All Blog
หมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2030 - 2048

เป็นเด็กที่มีบุญมากหลาย
รอดพ้นจากเงื้อมมือว่านกุ้ยเฟยได้
จึงเลือกที่จะมีเมียเดียว จะได้ยุ่งยาก
ช่วงนี้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรือง
ด้วยผู้มีอำนาจเข้าใจชีวิตชาวบ้าน
พร้อมจะส่งเสริมให้มีชีวิตที่ดีขึ้น
ไม่ใช่เอาแต่กดขี่ข่มเหง เก็บแต่ภาษี
หมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้หรือหมิงหงจื้อฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 9 ในราชวงศ์หมิง รัชศกหงจื้อ
หมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้พระนามเดิมจูโย้วถังหรือจูยู่เฉิง คำว่าเฉิงหมายถึงผู้ก่อตั้ง
ประสูติวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2013 เป็นพระโอรสของหมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้และนางจี้ซื่อ
ความหมายพระนามฮ่องเต้หมายถึงผู้ปกครองที่ยิ่งใหญ่  ได้เป็นรัชทายาท เมื่อพระชนม์ 17 พรรษาได้ขึ้นครองราชย์และครองราชย์นาน 18 ปี สวรรคต วันที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2048 ขณะพระชนม์ 35 พรรษา
 
คงจำกันได้ว่ารัชกาลก่อน พระบิดานั้นตกอยู่ใต้อำนาจสั่งการของว่านกุ้ยเฟยสนมเอก ที่เคยเป็นพี่เลี้ยงตั้งแต่หมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ถูกปลดจากการเป็นรัชทายาท ตั้งแต่อายุ 2 ขวบ
เพราะพระโอรสที่เกิดจากว่านกุ้ยเฟยเสียชีวิตเมื่ออายุ 10 เดือน ทำให้ฆ่าทารกในครรภ์ที่เกิดจากสนมทุกคน แต่ด้วยบุญบารมีของหมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ ทำให้รอดพ้นเงื้อมมือมัจจุราชได้
นางจี้ซื่อแม่ของหมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ เป็นแค่นางในที่มีโอกาสได้ถวายตัวต่อฮ่องเต้เพียงครั้งเดียว ใครจะไปคิดว่า นางตั้งท้อง
บุญหล่นทับ นางมีโอกาสให้ทายาท ซึ่งว่านกุ้ยเฟย ผู้คุมวังหลังได้รับรู้ นางจัดการเหมือนเดิม คิดกำจัดเด็กในท้อง จึงมอบหมายให้ขันทีจางหมิ่นหาทางกำจัดเด็กด้วยการถ่วงน้ำ แต่ขันทีจางหมิ่นเกิดคิดอะไรไม่รู้ ขัดขืนต่อคำสั่งนี้ หาทางรักษาหน่อเนื้อเชื้อไขมังกร
ด้วยวิธีการใดจึงรอดพ้นจากสายตาของว่านกุ้ยเฟย จูยู่เฉิงเด็กน้อยจึงรอดชีวิตมาได้นานถึง 5 ปี จนได้เป็นหมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ในกาลต่อมา
 
ตลอดรัชกาลนี้บ้านเมืองเจริญรุ่งเรืองมากยิ่งขึ้น เป็นยุคเงินยุคทองของราชวงศ์หมิง
พระองค์ทรงใจดีมีเมตตาและปกครองบ้านเมืองด้วยความรักและสันติสุข
ถ้าบ้านเมืองมีผู้ปกครองเช่นนี้นับเป็นวาสนาของชาวบ้านตาดำ ๆ ทรงมีฉางฮองเฮาคนเดียวและไม่มีพระสนมทำให้ลดความวุ่นวายในราชสำนักไปได้เยอะทีเดียว
ถึงแม้จะขัดต่อหลักการของเจ้านายที่ต้องการมีลูกหลานสืบวงศ์ตระกูลมาก ๆ ก็ตามที อาจจะทรงคิดว่าการมีผัวเดียวเมียเดียวแสดงถึงความมีอารยะหรือไม่ฮองเฮาดุเข้มงวดจนฮ่องเต้ไม่กล้าหรือฮ่องเต้อาจทรงรักหลงฮองเฮามากจนไม่อยากให้เสียใจ
เพราะเหตุนี้หรือไม่ ทำให้รัชกาลนี้เจริญรุ่งเรือง และเพราะเหตุนี้หรือไม่ที่บั่นทอนทำลายราชวงศ์ ด้วยเหตุที่ขัดต่อแบบแผนจารีตประเพณี
 
ฉางฮองเฮามีพระโอรสองค์โตซึ่งได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อมา แต่โชคร้ายที่ไม่มีพระโอรสสืบต่อมา ฉางฮองเฮาตั้งครรภ์ครั้งที่สองและแท้ง นี่อาจเป็นผลเสียในการมีฮองเฮาเพียงหนึ่งและไม่ยอมมีสนม ซ้ำร้ายมีพระโอรสเพียงองค์เดียวอีก ทำให้หมดสิ้นตระกูลได้ แต่ถ้ามีลูกหลานมากเกินจะแย่งชิงบัลลังก์กันจนวุ่นวายหาความสงบสุขไม่ได้
ไม่รู้ว่า มีเพียงหนึ่งที่ได้ขึ้นสู่อำนาจแน่ ๆ ไม่มีใครแย่ง กับมีคู่แข่งมากหน้าหลายตา ล้วนแล้วแต่เก่งกาจ จนปัดแข้งปัดขากันเอง ไม่ยอมรับกฎเกณฑ์การขึ้นสู่อำนาจ อย่างไหนจะดีกว่ากัน
 
หมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้คงจะจดจำหรือไม่รับรู้มาว่า อันหญิงที่ขี้อิจฉาริษยานั้นร้ายกาจมากเพียงใด จนตนอาจไม่มีโอกาสเสวยสุขเช่นในวันนี้
ในรัชสมัยพระบิดานั้น ว่านกุ้ยเฟยมีอำนาจเหนือขันทีและไม่ประสงค์ให้มีพระโอรสจากพระสนมอื่น จึงหาทางกำจัดเด็กแรกเกิดทุกคน เหลือรอดมาแต่พระองค์เท่านั้นจนอายุ 5 ปี พระบิดาจึงได้รู้ความจริงและแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท
ความจริงนี้คงฝังใจว่าพวกผู้หญิงร้ายกาจและเป็นต้นเหตุแห่งหายนะได้ แล้วนับว่าเป็นบุญของราชวงศ์หมิงที่เด็กคนนี้แสนจะฉลาดเฉลียว เมื่อได้รับการศึกษาที่ดีจึงยิ่งปราดเปรื่องมากขึ้น โดยได้เรียนรู้ในสำนักของนักวิชาการกลุ่มขงจื้อ
ประสบการณ์วัยเด็กจะหล่อหลอมให้คนนั้นเติบใหญ่ คิดและอ่านตามที่เคยเรียนรู้มา
การบริหารบ้านเมืองจึงยึดตามหลักการของขงจื้อ
พระองค์ทรงงานหนักและดูแลบ้านเมืองอย่างใกล้ชิด ลดทอนการใช้จ่ายที่ฟุ่มเฟือย ลดอัตราการจ่ายภาษีของประชาชน
พระองค์ทรงมีทีมงานที่ไว้ใจได้ เช่น หลิวเจียน เซียเควียนและหวังชู โดยเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถเสนอข้อคิดเห็นโดยตรงต่อพระองค์ได้ ผลที่ได้ทำให้ลดอำนาจของขันทีลงได้
พระองค์ทรงยกย่องว่าหมิงไท่จู่ฮ่องเต้หรือหมิงหงอู่ฮ่องเต้ปฐมบรมกษัตริย์แห่งราชวงศ์หมิง กับหมิงเฉิงจู่ฮ่องเต้หรือหย่งเล่อเป็นฮ่องเต้ที่ชาญฉลาด
 
 



Create Date : 23 สิงหาคม 2563
Last Update : 23 สิงหาคม 2563 5:55:49 น.
Counter : 2290 Pageviews.

0 comment
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2008 – 2030

เคยเป็นรัชทายาท แต่หลุดจากตำแหน่งพร้อมพ่อ
ต่อมาโอกาสหวนคืนกลับ ครองราชย์ได้นาน
รักพี่เลี้ยงยิ่งกว่าใคร ๆ ในหล้า
จึงตกอยู่ใต้อำนาจบงการของนาง
กับขันทีโฉดชั่วที่คอยกำจัดรัชทายาท
เหมือนจะสิ้นชาติสิ้นเชื้อกันแล้ว
 
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้หรือหมิงเฉิงฮวาฮ่องเต้เป็นฮ่องเต้องค์ที่ 8 ในราชวงศ์หมิง รัชศกเฉิงฮวา
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้พระนามเดิมจูเจี้ยนเซิน ความหมายพระนามฮ่องเต้หมายถึง เป็นผู้มีความสามารถในการเปลี่ยนแปลง
ประสูติ วันที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 1991 เป็นพระโอรสหมิงอิงจงฮ่องเต้ รัชกาลที่ 6
ได้ขึ้นครองราชย์เมื่อพระชนม์ 17 พรรษา พ.ศ. 2008 สวรรคตวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2030 พระชนม์ 40 พรรษา ครองราชย์ได้ 23 ปี ฝังพระศพที่สุสานเหมาหลิง
ช่วงที่พระบิดาโดนออยรัทกับพวกมองโกลจับกุมนั้น จูเจียนเฉินมีอายุ 2 ขวบ มีตำแหน่งเป็นรัชทายาท เมื่อพระปิตุลายึดอำนาจเป็นหมิงไต้จงฮ่องเต้ และแต่งตั้งให้พระโอรสของพระองค์เป็นรัชทายาทแทน ทำให้จูเจียนเฉินโดนปลดออกจากการเป็นรัชทายาทและได้ตำแหน่งนี้กลับคืนเมื่อพระบิดากลับมาครองราชย์อีกครั้ง
พ่อหลุดจากฮ่องเต้ ลูกหลุดจากเป็นรัชทายาทเช่นกัน
เมื่อพ่อได้เป็นฮ่องเต้อีกครั้ง ลูกได้เป็นรัชทายาทอีกครั้งเช่นกัน
ต่างจากลูกของหมิงไต้จงฮ่องเต้ที่ได้เป็นรัชทายาท แต่หมดสิ้นโอกาสจะกลับมาอีกครั้ง ด้วยสิ้นชีพไปเสียก่อน
รักษาชีวิตให้รอด ไม่แน่ว่า จะได้อำนาจกลับคืนมาเป็นของตนอีกครั้ง
 
เมื่อหลุดจากตำแหน่งรัชทายาท เมื่ออายุเพียง 2 ปี องค์ชายน้อยตกกระป๋องไปในทันที
ไม่ได้ยิ่งใหญ่คับฟ้า พ่อตกเป็นเชลยในต่างแดน เด็กเล็กคนนี้เลยไร้คนเหลียวแลเอาใจใส่ ยกเว้นนางกำนัลสาวใช้อายุ 19 ที่คอยประคบประหงมดูแล
อายุที่มากกว่า 17 ปี ได้ดูแลเด็กอย่างดี เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดสนิทสนม กลายเป็นความรักฉันท์หนุ่มสาว
ตรงนี้ไม่แน่ใจว่า ใครรักใคร และใครมีอิทธิพลเหนือใคร
มันคือความรัก หรือคือความใคร่กันแน่
ผู้หญิงคนแรกที่เป็นเหมือนแม่ คอยประคบประหงมดูแล และมีสัมพันธสวาทต่อกัน
มันเป็นเช่นนี้เอง ทั้งรักทั้งใคร่และใหลหลงยิ่งนัก
ที่แน่ ๆ พี่เลี้ยงเด็กที่ดูแลประคบประหงมแต่อ้อนแต่ออก ย่อมมีอำนาจอิทธิพลเหนือเด็กคนนั้น เป็นยิ่งกว่าแม่ ที่เด็กต้องเชื่อฟัง
พอเข้าสู่วัยหนุ่ม ใกล้ชิดกับหญิงสาว มีหรือจะเหลือ ถ้าหญิงนั้นให้ท่าหรือเปิดโอกาสให้
 
