แรกแล้ว ส่งผลให้ข้าราชการท้องถิ่นและข้าราชสำนักมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว ค่าใช้จ่ายที่ทางการต้องจ่ายเป็นเงินเดือนให้นั้นสูงขึ้น พอมาถึงสมัยของซ่งอิงจงฮ่องเต้ เงินในท้องพระคลังแทบไม่มีเหลือเมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายรับ ส่งผลให้ราชสำนักคลอนแคลน เมื่อทุกคนรู้ว่าการคลังของประเทศง่อนแง่น แทนที่พวกข้าราชการจะคิดการเพื่อให้ตนได้อยู่รอดและอย่างยั่งยืน กลับคิดว่าคงใกล้สิ้นอนาคตแล้ว ต่างฝ่ายต่างรีบหาหนทางที่จะเอาเงินเข้าพกเข้าห่อตนเองให้ได้มากที่สุด เท่ากับเป็นการเร่งให้ความหายนะเกิดเร็วขึ้น เห็นแก่ตัว เป็นเช่นนี้เอง อนาคตของตน หายหมด ชาติมั่นคง ตนมั่งคั่ง ชาติล่มสลาย ตนม้วยมอด เมื่ออยู่ในสมัยของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ คงจำหวังอันสือแกนนำการปฏิรูปทางการทหารได้ หวังอันสือยังไม่เลิกล้มความคิดนี้ แม้จะไม่ได้รับการตอบรับจากซ่งเหรินจงฮ่องเต้ก็ตามที สมัยต่อมาซึ่งมีช่วงเวลาสั้น ๆ 4 ปี หวังอันสือยังคงคิดและจะทำอย่างต่อเนื่อง พ.ศ. 1598 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ประชวรและไม่มีทายาทสืบทอด ซ่งอิงจงฮ่องเต้เป็นพระโอรสองค์ที่ 13 ของเจ้าหยุนหรัง หรือองค์ชายปูอันยิ ผู้ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการปกครองราชสำนักขณะนั้น เจ้าหยุนหรังเคยได้รับเลือกให้เป็นทายาทสืบทอดอำนาจในสมัยของซ่งเจินจงฮ่องเต้ก่อนที่ซ่งเหรินจงฮ่องเต้จะประสูติ 10 ปีก่อนหน้านั้น ประวัติศาสตร์จีน
#หนังสือชุดประวัติศาสตร์จีน #พรรณี เกษกมล 1. ฮ่องเต้ พ.ศ. 2556 ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของจักรพรรดิจีนจากราชวงศ์ฉินยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ จนถึงราชวงศ์ชิงยุคจักรพรรดิองค์สุดท้าย เรื่องราวของฮ่องเต้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจและสร้างชาติจีนให้ยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้ ด้วยอำนาจของฮ่องเต้ทำให้สามารถครอบครองแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ และทำให้จีนครองความยิ่งใหญ่เป็นมหาอาณาจักรมานานนับหลายพันปีจวบจนถึงปัจจุบัน การเรียนรู้ประวัติของฮ่องเต้จึงเท่ากับเรียนรู้การก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ของประเทศจีนด้วย 2. บัลลังก์มังกร1 ราชวงศ์ฉินกับฮั่น พ.ศ. 2562 ชีวิตของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุด ผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าอ๋องทั้งปวงยุคจักรวรรดิตั้งแต่เริ่มต้นราชวงศ์ฉินจนถึงราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเป็นช่วงที่จีนเข้มแข็งมากที่สุด มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล และวางรากฐานแห่งอารยธรรมที่ทำให้จีนโลดแล่นโดดเด่นที่สุดจนถึงทุกวันนี้ การผลัดเปลี่ยนจากอำนาจหนึ่งไปสู่อีกอำนาจหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นไปอย่างเรียบง่ายหรืออุกฉกรรจ์จนเกินคาดคิด การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเจริญมั่งคั่งรุ่งเรืองหรือถดถอยลงล้วนแล้วแต่เกิดจากผู้นำสูงสุด ซึ่งฮ่องเต้เป็นตัวแทนของอำนาจที่มีมาเนิ่นนานของประเทศจีน และเป็นบุคคลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะฮ่องเต้มีส่วนทำให้ประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าอาจจะสะดุดหยุดลงไปชั่วคราวหลังจากสิ้นสุดราชวงศ์ชิงและหมดสิ้นฮ่องเต้ไปด้วย การเรียนรู้ เข้าใจประวัติของฮ่องเต้และยอมรับในความเป็นจีนอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็งเช่นกันกับจีน 3. จูหยวนจาง #ตาแตม พ.ศ. 2563 จากชาวนาผู้ยากไร้ แร้นแค้น ไม่มีแม้ที่ฝังศพพ่อแม่และพี่ชาย ปราบดาภิเษกเป็นหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ สถาปนาราชวงศ์หมิง พลิกฟื้นคืนแผ่นดินของชาวฮั่นให้เป็นของชาวฮั่นดังเดิม ทวงคืนจากชาวมองโกลที่ปกครองด้วยความอยุติธรรม สร้างความมั่นคง มั่งคั่งให้แก่ฐานรากแผ่นดินจีนถึงทุกวันนี้ ในยุคที่บ้านเมืองตกต่ำถึงขีดสุด เมื่อชาวฮั่นเจ้าของแผ่นดินรู้สึกโดนหยามเกียรติ ชาวมองโกลมายึดแผ่นดินของตน ทั้งบ้านทั้งเมืองต่างก่นบ่นว่า เพราะราชวงศ์หยวนเป็นต้นเหตุ จึงเกิดเหตุเภทภัยร้ายแรง กลุ่มกบฏชาวฮั่นผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด อุดมการณ์การต่อสู้แพร่ขยายอย่างรวดเร็ว ทำให้จูหยวนจางที่จำต้องออกบวชเป็นภิกษุ เที่ยวเร่ร่อนภิกขาจารเพื่อหาอาหารยังชีพ ขอเข้าร่วมลัทธิบัวขาว ท้ายสุดแห่งอำนาจ จูหยวนจางผู้มากล้นด้วยอำนาจกลับกลายเป็นทรราช เข่นฆ่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่จนหมดสิ้น ด้วยเกรงไปว่าตนจะสูญสิ้นซึ่งอำนาจ 4. บัลลังก์มังกร2 ราชวงศ์หมิง #ตาแตม พ.ศ. 2563 ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุด ยุคจักรวรรดิที่ชาวฮั่นยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินจีน เริ่มจากชาวนาจีนผู้ไม่ยอมสยบใต้อำนาจมองโกเลีย ราชวงศ์หยวนที่กดขี่ข่มเหงรังแกชาวฮั่นชาวจีนแท้ แต่สิ้นสุดราชวงศ์หมิงให้กับชาวแมนจูเลียราชวงศ์ชิง การผลัดแผ่นดินจากอำนาจหนึ่งไปสู่อีกอำนาจหนึ่ง อาจเป็นไปอย่างเรียบง่ายหรืออุกฉกรรจ์จนเกินคาดคิด 5. บัลลังก์มังกร 3 ยุคสามก๊ก #พัทธดนย์ เกษกมล พ.ศ. 2565 ฮ่องเต้คือผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิจีน และเป็นจีนหนึ่งเดียว แต่เมื่อมีผู้หนึ่งที่บังอาจเทียบรัศมี จะปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ในราชวงศ์ใหม่ แล้วฮ่องเต้ยุคสามก๊กมีถึงสามพระองค์ จากสามราชวงศ์ ยุคนี้แผ่นดินจีนร้อนเป็นไฟ มีศึกสงครามทุกหย่อมหญ้า ก๊กเล็กก๊กน้อยเต็มไปหมด สู้กันไปมาจนเหลือสามก๊กใหญ่ แล้วปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ ชุดบัลลังก์มังกร เล่มที่ 3 เป็นเรื่องราวของฮ่องเต้จากสามราชวงศ์ ที่แผ่นดินจีนแตกแยกเป็นสามส่วน เรื่องยุ่ง ๆ ของการเข้าสู่อำนาจ การดำรงคงอยู่ และส่งต่อลูกหลาน การแก่งแย่งชิงดีในราชสำนัก รวมถึงการล่มสลาย สิ้นราชวงศ์และเข้าสู่ราชวงศ์จิ้น อำนาจที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า เปลี่ยนมือคนแล้วคนเล่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจใฝ่รู้ว่าเกิดได้เยี่ยงไร ถึงการเข้าสู่อำนาจ การครองอำนาจในมือ และสิ้นสูญอำนาจ 6. ยุทธวิถีผู้กล้าแห่งสามก๊ก #ทิตา พ.