All Blog
ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1628 – 1643
ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1628 – 1643
#พรรณีเกษกมล
ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 7 ของราชวงศ์ซ่ง
ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ พระนามเดิมเจ้าสู เป็นพระโอรสของฮ่องเต้องค์ที่ 6 ซ่งเฉินจงฮ่องเต้กับเกาฮองเฮา ประสูติวันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 1619 ได้ขึ้นครองราชย์ด้วยพระชนม์เก้าชันษา
ความหมายพระนามฮ่องเต้ หมายถึง ความฉลาด อำนาจเหนือผู้คนทั้งแผ่นดินด้วยวัยเท่านี้จึงต้องอยู่ภายใต้การดูแลของพระมารดาหรือเกาไทเฮา
เกาฮองเฮากับเกาไทเฮา คือ คนเดียวกัน 
ฮองเฮาคือพระมเหสีของฮ่องเต้ แต่ไทเฮาคือพระมารดาของฮ่องเต้
เมื่อเกาไทเฮาขึ้นมามีอำนาจกลับมีความคิดทางเดิม คือ คัดค้านการปฏิรูปประเทศของหวังอันสือ และมอบหมายให้ซือหม่ากวงเป็นแกนนำการบริหารประเทศ
อำมาตย์ซือหม่ากวง คือ คนที่สนใจหนังสือประวัติศาสตร์ 
ดังนั้นเกาไทเฮาจึงคิดว่าอำมาตย์ซือหม่ากวงเป็นผู้รอบรู้ที่จะแก้วิกฤติการณ์ของประเทศได้
เมื่อสิ้นเกาไทเฮา พ.ศ. 1636 ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้หันมาให้ความสำคัญต่อแนวทางการปฏิรูปประเทศของหวังอันสือ ทำให้เกิดการแตกแยกทางความคิดอย่างรุนแรงอีกครั้ง 
การแย่งชิงอำนาจเพื่อการคานอำนาจซึ่งกันและกันเป็นไปตลอดสมัยของซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้

ไม่รู้ว่า คนคิดต่างขั้ว มาร่วมกันปกครอง จะดีหรือไม่
ยิ่งหัวอนุรักษ์กับหัวก้าวหน้า ที่อยู่คนละฟากฟ้า
คงยากจะโคจรมาบรรจบพบกันได้ ในวงโคจรที่กว้างใหญ่

ซ่งเจ๋อจงฮ่องเต้ครองราชย์จนถึงพระชนม์ 25 พรรษา เสด็จสวรรคต วันที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1643ที่เมืองไคเฟิงพระอนุชาได้ขึ้นครองราชย์ต่อมา



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2568 4:22:57 น.
Counter : 142 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1565 - 1606
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1565 - 1606
#พรรณีเกษกมล
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้หรือซ่งเหยินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 4 ของราชวงศ์ซ่ง
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้เป็นพระโอรสของซ่งเจินจงฮ่องเต้ ประสูติ พ.ศ. 1553 พระนามเดิมเจ้าโชวอี้ ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็นเจ้าเจิน ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 12 พรรษา ขณะนั้นยังไม่สามารถว่าการด้วยพระองค์เองได้ จึงอยู่ภายใต้การดูแลของหลิวไทเฮา
ดังนั้นอำนาจในราชสำนักจึงตกเป็นของหลิวไทเฮา 
อันที่จริงอำนาจในการครองเมืองตกเป็นของผู้หญิงหลายครั้งไม่ว่าจะในตำแหน่งของฮองเฮาหรือไทเฮา ทั้งที่สังคมจีนมักจะคิดว่าผู้ชายควรมีอำนาจมากกว่า เพราะผู้ชายเก่งกว่า แม้แต่ชาวบ้านถ้าได้ลูกชายหัวปีจะดีใจมากที่ได้ทายาทสืบตระกูล หรือถ้ามีลูกหลานเป็นชายจะยินดีมากกว่าได้ลูกสาว 
แผ่นดินจีนภายใต้ราชสำนักได้อยู่ในอำนาจการปกครองของผู้หญิงหลายครั้งทั้งที่เปิดเผยหรืออยู่เบื้องหลังบัลลังก์
หลิวไทเฮาเสียชีวิตเมื่อ พ.ศ. 1576 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้จึงได้มีอำนาจเต็มตัว ไม่นานต่อมาราชวงศ์ซ่งเหนือปะทะศึกกับพวกซีเซี่ยแต่ต้องพ่ายแพ้เพราะความอ่อนแอของกองทัพ 
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้คงอ่านประวัติศาสตร์ของราชวงศ์ซ่งเหนือและคิดว่ากองทัพมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าความเจริญภายในประเทศ 
เมื่อคิดได้เช่นนี้การเร่งปรับปรุงกองทัพจึงเกิดขึ้นทันที