เมื่อจูเจี้ยนเซินกลับมาเป็นรัชทายาทอีกครั้ง ว่านเจินเอ๋อยังคงได้รับการยกย่องจากเด็กน้อยในอดีต ซึ่งกลายเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีอำนาจวาสนา และได้เป็นถึงฮ่องเต้
จูเจี้ยนเซินปรารถนาให้ว่านเจินเอ๋อได้เป็นฮองเฮา ทว่าบรรดาขุนนางคัดค้านเต็มที่ กล่าวหาว่า เป็นหญิงไร้ศักดิ์ศรี ไม่มีชาติตระกูล เป็นเพียงหญิงรับใช้ในวังเท่านั้น
คนที่จะมาเป็นฮองเฮา จะมาจากตระกูลขุนนางใหญ่โต ที่มีอำนาจวาสนาบารมีพรรคพวก
ถึงจะไม่ได้เป็นฮองเฮา แต่ว่านเจินเอ๋อกลายเป็นหญิงที่หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้หลงรักที่สุด และรักมาตลอดตั้งแต่ไม่รู้เดียงสาจนมีอำนาจคับฟ้า
เมื่อความสัมพันธ์แนบแน่น รักใคร่ใหลหลงมากขนาดนี้ ว่านเจินเอ๋อจึงมีโอกาสให้กำเนิดทารกชาย เลือดเนื้อเชื้อไขมังกร จึงได้มีโอกาสเป็นว่านกุ้ยเฟย
ตำแหน่งเมียเล็กเมียน้อยของฮ่องเต้ มำแหน่งเรียงลงมา ได้แก่ กุ้ยเฟย ซูเฟย เต๋อเฟย เสียนเฟย เซิ่นเฟย คังเฟย ซุ่นเฟย ฉินเฟย กงเฟย
นับว่าว่านเจินเอ๋อใหญ่สุดในบรรดาสนมทั้งหลาย ทางพฤตินัยอาจใหญ่กว่าฮองเฮาด้วยซ้ำ ด้วยฮ้อเต้ทั้งรักทั้งหลง และเชื่อฟังแทบทุกถ้อยกระทงความ
จากว่านเจินเอ๋อจึงได้เป็นว่านกุ้ยเฟย
คนจีนจะใช้แซ่นำหน้าชื่อ เมื่อมีตำแหน่งเลยใช้แซ่นำหน้า
คนที่ได้ตำแหน่งกุ้ยเฟยจะมีตำหนักเฉพาะชื่อตำหนักอี้คุน แสดงว่า เป็นรองเพียงหนึ่งคือฮองเฮา ในทางนิตินัยเท่านั้นกระมัง
จากพี่เลี้ยงมาเป็นเมียรัก อายุที่มากกว่า เคยดุและอบรมสั่งสอนมาแต่เล็กแต่น้อย ทำให้ว่ากล่าวตักเตือนฮ่องเต้ได้ ขนาดฮ่องเต้ว่านกุ้ยเฟยยังไม่กลัว แล้วใครอื่นในราชสำนักจะเหลือเหรอ ว่านกุ้ยเฟยจึงกลายเป็นหญิงที่มีอำนาจและอิทธิพลสูงสุดในขณะนั้น

ว่านกุ้ยเฟย สนมเอกของหมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้
 
ขุนนางไม่กล้าหือ คัดค้านว่านกุ้ยเฟย ผู้มีอำนาจเหนือหมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้
บุญมีแต่กรรมมาบัง เพราะลูกที่เกิดจากนาง มีอายุได้ 10 เดือน ด่วนเสียชีวิตไปก่อน ไม่เช่นนั้น นางอาจได้เป็นฮองเฮาไปแล้ว
ไม่มีลูกชายเป็นเกราะกำบัง นางในสนมอื่น คงหาโอกาสจะมีลูกกับฮ่องเต้ได้ยาก นางหาทางกำจัดให้พ้นเส้นทาง ยกเว้นมีหนึ่งที่หลงรอด ได้เป็นรัชทายาท แต่ในที่สุดโดนกำจัดทิ้งเช่นเดิม
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้เสียพระทัยมาก ที่ไร้ผู้สืบทอดอำนาจ วันหนึ่งมีโอกาสคุยกับขันทีจางหมิ่น ผู้ซึ่งรู้ทุกเรื่องที่ว่านกุ้ยเฟยกำจัดทารกตั้งแต่ยังอยู่ในท้อง
นางจี้ซื่อได้ถวายตัวต่อฮ่องเต้เพียงครั้งเดียว บุญหล่นทับ นางมีโอกาสให้ทายาท
ว่านกุ้ยเฟยมีหรือจะยินยอมและปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปอย่างง่ายดาย นางมอบหมายขันทีจางหมิ่น ให้หาทางกำจัดเด็กด้วยการถ่วงน้ำ
ขันทีจางหมิ่นผู้นี้ ไม่รู้เคยทำตามคำสั่งนางหรือไม่ อาจจะเคย จึงได้รับมอบหมายงานสำคัญเช่นนี้ ให้บังเอิญบุญของเด็ก ที่จะมีชีวิตรอด และได้เป็นฮ่องเต้สืบต่อมา
ขันทีจางหมิ่นหาทางรักษาหน่อเนื้อเชื้อไขมังกร และยังคงมีชีวิตรอดพ้นจากเงื้อมมือของว่านกุ้ยเฟยมานานถึง 5 ปี
 
จูยู่เฉิง นามของเด็กชายที่รอดพ้นจากเงื้อมมือมัจจุราชที่มีนามว่า ว่านกุ้ยเฟย
เมื่อหมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้รู้เรื่องนี้ เหตุใดตนจึงไร้รัชทายาทสืบทอดอำนาจ เพราะเมียสุดที่รัก กำจัดทารกในครรภ์ และที่หลงเหลือรอด ให้หมดจด ยกเว้นแต่เด็กคนนี้คนเดียวเท่านั้น
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้จัดการรับพระโอรสอย่างเปิดเผย ให้มีโอกาสเข้าวัง มอบตำแหน่งรัชทายาท ทำให้จูยู่เฉิงอยู่รอดปลอดภัย อย่างสะดวกสบาย ไม่ต้องหลบ ๆ ซ่อน ๆ อีกต่อไป
ส่วนขันทีจางหมิ่นผู้เปิดเผยความลับนี้สิ้นชีพ 1 วันให้หลังจากบอกเรื่องนี้แก่ฮ่องเต้
อย่างนี้เรียกว่าอะไร ปิดปากพยานผู้รู้เห็น ไม่ให้ปากโป้งเที่ยวพูดพล่ามไปทั่ว
 