ศ. 2566 สามก๊ก วรรณกรรมอันลือลั่นของจีน มีตัวละครจริงในประวัติศาสตร์ ในช่วงสงครามแก่งแย่งอำนาจและแผ่นดิน เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธิ์เยี่ยมยอด เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย นอกจากฝีมือการรบ การเอาชนะ ทำให้ได้เรียนรู้ยุทธวิถี tactics ที่จำเป็นต้องมี จึงจะอยู่รอด และอยู่อย่างผู้ชนะ บทเรียนที่มีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังในการเก็บเกี่ยวและนำมาใช้ 7. อำนาจพลิกขั้ว มังกรผงาดฟ้า พรรณี เกษกมล 4/3/2567 อำนาจเปลี่ยนมือ พลิกผืนฟ้า ผลัดแผ่นดินจีน เรียนรู้เรื่องราวแห่งอำนาจ ที่ไม่ได้จีรังยั่งยืน อำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิต เหนือทุกผู้คนใต้หล้า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่คับฟ้ามากล้นเพียงใด ในวันนี้ พรุ่งนี้อาจดับสูญสลาย หดหายมลายสิ้น การก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่และสืบทอดอำนาจส่งต่อให้ลูกหลาน ได้ครองบ้านครองเมือง เสพสุขมิรู้สิ้น จะได้นานสักเท่าใดไม่รู้ พอสิ้นวาสนาจำต้องส่งต่อให้กับคนที่มีอำนาจสูงส่งเหนือกว่าอย่างจำใจ บทเรียนจากจีน ประเทศที่ยิ่งใหญ่เรืองอำนาจ จากยุคเริ่มรวมตัวเป็นจักรวรรดิ มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร จวบจนสิ้นอำนาจราชวงศ์ ฮ่องเต้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือแผ่นดิน หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินจีน เริ่มจากราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ราชวงศ์ซิน ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก สามก๊ก ราชวงศ์จิ้นตะวันตก ราชวงศ์จิ้นตะวันออก 8. อำนาจพลิกขั้ว มังกรผงาดฟ้า เล่ม 2 พรรณี เกษกมล 23/4/2567 อำนาจเปลี่ยนมือ พลิกผืนฟ้า ผลัดแผ่นดินจีน อำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิต เหนือทุกผู้คนใต้หล้า ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามแต่ผู้มีพละกำลังสูงสุดในขณะนั้น เมื่อไม่มีใครยอมใคร จึงมีฮ่องเต้หลายองค์พร้อมกัน แต่เมื่อมีผู้เก่งกาจจะรวบรวมจักรวรรดิยิ่งใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง บทเรียนจากจีน ที่ยิ่งใหญ่เป็นมหาจักรวรรดิ แตกแยกเป็น ห้าราชวงศ์ หรือ 5 ชนเผ่า ได้แก่ ซงหนู เซียนเปย เจี๋ย ตี เชียง และแบ่งเป็น 16 แคว้น แล้วมารวมตัวกัน สู้รบจนเหลือราชวงศ์เหนือใต้ รวมแผ่นดินเป็นหนึ่งอีกครั้งในราชวงศ์สุย แล้วผงาดยิ่งใหญ่เป็นราชวงศ์ถัง แต่สิ้นสุดด้วยขันทีที่เป็นอำนาจแฝง |
สมาชิกหมายเลข 4665919
![]() ![]() ![]() ![]() ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
Friends Blog Link |