พ.ศ. 1581 หลี่หยวนเฮ่า ผู้นำคนใหม่ของแคว้นซี่เซี่ยได้ฉีกสัญญาพันธมิตรที่มีมากว่า 30 ปี เข้ารุกรานดินแดนภาคตะวันตกของซ่งเหนือ
ขณะที่กองทัพซ่งเหนือพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามที่จะเจรจาทำสัญญาสงบศึกแต่ไม่สำเร็จ 

การศึกหารู้ไม่ ใครจะแพ้ใครจะชนะในตอนจบ
ผลัดกันแพ้ ผลัดกันชนะ ครั้งแล้วครั้งเล่า

การศึกที่ซีเซี่ยได้ชัยชนะ หาได้เป็นผลดีต่อซีเซี่ยไม่ เพราะนานวันเข้าการค้าต้องหยุดชะงักลง ทำให้เศรษฐกิจไม่ดี ในที่สุดทางฝ่ายซีเซี่ยต้องขอยุติศึก  

ศึกครั้งนี้กลับตาลปัตร ชนะหลายครั้งหลายครา
กลับพ่ายแพ้ในที่สุด ยอมสงบศึกน่าจะดีกว่านะ
ชาวบ้านจะได้อยู่เย็นเป็นสุข ค้าขายมั่งคั่งร่ำรวย
สัญญาสงบศึกครั้งนี้ ซีเซี่ยยอมสวามิภักดิ์ต่อราชวงศ์ซ่งเหนือและราชวงศ์ซ่งเหนือได้มอบผ้าไหมแพรพรรณเงินทองและชาให้ซีเซี่ย เพื่อสานสัมพันธ์ให้ดีดังเดิม
พ.ศ. 1586 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้ฟ่านจ้งเยียนปฏิรูปการปกครองภายในประเทศ 
การปฏิรูปใด ๆ ย่อมเกิดกลุ่มผู้ได้ประโยชน์และกลุ่มผู้เสียประโยชน์ 
ถ้าบังเอิญกลุ่มผู้เสียประโยชน์เป็นกลุ่มเดียวกับกลุ่มผู้มีอำนาจในขณะนั้น การปฏิรูปคงจะยากเย็นแสนเข็ญหรือไม่ก็ไม่มีทางสำเร็จ 
ฟ่านจ้งเยียนทำไม่สำเร็จ ผ่านไปปีเดียวต้องยกเลิกการปฏิรูปครั้งนี้เพราะเกิดการคัดค้านอย่างรุนแรงจากบรรดาขุนนางและตระกูลใหญ่
เมื่อซ่งเหรินจงฮ่องเต้คิดว่ากองทัพมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าความเจริญภายในประเทศ การเร่งปรับปรุงกองทัพได้เกิดขึ้น 
พอมาถึงปลายสมัยของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ หวังอันสือได้เสนอแนวทางการปฏิรูปทางการทหาร ตั้งแต่ระบบการคัดเลือกทหารเกณฑ์ นายทหารระเบียบข้อบังคับ การคลังทางการทหารปรับระบบเกือบทั้งหมด
ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ไม่เห็นด้วยอาจจะไม่อยากเห็นการหักด้ามพร้าด้วยเข่า หรือเมื่อเจริญวัยสูงขึ้นการตัดสินใจเลือกรับสิ่งใหม่ ๆ ย่อมลดน้อยลง
การเป็นผู้ใหญ่ที่มีอำนาจในการตัดสินใจย่อมยุ่งยากลำบากใจกับการตัดสินใจและผลที่จะตามมา ไม่ว่าจะคิดและตัดสินใจเช่นไรย่อมส่งผลกระทบต่อคนบางกลุ่มเสมอ
ในสมัยของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ได้มอบอำนาจการปกครองผ่านเจ้าเมืองแต่ละเมือง และอำนาจนี้ได้รวมถึงการตัดสินว่าความคดีต่าง ๆ ด้วย พระองค์จะไม่เข้ามาก้าวก่ายราชกิจที่ได้มอบหมายไปแล้วเป็นอันขาด ไม่ว่าจะส่งผลเสียหายร้ายแรงหรือกระทบต่อพระองค์
เปาบุ้นจิ้นเป็นเจ้าเมืองไคเฟิงมีหน้าที่ตัดสินคดีความใหญ่ ๆ โดยไม่สนใจว่าจะเป็นเจ้านายในราชสำนักหรือผู้มีอิทธิพล ได้ยึดความยุติธรรมเป็นที่ตั้ง 
ในเมืองไทยรู้จักเปาบุ้นจิ้นกันแทบทุกคน และรู้ว่าเป็นคนที่รักษาความยุติธรรมยิ่งชีวิต 
หลายครั้งที่ผลการตัดสินคดี ส่งตรงต่อเจ้านายในราชสำนัก ซึ่งซ่งเหรินจงฮ่องเต้จะให้ทุกคนยอมรับผลที่เกิดขึ้น โดยไม่ขอใช้อำนาจก้าวล่วงเปลี่ยนแปลงคำตัดสิน
อันที่จริงมีคนกล่าวหาว่า ซ่งเหรินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้ที่อ่อนแอ ไม่กล้าตัดสินใจใด ๆ จึงไม่กล้าที่จะคัดค้านผู้มีอำนาจคนใด รวมทั้งไม่กล้าทำสิ่งใหม่ ๆ ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปตามครรลองเดิม เรียกว่าไม่ใช่เป็นนักปฏิวัตินักปฏิรูปรวมทั้งไม่มีวิสัยทัศน์ และไม่คิดจะพัฒนานวตกรรมใด ๆ ทั้งสิ้น 
การยอมปล่อยให้เปาบุ้นจิ้นเจ้าเมืองไคเฟิงที่เป็นเมืองหลวงในขณะนั้นตัดสินว่าความโดยไม่ทักท้วง เป็นเพราะบุคลิกส่วนตัวของซ่งเหรินจงฮ่องเต้อยู่แล้ว ทำให้เปาบุ้นจิ้นกลายเป็นเทพแห่งความยุติธรรมในสายตาชาวบ้านนับตั้งแต่ในครั้งนั้นจนถึงปัจจุบัน