รัชศกเฉิงฮวาปีที่ 13 หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้ก่อตั้งซีฉ่าง มอบหมายให้ขันทีวังจื๋อ คนสนิทของว่านกุ้ยเฟย เพื่อคุมตงฉ่างกับกององครักษ์เสื้อแพร
ขันทีวังจื๋อไม่ใช่คนดี เขาโหดเหี้ยม เมื่อมีอำนาจเหนือกององครักษ์เสื้อแพร ทุกสิ่งจึงอยู่ในกำมือของขันทีวังจื๋อและว่านกุ้ยเฟยมากยิ่งขึ้น
กององครักษ์เสื้อแพรมีอำนาจล้นฟ้าตั้งแต่ต้นราชวงศ์หมิงแล้ว เอาไว้กำจัดศัตรูทาการเมือง ด้วยการยัดข้อหา แล้วทารุณจนตาย จับขังคุกทรมาน ที่ร้าย ๆ อาจโดนข้อหากบฏ ฆ่าไปเลย 5 ชั่วโคตร 9 ชั่วโคตร
การตัดรากถอนโคนผู้ที่จะมาแข่งรัศมีกับอำนาจทั้งสอง จะโดนกำจัดอย่างโหดเหี้ยม ภายใต้กองกำลังจำนวนมากหลักแสน ทำให้อำนาจยิ่งเพิ่มพูนทวีคูณ
เมื่อกององครักษ์เสื้อแพรมีอำนาจล้นฟ้า มีหรือที่ว่านกุ้ยเฟยจะไม่มีอำนาจล้นฟ้าเช่นกัน ในเมื่อนางเป็นคนหนุนหลังขันทีวังจื๋อ
 
เรื่องรักแท้ของชายหนุ่มต่อหญิงพี่เลี้ยงนี้ เป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน ปีที่ว่านกุ้ยเฟยเสียชีวิตด้วยโรคตับวายเฉียบพลัน ฮ่องเต้มีแต่ความเศร้าโศก
หลังจากที่ว่านกุ้ยเฟยเสียชีวิตไม่นาน หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้เสียชีวิตตามด้วยความตรอมใจ
 
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้ครองราชย์นาน 23 ปี แรกเริ่มครองราชย์ได้ดำเนินนโยบายการบริหารแบบใหม่โดยลดภาษีเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งให้ราชวงศ์ เป็นใครใครก็ชอบกันทั้งนั้น ชาวบ้านได้รับผลประโยชน์กันเต็ม ๆ
ช่วงท้าย ๆ ไม่รู้ชาวบ้านจะยังคงจงรักภักดีอยู่หรือไม่ แต่บรรดาขุนนางอำมาตย์ เชื่อแน่ว่า คงหมดแล้วซึ่งความจงรักภักดี มีแต่ความขยาดหวาดกลัวว่าภัยมืดจะมาถึงตัว ด้วยข้อหาอยุติธรรมจากกององครักษ์เสื้อแพร
ในยุคนี้กลุ่มขันทีวังจื๋อเข้ามามีอำนาจ ทำให้ขุนนางหัวหด กลัวอำนาจมืด เสริมอำนาจให้ว่านกุ้ยเฟยน่ากลัวยิ่งขึ้น
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้อยู่ใต้อำนาจของว่านกุ้ยเฟย ผู้ซึ่งเป็นพระสนมและอดีตพี่เลี้ยง เมื่อนางให้กำเนิดพระโอรสแต่ตายในเวลา 10 เดือน ทำให้นางฆ่าเด็กทุกคนที่ยังไม่มีโอกาสออกมาดูโลก เพื่อมาแย่งอำนาจของนาง นางอาจหวังที่จะมีลูกชายอีกครั้ง แต่หมดหวัง
ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่า บ้านเมืองจะเปลี่ยนโฉมหน้าไปขนาดไหน นางอาจกุมอำนาจทั้งหมดแทนฮ่องเต้ก็เป็นได้
 



Create Date : 23 สิงหาคม 2563
Last Update : 23 สิงหาคม 2563 5:24:47 น.
Counter : 1711 Pageviews.

0 comment
รายพระนามฮ่องเต้ ราชวงศ์หมิง

รายพระนามฮ่องเต้ ราชวงศ์หมิง
หมิงไท่จู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 1911 - 1941
หมิงเจี้ยนเหวินฮ่องเต้ พ.ศ. 1941 - 1945
หมิงเฉิงจู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 1945 - 1967
หมิงเหรินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1967 - 1968
หมิงซวนจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1968 - 1978
หมิงอิงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 1978 – 1992 และ 2000 -  2008
หมิงไต้จงฮ่องเต้ พ.ศ. 1992 – 2000
หมิงเซี่ยนจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2008 - 2030
หมิงเสี้ยวจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2030 - 2048
หมิงอู่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 2048 - 2064
หมิงซื่อจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2064 - 2110
หมิงมู่จงฮ่องเต้ พ.ศ. 2110 - 2115
หมิงเฉินจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2115 - 2163
หมิงกวงจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2163 - 2163
หมิงซีจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2163 - 2170
หมิงซือจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2170 - 2187
หมิงชุนจงฮ่องเต้ พ.ศ. 2187 - 2187
ราชวงศ์หมิงใต้ พ.ศ. 2187 - 2205
หมิงหงกวงฮ่องเต้ พ.ศ. 2187 - 2188
หมิงหลงอู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 2188 - 2189
หมิงเฉาอู่ฮ่องเต้ พ.ศ. 2189 - 2190
หมิงหยงลี่ฮ่องเต้ พ.ศ. 2189 – 2205
 



Create Date : 21 สิงหาคม 2563
Last Update : 21 สิงหาคม 2563 13:44:30 น.
Counter : 1640 Pageviews.