เปาบุ้นจิ้นเทพแห่งความยุติธรรม
ด้วยมีอำนาจเต็มที่จะตัดสินคดีความ
หากโดนแทรกแซงคงยากจะทำได้
ที่จะตัดสินด้วยความเที่ยงธรรมจริง ๆ

เปาบุ้นจิ้นมีตำแหน่งสูงในวงราชการ แต่ใช้ชีวิตเรียบง่ายจนเป็นที่เลื่องลือ มีชื่อเสียงในการตรวจสอบการทุจริต กับทั้งอุปนิสัยที่เข้มงวดกวดขัน และไม่อดทนหรือรอมชอมต่อความอยุติธรรมและการฉ้อฉล 
บุคลิกภาพวางตัวเคร่งครัดเคร่งขรึม ถึงขนาดพูดกันทั่วไปว่า รอยยิ้มของเขาหาดูยากยิ่งกว่าแม่น้ำฮวงโหที่มีสีใสสะอาด
เปาบุ้นจิ้นหรือเปาเจิ่ง ได้ชื่อเสียงว่า เป็นผู้รักความยุติธรรมเป็นอย่างยิ่ง ได้รับประทานสมัญญาว่า "เซี่ยวซู่" แปลว่า กตัญญูปูชนีย์
ก่อนเสียชีวิต เปาเจิ่ง สั่งเสียไว้ว่า ลูกหลานคนใดเป็นข้าราชการแล้วกินสินบาตรคาดสินบน ห้ามกลับคืนมายังบ้าน และห้ามเผาผีร่วมสกุลกันอีก ใครไม่นับถือคุณงามความดี เราไม่นับเป็นลูกเป็นหลาน เป็นไงล่ะ แม้ตายยังห่วงเรื่องคุณธรรมอีก เชื่อแล้ว

พ.ศ. 1606 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้สวรรคตขณะมีพระชนม์ 53 พรรษา ครองราชย์นาน 41 ปี
ช่วงระยะเวลาครองราชย์ที่ยาวนานกว่ารัชกาลอื่นทำให้จีนเริ่มเป็นปึกแผ่นมากขึ้น 
บุคลิกของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ในสายตาของผู้มีอำนาจสูงสุด ที่ไม่ใช้อำนาจเผด็จการ กระทำการรุนแรงนั้น แต่ให้คนที่ทำงานสุจริตได้ทำงานเต็มที่ นับว่าสุดยอดอย่างยิ่ง ให้แต่ละฟันเฟืองได้เดินหน้า
นโยบายด้านต่างประเทศจะเน้นที่สันตินิยม ทำให้การทหารลดความเข้มแข็งลง ประเทศราชบางประเทศตีตัวออกห่าง ราชวงศ์เซี่ยตะวันตกรุกรานชายแดนจีน ส่งผลให้เกิดการปฏิรูประบบการทหารและฟื้นฟูสัมพันธภาพกับราชวงศ์เหลียว ซึ่งทำให้สิ้นเปลืองงบประมาณจำนวนมหาศาล 
ยุคนี้จึงกลายเป็นยุคข้าวยากหมากแพงเนื่องด้วยรัฐต้องนำเงินท้องพระคลังมาใช้จ่าย คนยากไร้ถูกขูดรีดภาษีอากร จากยุคนี้ทำให้ราชวงศ์ซ่งเริ่มอ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ 
การครองราชย์เป็นระยะเวลานาน ๆ อาจเกิดได้ทั้งผลดีและผลร้าย ถ้าฮ่องเต้เก่งกาจจะมีเวลาในการพัฒนาบ้านเมืองอย่างเต็มที่ แต่ถ้าฮ่องเต้ไร้สมรรถภาพบ้านเมืองจะค่อย ๆ อ่อนแอลงไปเรื่อย ๆ



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2568 4:12:41 น.
Counter : 113 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ซ่งเฉินจงฮ่องเต้พ.ศ. 1610 - 1628
#พรรณีเกษกมล
ซ่งเฉินจงฮ่องเต้พ.ศ. 1610 - 1628
ซ่งเฉินจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 6 ของราชวงศ์ซ่ง
ซ่งเฉินจงฮ่องเต้เป็นพระโอรสของซ่งอิงจงฮ่องเต้ ประสูติ วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 1591 ได้ขึ้นครองราชย์ขณะที่มีพระชนม์ 19 พรรษาครองราชย์ได้นาน 18 ปี
พระนามฮ่องเต้ หมายถึง ความศักดิ์สิทธิ์ รัชศกซิหนิง หมายถึง สันติสุข พ.ศ. 1611 และรัชศกหยวนเฟิง พ.ศ. 1611 – 1628 หมายถึง ความอุดมสมบูรณ์ สวรรคตวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 1628
ความหวังของหวังอันสือแกนนำการปฏิรูปทางการทหารได้สมหวังในสมัยของซ่งเฉินจงฮ่องเต้
แนวทางการปฏิรูปของหวังอันสือนอกจากเน้นด้านการทหารแล้วยังรวมถึงการปฏิรูปสังคม การคลัง การบริหารราชการแผ่นดินภายในประเทศ
ราชวงศ์ซ่งเหนือได้สะสมปัญหา ตั้งแต่ฮ่องเต้องค์แรกที่ไม่ทำให้เกิดความสมดุลในการพัฒนาบ้านเมืองกับการพัฒนากองทัพ 
เมื่อมาถึงสมัยของซ่งเฉินจงฮ่องเต้ วิกฤตการณ์ทางการเงินการคลังไปไกลเกือบจะถึงจุดสุดยอดยากแก่การเยียวยาแล้ว 
หน่วยงานราชการขยายตัวเป็นสิบเท่าเมื่อเทียบกับตอนเริ่มตั้งหน่วยงาน ค่าใช้จ่ายของกองทัพมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ประเทศทั้งที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ซ่งเฉินจงฮ่องเต้ได้แต่งตั้งให้หวังอันสือเป็นแกนนำการปฏิรูปประเทศ 
สิ่งแรกที่หวังอันสือทำ คือ การจัดเก็บรายได้เข้าท้องพระคลังเพิ่มเติม
ผู้เดือดร้อนแน่นอน คือ กลุ่มพ่อค้า ข้าราชการ ตระกูลใหญ่ ส่วนชาวบ้านราษฎรทั่วไปได้ลดหย่อนการเก็บภาษีและการเกณฑ์แรงงาน เร่งการปรับปรุงชลประทาน ทั้งหมดที่ทำได้เพิ่มยอดเงินเข้าท้องพระคลังแน่นอน แต่ความขัดแย้งย่อมเกิดตามมาเป็นเงาตามตัวเช่นกัน 
อย่าลืมว่าใครคือผู้มีอิทธิพลของประเทศ ถ้าไม่ใช่กลุ่มที่ต้องเสียภาษีให้แก่รัฐเพิ่มขึ้นจากเดิม
ในสมัยนี้การคัดค้านหวังอันสือ ในการปฏิรูปประเทศรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ  
การหมดอำนาจของหวังอันสือเป็นอันยุติไปพร้อมกับการสวรรคตของซ่งเฉินจงฮ่องเต้ 
เมื่อผู้หนุนหลังไม่มีผู้ก่อการย่อมหมดอำนาจตามไปด้วย ต้องนับว่าซ่งเฉินจงฮ่องเต้เป็นผู้กล้าคนหนึ่งที่คิดทำสิ่งดี ๆ ให้แก่ประเทศแม้ตนต้องสูญเสียฐานเสียงจากกลุ่มผู้มีอิทธิพลทั้งหลาย
รัชกาลนี้อำมาตย์ซือหม่ากวงสนใจหนังสือประวัติศาสตร์ 1,000 ปี ล่วงมาแล้วของราชวงศ์โจวที่เขียนเกี่ยวกับการปกครองที่ทำให้เกิดผลสัมฤทธิ์ตามที่ต้องการ รวมทั้งวรรณกรรมการทหาร 7 เล่ม บรรยายการทหารในสมัยถังไท่จงฮ่องเต้เป็นการถามตอบระหว่างถังไท่จงฮ่องเต้กับหลี่เหวยกง