0 comment
หมิงซือจง ตอนที่ 3
 ในรัชสมัยของหมิงซือจงฮ่องเต้คงมีแต่ความวุ่นวายเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
การที่ซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้ยึดครองกรุงปักกิ่งได้ด้วยกำลังพล 60,000 นายนั้น ได้เผชิญหน้ากับอู๋ซานกุ้ยนายทหารหมิงผู้ซึ่งคุมกองกำลังทหารถึง 100,000 นาย ณ ป้อมซานไฮ่กวานทางด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง
ป้อมนี้จะป้องกันชาวแมนจูไม่ให้เข้าเมือง อู๋ซานกุ้ยพ่ายแพ้ต่อหลี่จื้อเฉิง
กลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิงและชาวแมนจูต่างคิดว่าองค์ชายซุ่นจื่ออายุ 6 ปี น่าจะเหมาะเป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป จึงหันไปสวามิภักดิ์ต่อ โดยให้องค์ชายทอร์กุนเป็นผู้สำเร็จราชการขององค์ชายซุ่นจื่อ
ส่วนหมิงซือจงฮ่องเต้ผู้แพ้ภัยสงครามกลางเมือง โดนกบฏที่นำโดยหลี่จื้อเฉิงยกทัพเข้าเมืองหลวงและบุกเข้าพระราชวัง ได้หลบหนีขึ้นยอดเขาเจียงซานทางด้านเหนือของพระราชวังและผูกคอตายใต้ต้นไม้ด้วยพระองค์เองหนีความอัปยศที่ไม่สามารถปกครองประเทศในตำแหน่งฮ่องเต้ที่ดีได้ในขณะที่มีพระชนม์34 พรรษา
พระองค์ทรงละอายต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้วว่า ไม่สามารถรักษาราชวงศ์ให้คงอยู่ต่อไป ตำแหน่งของต้นไม้นั้นสามารถมองเห็นพระราชวังได้อย่างชัดเจนเพื่อให้เกิดสำนึกว่าพระองค์คือฮ่องเต้แต่ไม่สามารถดูแลอาณาประชาราษฎร์ได้สมที่ตั้งใจไว้
ปัญหาใหญ่ทับถมมานาน ยิ่งกว่าดินพอกหางหมู
ยากนักที่จะแกะดินนั้นให้หลุดออกไปได้ในเร็ววัน
วาระสุดท้ายของชีวิตฮ่องเต้องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์หมิง
หนึ่งชั่วโมงก่อนจะตัดสินใจผูกคอตายด้วยความอับอาย ความคับแค้นใจและอีกหลายความรู้สึกที่พรั่งพรูตามมาเพราะพ่ายแพ้ต่อกลุ่มกบฏหลี่จื้อเฉิง หมดสิ้นในอำนาจ
ผู้ที่ยังคงติดตามพระองค์แม้ว่าจะไม่หลงเหลืออำนาจใด ๆ แล้วก็ตาม ยังคงมี และติดตามไปในปรโลกอีกต่างหาก สมัยนี้จะหาเช่นนี้ได้อีกหรือไม่ ถ้าไม่โดนบังคับ
ขันทีหวังเฉิงเอิน ขุนนางเจ้าหน้าที่กว่า 700 ชีวิต ฆ่าตัวตายตามพระองค์ และขันทีอีกกว่าพันคนตายในวังขณะต่อสู้กับกบฏ
สาวใช้อีก 300 ชีวิต ฆ่าตัวตายตามเช่นกันหลังการสวรรคตของฮ่องเต้ ก็ใช่ว่าจะไปตามลำพัง อย่างน้อยยังพอมีผู้จงรักภักดีพร้อมที่จะติดตามและปกป้องพระองค์อยู่บ้าง
            คงไม่มีฮ่องเต้องค์ใดยอมปลิดชีพพระองค์เองด้วยการแขวนคอนอกพระราชวัง ณ จุดที่เฝ้ามองพระราชวัง ในห้วงสุดท้ายที่ลมหายใจจะออกจากร่าง หมดสิ้นไปในบัดดล
ความรู้สึกผิดของสามัญชน หัวหน้ากบฏที่เป็นแค่ชาวนาได้เอ่ยถึงฮ่องเต้ว่า
พระองค์ไม่ใช่คนที่เลวร้าย แต่อาจมีหลายเหตุที่มารุมเร้า ทำให้บ้านเมืองย่ำแย่เช่นนี้
มหาอำมาตย์เอาแต่ยุ่งเรื่องส่วนตัวไม่สนใจกิจการบ้านเมือง แล้วหลี่จื้อเฉิงสั่งให้ฝังพระศพฮ่องเต้และฮองเฮาไว้ในสุสานราชวงศ์หมิงเพื่อเป็นการให้เกียรติครั้งสุดท้าย
อู๋ซานกุ้ยซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่เฝ้าประตูเมืองฝั่งแมนจูต้องสู้รบทั้งแมนจูและกบฏหลี่จื้อเฉิงคงจะหมดแรงไปแล้วจึงยอมแพ้ทั้งสองฝ่าย
ส่วนกบฏหลี่จื้อเฉิงสู้กองกำลังของแมนจูไม่ได้ต้องตีฝ่าวงล้อมออกนอกเมือง อู๋ซานกุ้ยยอมให้ผ่านแต่โดยดี
กองทัพแมนจูเข้าโจมตีกรุงปักกิ่งสำเร็จในวันที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2187 แต่ต้องใช้เวลาอีก 17 ปี จึงปราบกบฏสำเร็จรวมทั้งพวกภักดีต่อราชวงศ์หมิง องค์ชายกุยเป็นเชื้อพระวงศ์คนสุดท้ายของราชวงศ์หมิงที่อู๋ซานกุ้ยไปตามจับที่เมืองพม่าแล้วประหารชีวิตที่มณฑลยูนนานในปี พ.ศ. 2205
            ในช่วงนี้คงต้องเอ่ยถึงหลี่จื้อเฉิงให้มากสักหน่อยเนื่องจากหลี่จื้อเฉิงได้ประกาศตนเป็น
ซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ซุ่นเช่นกัน
หลี่จื้อเฉิงพระนามเดิมหลี่หงจื้อ เกิดวันที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2149 ณ มณฑลฉ่านซี มีอาชีพเป็นคนเลี้ยงแกะ ชำนาญในการขี่ม้าและยิงธนูตั้งแต่อายุ 20 ปี
            ช่วงนั้นมณฑลฉ่านซีเกิดภัยพิบัติรุนแรงแต่ทางการยังไม่ละเว้นการเก็บภาษีอากรสร้างความเดือดร้อนยุ่งยากใจให้แก่ชาวบ้านทุกหย่อมหญ้า
ชาวบ้านคงทนไม่ไหวลุกขึ้นมาต่อต้านและก่อการกบฏ 2 กลุ่มใหญ่
ผู้นำได้แก่หลี่จื้อเฉิงและจางเซี่ยงจง
แน่นอนว่าหลี่จื้อเฉิงคงจะมีฝีมือสูงส่งกว่าจางเซี่ยงจงเป็นแน่แท้
ยิ่งกว่านั้นหลี่จื้อเฉิงยังชนะใจชาวบ้านด้วยการนำอาหารที่ได้จากชัยชนะทุกครั้งมาแจกจ่าย และประกาศว่าถ้าตนชนะ จะให้ที่ดินทำกินแก่ชาวบ้านโดยไม่ต้องเสียภาษีให้แก่ทางการ ทำให้มีชาวบ้านมาร่วมก่อการมากยิ่งขึ้นหลายหมื่นคน
            พ.ศ. 2186 หลี่จื้อเฉิงบุกยึดเมืองเซียงหยางและตั้งตนเป็นซินซุ่นหวัง ต่อจากนั้นบุกยึดมณฑลฉ่านซีได้ทั้งหมดตั้งตนเป็นฮ่องเต้ สถาปนาอาณาจักรต้าซุ่น มีที่ปรึกษาชื่อกู้จวินเอินใช้เมืองฉ่านซีเป็นฐานที่มั่นบุกเข้าเมืองซีอานแล้วบุกต่อไปยังกรุงปักกิ่ง โดยนำทัพบุกข้ามแม่น้ำฮวงโห ไท่หยวน ต้าถง เซวียนฝู่ ผ่านด่านยงกวน การบุกเข้ากรุงปักกิ่งได้รับการต่อต้านจากทหารหมิง กองกำลังของอู๋ซานกุ้ยที่ด่านซันไห่กวน รวมทั้งกองทัพแมนจูทางตะวันออกเฉียงเหนือ
            การรับมือกับกองกำลังของอู๋ซานกุ้ยนั้น
หลี่จื้อเฉิงได้ใช้กลวิธีเกลี้ยกล่อมพ่อของอู๋ซานกุ้ยที่ชื่ออู่เซียงให้มาเป็นพวกเดียวกันและให้เกลี้ยกล่อมอู๋ซานกุ้ยอีกต่อหนึ่งโดยสัญญาว่าจะให้ตำแหน่ง ลาภยศเงินทองตามแต่อู๋ซานกุ้ยจะพึงพอใจ
อู๋ซานกุ้ยตกลงตามนั้นแต่ทว่าบังเอิญระหว่างทางได้พบเห็นคนรับใช้ที่บ้านพ่อหนีออกมาจากกรุงปักกิ่ง ได้รายงานว่าแท้ที่จริงแล้วอู่เซียงโดนจับเป็นตัวประกันและถูกริบทรัพย์สมบัติทั้งหมดจนหมดเกลี้ยง และแม่ทัพหลิวจงหมิ่นชิงได้จับตัวเฉินหยวนหยวนภรรยาของอู๋ซานกุ้ยไปด้วย
ทั้งหมดเป็นเพียงแผนหลอกล่อยืมมืออู๋ซานกุ้ยมาใช้
เมื่อรู้ความจริงเช่นนี้มีหรือที่อู๋ซานกุ้ยจะยอมตกหลุมพรางที่หลี่จื้อเฉิงได้วางไว้
อู๋ซานกุ้ยกลับไปจับมือกับตัวเอ่อกุ่นแม่ทัพชาวแมนจูในขณะเดียวกันได้ส่งข่าวหลอกหลี่จื้อเฉิงว่า ยอมสวามิภักดิ์ด้วย 
เมื่อหลี่จื้อเฉิงได้รู้ความจริงว่า อู๋ซานกุ้ยทรยศจึงนำทหาร 60,000 คนเข้าปราบ หารู้ไม่ว่าอู๋ซานกุ้ยแก้เกมด้วยการปล่อยให้ทหารแมนจูเข้ามาสู้รบกับทหารของหลี่จื้อเฉิง
อู๋ซานกุ้ยฉลาดไม่เบาต่อการแก้เกมครั้งนี้ แต่ผลที่ตามมากลับทำให้ประเทศจีนโดนปกครองโดยชาวต่างชาติหรือชาวแมนจูแทนที่จะเป็นชาวฮั่น
            การศึกระหว่างสามเหล่าทัพคือหลี่จื้อเฉิง ทหารแมนจู และอู๋ซานกุ้ยคงอีรุงตุงนังกันน่าดู
พอทัพของหลี่จื้อเฉิงสู้กับทหารแมนจู ทหารของอู๋ซานกุ้ยเข้ามาตีโอบทหารของหลี่จื้อเฉิงด้วย
ความแค้นที่หลี่จื้อเฉิงหลอกลวงแถมยังจับพ่อและเมียของอู๋ซานกุ้ยซะอีก ถ้าแผนไม่รั่วไหลโดยคนรับใช้ เหตุการณ์อาจพลิกผันไปในอีกรูปแบบหนึ่งเรียกว่าทำการใหญ่แต่ลืมมองจุดย่อย
หลี่จื้อเฉิงคงแค้นหนักตัดศีรษะของอู่เซียงพ่อของอู๋ซานกุ้ยเสียบประจานที่กำแพงเมืองปักกิ่ง คนจีนกับคนจีนทำกันเองลืมความเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่กว่าการล้างแค้นเรื่องส่วนตัว สุดท้ายทั้งคู่ต้องเสียแผ่นดินถิ่นเกิดให้กับชาวแมนจูไป  พ.ศ. 2188 หลี่จื้อเฉิงหรือซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้ต้องพ่ายแพ้และโดนสังหารเช่นกัน
            ถ้าเพียงแต่หลี่จื้อเฉิงมีความจริงใจให้แก่อู๋ซานกุ้ย
เขาคงมีโอกาสได้เป็นซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้จริง ๆ เพราะการโกหกหลอกลวง เพราะความไม่ซื่อสัตย์ต่อคำมั่นสัญญา ทำให้เกมครั้งนี้กลับตาละปัตรโดยสิ้นเชิง ความซื่อตรงและซื่อสัตย์น่าจะเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของผู้นำ ซึ่งน่าแปลกที่ผู้นำน้อยคนนักจะมี
            หลี่จื้อเฉิงเป็นผู้นำกบฏชาวนาที่ยิ่งใหญ่ จนบางคนยังนับว่าเป็นฮ่องเต้
ในช่วงรอยต่อที่จะสิ้นสุดราชวงศ์หมิงนั้นบ้านเมืองคงจะวุ่นวายสับสนเป็นอันมาก
ปัจจุบันชาวบ้านยกย่องให้หลี่จื้อเฉิงเป็นฮ่องเต้ผู้กล้าหาญและสร้างอนุสาวรีย์ให้ที่ทางเข้าสุสานฮ่องเต้ราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ณ กรุงปักกิ่ง
ถ้าวันนั้นซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้สามารถเอาชนะใจอู๋ซานกุ้ยได้ แผ่นดินจีนคงไม่เป็นเช่นนี้และถ้าอู๋ซานกุ้ยไม่เข้าข้างทหารแมนจูเพราะความแค้นส่วนตัว ชาวฮั่นคงได้ปกครองชาวฮั่นสืบต่อมา
            กลวิธีของหลี่จื้อเฉิงในขณะนำทหารบุกเข้าเมืองไคเฟิงนั้น
หลี่จื้อเฉิงได้ปลอมตัวเป็นพ่อค้าข้าวลอบเข้าเมืองล่วงหน้าเพื่อสืบข่าวคราวความเคลื่อนไหวด้วยตัวเองและรับรู้ว่าข่าวลือเกี่ยวกับตัวเองไม่ดีโดนหาว่าเป็นคนใจร้ายชอบฆ่าคนตายไปที่ไหนที่นั่นจะมีแต่ศพเกลื่อนกลาด
หลี่จื้อเฉิงได้วางแผนเปลี่ยนใจชาวเมืองไคเฟิงและบอกแผนการให้แขวนโคมแดงหน้าบ้านจะได้ไม่โดนทหารของหลี่จื้อเฉิงทำร้าย
การแก้เกมทหารเมืองไคเฟิงที่ปล่อยให้น้ำท่วมเมืองนั้นหลี่จื้อเฉิงได้ใช้เรือแพแก้ไข สำหรับการแขวนโคมแดงหน้าบ้านได้กลายมาเป็นประเพณีของคนจีนตราบจนถึงทุกวันนี้เพื่อแสดงความเป็นสิริมงคล งานพิธีที่เป็นมงคลเช่นงานแต่งงานรวมทั้งวันตรุษจีนฉลองเทศกาลปีใหม่
 