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2568 4:10:08 น.
Counter : 89 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ซ่งอิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1606 – 1610
ซ่งอิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1606 – 1610
#พรรณีเกษกมล
ซ่งอิงจงฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 5 ของราชวงศ์ซ่ง
ซ่งอิงจงฮ่องเต้ พระนามเดิมเจ้าจงชิ เป็นพระโอรสบุญธรรมของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ เป็นพระนัดดาในฮ่องเต้องค์ที่ 3 ซ่งเจินจงฮ่องเต้ ประสูติ วันที่ 16 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 1575 ครองราชย์เมื่อพระชนม์ 31 พรรษา 
ความหมายพระนามฮ่องเต้หมายถึงผู้ปกครองที่ฉลาดเฉลียว แต่ครองราชย์ได้เพียง 4 ปี สวรรคตเมื่อพระชนม์ 35 พรรษา วันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 1610
พระอัยกาของซ่งอิงจงฮ่องเต้ คือ เจ้าหยวนเฟินหรือองค์ชายชางกงยิงและเป็นพระอนุชาของซ่งเจินจงฮ่องเต้ 
สายตรงไม่มี ญาติสนิทมีโอกาสได้
ไล่เรียงลำดับกันเป็นพระญาติสนิทของฮ่องเต้ 
การพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญก้าวหน้า ด้วยนโยบายเน้นความเจริญภายในประเทศมากกว่าการส่งเสริมกำลังทหารของราชวงศ์ซ่งเหนือตั้งแต่ฮ่องเต้องค์แรกแล้ว ส่งผลให้ข้าราชการท้องถิ่นและข้าราชสำนักมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว
ค่าใช้จ่ายที่ทางการต้องจ่ายเป็นเงินเดือนให้นั้นสูงขึ้น 
พอมาถึงสมัยของซ่งอิงจงฮ่องเต้ เงินในท้องพระคลังแทบไม่มีเหลือเมื่อรายจ่ายสูงกว่ารายรับ ส่งผลให้ราชสำนักคลอนแคลน
เมื่อทุกคนรู้ว่าการคลังของประเทศง่อนแง่น แทนที่พวกข้าราชการจะคิดการเพื่อให้ตนได้อยู่รอดและอย่างยั่งยืน กลับคิดว่าคงใกล้สิ้นอนาคตแล้ว ต่างฝ่ายต่างรีบหาหนทางที่จะเอาเงินเข้าพกเข้าห่อตนเองให้ได้มากที่สุด เท่ากับเป็นการเร่งให้ความหายนะเกิดเร็วขึ้น