Create Date : 18 สิงหาคม 2563
Last Update : 18 สิงหาคม 2563 16:31:11 น.
Counter : 1004 Pageviews.

0 comment
หมิงซือจง ตอนที่ 2
ขณะนั้นบ้านเมืองเกิดระส่ำระสายมากขึ้นแล้ว ไม่สงบและเจริญรุ่งเรืองเหมือนแต่ก่อน ถึงแม้ว่า หมิงซือจงฮ่องเต้จะพยายามมากสักเท่าไรก็คงไม่อาจกอบกู้สถานการณ์ให้ดีขึ้นได้
ช่วง 7 ปี ในอำนาจของหมิงซีจงฮ่องเต้พระเชษฐา เกิดการต่อต้านอำนาจของขันทีเว่ยจงเสียนที่ใช้อำนาจอย่างไร้ขอบเขต กำจัดศัตรูทางการเมืองอย่างโหดเหี้ยมไร้คุณธรรม
แล้วในรัชสมัยนี้ อำนาจป่าเถื่อนภายใต้การบงการของขันทีเว่ยจงเสียนจะยังคงมีอยู่หรือหมดสิ้นไปแล้วล่ะ ถึงกับทำให้สิ้นราชวงศ์หมิงได้ทีเดียว
แม้แต่ในราชสำนัก บรรดาขุนนางกับบรรดาขันทีไม่ลงรอยและคอยเขม่นซึ่งกันและกัน
ต่างฝ่ายต่างพยายามช่วงชิงอำนาจกันเอง
ทุกคนรู้ สังคมรู้ ขันทีมีอำนาจเหนือราชสำนัก และเหนือขุนนาง
ทำอย่างไรล่ะ จึงจะลดทอนอำนาจของขันทีโฉดเขลาเบาปัญญาเว่ยจงเสียนได้
ขันทีเว่ยจงเสียนมีอำนาจคับฟ้ายิ่งใหญ่มากเท่าใด
ยิ่งก่อความยุ่งยากแก่การปกครองมากเท่านั้น
 
เมื่อขันทีเว่ยจงเสียนเหนือทุกคนบนผืนแผ่นดินต้าหมิง รองอยู่เพียงหนึ่งคือฮ่องเต้
ผู้ที่จะจัดการกับขันทีเว่ยจงเสียนได้ คงมีเพียงแต่หมิงซือจงฮ่องเต้เท่านั้น แต่จะทำได้หรือไม่
ถ้าทำได้คงจะคืนอำนาจให้กับขุนนาง ซึ่งเป็นฝ่ายตรงข้าม
หมิงซือจงฮ่องเต้จัดการขจัดขันทีเว่ยจงเสียนให้พ้นเส้นทางแห่งอำนาจได้เป็นคนแรก ด้วยความร่วมมือกับแม่ทัพขุนนางที่เกลียดชังน้ำหน้ามานาน
สิ่งที่ทำต่อมาคือการริดรอนอำนาจของบรรดาขันทีให้ลดลงไปเรื่อย ๆ
ขณะเดียวกันเพิ่มอำนาจของบรรดาขุนนางให้มากขึ้น รวมทั้งการคืนอำนาจให้กองกำลังทหาร เช่นยกย่องแม่ทัพหยวนชงหวนที่มีชัยชนะเหนือกองทัพแมนจู
สิ่งใดจะเกิดย่อมต้องเกิด ดวงชะตาบ้านเมืองย่อมเป็นไปเช่นนั้น
ถึงจะลดทอนอำนาจของขันทีเว่ยจงเสียนและบรรดาขันทีได้ แต่ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นยิ่งกระหน่ำซ้ำเติมให้สถานการณ์ต่าง ๆ ในบ้านเมืองเลวร้ายลง
 
            ช่วงนี้ถือว่าเป็นจุดใกล้สิ้นสุดราชวงศ์หมิงเต็มที ความเสื่อมทุกเรื่องเกิดขึ้น
การผูกขาดที่ดินโดยเชื้อพระวงศ์ และบรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ทำให้ถือครองที่ดินเกือบทั่วประเทศ การขูดรีดเก็บภาษีจากประชาชนเพิ่มสูงขึ้นทุกปีทั้งที่ประชาชนยากจนลงทุกวัน
พรรคตงหลินได้เกิดขึ้นจากขุนนางที่ดีและนักวิชาการที่มองเห็นความเสื่อมโทรมของประเทศและพยายามที่จะช่วยฟื้นฟู แต่ฝ่ายตรงข้ามแทนที่จะเห็นความดีและคอยสนับสนุน กลับหาเรื่องและคอยกลั่นแกล้ง
น้ำดีส่วนน้อย มีหรือจะสู้น้ำเน่าส่วนใหญ่ได้ เมื่อเทน้ำใส 1 ถ้วย ลงในคลองเน่า ๆ คงจะเน่าต่อไป ไม่มีทางจะแก้ไข ฟื้นคืนสังคมให้ดีขึ้นได้เชียวหรือ
เมื่อเกิดทุพภิกขภัยที่มณฑลส่านซีและขุนนางยังคงขูดรีดภาษีจากประชาชนอีก ทำให้เกิดกบฏนำโดยหลี่จื้อเฉิง
            ภัยพิบัติในครั้งนั้นทำให้ประชาชนล้มตายลงเป็นจำนวนมากสร้างความไม่พอใจให้เกิดกับประชาชนรากหญ้าที่ทางการไม่สามารถเข้ามาช่วยเหลือได้ทันท่วงที
ในขณะเดียวกับที่เหล่าบรรดาขุนนางคอรัปชัน ขูดรีดภาษีจากประชาชน ไม่ดูแลยามทุกข์ยากยิ่งสร้างความไม่พอใจให้มากขึ้น
ใช่ว่าเมื่อหมดสิ้นการรีดนาทาเร้นจากพวกขันทีแล้ว ชาวบ้านจะสุขสบายขึ้น
ขุนนางโฉดยังคงมีอยู่ไปทั่ว แม้ว่าจะมีขุนนางน้ำดีบางส่วนพยายามอย่างสุดกำลังที่จะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองที่ทับถมกันมานาน
การคอรัปชันฉ้อราษฎรบังหลวงเกิดขึ้นทุกหย่อมหญ้า แม้แต่พวกเชื้อพระวงศ์ด้วยกัน และ
บรรดาขุนนางชั้นผู้ใหญ่ที่ร่ำรวยและมีอำนาจ ยังมองไม่เห็นหนทางแห่งหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้ มัวแต่ไขว่คว้าเอามาเป็นของตนและพวกตนให้มากที่สุด
ลืมไปว่า คนที่โดนกดขี่ข่มเหงมาก ๆ ยากลำบากถึงที่สุด จะอดทนต่อไปได้
คงมีสักวันที่ความอดทนสิ้นสุดลง และบอกว่า จะไม่ยอมทนอีกต่อไป สิบ่ทนแล้วหนา
 
ปี พ.ศ. 2187 เริ่มเกิดขบวนการต่อต้านเหล่าบรรดาขุนนาง นำโดยหลี่จื้อเฉิงผู้นำชาวนาเข้าบุกยึดเมืองซีอานได้เป็นผลสำเร็จ และตั้งตนเป็นใหญ่ปราบดาภิเษกเป็นฮ่องเต้ราชวงศ์ซุ่น
เริ่มต้นราชวงศ์หมิงด้วยชาวนาที่ยากจนคนหนึ่ง แล้วจะมาสิ้นสุดลงด้วยชาวนาที่ยากจนอีกคนหนึ่งที่อดทนไม่ได้เช่นกัน เช่นนั้นรึ
เมื่อได้เมืองซีอาน ต่อจากนั้นกองกำลังของซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้ได้นำกองกำลังทหารเข้ายึดกรุงปักกิ่งเมืองหลวง จะทำได้หรือไม่
            ที่จริงคงไม่ใช่เรื่องง่ายนักที่ซุ่นหลี่จื้อเฉิงฮ่องเต้จะยึดกรุงปักกิ่ง แต่ทั้งนี้เป็นเพราะบรรดาขันทีที่หมดอำนาจหันเหไปเข้าพวกด้วย แค้นนัก เมื่อพวกตนหมดอำนาจ จึงหวังพึ่งอำนาจใหม่
การแอบเปิดประตูเมืองให้ บางทีน่าจะเรียกพวกนี้ว่าพวกขายชาติ ไม่ใช่ชังชาตินะ
ตอนได้ดีมีสุขก็ทำบ้านเมืองปั่นป่วน พอหมดอำนาจ อยากได้อำนาจนั้นกลับคืนมา ไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดก็ตามที บ้านเมืองจะเป็นไร ช่างมัน ขอให้พวกตนได้เสพสุขอีกครั้ง
ส่วนบรรดาขุนนางและกองกำลังทหารต่างหนีเอาตัวรอดไม่คิดต่อสู้เพื่อปกป้องบ้านเมือง
 
 



Create Date : 18 สิงหาคม 2563
Last Update : 18 สิงหาคม 2563 16:29:02 น.
Counter : 822 Pageviews.

0 comment
1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  

สมาชิกหมายเลข 4665919
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed

 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



ดร.พรรณี เกษกมล นักเขียน ข้าราชการบำนาญ ครูซี 9 แนะแนว
New Comments