เห็นแก่ตัว เป็นเช่นนี้เอง
อนาคตของตน หายหมด
ชาติมั่นคง ตนมั่งคั่ง
ชาติล่มสลาย ตนม้วยมอด

          เมื่ออยู่ในสมัยของซ่งเหรินจงฮ่องเต้ คงจำหวังอันสือแกนนำการปฏิรูปทางการทหารได้ 
หวังอันสือยังไม่เลิกล้มความคิดนี้ แม้จะไม่ได้รับการตอบรับจากซ่งเหรินจงฮ่องเต้ก็ตามที สมัยต่อมาซึ่งมีช่วงเวลาสั้น ๆ 4 ปี หวังอันสือยังคงคิดและจะทำอย่างต่อเนื่อง
พ.ศ. 1598 ซ่งเหรินจงฮ่องเต้ประชวรและไม่มีทายาทสืบทอด 
ซ่งอิงจงฮ่องเต้เป็นพระโอรสองค์ที่ 13 ของเจ้าหยุนหรัง หรือองค์ชายปูอันยิ ผู้ซึ่งมีอำนาจสูงสุดในการปกครองราชสำนักขณะนั้น 
เจ้าหยุนหรังเคยได้รับเลือกให้เป็นทายาทสืบทอดอำนาจในสมัยของซ่งเจินจงฮ่องเต้ก่อนที่ซ่งเหรินจงฮ่องเต้จะประสูติ 10 ปีก่อนหน้านั้น



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2568
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2568 4:04:54 น.
Counter : 250 Pageviews.
0 comment
(โหวต blog นี้) 
ประวัติศาสตร์จีน

#หนังสือชุดประวัติศาสตร์จีน #พรรณี เกษกมล
1.         ฮ่องเต้ พ.ศ. 2556
            ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของจักรพรรดิจีนจากราชวงศ์ฉินยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ จนถึงราชวงศ์ชิงยุคจักรพรรดิองค์สุดท้าย เรื่องราวของฮ่องเต้ การก้าวขึ้นสู่อำนาจและสร้างชาติจีนให้ยิ่งใหญ่ของฮ่องเต้
            ด้วยอำนาจของฮ่องเต้ทำให้สามารถครอบครองแผ่นดินจีนอันกว้างใหญ่ไพศาลได้ และทำให้จีนครองความยิ่งใหญ่เป็นมหาอาณาจักรมานานนับหลายพันปีจวบจนถึงปัจจุบัน การเรียนรู้ประวัติของฮ่องเต้จึงเท่ากับเรียนรู้การก้าวสู่ความยิ่งใหญ่ของประเทศจีนด้วย
 
2.         บัลลังก์มังกร1 ราชวงศ์ฉินกับฮั่น พ.ศ. 2562
ชีวิตของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุด ผู้ยิ่งใหญ่เหนือกว่าอ๋องทั้งปวงยุคจักรวรรดิตั้งแต่เริ่มต้นราชวงศ์ฉินจนถึงราชวงศ์ฮั่น ซึ่งเป็นช่วงที่จีนเข้มแข็งมากที่สุด มีอาณาเขตที่กว้างใหญ่ไพศาล และวางรากฐานแห่งอารยธรรมที่ทำให้จีนโลดแล่นโดดเด่นที่สุดจนถึงทุกวันนี้
การผลัดเปลี่ยนจากอำนาจหนึ่งไปสู่อีกอำนาจหนึ่ง ซึ่งอาจเป็นไปอย่างเรียบง่ายหรืออุกฉกรรจ์จนเกินคาดคิด
            การที่ประเทศใดประเทศหนึ่งจะเจริญมั่งคั่งรุ่งเรืองหรือถดถอยลงล้วนแล้วแต่เกิดจากผู้นำสูงสุด ซึ่งฮ่องเต้เป็นตัวแทนของอำนาจที่มีมาเนิ่นนานของประเทศจีน และเป็นบุคคลที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเพราะฮ่องเต้มีส่วนทำให้ประเทศจีนเป็นประเทศมหาอำนาจที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลตั้งแต่อดีตกาลจนถึงปัจจุบัน แม้ว่าอาจจะสะดุดหยุดลงไปชั่วคราวหลังจากสิ้นสุดราชวงศ์ชิงและหมดสิ้นฮ่องเต้ไปด้วย
การเรียนรู้ เข้าใจประวัติของฮ่องเต้และยอมรับในความเป็นจีนอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราก้าวไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคงและเข้มแข็งเช่นกันกับจีน
 
3.         จูหยวนจาง #ตาแตม พ.ศ. 2563
จากชาวนาผู้ยากไร้ แร้นแค้น ไม่มีแม้ที่ฝังศพพ่อแม่และพี่ชาย ปราบดาภิเษกเป็นหมิงไท่จู่ฮ่องเต้ สถาปนาราชวงศ์หมิง พลิกฟื้นคืนแผ่นดินของชาวฮั่นให้เป็นของชาวฮั่นดังเดิม ทวงคืนจากชาวมองโกลที่ปกครองด้วยความอยุติธรรม สร้างความมั่นคง มั่งคั่งให้แก่ฐานรากแผ่นดินจีนถึงทุกวันนี้
ในยุคที่บ้านเมืองตกต่ำถึงขีดสุด เมื่อชาวฮั่นเจ้าของแผ่นดินรู้สึกโดนหยามเกียรติ ชาวมองโกลมายึดแผ่นดินของตน ทั้งบ้านทั้งเมืองต่างก่นบ่นว่า เพราะราชวงศ์หยวนเป็นต้นเหตุ จึงเกิดเหตุเภทภัยร้ายแรง
กลุ่มกบฏชาวฮั่นผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด อุดมการณ์การต่อสู้แพร่ขยายอย่างรวดเร็ว ทำให้จูหยวนจางที่จำต้องออกบวชเป็นภิกษุ เที่ยวเร่ร่อนภิกขาจารเพื่อหาอาหารยังชีพ ขอเข้าร่วมลัทธิบัวขาว
            ท้ายสุดแห่งอำนาจ จูหยวนจางผู้มากล้นด้วยอำนาจกลับกลายเป็นทรราช เข่นฆ่าเพื่อนพ้องน้องพี่ที่ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่จนหมดสิ้น ด้วยเกรงไปว่าตนจะสูญสิ้นซึ่งอำนาจ
 
4.         บัลลังก์มังกร2 ราชวงศ์หมิง #ตาแตม พ.ศ. 2563
ชีวิตจริงที่ยิ่งกว่านิยายของฮ่องเต้ผู้มีอำนาจสูงสุด ยุคจักรวรรดิที่ชาวฮั่นยิ่งใหญ่เหนือแผ่นดินจีน เริ่มจากชาวนาจีนผู้ไม่ยอมสยบใต้อำนาจมองโกเลีย
ราชวงศ์หยวนที่กดขี่ข่มเหงรังแกชาวฮั่นชาวจีนแท้ แต่สิ้นสุดราชวงศ์หมิงให้กับชาวแมนจูเลียราชวงศ์ชิง การผลัดแผ่นดินจากอำนาจหนึ่งไปสู่อีกอำนาจหนึ่ง
อาจเป็นไปอย่างเรียบง่ายหรืออุกฉกรรจ์จนเกินคาดคิด
 
5.         บัลลังก์มังกร 3 ยุคสามก๊ก #พัทธดนย์ เกษกมล พ.ศ. 2565
ฮ่องเต้คือผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิจีน และเป็นจีนหนึ่งเดียว แต่เมื่อมีผู้หนึ่งที่บังอาจเทียบรัศมี จะปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้ในราชวงศ์ใหม่ แล้วฮ่องเต้ยุคสามก๊กมีถึงสามพระองค์ จากสามราชวงศ์
ยุคนี้แผ่นดินจีนร้อนเป็นไฟ มีศึกสงครามทุกหย่อมหญ้า ก๊กเล็กก๊กน้อยเต็มไปหมด สู้กันไปมาจนเหลือสามก๊กใหญ่ แล้วปราบดาภิเษกตั้งตนเป็นฮ่องเต้
ชุดบัลลังก์มังกร เล่มที่ 3 เป็นเรื่องราวของฮ่องเต้จากสามราชวงศ์ ที่แผ่นดินจีนแตกแยกเป็นสามส่วน เรื่องยุ่ง ๆ ของการเข้าสู่อำนาจ การดำรงคงอยู่ และส่งต่อลูกหลาน การแก่งแย่งชิงดีในราชสำนัก รวมถึงการล่มสลาย  สิ้นราชวงศ์และเข้าสู่ราชวงศ์จิ้น
อำนาจที่ยิ่งใหญ่ล้นฟ้า เปลี่ยนมือคนแล้วคนเล่า เป็นเรื่องที่น่าสนใจใฝ่รู้ว่าเกิดได้เยี่ยงไร ถึงการเข้าสู่อำนาจ การครองอำนาจในมือ และสิ้นสูญอำนาจ
 
 
 
6.         ยุทธวิถีผู้กล้าแห่งสามก๊ก #ทิตา พ.ศ. 2566
สามก๊ก วรรณกรรมอันลือลั่นของจีน มีตัวละครจริงในประวัติศาสตร์ ในช่วงสงครามแก่งแย่งอำนาจและแผ่นดิน เล่ห์เหลี่ยม กลยุทธิ์เยี่ยมยอด เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย นอกจากฝีมือการรบ การเอาชนะ  ทำให้ได้เรียนรู้ยุทธวิถี tactics ที่จำเป็นต้องมี จึงจะอยู่รอด และอยู่อย่างผู้ชนะ บทเรียนที่มีประโยชน์ต่อคนรุ่นหลังในการเก็บเกี่ยวและนำมาใช้
 
7.         อำนาจพลิกขั้ว มังกรผงาดฟ้า พรรณี เกษกมล 4/3/2567
อำนาจเปลี่ยนมือ พลิกผืนฟ้า ผลัดแผ่นดินจีน เรียนรู้เรื่องราวแห่งอำนาจ ที่ไม่ได้จีรังยั่งยืน อำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิต เหนือทุกผู้คนใต้หล้า ไม่ว่าจะยิ่งใหญ่คับฟ้ามากล้นเพียงใด ในวันนี้  พรุ่งนี้อาจดับสูญสลาย หดหายมลายสิ้น
การก้าวขึ้นมายิ่งใหญ่และสืบทอดอำนาจส่งต่อให้ลูกหลาน ได้ครองบ้านครองเมือง เสพสุขมิรู้สิ้น จะได้นานสักเท่าใดไม่รู้ พอสิ้นวาสนาจำต้องส่งต่อให้กับคนที่มีอำนาจสูงส่งเหนือกว่าอย่างจำใจ
บทเรียนจากจีน ประเทศที่ยิ่งใหญ่เรืองอำนาจ จากยุคเริ่มรวมตัวเป็นจักรวรรดิ มหาอำนาจที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร จวบจนสิ้นอำนาจราชวงศ์ ฮ่องเต้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดเหนือแผ่นดิน หมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินจีน
เริ่มจากราชวงศ์ฉิน ราชวงศ์ฮั่นตะวันตก ราชวงศ์ซิน ราชวงศ์ฮั่นตะวันออก
สามก๊ก ราชวงศ์จิ้นตะวันตก ราชวงศ์จิ้นตะวันออก
 
8.         อำนาจพลิกขั้ว มังกรผงาดฟ้า เล่ม 2 พรรณี เกษกมล 23/4/2567
อำนาจเปลี่ยนมือ พลิกผืนฟ้า ผลัดแผ่นดินจีน อำนาจที่ยิ่งใหญ่เป็นเจ้าชีวิต เหนือทุกผู้คนใต้หล้า ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนตามแต่ผู้มีพละกำลังสูงสุดในขณะนั้น
เมื่อไม่มีใครยอมใคร จึงมีฮ่องเต้หลายองค์พร้อมกัน แต่เมื่อมีผู้เก่งกาจจะรวบรวมจักรวรรดิยิ่งใหญ่ให้เป็นหนึ่งเดียวได้อีกครั้ง
บทเรียนจากจีน ที่ยิ่งใหญ่เป็นมหาจักรวรรดิ แตกแยกเป็น ห้าราชวงศ์
หรือ 5 ชนเผ่า ได้แก่ ซงหนู เซียนเปย เจี๋ย ตี เชียง และแบ่งเป็น 16 แคว้น แล้วมารวมตัวกัน สู้รบจนเหลือราชวงศ์เหนือใต้ รวมแผ่นดินเป็นหนึ่งอีกครั้งในราชวงศ์สุย แล้วผงาดยิ่งใหญ่เป็นราชวงศ์ถัง แต่สิ้นสุดด้วยขันทีที่เป็นอำนาจแฝง
 



Create Date : 23 เมษายน 2567
Last Update : 23 เมษายน 2567 6:30:37 น.
Counter : 587 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments